The Bow หนังของคิม คี ดุ๊ก ในปี 2005 มีคุณสมบัติที่ว่าครบถ้วน จึงไม่น่าแปลกที่หนังเกาหลีเรื่องนี้ไม่ได้การต้อนรับทั้งจากนักดูหนังบ้านเกิดและในต่างประเทศ The Bow เข้าฉายในโรงเพียงไม่กี่สัปดาห์แล้วก็ถูกถอดออกจากโรงไป แม้บนเวทีประกวดหนังนานาชาติต่างก็พร้อมใจกันทอดทิ้ง The Bow ไปอย่างไม่เห็นคุณค่า ทั้งๆที่คิม คี ดุ๊กเคยได้รับการกล่าวขวัญถึงในแง่ที่สามารถสร้างหนังได้ดิบเถื่อนเหมือนหนังเกรดบี แต่ลุ่มลึกดังบทกวี
The Bow ลดดีกรีความดิบเถื่อนที่ว่าลงไปมากเมื่อเทียบกับงานในยุคแรกๆ อาจเป็นเพราะวุฒิภาวะและความเจนโลกทำให้งานของเขาในระยะหลังดูนุ่มนวลมากขึ้น หากอาการเรียบนิ่งนั้นคือการครุ่นคิดที่ลึกซึ้งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหนังเรื่องก่อนๆเลย ความจริง The Bow สะท้อนถึงการดำดิ่งเพื่อพิเคราะห์ชีวิตได้อย่างถึงแก่นแท้ของผู้สร้างหนังด้วยซ้ำ
เรื่องโรงหนัง ผมชอบโรงนี้เหมือนคุณว่าไว้เลยคือมันเป็นโรงหนังจริง ๆ ไม่ใช่ห้างที่มีโรงหนัง เราเดินออกมาแล้วมันยังมีบรรยากาศของโรงหนังให้ได้ครุ่นคิดถึงหนังที่พึ่งดูไป
ไม่เหมือนโรงหนังในห้าง เดินออกมาก็คือห้าง ไร้อารมณ์มาก