พึงเพียรร้อยสร้อยคำวางค้ำจิต
Group Blog
เพชรพระอุมาและหนังสือ
มุมร้อย..อักษรา
ท่องเที่ยว
ผกาขจร
จิปาถะ
เพลงไทยเดิมบรรเลง
<<
สิงหาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
1 สิงหาคม 2554
๏.. ลำนำ รัศมีดาว ..๏
All Blogs
๏..จันทรคาธ..๏ ( กลอนห่อฯ ฉบับรกสัมผัส)
๏ .. แด่องค์ ภควันต์ ..๏
๏.. ภวตัณหา ..๏ โคลงห่อ
๏.. เงา(แอบ)แฝง..๏ กลอนห่อฯ
๏..เถรส่องบาตร ..๏ (กลอนห่อโคลงฯ)
๏..ยามจาก..๏ (กล: กินนรเก็บบัว)
๏ ..โหม....อารมณ์ ..๏ ( กล : ช้างประสานงา)
๏.. ฟืน...ที่รอ(ใคร) พราก..๏ (กล: นาคพันธ์ ชื่อสนธิอลงกฎ)
๏..หลงฤดู..๏ ( กล : ราชสีห์เทียมรถ )
๏.. ณ ขอบชายเขา .. ๏ (กลอนห่อโคลงฯ)
๏ มนตรา ..เอื้องแซะ ๏
๏.. ชั่ว ดี-ถี่-ห่าง ..๏ (ฉบับโคลงห่อกลอน)
๏...แว่วเสียงสาป...๏
ส่งความสุข แด่ มวลมิตร ๒๕๕๖
๏..มัจฉา หลงน้ำ..๏
๏ บางครั้ง..บางค่าในคำคน???? ๏ ( กล;งูกลืนหางห่อโคลงฯ)
๐ รำลึกครูกลอน ๐
๏ .. วนเวียน ชีวิต ..๏
๏ ... มหาสยามยุทธ์ ๒ ..๏
๏ บุษปะปราโมช ฉ่องพนา (อินทนิล) ๏
๏ ย่างสู่.... มหาสยามยุทธ์ ๏
๐ ...ถวิลพงไพร ..๐
๏ ในค่ำคืน...คิมโหตุ๏
๏ มนตราคีตกะปักษาสวรรค์ ๏ ( กลอนห่อโคลง)
๏ ความมิเคยขาด...๏ ( กลอนห่อฯ แลหุ้มด้วย กลฯ ยัติภังค์)
๐ สื่อ..ด้วยมือ โบก ๐ด้วย เจ็ดสร้อยร้อยซ้อน
๏..โอ้โฉมสะคราญเอย ๏
๏ ถ้อยเสน่ห์ ๏
สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
๐ ลำนำ รังวัดที่เสียไป ๐
๏.. ลำนำ สายน้ำ ในโมเดล ??? ๏
๏ ลำนำ...สติสัมปชัญญะ...๏
๏..ลำนำ นัยนิมิต? ..๏
๏ ... ลำนำ ..ค่าสิ้นแล้วฤา.. ๏
๐..ลำนำ..มาลัยแด่แม่..๐
๏.. ลำนำ รัศมีดาว ..๏
๏ ..ลำนำ ขมหวาน เมื่อวันวาน .. ๏
๏ ..ลำนำ น้ำเต้าลอย...ฤาถอยจม.. ๏ (ฉบับกลอนห่อโคลง)
๏ ลำนำ...ฝากถ้อย สักนิด.. ๏
๏ .. ลำนำ..ไปแล้ว ..สวีวี่วี .. ๏ ด้วย อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑
๏.. ลำนำ อสุรีครองนาคร.. ๏ มาณวกฉันท์ ๘
๏.. ลำนำ...วิบากกรรม..๏ ด้วยโคลง(๓) สามสุภาพ
๏.. ลำนำ เพียงคอย?..๏
๏.. ลำนำ สายสวาท ..๏ ด้วยโคลงสี่ ( ๔) ตรีพิธพรรณ
๏.. คราบ..วัสสะตฤดู.. ๏ ด้วยโคลงสอง สุภาพ
๏ ...ลำนำ...มนตร์น้ำอมฤต ...๏
๏....ลำนำ เสียงเต้นต่างนัย .๏
๏ ลำนำ....ธารอารมณ์ ๏ ( ฉบับกลอนห่อ)
๏..ลำนำ กุสุมา กำสรวล..๏
๏ .. ลำนำ...แป้งร่ำ โลมเสน่ห์..๏
๏.. อาลัยรักจาก..บุตรหลาน ..๏
๏ แมงวาย..ว้าง ใช่ใจว้าง ๏
.. ลำนำ...เทียน อธิษฐาน ..
๏ สิมพลี ขจรกลิ่น๏
๏ .. กระท่อมเริงไพร.. ๏
๐ ..โฉมสอางค์ แม่เอย ..๐
๐ ..เรียวแส้..รอยโศก...
๐ เริง ในห้วงอารมณ์ ๐ ( ด้วยกลบทถอยหลังเข้าคลอง)
..รอ หล่นเพื่อลาลับ.. (ด้วยกลบทกบเต้นสามตอน)
+ ลำนำ.... กี่-เพลิง-พิษ-เฉก-ร้อย ? +
.. ลำนำ เส้นทางสู่มรณา..
.. เทิดไท้ มหาราชีนี .. ( บทอาเศียรวาท)
.. ลำนำ เนื้อใน ของเพศแม่..
.. ลำนำ ดาวประกายพรึก ..
.. ลำนำ ลำน้ำแม่กลอง ..
.. ลำนำ ใจเปิง ...
.. ลำนำ...เมืองล่ม เวียงกุมกาม ..
.. .. ลำนำ...ป่าซาง ไทยอง ผู้สัญจรจาก มหิยังคนคร
.. ลำนำ ภูกามยาวนคร ..
..วอนคืนถิ่น เถิดเจ้า..
.. เมื่อ...อำลา..
.. จริง ฤา หลอก..
.. เห่ กล่อม..
.. สาวนา อย่าลืมเคียว..
.. เซ่นรัก..ด้วย ฮาราคีรี..
.. บุหงา บอลิคำไซ ..
.. สี แต้มผกา เมืองกรุง..
.. โธ่..เอ๋ย เจ้านกขมิ้น ..
..รอยที่เปลี่ยน..
ลุ่มน้ำ..ล่องโขง..
.. จำอวด ..
.. กงล้อ กรรม ..
.. นัดพบ จามาหรือไม่ หนอ ..
~.. คำคนประณาม ..~
.. ในอ้อมอก แผ่นดินมารดร ..
~.. หล่น แล้ว ร่วง ..~
~.. เสน่ห์น้าว สาวผู้ไท ..~
~.. เงียบงัน นั้นซ่อน ? ..~
~.. มนเสน่ห์..ว่านเสน่ห์จันทร์.. ~
~.. ขับลำนำ เอื้องแซะ ..~
~.. หวงยิ่งแม่นา ..~
~.. ใจนาง ..~
~..แม่สาย..เคียงข้างนางนอน..~
~.. เนื้อนอกสดใส..เนื้อในกำสรวล..~
~..หนาวนี้ พี่ตายแน่.~
~..หนุ่มบางนา ระทม..~
~..นางรอง หรือรองใคร..~
~..คืนค่ำ..หวาดกลัว..~
~.. ณ..ราตรีหนึ่ง ..~
~.. ฟ้าคำรน ถ้อยคำราม (โคลงรกโท) ..~
~.. ชมโฉมสาวเมืองดอกบัว ..~
~.. ยังคิดถึง ..~
~.. บท อาเศียรวาท...มาตุเรศ แห่งสยาม (วันแม่ 12 สิงหาคม 2552)..~
~..คือ มาตา ..~
~..ลานสาง อันรางเลือน..~
~..ใจคน..~
~..มงกุฎไพร.....ปักษามาลาสวรรค์..~
~.. ปักษา..สวรรค์..~
~.. โอ้...ยอดดวงใจ ..~
~..หยาดน้ำตา..ตะละแม่ เมืองตองอู ..~
~..คำพ้อ..กุลาแสนสวย..~
~.. เสียงครวญ..จากกระบือ..~
~..รามสูร...รำขวาน ..~
~..กำแพงใจ..~
~ ..เปลือกนอก..~
.....ราตรีสวัสดิ์...นะ...ดวงดารามิตรแห่งข้า....
..ตะขบ...
~..ตำนาน..กุหลาบบ่มพิษรัก..~
~...เสียงเพรียก...จากจันทร์กะพ้อ ...~
~..ใต้..ไทรโศก..~
~.... แก่งคอย..ฤๅจักให้คอยใคร..~
~ คิดถึง...มาก~
~...ฤๅ...แค่ใบไม้...~
~ เกร็ดน้ำค้าง..และ เกร็ดน้ำใจ ~
~ ..พายุใจ.. ~
~ รักล่ม..ณ.ริมโขง ~
~ ลาร้าง...ใต้ร่มมะลุลี ~
~ ปาริชาต บุษปะ..มาลีสวรรค์ ~
~ ยิ้ม..ของรติมณี..~
~ รักแท้...พระสุธน ~
~ เพ็ญ...แห่ง กัต-ติ-ก-มาส ~
~ โอ้...ศีตกาล ~
งามเกินสามโลก
~ น้ำตา..แม่ศรีนวล ~
เจ็บ..จึงจำจาก
~ .. โศกนาฏกรรมแห่งรัก.พระเพื่อน - พระแพง - พระลอ ..~
..กรรม..เจ้า ระตูจรกา..
~ กามนิต ...ครวญ..~
~ วาสนา เจ้าเงาะ ~
~ เนงบา กำสรวล..~
ร่วมจรรโลง ฉันทลักษณ์
๏.. ลำนำ รัศมีดาว ..๏
๏ เกลื่อนด้าวดาริกา ระดะฟ้าไล้ด่ำดื่น
ระยิบระยับยืน . ยิ่งทอแย้มเกินบรรยาย ๚ะ
๏ เกลื่อนด้าวระดื่นฟ้า .. ดาวราย
เฉกยั่วกลั้วยิ้มฉาย . หยาดชี้-
แสงระบัดระบาย เรื่อบ่ม ไล้เนอ
แลชื่นรื่นระรี้ . ปริ่มล้ำหวำไหว ๚ะ
๏ แยงวูบเส้นวิ่งเวิ้ง วาบเห็น
ชนเก่าเล่าบอกเป็น .. ปากยั้ง
ดาวตกตริกระเด็น .. จุติ ชีพนา
ใครทักจักหยุดรั้ง- . แกว่งเร้าเกิดรอน ๚ะ
๏ ปริศนาห่อนใบ้ บทโหร ทายเฮย
เผยใช่ประจักโชน .. ชัดถ้อย
เพียงเปรียบเทียบอย่าโพน- . ทะนาสรรพ สิ่งนอ
ใคร่คิดจิตจ่างร้อย .. รับแจ้งพิจารณ์ ๚ะ
๏ กี่คืนกี่ค่ำเคล้า .. คะนึง
ถอยร่นก่นความถึง อดีดครั้ง-
ลำดับนับอื้อึง . อวดแย่ง ชี้แล
นี่นั่นพันหมื่นตั้ง .. มากแต้มแซมหาว ๚ะ
๏ อยากเติมปั้นแต่งฟ้า .. เต็มฝัน
ตรึงภาพขับข่มจันทร์ .. จ่างคล้อย
งดงามอร่ามงัน ................ อยู่นิ่ง ชมนา
แม้นบ่วงพ่วงดึงร้อย ......... อยู่ยั้งฝังแฝง ๚ะ
๏ ไขแสงแข่งขับด้วย ........ ดับแข
พึงปลั่งพลางฉายแปร .......... เปล่งซ้อน
จันทร์เสี้ยวส่องกระแส ....... ลับซอก เมฆเฮย
ฉานทอดเรื่อสะท้อน .......... ทั่วท้องผ่องสรร ๚ะ
๏ เกลื่อนด้าวระดื่นฟ้า ....... ครู่เเดียว
สางลุอุษาเหลียว ................ รุ่งเช้า
จิตคืนตื่นรู้เจียว .............. ปัจจุ- สมัยนา
จึ่งราบภาพรุกเร้า ........... หลบใต้นัยหลอน ๚ะ
+ กิ่งโศก +
ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงสายน้ำจากฟากฟ้าหลั่งชโลมผืนดินเพื่อสร้างความชุ่มฉ่ำและหล่อเลี้ยงแมกไม้ใบหญ้า จึงเป็นฤดูกาลแห่งความมีชีวิตชีวายิ่ง แต่บางครั้งพระพิรุณก็หล่นเพลิน จนทำให้เกิดอุทกภัยเดือดร้อน กันไปทุกหย่อม และฤดูถัดไปคือฤดูหนาว ถือได้ว่าเป็นช่วงเก็บเกี่ยว อารมณ์สุข สดชื่น เพราะช่วงนั้นพลังชีวิตกำลังฉายฉาน บานเบ่งไปทั่ว ภาวะความเย็นดูจะเป็นสิ่งมีชีวิตมักจะชอบกว่าความร้อน (ไม่ใช่อุ่น)
ลานผืนป่าขจรขจีด้วยบุปผาชาติ นานาพันธุ์ แมลง สัตว์ทั้งทวิบาท จตุบาทเริงร่า ภมรภู่ผีเสื้อร่อนฟ้าชมผกา แลสบไปท้องฟ้าพบแต่ความสดใส เมฆขาว ฟ้าสีคราม พอทอดต้องสนธยา แดงเรื่อเจือสีแห่งแสงตะวันที่เริ่มยอ...
ค่ำคืน เวิ้งฟ้าประดับประดาไปด้วยหมู่ดาริการะยิบ ยิ่งคืนเดือนแรมหมู่ดาวจะจำรัสยิ่งเชียวละครับ
ในห้วงเวลาดึกดื่นสำหรับผู้ที่ดื่มด่ำในภวังค์ ก็จะบรรจงวาดวิมานอันวิจิตร ให้แจ่มชัดในมโน...แลอารมณ์บรรเจิดเพริดพลิ้วให้ทำนองไปกับคีต ดีดคลอกล่อม มนตราดนตรีไพร แก่เหล่าผู้คนให้สู่นิทรารมณ์ พร้อมระเริงร่ำในห้วงฝัน
ยามค่ำคืนเช่นนี้ วัยเด็ก ของกิ่งโศก พร้อมด้วยพี่น้อง พ่อแม่ญาติๆ จะร่วมพูดคุยกันหลังอาหารเย็น เด็กน้อยที่มักจะคอยฟังผู้ใหญ่เล่า พูดคุยกัน พร้อมกับนอนหนุนตักแม่ อยู่กลางชานบ้านที่เป็นพื้นโล่งโปร่ง เวลาลมกลางคืนพัดผ่าน นำพาความเย็นชื่นแล้วยังนำพากลิ่นหอมระรื่นแห่งดอกไม้ราตรี หูฟังผู้ใหญ่พุดคุย จมูกสูดสัมผัสกลิ่นหอมมาลัย ดวงตามองเบิ่งไปบนท้องฟ้า ชวนชมดูดวงดาวกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ เอ..ดวงดาวหรือจะเป็นดาวแห่งชะตาของแต่ละคน ?....
เราๆ พี่ๆ น้องๆช่วยกันชี้ ว่าดาวอะไร ใช่ดาวไถ ไหม ใช่ดาวศุกร์ไหม ..นั่นกลุ่มดาวลุกไก่ คำถามมักจะถูกตอบจากผู้ใหญ่เสมอ พร้อมตำนานต่างๆ ที่บางทีผุกเรื่องเล่า ...คลุกเคล้าไปด้วยฤทธีแห่งผู้อยู่ฝ่ายดี และฝ่ายร้าย และสุดท้ายก็จะสรุปบน ธรรมะชนะอธรรม คนรุ่นเก่ามักเพาะบ่ม ความเชื่อศรัทธา ที่อยู่ในครรลองธรรมแก่บุตรหลานเสมอ
ครั้นเมื่อมาใช้ชีวิตแบบคนเมืองร่วมยี่สิบรอบของวงชีวิต แสงนวลแห่งดวงดาวบนท้องฟ้าในเมืองกรุงกลับถุกปิดกั้นด้วยแสงประดิษฐ์... แสงจากไฟฟ้า ที่เวลาตอนเราแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าทีไรมักจะแยงดวงตาให้พร่า ทุกที ท้องฟ้ามักจะหม่นหมองด้วยหมอกควัน หมู่ดาวมักจะถุกกลบ จึงยากนักที่จะเห็น ยกเว้น พระจันทร์ และพระอาทิตย์ ที่ยังคงสถิตย์ลอยวนให้พอได้เห็นว่าเป็นกลางวันกลางคืนอยู่เช่นเดิม
ชีวิตการทำงานในเมืองหหลวง บางครั้งต้องมีผ่อนคลายอารมณ์ บ่อยๆ ยิ่งกิ่งโศกมีเจ้านายเป็นคนต่างชาติ คือญี่ป่น (แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องราวที่เราเพ้อมาได้ไหม ฮ่าๆๆ ใกล้แล้วขอรับ) เจ้านายชอบร้องเพลงคาราโอเกะมาก ส่วนมากก็เป็นเพลงสากล ปะกิต และเพลงคุณยุ่น และทุกครั้งต้องมีเพลงเอกของคนญี่ปุ่น คือเพลง ซาบุรุ...เวลาจะไปทานอาหารช่วงเย็นกัน จะโทรสอบถามก่อนว่าที่ร้านมีเพลงนี้ไหม หากไม่มีช่วยหาให้ด้วย จากที่เคยฟังผ่านๆ มาฟังบ่อยๆ จนคุ้นหู หากใครยังไม่รู้จัก ก็ลองฟังเพลงที่นำมาร้องเป็นภาษาไทย โดย แมวเก้าชีวิต ดอน สอนระเบียบ ( น่าสงสัยว่าคุณดอนไปสอนเจ๊เบียบแต่มะไหร่ 55) เพลงที่ขึ้นต้นว่า เหม่อ มองฟ้าคืนนี้แสงดาวริบหร่สวยเด่น...ทำนองเย็นๆๆ
ซาบุรุ ก็ทำนองบทเพลงเดียวกัน ( คุณดอนเอามาร้องทีหลัง) ยิ่งเดี๋ยวนี้มีคำร้องทับศัพท์ ทั้ง อังกฤษ ทั้งไทยเลย เพลงนี้หากฟัง ในตอนกลางคืนกำลังมองดูดาวด้วยแล้ว ผมว่าเราจะเคลิ้ม ยันเช้าเลยละครับ ไม่เชื่อลองฟังดูนะครับ เดี๋ยวผมใส่เสียง พร้อมเนื้อร้อง แบบทับศัพท์ เลยครับ
subaru. (Japan song)
me o to ji te na ni mo mi e zu
ka na shi ku te me o a ke re ba
ko u ya ni mu ka u mi chi yo ri
ho ka ni mi e ru mo no wa na chi
aa.. ku da ke chi ru
sa da me no ho shi da chi yo
se me te hi so ya ka ni
ko no mi o te ra se yo
wa re wa i ku
a o ji ro ki ho ho no ma ma de
wa re wa i ku
sa ra ba [su ba ru] yo
i ki o su re ba mu ne no naka
ko ga ra shi wa na ki tsu zu ke ru
sa re do wa go mu ne wa a tsu ku
yu me o o i tsu zu ke ru na ri
aa...san za me ku
na mo na ki ho shi ta chi yo
se me te a za ya ka ni
so no mi o o wa re yo
wa re mo i ku
ko ko ro no me i zu ru ma ma ni
wa re mo i ku
sa ra ba [su ba ru] yo
aa...i tsu no hi ka
da re ka ga ko no mi chi o
aa...i tsu no hi ka
da re ka ga ko no mi chi o
wa re wa i ku
a o ji ro ki ho ho no ma ma de
wa re wa i ku
sa ra ba [su ba ru] yo
wa re wa i ku
sa ra ba [su ba ru] yo
Create Date : 01 สิงหาคม 2554
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 20:44:58 น.
5 comments
Counter : 1403 Pageviews.
Share
Tweet
ชอบค่ะชอบ
ลอยล่องในปล่องฟ้า... ..สีเทา
เมฆหมอกคล้อยเคลื่อนเงา ..แทรกซ้อน
ควันจางค่อยบรรเทา........แลชัด พี่เอย
จิตตื่นชื่นโอบป้อน...........อิ่มแท้นาบุญฯ
เสียดายจังค่ะ เข้าบล๊อกหน้าตัวเองไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว ยังไม่ได้สมัครใหม่ค่ะ
โดย: แก้วประภัสสร IP: 58.11.2.52 วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:20:49:38 น.
โดย:
papisong
วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:21:20:01 น.
อยู่คนเดียว ไม่ได้แปลว่า โดดเดี่ยว
และโสด ไม่ได้หมายถึง เหงา
แต่บางที ความเหงา ก็แวะเข้ามาเยือนจ๊ะ
*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*
..HappY BrightDaY..
โดย:
*~ต้นกล้า...ของหัวใจ~*
วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:11:25:12 น.
สวัสดีค่ะ
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากนะคะ นั่งดูดาวกัน
เพลงซาบุรุ ไม่แน่ใจว่า ใช่เพลงดาวลูกไก่หรือเปล่าค่ะ เคยได้ฟังครั้งแรกตอนเป็นเด็ก ๆ ดูการ์ตูนช่อง 9 ค่ะ
มีการตูนเกี่ยวกับการร้องเพลง(จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ)
แล้วตัวเอกก็ร้องเพลงนี้ เพราะมากเลย ทุกวันนี้ถ้าได้
ฟังก็รู้สึกว่าเพราะเหมือนเดิมค่ะ ตอนนั้นติดการ์ตูนเรื่องนี้
ถ้าไม่นับดรากอนบอลค่ะ อิอิ
โดย:
ฟ้าเวียงพิงค์
วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:9:59:35 น.
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนครับ
คุณแก้วประภัสสร
คุณpapisong
คุณต้นกล้า...
คุณฟ้าเวียงพิงค์
โดย:
Taboonkam
วันที่: 10 สิงหาคม 2554 เวลา:13:21:38 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Taboonkam
Location :
พิษณุโลก Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Taboonkam
Be Happy ja
prinjaa
กชมนวรรณ
ทากชมพู
manow_noi
บรรณภรณ์
sawkitty
mastana
พลังชีวิต
บินไปในฟ้ากว้าง
walnutsoda
พรานอักษร
ญามี่
OFFBASS
yadapim
flower4290
แก้วประภัสสร
วนารี
นักล่าน้ำตก
yamara-tee
พธู
อาลีอา
กวีน้อยเจ้าสำราญ
ploythana
วฤก
สดายุ...
like 2 hear from u
สุนันยา
คนเดียวที่ต้องการ
Ugly owl
Bua_Jantra
วลีลักษณา
สุระสิทธิ์
pranfun
go far far
พิรุณร่ำ
H. sapiens
Webmaster - BlogGang
[Add Taboonkam's blog to your web]
Links
บ้านกลอนไทย
ชุมชนเพชรพระอุมา
หนองน้ำแห้ง
พจนานุกรม
ค้นหาศัพท์
สายรถเมล์ กทม.
Google
โค้ดแต่งบล็อค ของป้ามด
โค้ดแต่งสีบล็อค ของป้ามด
รายการเพลงสด
วิธีเขียนกลอนกลบท
ชุมชนคนบ้ากลอน
PPU
หนังสือพิมพ์
คำราชาศัพท์
คำไวพจน์
Old song
บ้านหมอนหนุ่ย
สมาคมกลอนแห่งประเทศไทย
อักษรไทย
ถนนกวีพันทิพ
อาศรมชาวโคลง
พจนานุกรมพุทธศาสตร์
ร้อยกรอง
ตรวจงบการเงิน
ชมนมคนรักเพชรพระอุมา
ปัญญาไท
ฝากเพลง
ฝากเพลง w
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ชอบค่ะชอบ
ลอยล่องในปล่องฟ้า... ..สีเทา
เมฆหมอกคล้อยเคลื่อนเงา ..แทรกซ้อน
ควันจางค่อยบรรเทา........แลชัด พี่เอย
จิตตื่นชื่นโอบป้อน...........อิ่มแท้นาบุญฯ
เสียดายจังค่ะ เข้าบล๊อกหน้าตัวเองไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว ยังไม่ได้สมัครใหม่ค่ะ