พึงเพียรร้อยสร้อยคำวางค้ำจิต
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
๏ ..ลำนำ น้ำเต้าลอย...ฤาถอยจม.. ๏ (ฉบับกลอนห่อโคลง)



๏ โอ้อกดายอาดูรดุจสูรย์ดับ
แรแสงวับรุ้งวายมอดหายหว่าง
อหังการ์นรกรั้งตกราง-
สู่ขุมกางกรงเล็บตะเข็บคม ๚ะ


๏ อกดายด่าวดับโอ้ ...... อาดูร พ่อเฮย
เปลวกรากปลักกองกูณฑ์ .... ก่นไหม้
เมฆดำคล่ำมิดสูรย์.......... สิ้นสว่าง
กฤติยามนต์ไล้ .......... ลบแม้นแสนศานติ์ ๚ะ

๏ พุทธพจน์ฝากทั่วถ้วน ..... ทำนาย
บัณฑิตย์ปิดเร้นหาย ......... หดหน้า
เหลือบ-ริ้นร่านพล่านคาย .... ขึ้งกร่าง
ครองภพขบพื้นฟ้า .......... ผงาดคร้ามหยามหยัน ๚ะ

๏ คางคกขึ้นเทียบไว้ ........ เทียมวอ
ผงกหัวเยี่ยมหอ ............. กระเหี้ยน-
กระหือย่ำเย้ยยอ - ......... ยกอวด เดชาเนอ
แลเหยียบเรียบเลาะเมี้ยน .... ดับม้วนล้วนหมาย ๚ะ

๏ ผีห่าเห่าฮ้องกู่ ........... กระหึ่มกาล
สรรพครอกขยอกขาน ..... ครึกม้วน
ในอุ้งหัตถ์ซาตาน ........... ขย้ำเขย่า
โอแหลกรุ่ยผุยถ้วน ........ ถ่มทิ้งเยี่ยงสถุล ๚ะ

๏ ความสัตย์คลายเสื่อมสิ้น..... สื่อทอด
อาสัจจ์ฉาดฉายสอด ........... ฉาบท้น
อาบัติเบี่ยงธรรมบอด ........... ใบ้ทั่ว
เดียรถีย์ท่วมล้น ................. รุกล้วนถ้วนสถาน ๚ะ

๏ พุทธาเทศน์ใช่ถ้อย ........ ถากชน ใดนา
เพียงจิตผิดพิกล ............. ผ่าวกลุ้ม
ยอใจยิ่งนิ่งสนน ............ สู่มรรค ธารแฮ
ยั้งพล่านยั่นขยุ้ม ........... ยอบใต้สายธรรม ๚ะ๛


+ กิ่งโศก+





Create Date : 13 กรกฎาคม 2554
Last Update : 13 กรกฎาคม 2554 20:30:01 น. 8 comments
Counter : 2120 Pageviews.

 

..บทเทศนาแห่งองค์ตถาคต บัญญัติบอกไว้อันวัฏจักรแห่งชีวิตว่า อันมนุษย์ ย่อมเวียนว่าย ใน “การเกิด การแก่ การเจ็บการตาย” นั่นคือความจริงอันที่ไม่ต้องพิสุจน์ เพียงทุกผู้เห็นแจ้งตามนั้น ..วงล้อชีวิต

คำรบนี้ ยิน อ่าน เห็นจำเรียงเสียงสะท้อน เพลงยาวอยุธยา ลอยร่อนในทุกทั่วอณู โลกาใบนี้ โดยเฉพาะ วรรคติดลมบน....จารเป็นบทกวีว่า
“ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ......... นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย ..........น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม ”

โดยเราเราอาจ จึงแปรเปลี่ยนเป็น ..กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม มันสะท้อนถึงการพลิกกฟ้าปลิ้นดิน เข้าสู่ยุคผู้ทรงศีลจะละลาซึ่งการแผ่ธรรมกระนั้นหรือ?

นัยต่างๆ เริ่มโชนชัดขึ้น(ในความรู้สึก) ไม่ว่านัยทางสังคมที่เปลี่ยนให้ความสำคัญทางวัตถุสำคัญยิ่งกว่าชีพ คือสามารถขายชีวิตเพื่อวัตถุนิยม นัยทางเศรษฐกิจ คงไม่อาจเห็นความเอื้อาทรเห็นอกเห็นใจ กลายเป็นใครมีเล่ห์ฉลาดกลับฉกฉวยผลักดันตัวเองให้ผงาดเด่นในสังคม แม้นวิธีการนั้น จะล้ำเส้นแห่งศิลธรรม คุณธรรม ความดี และนัยยะทางการเมือง ที่ฉกฉวยประโคมคำ ที่จูงใจคน แล้วรวมกันเป็นข้างเป็นฝ่าย ประหัตหารกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ
โลกปัจจุบันคือตัวชี้วัด ความจำเริญคือ ความล้ำหน้าแห่งวิทยาการวัตถุ (วิทยาศาสตร์) นับหน้าถือตาว่าคือความมีอารยะธรรม โลกปัจจุบันใบนี้ หรือจน โลกหน้า แลโลกอนาคต ความกังวลคงมีเพียงเรื่องคุณธรรม (ไม่ใช่คุณนะทำ) ที่จะจางหายไป เน้นความสำคัญในการดำรงค์ชีพสำคัญที่สุด ส่วนมันจะผจญอุปสรรคใดๆ ในการแสวงหาความจำเริญแห่งชีวิตที่จะต้องเต็มไปด้วย ทรัพย์ศฤงคาร นานา ที่พึงหามาด้วย ทุกยุทธวิธี ( คงไม่มีวีธีถูกผิดอีกแล้ว มีวิธึเดียวคือได้มา)

ศรัทธาแห่งจิตใจ ต่อความดี ต่อความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คงมลายหายไป เทพ แล เหล่าสัมภวเสี คงไร้ซึ่ง สิ่งบวงสวง หรือบัดพลีสังเวย

ดังนัยที่กล่าวมา กิ่งโศก คาดว่า คงไม่เกิดหรอก ในช่วงชีวิตของชาวเรา พึงร่วมภาวนา ว่าอย่าได้เกิด เพราะหากค่านิยมเหล่าวัถุนิยม ที่มองถึงเครื่องวัดความมั่งคั่งแห่งบารมีแล้ว ความนิยมแห่งธรรมคงเลือนหายไปเพราะไม่สามารถเสพได้หรือประชันถึงความเป็นผู้เรืองแห่งอำนาจได้.....ขอเถิดอย่าบังเกิดเลย สาธุ..

ลำนำ บทนี้จักนำบทเพลงสรรเสริญองค์พระศาสดา และไตรรัตน์ เพลง องค์ใดพระสัมพุทธ ที่ขับร้อง ถ่ายทอดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ คล้ายดั่งดิ่งไปในธรรมจิตปานนั้น โดยบทที่ถือเป็นสัจธรรมคือ บทนี้
“สัตว์โลก ที่โศรกตรม ดับระทม ด้วยพระธรรม” นั่นถุกประจุ ตราให้เห็น ว่า สรรพสิ่งใดๆในโลกที่วุ่นวาย พิโยคหาอาลัย นั้น เพียงหันหารสพระธรรม ก็บรรลุดับความทุกข์นั้นได้เพียงบัดดล สดับเถิด


ขับร้องโดยคุณสุเทพ วงค์กำแหง
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

องค์ใดพระสัมพุทธ ธ วิสุทธิ์ ผุดผ่องใส
ตัดมูลกิเลสไกล หลีกละในสิ่งเริงรมย์
ธรรมใด ท่านตรัสแล้ว เหมือนดวงแก้ว น่าชื่นชม
สัตว์โลก ที่โศรกตรม ดับระทม ด้วยพระธรรม

ธรรมนั้น พวกท่านทั้งหลาย จงเปล่งวาจา ว่า สาธุสะ
ภาวนา ดุจสรณะ คือพระ รัตนตรัย




โดย: Taboonkam วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:05:35 น.  

 


สดชื่น สดใสค่ะ คุณกิ่งฯ
มีแต่ความสุข นะคะ


โดย: สุนันยา วันที่: 14 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:18:16 น.  

 
ความคิดเห็นส่วนตัว ประโยคที่ว่า

“ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ......... นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย ..........น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม ”

มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย นับแต่อดีตไม่ว่า จะเป็นสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี มาจนถึงปัจจุบัน ตราบใดที่คนเรายังมี ความโลภ ไม่หมดสิ้น ตราบนั้น วัฏฏะจักรนี้ก็จะหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ

ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ ต่อสู้ แย่งชิงอำนาจกัน (จากที่เราได้เรียน ได้ศึกษามาในอดีต)

แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง นี่คือ ความจริงของความเป็นโลก ความจริงของจิตที่ยังไม่ได้ถูกขัดเกลา ความจริงที่เลื่อนไหลไปตามกระแสกรรม

ถ้าหากว่า เราเชื่อว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง การกระทำมีผลเสมอไม่ว่าในแง่บวกหรือแง่ลบ การกระทำนั้นจะตามส่งผลไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง

เคยลองคิดเล่นๆ อยู่เหมือนกันค่ะว่า อดีตอันแสนไกล ก่อนที่จะมีการรวบรวมดินแดน ผนวกเป็นอาณาจักรต่างๆ ต้องใช้กี่ชีวิตแลกมา ต้องพรากกี่ครอบครัวให้ได้ตาย จิตที่รักชีวิต จิตที่มีความอาฆาตแค้น จิตที่มองไม่เห็นกฏของกรรมนั้น จึงผูกโยงกันมาชาติแล้วชาติเล่า
มาจนถึงปัจจุบัน มีกี่กลุ่ม กี่คน และผ่านมากี่ชาติ

กรรมระหว่างกลุ่มบุคคล จึงเป็นสิ่งที่เราได้แต่มอง ด้วยความเที่ยงตรง ไม่สามารถจะเข้าไปมีส่วนร่วมของกรรมนี้ได้ เพราะไม่อยากเป็นคนหนึ่งที่ถูกฉุดเข้าไปอยู่ในบ่วงกรรมนั้นได้

ทั้งหมดนี้ก็คือละครของโลก ที่ ไม่มีอะไรยั่งยืนไปตลอดกาล มิเช่นนั้นมันก็ผืนกฏไตรลักษณ์ ฝืนความเป็นจริงของโลกทีีมีความวุ่นวายไม่จบสิ้น กี่พันกี่หมื่นปีแล้วก็ไม่รู้ รบกัน สู้กัน ไม่เคยหยุด แม้รูปแบบจะแตกต่างกันออกไป

แม้เราจะวิตกกังวลมากมายเพียงใด แม้เราไม่ปรารถนาจะเห็นสิ่งที่เหมือนประโยคข้างบน แต่เราต้องไม่ลืมเรื่องกฏของกรรมค่ะ

แต่ศรัทธาของจิตนั้น ก็จะยังมีอยู่ เพราะจิตของผู้ที่ปรารถนาจะมากอปร์สัตว์นั้นก็มีมากมายจนประมาณไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีภพทั้งสาม ตราบนั้น จิตใฝ่อกุศลและจิตใฝ่กุศล ก็จะยังคงเป็นของคู่กัน ตราบใดที่ยังไม่ถึงวาระของผู้ที่ตั้งจิตปรารถนารื้อข้นสัตว์เป็นองค์สุดท้าย เพื่อให้จิตทุกจิตออกพ้นจากภพทั้งสาม

ตราบนั้นถ้าเรายังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เราก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้เจอเหตุการ์แบบนี้ไม่ยุคใดก็ยุคหนึ่งค่ะ

หรืออาจจะเจอที่หนักกว่านี้ แต่สัญญาความทรงจำของเราแค่ระลึกไม่ได้เท่านั้น

ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราค่ะ

เข้ามาชื่นชมงานเขียน เข้ามาชื่นชมสิ่งที่สื่อออกมาให้คนอ่านด้วยจิตใจงดงามปรารถนาดีค่ะ ขอให้มีความสุขตลอดไปนะคะ

ปล. ฟังเพลงประกอบของคุณกิ่งโศกไม่ได้ค่ะ


โดย: ฟ้าเวียงพิงค์ วันที่: 14 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:03:39 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณกิ่งโศก
บทนี้ไพเราะเยี่ยมยอดเลยค่ะ ตรงใจมาก เพลงก็เข้ากันดียิ่งนัก แผ่นดินจะสูงขึ้นได้ในชั่วพริบตา ถ้าทุกคนมีศีลแค่ศีลห้าก็พอแล้ว

ขอบคุณข้อความดีๆ ที่แบ่งปันนะคะ น้องรักด้วยค่ะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 15 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:09:11 น.  

 
คุณสุ ขอบคุณมากครับ มีความสุขในวันพระครับ

คุณฟ้าเวียงพิงค์ ยินดีมากเลยครับที่เข้ามาอ่านแลแสดงในแนวความคิด ผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ เห็นพร้องในข้อคิดเห็นครับ และขอบคุณยิ่ง

คุณวลีลักษณา แค่แวะมาอ่านก็ดีใจแล้วครับ ศิลห้าคนยังถือไม่ครบกันเลย อิอิ ขอบคุณมากครับ


โดย: กิ่งโศก (Taboonkam ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:17:38 น.  

 
ขอให้สุขสดใส อิ่มบุญ ในทุก ๆ วันค่ะ



… ถึงคราวชื่นตื่นรับกับพรรษา

รอบอาณาแล้งร้อนกลายผ่อนผัน

สัมผัสเยือกเย็นชุ่มปกคลุมพลัน

พร้อมสีสันสดใสในสิ่งปวง ...

.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:39:50 น.  

 
ขอให้มีความสุขสดใสเสมอค่ะ




แก้วโกสุม ...


บรรณเหล่าวรรณะอุปมา..................สรรค์สรีรา

ดำรงวงศาสืบสาย


ด้วยกระมลแผ้วผกาย.....................ยิ่งล้ำพรรณราย

จากห้วงนิมิตจิตคนึง
.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:59:13 น.  

 
ขอบคุณมากครับคุณพลอย


โดย: Taboonkam วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:47:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Taboonkam
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Taboonkam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.