๏.. ลำนำ อสุรีครองนาคร.. ๏ มาณวกฉันท์ ๘
๏ ฤาอสุรา .......... คร่าสุรเสียง ก้องดะเผดียง ......... ย่ำอฏวี มืดนภกว้าง ............ ด่างเลอะฤดี ดำลุธุลี ................. ป่นสวะบุญ ๚ะ
๏ ฝูงสฤคาล ......... พล่านแสยะผลุน ไล่นรกุล .............. เปิงแบะปริไป ขู่แขวะกระสา ......... ฆ่าปรลัย ทัณฑ์อริไล้ ........... พือคุนคร ๚ะ
๏ ทรงนรศีล ......... ปีนละสลอน งัน ณ ขนอน .......... นิ่งแสะศิลา ปล่อยมนวาง .......... บ้างเยาะยถา- กรรมบ่คณา ............ ใช่ธุระเรา ๚ะ
๏ รอยเปรอะเลอะทั่ว ....... กลั้วสติเขลา เลือดประทุเงา ................ แง้มแงะแคะครืน ชั่วทุรชน ................... กลก็บ่ขืน เข่นตละกละกลืน ............. ฆาตพรกาล ๚ะ
๏ เย้ยเทวะเจ้า ............ เนา ณ วิมาน ผู้ตริผิศานต์ .................. ครองศศิธร แลทะลุข้าม ................. ลามอดิศร ย่ำศิวะพร ................ หมิ่นสวภู ๚ะ
๏ เพลิงกุกระพือ ....... มือศตคู้ งอเจาะเลาะชู ........... ฉีกฉะระล้วง นบสุรผู้ ............. ปูชยบวง กฤษณะสรวง .......... สืบอวตาน ๚ะ
๏ ล้างอริราบ ........... ปราบมิติมาร เข็นสิริกาล ............. สู่เสนาะเนา ธรรมจะลุร้อย .......... สร้อยสิเฉลา แสงศศิเกลา ........... ท่วมหฤทัย ๚ะ๛
+ กิ่งโศก +
|
|
การย้อนสู่กาลอดีต ในห้วงความนึกคิด หากเป็นเรื่องปีติสุข ก็ย่อมทำให้ชื่นใจอยู่ไม่สร่างซา เลยทีเดียว หากแต่เป็นเรื่องที่ทุกข์ท้อ หรือเจ็บปวดย่อม ก่อให้เกิดแต่ความกำสรดอาดูร ทั้งสองอารมณ์ย่อมถูกความทรงจำบันทึกไว้ แม้ว่าบางครั้งเลอะเลือนไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าบันทึกนั้นจะหดหาย เพียงรอจังหวะ ที่จะถูกดึงให้นึกถึงตามช่วงแห่งกาลนั้นๆ
ช่วงนี้ฝนตกถี่มาก รถก็เลอะเปื้อนโคลนดินบ่อย ทำให้ต้องปล่อยปละละเลย ตามประสาติ๊ก ..ประสากิ่งโศก ผู้อนุรักษ์สิ่งที่เป็นปัจจัยแห่งกาลเวลา (เก่า)
ณ..คาบเพลานี้ ตามเส้นทางสัญจรไม่ว่าเป็นถนน ทางเดิน ในตรอก ลึกแค่ไหน ป้ายท่านผู้มีเกียรติ ติดรกเต็มไปหมด ภาพในสื่อต่างๆ ท่านผู้ทรงเกียรติเหล่านั้น ขี่เกวียน ดำนา นอนวัด สารพัดเขาทำได้หมด ไม่น่าเชื่อเลย พนมมือแต้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน ไหว้สลอนไปหมด ...ตอนนี้เราประชาชนน่าจะภูมิใจนะ มีท่านผู้มีเกียรติมายกมือไหว้ ดูข่าวท่าน อ.สุขุม นวลสกุล เล่าไว้สมัยก่อน กกต. ไม่เฮี๊ยบขนาดสมัยนี้นั้น เมื่อก่อนมีแจกรองเท้าหาเสียงด้วย แจกข้างเดียว พอได้แล้วค่อยเอามาให้อีกข้าง ..หุหุ ทำให้นึกถึงเพลงเสียดสีการเมือง...ไม่ว่าจะเป็นเพลงมนต์การเมืองของคำรณ สัมปุณณานนท์ (สมัยไม่รุอะ) หรือเพลงของน้าแอ๊ด คาราบาว ...หรือแม้แต่ นิค นิรนาม เพลงคนกินแดด ที่ร้องไว้ว่า คงจะดีถ้าหนึ่งปีเลือกผู้แทนทุกเดือน หุหุหุ ที่มองนักการเมืองนั้นดั่งพวกกินบ้านกินเมือง เป็นผู้ร้ายในคราบผู้ดี มองระบบประชาธิปไตยแบบ อสูรครองเมือง ปานนั้น
แต่มางวดนี้ (ไม่ใช่หวย) จะย้อนยุคเพลงสมัย รวมดาว ( หักมุมหน่อย) เพลงคู่ มนต์รักอสูร เพลงนี้น่าจะมาจากนิยาย มนต์รักอสูร ที่สมัยก่อนดังมาก พิศาล กับ นาตยา (น่าจะใช่) ที่แสดงไว้เป็นภาพยนต์ ลองมาฟังกันนะครับ มนต์รักอสูร ชุดรวมดาว เกร็ดของเพลงนี้ ได้นำบทประพันธ์ของโคลงโลกนิติ ท่อนแรกมาดัดแปลง
๐ รูปแร้งดูร่างร้าย..............รุงรัง
ภายนอกเพียงพึงชัง........ชั่วช้า
เสพสัตว์ที่มรณัง.............นฤโทษ
ดั่งจิตสาธุชนกล้า...........กลั่นสร้างทางผล
......................................................................................
มนต์รักอสูร
ช) รูปแร้งดูร่างร้าย รุงรัง
ภายนอกเพียงพึงชัง ชั่วช้า
เสพสัตว์ที่มรณัง นฤโทษ
สาธุชนนั้นอ้า เลิศด้วยดวงใจ
ญ) โอมเอย อย่าเป่ามาเลยมนต์รักอสูร
รักยิ่งเพิ่มพูนเทียมโขดเขินเนินไศล
รังสีอสูรบ่สดใส
ผิว์ดำผิวนอกแต่ในผ่องเนื้อนพคุณ
ช) ดวงใจผูกอยู่ภายในความรักแน่นหนา
รักเทพธิดาแผ่เมตตามาเปรียบบุญ
นางฟ้าองค์ไหนไม่นำหนุน
โอ้ความรักดังอรุณ รุ่งฟ้าแล้วมาสูญสิ้น
ญ) สายลมกระซิบมาเบาๆ
ช) พัดเอากลิ่นเนื้อเจือบางๆ
ญ) มนต์รักแว่วเลือนลางไม่จางจากให้ใจถวิล
ช) สวยเอยเทพธิดาลาวัณย์
ญ) สัมพันธ์อสูรทูนเทวินทร์
ช) มนต์รักดังเพลงพิณ ผืนดินอาบแสงทองผ่องพรรณ
พร้อม) โอมเอย เป่าผ่านไปเลยความรักสลาย
ขอรักหญิงชายรุ่งเรืองคล้ายดาวสวรรค์
ความรักอันแท้อย่าแปรผัน
เปรียบรังสีแวมแจ่มจันทร์ เช่นกันมนต์รักอสูร