พึงเพียรร้อยสร้อยคำวางค้ำจิต
Group Blog
เพชรพระอุมาและหนังสือ
มุมร้อย..อักษรา
ท่องเที่ยว
ผกาขจร
จิปาถะ
เพลงไทยเดิมบรรเลง
<<
มิถุนายน 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
16 มิถุนายน 2553
.. .. ลำนำ...ป่าซาง ไทยอง ผู้สัญจรจาก มหิยังคนคร
All Blogs
๏..จันทรคาธ..๏ ( กลอนห่อฯ ฉบับรกสัมผัส)
๏ .. แด่องค์ ภควันต์ ..๏
๏.. ภวตัณหา ..๏ โคลงห่อ
๏.. เงา(แอบ)แฝง..๏ กลอนห่อฯ
๏..เถรส่องบาตร ..๏ (กลอนห่อโคลงฯ)
๏..ยามจาก..๏ (กล: กินนรเก็บบัว)
๏ ..โหม....อารมณ์ ..๏ ( กล : ช้างประสานงา)
๏.. ฟืน...ที่รอ(ใคร) พราก..๏ (กล: นาคพันธ์ ชื่อสนธิอลงกฎ)
๏..หลงฤดู..๏ ( กล : ราชสีห์เทียมรถ )
๏.. ณ ขอบชายเขา .. ๏ (กลอนห่อโคลงฯ)
๏ มนตรา ..เอื้องแซะ ๏
๏.. ชั่ว ดี-ถี่-ห่าง ..๏ (ฉบับโคลงห่อกลอน)
๏...แว่วเสียงสาป...๏
ส่งความสุข แด่ มวลมิตร ๒๕๕๖
๏..มัจฉา หลงน้ำ..๏
๏ บางครั้ง..บางค่าในคำคน???? ๏ ( กล;งูกลืนหางห่อโคลงฯ)
๐ รำลึกครูกลอน ๐
๏ .. วนเวียน ชีวิต ..๏
๏ ... มหาสยามยุทธ์ ๒ ..๏
๏ บุษปะปราโมช ฉ่องพนา (อินทนิล) ๏
๏ ย่างสู่.... มหาสยามยุทธ์ ๏
๐ ...ถวิลพงไพร ..๐
๏ ในค่ำคืน...คิมโหตุ๏
๏ มนตราคีตกะปักษาสวรรค์ ๏ ( กลอนห่อโคลง)
๏ ความมิเคยขาด...๏ ( กลอนห่อฯ แลหุ้มด้วย กลฯ ยัติภังค์)
๐ สื่อ..ด้วยมือ โบก ๐ด้วย เจ็ดสร้อยร้อยซ้อน
๏..โอ้โฉมสะคราญเอย ๏
๏ ถ้อยเสน่ห์ ๏
สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
๐ ลำนำ รังวัดที่เสียไป ๐
๏.. ลำนำ สายน้ำ ในโมเดล ??? ๏
๏ ลำนำ...สติสัมปชัญญะ...๏
๏..ลำนำ นัยนิมิต? ..๏
๏ ... ลำนำ ..ค่าสิ้นแล้วฤา.. ๏
๐..ลำนำ..มาลัยแด่แม่..๐
๏.. ลำนำ รัศมีดาว ..๏
๏ ..ลำนำ ขมหวาน เมื่อวันวาน .. ๏
๏ ..ลำนำ น้ำเต้าลอย...ฤาถอยจม.. ๏ (ฉบับกลอนห่อโคลง)
๏ ลำนำ...ฝากถ้อย สักนิด.. ๏
๏ .. ลำนำ..ไปแล้ว ..สวีวี่วี .. ๏ ด้วย อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑
๏.. ลำนำ อสุรีครองนาคร.. ๏ มาณวกฉันท์ ๘
๏.. ลำนำ...วิบากกรรม..๏ ด้วยโคลง(๓) สามสุภาพ
๏.. ลำนำ เพียงคอย?..๏
๏.. ลำนำ สายสวาท ..๏ ด้วยโคลงสี่ ( ๔) ตรีพิธพรรณ
๏.. คราบ..วัสสะตฤดู.. ๏ ด้วยโคลงสอง สุภาพ
๏ ...ลำนำ...มนตร์น้ำอมฤต ...๏
๏....ลำนำ เสียงเต้นต่างนัย .๏
๏ ลำนำ....ธารอารมณ์ ๏ ( ฉบับกลอนห่อ)
๏..ลำนำ กุสุมา กำสรวล..๏
๏ .. ลำนำ...แป้งร่ำ โลมเสน่ห์..๏
๏.. อาลัยรักจาก..บุตรหลาน ..๏
๏ แมงวาย..ว้าง ใช่ใจว้าง ๏
.. ลำนำ...เทียน อธิษฐาน ..
๏ สิมพลี ขจรกลิ่น๏
๏ .. กระท่อมเริงไพร.. ๏
๐ ..โฉมสอางค์ แม่เอย ..๐
๐ ..เรียวแส้..รอยโศก...
๐ เริง ในห้วงอารมณ์ ๐ ( ด้วยกลบทถอยหลังเข้าคลอง)
..รอ หล่นเพื่อลาลับ.. (ด้วยกลบทกบเต้นสามตอน)
+ ลำนำ.... กี่-เพลิง-พิษ-เฉก-ร้อย ? +
.. ลำนำ เส้นทางสู่มรณา..
.. เทิดไท้ มหาราชีนี .. ( บทอาเศียรวาท)
.. ลำนำ เนื้อใน ของเพศแม่..
.. ลำนำ ดาวประกายพรึก ..
.. ลำนำ ลำน้ำแม่กลอง ..
.. ลำนำ ใจเปิง ...
.. ลำนำ...เมืองล่ม เวียงกุมกาม ..
.. .. ลำนำ...ป่าซาง ไทยอง ผู้สัญจรจาก มหิยังคนคร
.. ลำนำ ภูกามยาวนคร ..
..วอนคืนถิ่น เถิดเจ้า..
.. เมื่อ...อำลา..
.. จริง ฤา หลอก..
.. เห่ กล่อม..
.. สาวนา อย่าลืมเคียว..
.. เซ่นรัก..ด้วย ฮาราคีรี..
.. บุหงา บอลิคำไซ ..
.. สี แต้มผกา เมืองกรุง..
.. โธ่..เอ๋ย เจ้านกขมิ้น ..
..รอยที่เปลี่ยน..
ลุ่มน้ำ..ล่องโขง..
.. จำอวด ..
.. กงล้อ กรรม ..
.. นัดพบ จามาหรือไม่ หนอ ..
~.. คำคนประณาม ..~
.. ในอ้อมอก แผ่นดินมารดร ..
~.. หล่น แล้ว ร่วง ..~
~.. เสน่ห์น้าว สาวผู้ไท ..~
~.. เงียบงัน นั้นซ่อน ? ..~
~.. มนเสน่ห์..ว่านเสน่ห์จันทร์.. ~
~.. ขับลำนำ เอื้องแซะ ..~
~.. หวงยิ่งแม่นา ..~
~.. ใจนาง ..~
~..แม่สาย..เคียงข้างนางนอน..~
~.. เนื้อนอกสดใส..เนื้อในกำสรวล..~
~..หนาวนี้ พี่ตายแน่.~
~..หนุ่มบางนา ระทม..~
~..นางรอง หรือรองใคร..~
~..คืนค่ำ..หวาดกลัว..~
~.. ณ..ราตรีหนึ่ง ..~
~.. ฟ้าคำรน ถ้อยคำราม (โคลงรกโท) ..~
~.. ชมโฉมสาวเมืองดอกบัว ..~
~.. ยังคิดถึง ..~
~.. บท อาเศียรวาท...มาตุเรศ แห่งสยาม (วันแม่ 12 สิงหาคม 2552)..~
~..คือ มาตา ..~
~..ลานสาง อันรางเลือน..~
~..ใจคน..~
~..มงกุฎไพร.....ปักษามาลาสวรรค์..~
~.. ปักษา..สวรรค์..~
~.. โอ้...ยอดดวงใจ ..~
~..หยาดน้ำตา..ตะละแม่ เมืองตองอู ..~
~..คำพ้อ..กุลาแสนสวย..~
~.. เสียงครวญ..จากกระบือ..~
~..รามสูร...รำขวาน ..~
~..กำแพงใจ..~
~ ..เปลือกนอก..~
.....ราตรีสวัสดิ์...นะ...ดวงดารามิตรแห่งข้า....
..ตะขบ...
~..ตำนาน..กุหลาบบ่มพิษรัก..~
~...เสียงเพรียก...จากจันทร์กะพ้อ ...~
~..ใต้..ไทรโศก..~
~.... แก่งคอย..ฤๅจักให้คอยใคร..~
~ คิดถึง...มาก~
~...ฤๅ...แค่ใบไม้...~
~ เกร็ดน้ำค้าง..และ เกร็ดน้ำใจ ~
~ ..พายุใจ.. ~
~ รักล่ม..ณ.ริมโขง ~
~ ลาร้าง...ใต้ร่มมะลุลี ~
~ ปาริชาต บุษปะ..มาลีสวรรค์ ~
~ ยิ้ม..ของรติมณี..~
~ รักแท้...พระสุธน ~
~ เพ็ญ...แห่ง กัต-ติ-ก-มาส ~
~ โอ้...ศีตกาล ~
งามเกินสามโลก
~ น้ำตา..แม่ศรีนวล ~
เจ็บ..จึงจำจาก
~ .. โศกนาฏกรรมแห่งรัก.พระเพื่อน - พระแพง - พระลอ ..~
..กรรม..เจ้า ระตูจรกา..
~ กามนิต ...ครวญ..~
~ วาสนา เจ้าเงาะ ~
~ เนงบา กำสรวล..~
ร่วมจรรโลง ฉันทลักษณ์
.. .. ลำนำ...ป่าซาง ไทยอง ผู้สัญจรจาก มหิยังคนคร
๏ เส้นแสงระยับย้อง...........ยั่วยล สูรย์เฮย
ห่มหว่างห้วงเวหน................ห่อห้อม
สุกสะกาวสกล.......................กวมสู่ กาลนา
พร่างจิตพิศจ่างพร้อม...........จึ่งพร้อยน้ำพรม ๚ะ
๏ แสงสูรย์จับระยับย้องยั่วยล
น้ำค้างบนสนใบไศลสูง
เกร็ดมณีน้ำหนึ่งพึงจรุง
ผกายฟุ้งยั่วฟ้าอาภาโพยม
๏ หยาดเพชรก้อนเริงรู้แสงอุษา
บุหลันลาจึ่งร่ำลำนำโสม
ค่อยค่อยจ่างจืดหายละลายโลม
หรี่แสงโคมคลายขับค่อยลับลง
๏ เบื้องบุรีมหิยังคนคร
ม่อนสิงขรม่านแคว้นดินแดนหงส์
อรุณโรจน์คีรีบุษบง-
ชูอวดองค์ห่มหล้าให้ฟ้าชม
๏ ดรุณีศรีพนัสกำดัดน้อย
ประหนึ่งสร้อยซ่อนกลิ่นประทินฉม
ซ่อนซ้อนไพรพฤกษ์เถื่อนมิเปื้อนตม
พิสุทธิ์สมเทพสร้างสะอางอร
๏ ใจพี่จอดประจงค่อยปลงปลด
จิตจรดสเน่ห์สิงมิ่งสมร
สวาทแล้วใจร่ำเจียนรอนรอน
ทั่วนาครหาใครเทียบได้นาง
๏ เทวีภูเยี่ยมฟ้ารัมภาคล้าย
เทพยังพ่ายสยบคราพบร่าง
เราเพียงชนหรือทานต้านมนต์นาง
คงต้องถอดใจวางบนกลางภู ๚ะ
+ กิ่งโศก+
..................................................................................
ป่าซาง ..
ชื่อนี้ กิ่งโศก ได้ยิน บ่อยครั้ง ในบทเพลง ..ทั้งลูกทุ่ง และลูกกรุง เช่น ชรินทร์ , หยาดนภาลัย .นำมาขานขับบทเพลง แสนไพเราะจับใจยิ่งนัก แม้แต่ราชาเพลงลูกทุ่ง อย่างสุรพล ไม่เว้น ยังขับร้อง ถึงสองเพลงเกี่ยวกับเมืองป่าซาง ระบุบ่งถึง สาวงามเมือง ป่าซาง
ไฉน เมืองเหนือจึงตราตรึง ให้ผู้คนหลั่งไหลไปเยือนกันนักหนอ โดยเฉพาะ บุรุษชาติที่ ทิ้งความอาลัยอาวรณ์ ยามจรจากนักแล้ว
เสียงเพลงครวญหาสาวงาม ป่าซาง และธรรมชาติ เสน่ห์มนต์เมืองเหนือนั้นช่างเป็นดินแดนแสนงาม ที่ถูกบันทึกลงห้วงความใฝ่ฝันของนักเดินทาง เมื่อมาเยือนก็ยากที่จะลืมเลือน
ป่าซาง..ดึงใจให้คนลุ่มหลงด้วย ธรรมชาติอันงดงาม บวกด้วยขนบธรรมเนียม แห่งเมืองล้านนา ในอดีต ไม่เว้นความงามของสตรี แห่งเมืองนี้
ป่าซาง ..เป็นเมืองเก่าชุมชนเก่าแก่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ส่วนที่ตั้งของอำเภอป่าซางนั้น
ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำทากับแม่น้ำปิง ก่อนที่จะตั้งเป็นอำเภอป่าซางนั้น
บ้านป่าซางเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอปากบ่อง จังหวัดลำพูน
เมื่อครั้งสมัยพระยากาวิละจะกอบกู้เมืองเชียงใหม่ ได้ส่องซุมกำลังพลที่เวียงเวฬุคาม
ลักษณะเวียงเวฬุคามตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำกวงด้านทิศตะวันตก มีแนวกำแพงเมืองลักษณะในรูปเกือกม้าหรือรูปครึ่งวงเดือน คูน้ำที่ล้อมรอบเวียงเวฬุคามนั้นใช้น้ำไหลเข้าจากน้ำแม่ทา
โดยมีฝายกั้นที่หน้าธนาคารออมสินปัจจุบัน น้ำไหลรอบคูเมืองไปออกที่ข้างป่าช้าป่าซางปัจจุบัน
ลักษณะกำแพงเมืองเวฬุคามกว้างประมาณ 1 เมตร และมีป้อมยามรักษาการณ์ตลอดแนวกำแพงเมืองระยะห่างประมาณ 100 เมตร ปัจุบันซากกำแพงเมืองเวฬุคามยังมองซากอยู่เป็นช่วง ๆ
ยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร
แลผู้คน ที่พำนักอาศัย อยู่ มีเชื้อสาย เป็นคน ไทยอง ที่อพยพมาอยู่เมืองลำพูนมาครั้งอดีตแล้ว ซึ่งได้ ดำรงค์วัฒธรรม การทอผ้าฝ้ายอันลือชื่อ สืบมาจนทุกวันนี้
ไทยอง คือ ใครอีกเล่า?
ประวัติของชาวยอง
ยอง หรือไทยอง ชาวล้านนาจะออกเสียงเป็น "ญอง" แต่กลุ่มชาวไทยองมักออกเสียงเป็น "ยอง" ชื่อ ยอง หรือ ไทยองนี้ ใช้เรียกกลุ่มคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองยอง และกระจายอยู่ทั่วไปในแถบเมืองต่างๆ ในรัฐฉานด้านตะวันออกของพม่า เขตสิบสองพันนา ในมณฑลยูนนานของจีน เมื่อ พ.ศ.๒๓๔๘ กลุ่มชาวเมืองยองได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูนเป็นส่วนใหญ่ ด้วยสาเหตุของสงครามการรวบรวมกำลังคน ต่อมาก็ได้กระจายไปอยู่ในหัวเมืองต่าง ๆ ในล้านนา
คำว่ายองหรือ "ญอง"อันเป็นชื่อเมืองนั้น ตำนานเมืองยองอธิบายว่าเป็นชื่อหญ้าชนิดหนึ่งที่เคยขึ้นในบริเวณเมืองยอง ครั้งหนึ่งมีนายพรานมาจากอาฬวีนคร ได้จุดไฟเผาป่าทำให้หญ้ายองปลิวไปทั่ว
เมืองยองมีชื่อเป็นภาษาบาลีว่า "มหิยังคนคร"(ตำนานเมืองยอง) ตัวเมืองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเชียงตุง ห่างกันประมาณ ๘๐ กม. ห่างจากแม่สายประมาณ ๑๕๗ กม. บริเวณเมืองยองเป็นแอ่งที่ราบกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ ภูมิประเทศด้านตะวันตกสูงกว่าด้านตะวันออก แม่น้ำสายสำคัญคือน้ำลาบ น้ำวัง และน้ำยอง จึงไหลไปทางทิศตะวันออก
เมืองยองมีประตูเวียง ๗ ประตูคือประตูเสื้อเมือง ประตูน้อย ประตูดินแดง ประตูม่อนแสน ประตูปางหิ้ง ประตูหูหูด และประตูผาบ่อง บริเวณใจกลางเมืองมีต้นสรี หรือต้นโพธิมีไม้ค้ำโดยรอบซึ่งแสดงถึงความเชื่อเรื่องไม้ค้ำสรีเช่นเดียวกับคนเมืองในล้านนา
.............
ขอนำเสนอเพียงคร่าวๆ คือ เมืองลำปูน และโดยเฉพาะป่าซาง นั้นมีคนยอง อาศัยตั้งรกราก พร้อมการนำขนบธรรมเนียม วิชาชีพติดตัวมาด้วย..เช่นการทอผ้าฝ้าย
มาฟังบทเพลงที่ชมเมืองชมแม่หญิง ป่าซางกันเถิด สาวป่าซางนั้น งามแต้ๆ เน้อ ขนาดได้เป็นนางสาวไทย เลย ละครับ
นางสาวสุธีรา ศรีสมบูรณ์ สาวป่าซางที่ได้รับเลือกเป็นนางสาวไทยเมื่อปี ๒๔๙๗ เป็นหนึ่งในสาวงามป่าซาง ที่สร้างชื่อเสียงในกับป่าซาง และได้รับคำนิยามตามมาว่า สาวงามป่าซาง
เพลงมนต์รักป่าซาง
ขับร้อง โดย สุรพล สมบัติเจริญ
ครวญ คิดถึงถิ่นป่าซาง สวยเกิน คำคนเขาอ้าง
ป่าซาง แดนนี้มีมนต์ ใคร แม้นเคยไปมาสักหน
แล้วต้อง พร่ำเพ้อกังวล ถึงสาวหน้ามนโฉมเจ้าสะคราญ
.....โอษฐ์ พริ้มดังหนึ่งคันศร สรรพางค์ สะอางพลิ้วอ่อน
ดั่งนาง อัปสรลาวัลย์ ลอย โฉมมาในลำห้วยนั้น
พลิกร่าง บังผาเงิบพลัน แลเห็นทรวงนั้น อั๋นอวบขาวนวล
.....โอ ป่าซางเจ้าเอ๋ย เพิ่งเคยได้ไปครั้งเดียว
หัวใจโน้มเหนี่ยวรัญจวน เพียงได้เห็น
เสมือนเป็นบุญชักชวน ใจฉันป่วน เมื่อหวนคิดถึงป่าซาง
.....ลา แล้วเมืองแก้วในฝัน พบกันชั่วพลันแล้วจาก
ไม่ทัน ฝากรักนวลนาง คง เหลือเพียงแต่ความอ้างว้าง
เพ้อครุ่น คิดถึงนวลนาง มนต์รักป่าซาง ฝังจิตมิคลาย
.....โอ ป่าซางเจ้าเอ๋ย เพิ่งเคยได้ไปครั้งเดียว
หัวใจโน้มเหนี่ยวรัญจวน เพียงได้เห็น
เสมือนเป็นบุญชักชวน ใจฉันป่วน เมื่อหวนคิดถึงป่าซาง
.....ลา แล้วเมืองแก้วในฝัน พบกันชั่วพลันแล้วจาก
ไม่ทันฝากรักนวลนาง คง เหลือเพียงแต่ความอ้างว้าง
เพ้อครุ่น คิดถึงนวลนาง มนต์รักป่าซาง ฝังจิตมิคลาย
.ป่าเขา ลำเนาพงพฤกษ์ นั้นได้ซ่อนความวิจิตรงามตะการไว้มากมาย หากตัดแห่งภัยธรรมชาติออกแล้ว..นี่แหละ สรวงสวรรค์ อันแท้จริง
ปราสาท หรือจักเทียม เท่า เพียงกระท่อมไพร ที่ห้อมล้อมด้วย มวลบุปผา
ไอหมอก ดุจก้อนปุยฝ้าย ที่ขาวพราวสะอาด แลค่อยละลายหายไปเมื่อต้องแสง อาทิตย์อุทัย
หลอมจิต หลอมกายให้เข้ากับ กลิ่นอายธรรมชาติ กันเถิด...
Create Date : 16 มิถุนายน 2553
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 17:24:06 น.
5 comments
Counter : 4149 Pageviews.
Share
Tweet
งามคำงามภาพล้ำ......จินตนา
แสงส่องสาดต้องตา.....เลิศล้วน
เดินทางท่องไพรพนา...กลิ่นซ่อน
โยงจิตใยครบถ้วน........แต่มแต้งฤดีฯ
เต็มสิบใช่มั้ยคะตำคำ
โดย:
แก้วประภัสสร
วันที่: 16 มิถุนายน 2553 เวลา:14:55:17 น.
อึ๋ยยยย
หนูกลัว
รูปสุดท้ายมันชัดไปรึเปล่าคะ
กำลังอ่านเพลิน
ชมภาพงาม ๆ
ได้ความรู้อีกด้วย
มาถึงรูปสุดท้าย
อ๊ะ รูปหยดน้ำสวยจัง
เลื่อนลงมาอีกนิด
๐
๐
ตกใจ รีบเลื่อนเมาท์หนี
อย่าหัวเราะเยาะนะคะพี่
โดย:
ที่เห็นและเป็นมา
วันที่: 17 มิถุนายน 2553 เวลา:19:01:32 น.
สวัสดี สวีดัด มาทัดอ่าน
เล่าป่าซาง ตระการ สิเน่หา
ทั้งสาวสวยรวยรัก มนต์นำพา
หลงอุรา หนุ่มไทย ที่ป่าซาง ...
...
สวัสดีค่ะ บัวแวะมาต่อกลอนคำค่ะท่าน
โดย:
Bua_Jantra
วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:16:22:18 น.
จริงด้วย เขาว่าป่าซางสาวงาม
โดย:
Tonkra49
วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:06:09 น.
แด่น้อง....ที่เห็นและเป็นมา....อี๊ยยยหนูกลัว../..กลัวอะไรไม่กลัว...ไปกลัวแมงกำปุ้ง....ทำกะแดะเป็นนิสัยฝรั่งไปได้....โถๆๆๆ อยากเห็นหน้าจัง...นังสตอเบอรี่.เป็นคนเมืองหรือเปล่า.......คงคิดจะมีผัวฝรั่งก้า ถึงได้ดัดจริตกั๋วแมงกำปุ้ง...อยากอ๊วกแตกไส่หน้าจริงๆ...แมงกำปุ้งมันไม่มีพิษภัยใดๆๆ....ทำดัดนิสัยเดิมเป็นฝรั่งมังค่าไปได้..นี่แหละครับคนดัดจริต...อีควายลืมตัวอี่งัวลืมตีนสตอเบอรี่ตัวจริง
โดย: อ้ายคนนี้ ที่ชื่ออ้ายปั๋น IP: 117.47.219.168 วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:40:08 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Taboonkam
Location :
พิษณุโลก Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Taboonkam
Be Happy ja
prinjaa
กชมนวรรณ
ทากชมพู
manow_noi
บรรณภรณ์
sawkitty
mastana
พลังชีวิต
บินไปในฟ้ากว้าง
walnutsoda
พรานอักษร
ญามี่
OFFBASS
yadapim
flower4290
แก้วประภัสสร
วนารี
นักล่าน้ำตก
yamara-tee
พธู
อาลีอา
กวีน้อยเจ้าสำราญ
ploythana
วฤก
สดายุ...
like 2 hear from u
สุนันยา
คนเดียวที่ต้องการ
Ugly owl
Bua_Jantra
วลีลักษณา
สุระสิทธิ์
pranfun
go far far
พิรุณร่ำ
H. sapiens
Webmaster - BlogGang
[Add Taboonkam's blog to your web]
Links
บ้านกลอนไทย
ชุมชนเพชรพระอุมา
หนองน้ำแห้ง
พจนานุกรม
ค้นหาศัพท์
สายรถเมล์ กทม.
Google
โค้ดแต่งบล็อค ของป้ามด
โค้ดแต่งสีบล็อค ของป้ามด
รายการเพลงสด
วิธีเขียนกลอนกลบท
ชุมชนคนบ้ากลอน
PPU
หนังสือพิมพ์
คำราชาศัพท์
คำไวพจน์
Old song
บ้านหมอนหนุ่ย
สมาคมกลอนแห่งประเทศไทย
อักษรไทย
ถนนกวีพันทิพ
อาศรมชาวโคลง
พจนานุกรมพุทธศาสตร์
ร้อยกรอง
ตรวจงบการเงิน
ชมนมคนรักเพชรพระอุมา
ปัญญาไท
ฝากเพลง
ฝากเพลง w
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
แสงส่องสาดต้องตา.....เลิศล้วน
เดินทางท่องไพรพนา...กลิ่นซ่อน
โยงจิตใยครบถ้วน........แต่มแต้งฤดีฯ
เต็มสิบใช่มั้ยคะตำคำ