๏.. ลำนำ สายสวาท ..๏ ด้วยโคลงสี่ ( ๔) ตรีพิธพรรณ
๏ สยบจบจอดแจ้ง ....... หัวใจ ซ่อนฟากไหนใช่กาง ......... กักกั้น ยังสอดหยอดสายใย ....... โยงเชื่อม สวาทโบมสบั้น ............ บ่วงร้อยคล้อยคลอ ๚ะ
๏ จ่อชิดจิตเชื่อมชู้ ....... เฉกเคียง รักผูกเรียงเพียงรุม ....... รุกล้อม เส้นทางห่างสุดเสียง ...... กระซิบ ส่งแฮ พึงรับลำดับห้อม ........... หึ่งก้องร้องขาน ๚ะ
๏ คิดถึงพึงจิตเร้า ......... แรงจร เหนี่ยวหน่วงศรรั้งเล็ง ...... ลิบพ้น ส่งความท่วมอุทร ........... ทอรัก ท่ามนา หวังต่อก่อเริ่มต้น .......... แตกเชื้อเติมสาน ๚ะ
๏ บรรพรตจรดแกล้ง ....... สูงกัน มิอาจหันเหใจ ............. เปลี่ยนเส้น น้ำกว้างสุดเกินผัน ........ ข้ามพลิก ยากปิดมิดหมายเร้น ....... แทรกเลี้ยวเกลียวกุม ๚ะ
๏ รุ่มใดไหนเท่านี้ ......... เริงแรง เพี้ยงฤทธิ์แผลงแยงเยง ..... ระย่อย้ำ สิ่งใดใช่สำแดง ........... ด้านอยู่ โอจิตรักหักห้ำ .......... หั่นถ้วนสรรพสา ๚ะ
๏ สาธกยกทอดเหล้น ....... เรียงคำ โคลงโยกนำย้ำเคียง ......... เยี่ยงครั้น ก่อนเก่าเล่ากาลสัม-......... ปัตติ ปัญญาเฮย สืบต่อสานกระชั้น .......... มิให้หายสูญ ๚ะ๛ + กิ่งโศก +
|
|
เช้านี้ขับรถขึ้นบนทางด่วนบูรพาวิถี ตอนเช้ายึงทมึนมืดด้วยกลุ่มเมฆฤดูฝน เป็นก้อนกลุ่มลอยอยู่เบื้องหน้า จากนั้นมินาน สายฝนก็คงอั้นไม่อยู่ ก้พรูพร่างมาโครมใหญ่ แต่ก็สักประเดี๋ยวเดียวก็หายไป ทิ้งไว้รอยเปียกเป็นคราบน้ำ ที่บรรดาสารถีมักไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะจะยิ่งให้รถเลอะได้ดีนักละครับ
เพียงสิบนาทีที่ขับรถอยู่บนทางลอยฟ้า ฝนหายก็จะมองเห็นแสงสว่างจ้าอยู่เบื้องปลายฟ้าโน้น ทำให้นึกถึงแสงสว่างปลายอุโมงประมาณนั้น ..สักพักก็ผ่านพ้นกลุ่มเมฆดำ มาเจอเอาแสงแดดจ้า..โอ้..ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ..
มองไปทางขวามือ บนท้องฟ้า ปรากฏวงโค้งสีสดสวย ประดับผืนฟ้าน่าชมมากเลย กิ่งโศก ชะลอรถมองกระจกหลัง ไม่มีรถวิ่งตามมาสักคันเหมือนเป็นใจให้กิ่งโศกท่องพิมานอันงดงามเพียงลำพัง จึงค่อยหยิบมือถือ แล้วรีบถ่ายรูปไว้หนึ่งรูป อืมประกายหลากแห่งสียามเพ่งมองนั้นงามประหลาด สีของรุ้งมีกี่สียากยิ่งจักนับ บางคน 7 สี 8-9 สี แต่จักกี่สีก็งดงามแล้ว
วัยเด็กครั้งยังเล็กนั้น ฤดูฝนผ่านมาคราใด พอสิ้นสายฝนแสงแดดเริ่มสาดส่อง กลุ่มเด็กบ้านป่าเช่นกิ่งโศก จะชวนกันไปดู งูกินน้ำ งูที่มีหลายสี เป็นงูฟ้า เทวแห่งงู ที่จะทอดหรือโน้มร่างลงมายังเมืองมนุษย์ดื่มกินน้ำ ยิ่งมองผ่านทุ่งนากว้างแล้ว เหมือนงูฟ้า ก้มลงมาดื่มกินน้ำในท้องนา เรากลุ่มเด็ก จะพนมมืออธิษฐาน ขอให้เทวแห่งงู จงให้เราอยู่สุขสมบูรณ์ มีเด็กบางคนที่กล้า จะชวนกันเดินไปดู งูกินน้ำ แต่หลายคนกลัว เราเลยแต่ด้วยมองสีสดงดงามของงูน้ำ อย่างแกมพิศวง
จวบจนล่วงเติบโตสู่ความที่เดียงสา จึงพอจะรู้เหลี่ยมมุมของแสงที่หักเหที่ผ่านแผ่นแก้วใส หรือน้ำ การสะท้อนแสงอาทิตย์ที่ผ่านละอองไอน้ำ แต่ลึกๆ มันก็ทำให้ประหลาดใจอยู่ไม่คลาย ในเส้นวงโค้ง แสนสวยนั้น
หยาดรุ้ง เป็นบทเพลงที่ชรินทร์ นันทนากร บรรยายความงามแห่งอิสตรีที่คลับคล้ายความงามแห่งหยาดรุ้ง หยาดรุ้งหนึ่งหยาดหลิอรวมอีกพันหมื่นแสนหยาด ก่อความเลอลักษณ์เทียมหนึ่งนุชนารถ นั้นก็กล่อมอารมณ์ได้หรรษาเชียวครับ มาร่วมกันฟังเพลงนี้ครับ.......... หยาดรุ้ง
หยาดรุ้ง
ชรินทร์ นันทนาคร
.หยาดรุ้งงามราวดวงดาวรุ่งจิต
รุ่งความโสภิต รุ่งชีวิตชายแม้เงา
ดวงตาคมซึ้งซึ้งดังเพชรวาว
เนตรงามอคร้าว
หยาดรุ้งราวหยาดน้ำริน
..หยาดรุ้งคนดีปราณีพี่หน่อย
อย่าลอยสูงนัก พี่ปองรักยอดยุพิน
ลมครวญคำหวานเสียงธารระริน
คร่ำครวญถวิล ว่ารักยุพินเช่นกัน
..เธอหอมความดี เป็นที่คละคลุ้ง
ประหนึ่งสายรุ้งรุ่งดวงตะวัน
ยามยิ้มแย้มยวน ชวนให้ชายฝัน
สยบใจนั้นรักเหลือคณา
หยาดรุ้งงามราวดวงดาวกระจ่าง
รุ่งดังน้ำค้าง ที่ยังค้างตามพฤกษา
เธอคือความหวังฝังใจทุกครา
พี่ครวญใฝ่หา พี่รักบูชาหยาดรุ้ง
..เธอหอมความดี เป็นที่คละคลุ้ง
ประหนึ่งสายรุ้งรุ่งดวงตะวัน
ยามยิ้มแย้มยวน ชวนให้ชายฝัน
สยบใจนั้นรักเหลือคณา
หยาดรุ้งงามราวดวงดาวกระจ่าง
รุ่งดังน้ำค้าง ที่ยังค้างตามพฤกษา
เธอคือความหวังฝังใจทุกครา
พี่ครวญใฝ่หา พี่รักบูชาหยาดรุ้ง..