.. ลำนำ...เทียน อธิษฐาน ..
๏ อำไพเพรงเปล่งเพี้ยงผ่องเคียงทาบ เปลวไหววาบโชนส่ายดุจว่ายแสง คงมิหาญเทียมแขฤทธิ์จำแลง คงแอบแลลางแห่งทุกแพร่งลี้
๏ หวังแต่เผยยามพลบคำรบพร่า ผกายก่ำเรื่อทาเคหาที่ อาบไออุ่นหนุนนำห้วงค่ำนี้ ใต้แสงคลี่ทอครื้นทุกคืนคอน
๏ เทียนหรี่แสงคล้ายลาครั้นคราดึก เปลือกตาต่ำย้ำลึกบรรจถรณ์ น้ำตาเทียนหยาดเกลื่อนหล่นตระกอน แก้มคนอาบเปียกปอนสะท้อนปราง
๏ แสงที่โชนมิฉายกำจายซับ ริ้วรอยยับแยงหม่นระคนหมาง กำสรดแทรกไล้ทรวงทุกท่วงทาง มิเคยว่างคั่นเว้นเบี่ยงเบนคลาย
๏ อำไพเพรงเปล่งเพี้ยงทาบเคียงส่อง สาดลอดช่องทอเส้นเป็นลำสาย แสงหรี่มอดมืดบ่าคลุมระบาย สัมผัสเศษสุดท้ายเพียงซากเทียน ๚ะ๛ + กิ่งโศก+ เปลวปลายแห่งแสงเทียนแม้นน้อยนิด ก็พึงนับว่าเป็นแสงสว่างได้เช่นกัน จุดสว่างในกลางใจที่มืดมน ย่อมนับว่าทอความวิจิตร ในท่ามอนธกาลของดวงจิต
|
|
ย้อนรอย ..ไปสักหลายปีมากๆๆ แล้ว ตอนที่ยังเรียนหนังสือ กิ่งโศก ไม่ใช่คนขยันเรียนสักเท่าใด เพราะจะอ่านหนังสือ ก็คือ อ่านคืนนี้ แล้วไปสอบพรุ่งนี้ ด้วยข้ออ้างว่าอ่านก่อนหน้าหลายวันเดี๋ยวจำไม่ได้ หุหุ สมัยนั้น บ้านกิ่งโศก ไฟฟ้ายังไม่มี จึงต้องใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด จุดเวลาอ่านหนังสือ หรือ ใช้เทียนจุดให้แสงสว่าง อ่านหนังสือ บางครั้งสะดุ้ง เมื่อเสียง ดังฉี่ๆๆๆๆ แล้วมีกลิ่นเหม็นคลุ้ง คือง่วงจนหัวผงก โดนไฟไหม้ผม หุหุ
แลพวกเราชาวพุทธแล้ว เรามักจะคุ้นเคย กับการจุดเทียน จุดธูปไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ ตามวัดวาอาราม หรือศาสนาสถานต่างๆ อันถือเป็นจารีตประเพณี อย่างหนึ่งที่ควบคู่กันมาแต่ครั้งโบราณกาลเลย
ส่วนการจุดเทียน เสี่ยงทาย เท่าที่พอจะนึกได้ในขณะนี้ ในวรรณคดี เรื่องอิเหนา ที่บุษบา (นางเอก ) ได้ทำการเสี่ยงเทียน ต่อองค์พระในวิหารบนภูเขา เพื่อเสี่ยงทายว่า นางจะคู่กับใครระหว่าง อิเหนา กะจรกา ( ทำไมต้องไปเสี่ยงทายด้วยก็ไม่รู้กะแค่หาสามี อะนะ แค่มองก็รู้แล้ว ฮ่าๆๆๆ) แต่ที่แสบไปกว่านั้น คืออิเหนาดันรู้ทัน ตามแบบฉบับเจ้าเล่ห์ เลยแอบไปซ่อนหลังองค์พระ ปลอมเสียงพระ( ช่วงนั้นไม่มีเครื่องจับเท็จ) ตอบบุษบาว่า ต้องอิเหนา เท่านั้น อีนางเอ๊ย หุหุหุ
อีกเรื่องราวหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยกรุงศรีอยุธยา ณ อุโบสถ ของวัดป่าแก้ว หรือวัดใหญ่ชัยมงคล ( อยุธยา) ครั้งพระเฑียรราชา ทรงผนวชเพื่อลี้ราชภัย ในยุค ท้าวศรีสุดาจันทร์ และขุนวรวงศานั้น ขุนพิเรนทรเทพ กับพวกคิดล้มล้าง ท้าวศรีสุดาจันทร์ และจะอัญเชิญพระเทียรราชา เสวยราชสมบัติด้วยทรงเป็นหน่อเชื้อราชวงค์ แต่ก่อนจะทำการ ได้จุดเทียนเสี่ยงทายสองเล่ม ให้เสี่ยงทายว่าเล่มไหนไม่ดับ คือเล่มหนึ่งเป็นตัวแทน พระเฑียรราชา อีกเล่มหนึ่ง เป็นของขุนวรวงศา ปรากฏว่า เล่มของขุนวรวงศาดับก่อน (ดูในภาพยนต์จะทราบนะครับ หุหุ) นี่ก็เป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่ผูกโยงจิต วิญญาน ผูกดวงเบ้านดวงเมืองกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ในเทศกาลต่างๆ เช่น ลอยกระทง จุดเทียนอธิษฐาน ก่อนวางลงสายน้ำให้ลอยไปพร้อมแสง ประทีปที่โชติช่วง แต่บางทีมักมี มารผจญ หุหุ เคยไปลอย แม่น้ำแถววัด เพิ่งจะปล่อยจากมือไม่นาน มีมนุษย์ต่างดาว แย่งกันคว้ากระทงไปหาเหรียญที่ใส่ลงไปในกระทงแล้วก็โยนกระทงทิ้งแบบไม่ใยดี นี่น่าจะเป็นที่มากระทงหลงทาง เง้อ..
หรือพิธีไหลเรือไฟ แถบลุ่มน้ำโขง ก็มีการจุดเทียน แต่น่าจะเป็นการจุดเพื่อบูชา และผู้บูชาคงอธิษฐาน เช่นกัน
เทียน แสงเทียน จึงมีส่วนร่วมพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ ของคนไทยอยู่เนืองๆ
บทเพลงเกี่ยวกับการเสี่ยงเทียน มีทั้งเพลงบรรเลง และเพลงขับร้อง กิ่งโศก นำเสนอนักร้องคนนี้ ครับ ไพโรจน์ วงจันทร์ นักร้องหญิง ยุคคุณแม่กิ่งโศกครับ นักร้องหญิงท่านนี้ ที่มีน้ำเสียงหวานปนเศร้า กังวานที่ไม่มีใครเลียนแบบได้เลย ได้ขับร้องเพลงนี้ไว้นานมากแล้วไพเราะมากครับ( ยืนยัน) บุษบาเสี่ยงเทียน บรรยายความจากเรื่องอิเหนานั่นแหละครับ ลองฟังกันดูนะครับ
เพลง บุษบาเสี่ยงเทียน
.....................................
บันทึกเสียงโดย..... คุณวงจันทร์ ไพโรจน์
ทำนอง...... จากเพลงลาวเสี่ยงเทียนสองชั้น
เนื้อเพลง
เทียนจุดเวียนพระพุทธา
ตัวข้า บุษบาขออธิษฐาน
เทียนที่เวียนนมัสการ
บันดาลให้ หทัยสมปรารถนา
ดลจิตอิเหนา ให้เขามารักข้า
ขอองค์พระปฏิมา เมตตาช่วยคิดอุ้มชู
ขอเทียนที่เวียนวน ดลฤทัยสิงสู่
ให้องค์ระเด่นเอ็นดู อย่าได้รู้คลายคลอน
* อ้า องค์พระพุทธา
ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน
ข้าสวดมนต์ขอพระพร
วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รักอย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่
ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า
รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ ตั้งใจ