๏.. ลำนำ...วิบากกรรม..๏ ด้วยโคลง(๓) สามสุภาพ
๏ กรรมเก่าเคล้าติดกลัว ....... มัวหรัวแจ่มพิศแจ้ง ย้อนไล่วกจกแว้ง ............... ชดใช้จี้ทรวง ๚ะ
๏ มรรคบ่วงล่วงดึงรั้ง ........... ยอบ่ยั้งยุดได้ บ่ายเลี่ยงเบี่ยงก้าวไซ้ร์ ........ หลีกเร้นได้ฤา ๚ะ
๏ คือสิ่งสิงข่มเคล้า ............ จักคอยเร้าแทรกล้วง สร้างใหม่กอดทอดห้วง ........ จิตห้อมย้อมเติม ๚ะ
๏ ลบบาปหรือจักล้าง .......... ให้มล้างมอดเถ้า คงยากวิบากเกล้า .............. เกิดครั้นรอคืน ๚ะ
๏ สุขาลัยไขแล้ว ........... ส่องแพร้วจรัสรุ้ง เพียงหมั่นบานบุญฟุ้ง ....... สบฟ้าส่งฝัน ๚ะ
๏ รอยกรรมร่ำก้าวสืบ .......... รุกคืบสิไล่คว้า ใช้ทดทดทอนถ้า- ............. อกร้าวโอดหลอน ๚ะ๛ + กิ่งโศก +
Create Date : 08 มิถุนายน 2554 |
|
15 comments |
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 14:52:24 น. |
Counter : 1400 Pageviews. |
|
|
|
ภาพยามช้าตรู่ แสงระยิบทอดต้องสายน้ำในลำคลองดูงดงามประหลาด ณ.ริมคลองกลางสวนอำเภออัมพวาที่ยังคงสภาพความเป็นวิถีชาวสวน ชนแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ความติดตา และตรึงตราที่ชวนจดจำนั่น เรือพายที่กำลังค่อยๆ พายมาตามชายคลอง ความชราแห่งสรีระของภิกษุ พระสงฆ์ผู้ภิกขาจารด้วยทางน้ำ รับบิณฑบาตร โปรดสัตว์ ..
หากเป็นคนในพิ้นที่ หรือคนริมคลอง ริมแม่น้ำคงเห็นเป็นเพียงภาพปกติ ..แต่คนไกลทะเล ไกลแม่น้ำเช่นกิ่งโศก นั้นแลใองด้วยความปีติสุขยิ่ง
พระสงฆ์ชราพายเรือด้วยความสม่ำเสมอนั้น ดูขัดแย้งกับสังขาร ใบหน้าแม้นดูเพาะบ่มไปด้วยเส้นทางชีวิตที่มากมาย แต่ดวงตากลับเปล่งทอกระจ่าง ดุจมีพละกำลัง เช่นคนวัยหนุ่มอยู่เสมอ ท่านเสวานาด้วยรอยยิ้ม พร้อมให้ศิล ให้พร ด้วยภาษาบาลี และพร้อมคำแปลยาวๆ เราชาวพุทธบริษัท ซึมซับด้วยความสุขเป็นอย่างยิ่ง คล้ายแลเห็นกงเกวียนที่หมุนเป็นวงล้องชีวิต ที่ต่างหมุนไปตามเส้นทาง ที่กำหนด และไม่กำหนด เส้นทางที่กำหนดนั้นคือรอยกรรมเดิม ที่ผู้คนต้องชดใช้ให้เสร็จสิ้นในภพนี้ ส่วนเส้นทางที่ไม่ได้กำหนด นั้นคือกรรมใหม่ที่บังเกิดขึ้น จะเป็นกรรมดี กรรมไม่ดี ขึ้นอยู่สิ่งที่เรากระทำ ที่รอการชดใช้แลสนองตอบ
ลำนำครานี้ไม่ได้ชักชวนให้เข้าสู่ในห้วงแห่งธรรมใดๆ เพียงแค่บอกเล่าเสี้ยวหนึ่งกับที่ได้พบได้ไปกระทำมา อัมพวา ลุ่มน้ำแม่กลองที่ไหลผ่านจากฝั่งตะวันตก ทิวเขาที่เมืองกาญจน์ ผ่านราชบุรี จนถึงสมุทรสงคราม ..
สถาพบ้านช่องแม้นจะแปรเปลี่ยนไปบ้างตามความเป็นอารยะ แต่ก็ยังพยายามรักษาความเป็นไทยไว้ พอควร ตลาดน้ำผู้คนพลุ่งพล่าน แต่ตามสองฝั่งก้เต็มไปด้วยขจีของต้นไม้ ทั้งไม้ผล ไม้ดอก ของชาวสวน สร้างความร่มรื่น ความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่พื้นที่ ทำนองเพลงมนต์รักแม่กลอง ก็แผ่วพลิ้ว สู่จินตนาการกิ่งโศกอยู่ทุกท่วงขณะ..แต่ณ..คาบนี้อยากนำเสนอ แนวที่คนลูกกรุงร้องดูบ้างครับ เกี่ยวกับลำน้ำแม่กลอง..วันนี้นำเสนอคุณ สุเทพ วงค์กำแหง ขับร้อง แม่กลอง เถิดเชิญ ทุกท่านล้อมวง เข้ามาครับ..
แม่กลอง
คำร้อง :ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง : สมาน กาญจนผลิน
ขับร้อง : คุณสุเทพ วงศ์กำแหง
------------------------------------
สายชลแม่กลองเหมือนดังละอองน้ำตก
ใสดังกระจก เปรียบดังจิตใจเจ้าของ
พี่ลอยรักให้ฝากไปในสายแม่กลอง
ขอเชิญให้น้อง ครองความรักไว้เถิดหนา
สายชลเชี่ยวนักแพ้ใจรักจริงของพี่
รักลอยมานี่ ดั่งใจพี่ครวญใฝ่หา
นางนวลขาวผ่องไม่ผ่องเกินนวลแก้วตา
เนื้อนวลนวลกว่านวลนกนวลปลาไหนๆ
กลางกระแสแลล้วนโป๊ะล้อม
เขาลงอวนอ้อมล้อมสกัดมัจฉาเอาไว้
แม้พี่เป็นปลาไม่ปรารถนาเข้าอวนของใคร
พี่จะขออยู่แต่ใน อวนใจน้องเจ้าเท่านั้น
**สายชลแม่กลองน้ำนองสองฟากล้นฝั่ง
น้ำใจจงหลั่ง พอได้ประทังชีพฉัน
สายน้ำมิอาจตัดขาดออกไปจากกัน
สายใยสัมพันธ์ ขาดกันไม่ได้หรอกเอย..