|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ครั้งหนึ่งในชีวิตในห้อง ICU
|
|
|
|
ชีวิตคนเรานี่มันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ เลย มีขึ้นมีลง มีสุข มีทุกข์ ผสมปนแปกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับกับมันได้มากน้อยแค่ไหน ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าใจแบกรับภาระไม่ไหวก็คงต้องส่งผลกับร่างกายอย่างแน่นอน
วันนี้นับว่าฉันโชคดีมากที่มีโอกาสกลับมานั่งเขียนบล๊อกอีกครั้ง หลังจากรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด และหลังจากที่ห่างหายบล๊อกไปนาน เพราะการงานที่ยุ่งจนไม่มีเวลา ประสบการณ์ครั้งนี้คงต้องบันทึกไว้ ว่าคนเราต้องไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ในชีวิตคนเราสามารถจะทำงานอะไรได้อย่างมากมาย แต่เรามีเพีียงหนึ่งชีวิตที่จะใช้มันอย่างคุ้มค่า
ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องเข้าห้อง ICU เห็นหน้าห้องเขียนว่า Intensive Care Unit ก็ตกใจ ถามคุณพยาบาลว่าต้องเข้าห้อง ICU เลยหรือคะ คุณพยาบาลก็ไม่ได้พูดอะไร
อาการที่ต้องเข้าโรงพยาบาลคือ เหนื่อยมากจนไม่มีแรง แม้แต่จะยืนแปรงฟันยังยืนไม่ไหวเลย เดินไปได้นิดหน่อยก็ต้องทรุดตัวลงนอนกับพื้น หัวใจเต้นเร็วและแรง เหมือนไปวิ่งแข่งมาเลย พยาบาลตั้งหลายคนวัดชีพจรไม่ได้ มันแผ่วมาก แต่หัวใจเต้นประมาณ 167 คนปกติหัวใจเต้นประมาณ 100 ได้ยินคุณหมอพูดว่ากลัว Heart Fail และบอกญาติว่า 50/50 ถึงห้อง ICU ก็ใส่เครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากาก คุณหมออยากให้ใส่แบบท่อช่วยหายใจ จะดีกว่าแต่เจ็บกว่าและจะพูดไม่ได้ ด้วยความที่กลัวเจ็บฉันก็เลยขอใส่แบบหน้ากากก่อนหนึ่งคืน แต่ในที่สุดฉันก็ทนเหนื่อยไม่ไหวขอใส่ท่อตอนตีห้า สรุปคือฉันรู้ตัวตลอดทั้งคืน นอนไม่หลับ หายใจหอบตลอดเวลา
ผลเอ็กซ์เรย์ปอดออกมาว่าปอดติดเชื้อ น้ำท่วมปอด ปอดบวม บวกกับโรคประจำตัวเจ้าเก่าคือ SLE ที่อยู่กันมานาน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม สภาพปอดแย่มาก มีผื่นแดงเหมือนแพ้ยาอีก ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้ รู้แต่ว่าตอนอยู่ในห้อง ICU มันทรมานมาก กินอาหารทางสายยาง คอแห้งผากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย ต้องดูดเสมหะวันละ 5-6 ครั้ง ทรมานสุดๆ จนน้ำตาไหลทุกครั้ง นอนไม่หลับ จนคุณหมอต้องให้ยานอนหลับ ท้องอืดไม่ถ่ายจนต้องกินยาระบาย
ฉันเข้าห้อง ICU 7 คืน วันที่ 7 - 14 เม.ย. ออกจากโรงพยาบาลวันที่ 20 เม.ย. 2556 กำลังใจสำคัญที่ทำให้รอดชีวิตมาได้คือลูกชาย, คุณแม่, คุณพ่อ, สามี, คุณแม่สามี,ญาติๆ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนสวดมนต์ขอพรให้เรามีชีวิตอยู่ รู้สึกซาบซึ้งใจและประทับใจมาก ตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว แต่ก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ขายังไม่ค่อยมีแรง เป็นตะคริวอยู่บ่อยๆ ยังเหนื่อยง่าย ผื่นแดงคันก็ยังไม่หาย ไม่รู้ว่าแพ้ยาตัวไหนอีก ตอนกลางคืนก็จะนอนไม่ค่อยหลับ ต้องพึ่งยานอนหลับ ซึ่งปกติจะเป็นคนที่หลับง่ายมาก หัวถึงหมอนก็หลับ แต่ฉันก็จะไม่ท้อเพราะว่าช่วงเวลาีที่ทรมานกว่านี้ฉันก็ผ่านมันมาได้แล้ว
ฉันพร้อมที่จะสู้ต่อไป และก้าวอย่างมั่นคง ที่สำคัญคือ ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า ร่างกายเราไม่เหมือนคนอื่น อย่าหักโหม ถ้าไม่มีเราบริษัทเขาก็หาคนมาทำงานแทนเราได้ แต่ลูกและครอบครัวของเราสิสำคัญที่สุด เราต้องดูแลรักษาตัวของเราเองให้ดี เพื่อคนที่รักเราและคนที่เรารัก
จากวิกฤติครั้งนี้ต้องขอขอบคุณสามีสุดที่รักที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไร จนบางครั้งดูเหมือนจะห่างเหิน แต่ครั้งนี้สามีดูแลเราดีมาก มากจนแม้ว่าจะไม่พูดอะไร แต่เราก็รับรู้ได้ด้วยใจและการกระทำ ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลและเป็นกำลังใจให้กันเป็นอย่างดี
แม้ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี โชคดีที่บริษัทที่ฉันทำงานอยู่มีสวัสดิการเรื่องการรักษาพยาบาลที่ดีมากจนรักษาฟรี ถ้าให้จ่ายเองคงจะไม่มีปัญญา จะมีจ่ายส่วนเกินที่ประกันไม่คุ้มครองบ้างถ้าเทียบกับค่ารักษาแล้วก็น้อยนิด ต้องขอขอบคุณเจ้าของบริษัทด้วยค่ะที่มีสวัสดิการดีๆ อย่างนี้ให้พนักงานค่ะ
|
|
|
|
|
Create Date : 23 เมษายน 2556 |
|
20 comments |
Last Update : 23 เมษายน 2556 17:52:26 น. |
Counter : 4090 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 23 เมษายน 2556 19:55:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 18 พฤษภาคม 2556 21:11:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 19 พฤษภาคม 2556 6:29:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: d__d (มัชชาร ) 12 กรกฎาคม 2556 15:18:12 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วดีใจกับพี่ด้วยนะครับ
ที่ผ่านพ้นความเจ็บปวทางกายมาได้
ขอให้พี่มีสุขภาพแข็งแรงนะครับ