Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

ก่อนจะชม War Horse ฉบับหนัง ขอเล่าประสบการณ์ดู War Horse ฉบับละครนะครับ

War Horse ละครพูดที่โด่งดังของประเทศอังกฤษ ละครสร้างมาจากหนังสือนิยายชื่อเดียวกัน แต่งโดย Michael Morpurgo

War Horse เป็นวรรณกรรมสำหรับเยาวชน สร้างโดยคณะละคร The National Theatre คณะละครรูปแบบที่ไม่ได้ค้ากำไร เพราะได้รับงบส่วนหนึ่งจากองค์กรรัฐในด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

การสร้างละครเรื่องนี้เกิดจากความคิดของผู้สร้าง ผู้กำกับที่ต้องการจะทดลองการแสดงละครหุ่นแบบใหม่ๆบนเวที
ประจวบกับ เมื่อผู้สร้างได้อ่านนิยายเรื่อง War horse ของ Michael Morpurgo โครงการละครเรื่องนี้จึงได้เกิดขึ้น

(รูปบน: poster ละครที่เปิดแสดงในลอนดอนและนิวยอร์ค)

ละครเล่าเรื่องของ Albert เด็กหนุ่มที่อาศัยในชนบทอังกฤษผูกพันธ์ เติบโตมากับลูกม้า Joey เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้น เด็กหนุ่มและม้าถูกแยกจากกัน
ม้างามอย่างโจอี้ ถูกกองทัพซื้อไปใช้เป็นม้าสงคราม นายพลที่เห็นม้าตัวนี้และเด็กมานาน สัญญาว่าจะดูแลม้าตัวนี้ให้ปลอดภัยกลับมาเมื่อสงครามสงบ
แต่นายพลเกิดตายในสนามรบขณะที่ขี่ Joey ในสมรภูมิ ม้าJoeyถูกฝ่ายตรงข้ามยึดไป

เมื่อเด็กหนุ่มทราบข่าว เขาหนีออกจากบ้าน เดินทางสู่สนามรบที่ฝรั่งเศส เพื่อตามหาม้าที่เขารัก ตัวละคร คนและม้า หาคนดูไปพจญภัยไปบนเวที
เรียบๆใช้อุปกรณ์ประกอบฉากไม่มาก แต่สามารถคนดูไปอยู่กลางสนามรบ
พร้อมกับตัวละครได้ตลอดสองชั่วโมงกว่า

บทละครเล่าเรื่องไปตามลำดับเวลา ไม่หวือหวาในสไตล์เล่าเรื่องแต่ต่อยคนดูหลายหมัด แต่ละหมัดหนักโดนคนดูทุกครั้ง
เรื่องราวของสงคราม จะเล่าในแง่มุมไหนย่อมเกิดความสะเทือนใจ ต่อชะตากรรมของมวลมนุษยชาติเสมอ

แต่ในแง่ที่มีสัตว์ อย่างเช่นม้าที่ใช้รบในสงคราม และยิ่งมีความผูกพันธ์ระหว่างม้ากับเจ้าของอีกเปราะนึง
ความสะเทือนใจ มีมากกว่าการเล่าเรื่องสงครามผ่านสายตาของคนเสียอีก
ภาพความเลวร้ายของสงครามในละครหลายๆฉาก ทำได้ดีมากทั้งการแสดง การสร้างฉาก

จากข้อเท็จจริงที่ว่า ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มีม้าสงครามตายในสมรภูมิเฉพาะอังกฤษฝ่ายเดียวมากกว่า ล้านตัว ที่เห็นบนเวทีเป็นเพียงภาพส่วนนึงเท่านั้น แน่นอนว่าแค่ส่วนนึงที่เกิดบนเวทีละครตรงนั้นสร้างความสะเทือนใจได้ขนาดนี้ แล้วเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมรภูมิคราวนั้น มันเลวร้ายกว่าที่เห็นมากมาย


ม้าJoey และม้าตัวอื่นๆ ที่เป็นตัวละครบนเวทีละครใช้หุ่นเชิดแบบต่างๆแสดง
ด้วยเทคนิคเชิดหุ่นที่สวยงาม ดีไซน์เทคนิคการเชิดได้สวยงาม ที่สำคัญ
หลายๆฉากต้องแสดงอารมณ์ระหว่างหุ่นม้ากับตัวละครคน
หรือ ตัวละครม้ากับม้าด้วยกัน
หนุ่แสดงทำได้อย่างมหัศจรรย์และเปี่ยมไปด้วยอารณ์ความรู้สึก ราวม้าที่มีชีวิตจริง


คนสร้างหุ่นและผู้เชิดหุ่น เลียนแบบความเคลื่นไหวท่าทางที่เป็นการแสดงออกของม้าในสถานการณ์ต่างๆ อย่างละเอียดยิบย่อย
แม้แต่ซี่โครงที่กระเพื่อมเมื่อม้าหายใจ การกระดิกหาง ขยับหัว เอียงคอ ทุกการเคลื่อนตัวของหุ่น เหมือนม้าจริงแสดงบนเวที
รวมทั้งการออกแบบดีไซน์ตัวหุ่นม้าทุกตัว ทั้งม้าตัวเอก ตัวม้าประกอบ ดีไซน์ ออกแบบที่คนเชิดอยู่ข้างใน บรรจงสร้างสรรค์ได้สวยงามมากดูน่าเชื่อถือ เกิดความลงตัว มีเอกภาพ สมบรูณ์มากกว่า หุ่นใน The Lion King เวอร์ชั่นละครเพลง อยู่หลายขุม


บทละครที่เข้มข้นประกอบกับ เทคนิคบนเวทีที่ใช้หุ่นม้าเชิดแบบต่างๆ ตั้งแต่ลูกม้าJoeyไปจนม้าหนุ่ม Joey และ ม้าตัวอื่นเป็นฝูงแล้ว
นักแสดงในบทต่างๆ ต่างทำหน้าที่แสดงได้เต็มฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มเจ้าของม้า ที่ต้องรับส่งกับหุ่นม้าแสดงได้ดี ดูแล้วเชื่อว่าแสดงกับม้าจริงๆ

(นักแสดงเล่นรับส่งกับหุ่นได้ยอดเยี่ยม ยามเจ้าของต้องพรากจากม้าเป็นที่รัก น้ำตาท่วมโรง เป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ที่คนกับหุ่นบรรจงสร้างขึ้นบนฐานของศิลปการแสดง)

ผมประทับใจหลายฉาก ไล่ไปตั้งแต่ เด็กหนุ่มเริ่มฝึกม้า เลี้ยงลูกม้า เล่นกับลูกม้า การโชว์หุ่นจากลูกม้าโตขึ้นเป็นม้าหนุ่ม ฉากนี้เก๋มากๆ
การพลัดพรากจากกัน คนเล่นเล่นแล้วจริงมากมาย ส่วนนักแสดงสมบทอื่นๆ ทำหน้าที่เต็มฝีมือ
ที่สำคัญนักแสดงทุกคนไม่ติดไมค์ครับ เสียงสดๆเสียงนักแสดงชัดแจ๋ว

ละครเรื่องนี้ ทำให้ผู้ชมน้ำตาไหล ตั้งแต่ระดับเล็ดรื้นๆ ไปจนถึงไหลพรากๆๆ มีเป็นระยะๆตลอดการแสดงทั้งสององก์
นอกจากละครยังต่อต้านสงครามแล้ว เรื่องรักสัตว์ รักม้านี่ชัดเจนมาก
ม้าเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันธ์กับคน พอพอกับสุนัขทีเดียว
นอกจากนี้ ละครยังสอดแทกกเรื่องความรักชาติแบบเนียนๆ โดยไม่ต้องกรอกหูยัดปาวๆ

รอบที่ดูเด็กนักเรียนประถม มัธยมมากันค่อนโรง ดีใจที่เห็นประเทศเขามีเครื่องมือการสอนวิชาประวัติศาสตร์ สอนประเด็นความรักชาติ
และปลูกฝังให้เด็กๆเห็นความเลวร้ายของสงคราม ละครเรื่องนี้เป็นสื่อการสอนที่ดีมาก

เป็นละครพูดที่ดีมากเรื่องนึงที่เปิดแสดงอยู่ที่ลอนดอนในขณะนี้ แนะนำให้ดูครับ ละครงามๆ เทคนิคหุ่นแพรวพราว ฉากเวทีสวย บทละครระดับสี่ดาว ดูแล้วอิ่ม ตัวลอยกลับบ้าน
รวมๆถ้าเทียบกับ The Lion King ผมชอบความจริงใจจากละครเรื่องนี้มากกว่าครับ

(การออกแบบเวทีใช้ฉากไม่มากแต่พาคนดูสู่สมรภูมิสงครามได้เหมือนจริง น่าเชื่อจนขนลุก)

ปล.1 ละครเรื่องนี้ Queen Elizabeth II เสร็จไปดูละครเรื่องนี้เป็นการส่วนพระองค์ ครั้งแรกในรอบหลายๆปี
วงการละครที่โน่นพูดกันมากทีเดียว ปกติพระราชินีไม่ออกไปดูละครเต็มๆเรื่องที่ไหนมานานแล้ว

ที่ออกมาดูๆทุกๆปี มักเป็นการแสดงเพื่อการกุศลประจำปีรวมๆละครเพลงหลายๆเรื่อง ศิลปินนักร้องหลายๆคนมาแสดงในงานเดียวเวทีเดียวกัน

ปล.2 ปีก่อนละครเรื่องนี้ข้ามฝั่งมาเปิดแสดงที่บอร์ดเวย์
ได้รางวัลโทนี่ 5 รางวัล รวมทั้ง ละครยอดเยี่ยมประจำปี

ปล.3 Steven Spielberg ซื้อสิทธิ์ไปสร้างเป็นหนัง ได้เข้าชิงออสการ์บางสาขา รอเข้าฉายในไทยเร็ววันนี้




 

Create Date : 26 มกราคม 2555
2 comments
Last Update : 27 มกราคม 2555 11:49:05 น.
Counter : 5495 Pageviews.

 

อยากดูละครมากกว่าหนัง

 

โดย: Bkkbear 26 มกราคม 2555 20:53:27 น.  

 

หนังเรื่องนี้มันมาก ไม่ว่าจะละคร หรือหนังสือสำหรับเยาวชน ถ้าเข้าใจถึงอารมณ์ของม้าและเจ้าของแล้วถือว่าเยี่ยม และดีที่สุดแล้วทำให้ผู้ชมต่างๆชื่นชอบมาก

 

โดย: Wine IP: 58.9.26.226 10 เมษายน 2555 21:34:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kinglear
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add kinglear's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.