I will be a good investor.

 
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 สิงหาคม 2553
 

หุ้นขึ้นต้องมีข่าวประกอบเสมอ?

Stocks Seesaw After Surprise Jump in Consumer Strength- AP
31/08/2553


Create Date : 31 สิงหาคม 2553
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 22:28:51 น. 4 comments
Counter : 489 Pageviews.  
 
 
 
 
Confidence among U.S. consumers rose more than forecast in August, a sign the biggest part of the economy may avoid a slowdown that would derail the recovery.

The Conference Board’s confidence index increased to 53.5 from a five-month low of 51 in July, figures from the New York- based private research group showed today. The median forecast of economists in a Bloomberg News survey was for a 50.7 reading.

More confidence may help ease concern that consumer spending, which accounts for about 70 percent of the economy, will falter. To sustain the expansion, companies need to step up hiring and reduce unemployment, which Federal Reserve Chairman Ben S. Bernanke last week said will take time.

“Even with this month’s increase, confidence is at a stunningly low level,” said Tom Porcelli, senior economist at RBC Capital Markets Corp. in New York, who had forecast the index would rise to 53.2. “We shouldn’t expect much from the consumer at this point.”

While fewer Americans said jobs were plentiful in August than a month earlier, their outlook for employment opportunities in the coming six months was less bleak, the figures showed.

A separate report today showed home prices rose more than forecast in June from a year earlier, reflecting the influence of a government tax incentive and a sign the market was stabilizing before sales plunged in July. The S&P/Case-Shiller index of property values in 20 cities increased 4.2 percent from June 2009 after a 4.6 percent year-over-year gain in May.

Stocks Rise

Stocks reversed losses after the sentiment figures, with the Standard & Poor’s 500 Index gaining 0.3 percent to 1,051.73 at 10:19 a.m. in New York. The yield on the 10-year Treasury note declined to 2.49 percent from 2.53 percent late yesterday.

Business activity in the U.S. expanded in August at the slowest rate this year, the Institute for Supply Management- Chicago said today. The group’s business barometer fell to 56.7 this month, the lowest since November, from 62.3 in July. Figures greater than 50 signal expansion.

Estimates for consumer confidence ranged from 47.5 to 55 in the Bloomberg survey of 68 economists. The measure averaged 45 in 2009 and 97 during the expansion that ended in December 2007.

The group’s measure of present conditions decreased to 24.9, the lowest since February, from 26.4 a month earlier. The gauge of expectations for the next six months rose to 72.5 from 67.5.

Employment Outlook

The percent of respondents expecting more jobs to become available in the next six months increased to 14.6 from 14.2 the previous month. The proportion who expect their incomes to rise over the next six months held at 10.6 percent.

The share of consumers who said jobs are currently plentiful fell to 3.8 percent, the lowest this year, from 4.4 percent. Those who said jobs are hard to get increased to 45.7 percent from 45.1 percent.

“Employment concerns continue to weigh heavily on consumers’ attitudes,” Lynn Franco, director of the group’s consumer research center, said in a statement. “Overall, consumers remain apprehensive about the future.”

The world’s largest economy expanded at a slower pace in the second quarter than the government initially estimated, a Commerce Department report showed last week.

Election Issue

The economy is a top issue for voters in the November congressional elections, and polls show the public is increasingly skeptical of President Barack Obama’s performance. Public approval for his handling of the economy was at 41 percent in an Aug. 11-16 Associated Press-GfK survey, an all- time low and down from 50 percent last July.

Firms have been reluctant to hire as they are yet to see a pickup in demand. Companies created 51,000 jobs on average from May through July, down from 200,000 in the prior two months, according to Labor Department data.

The unemployment rate, which reached a 26-year high of 10.1 percent in October 2009, will exceed 9 percent next year, according to a Bloomberg survey.

“Incoming data suggest that the recovery of output and employment in the United States has slowed in recent months, to a pace somewhat lower than most” Fed policy makers projected earlier in the year, Bernanke said Aug. 27 in a speech at the Kansas City Fed’s annual monetary symposium in Jackson Hole, Wyoming. “Consumer spending may continue to grow relatively slowly in the near term.”

‘Concern of Policy’

“The prospect of high unemployment for a long period of time remains a central concern of policy,” he said. It “also poses risks to the sustainability of the recovery itself through its effects on households’ incomes and confidence.”

Saks Inc., the New York-based luxury retail chain, this month reported a loss for the second quarter ended July 31 and said it will remain “cautious” for the second half of 2010 even as it plans to make investments including new stores.

“It’s a fragile environment,” Stephen Sadove, chief executive officer, said in a Bloomberg Television interview on Aug. 18. “The consumer is still skittish. They’re very much focused on value.”
 
 

โดย: kimura551 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:22:33:48 น.  

 
 
 
ค่ามันก็ขึ้นไม่เยอะนิ แต่ดาวน์โจนก็ไม่ได้บวกและน้ำมันยังลบลงอีก ไม่แน่เสมอไปว่าจะเกี่ยวข้องกับ ตลาดเมืองไทย
 
 

โดย: coffee4you IP: 125.26.6.194 วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:9:10:21 น.  

 
 
 
เฟดกับทางเลือก ในการรับมือเงินฝืด
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2546 ปีที่ 26 ฉบับที่ 3450

ค้าเงิน (ไม่ระวัง) จะเจอคุก

คมชัดลึก วีระ ธีระภัทร์ วันที่ 20-23 มกราคม พ.ศ. 2545

ค้าเงิน (ไม่ระวัง) จะเจอคุก (1)

ถ้าหากในเวลานี้ใครมีอายุเกินสี่สิบปีขึ้นไป คงจะพอจำกันว่า เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ได้เกิดมหกรรมการลงทุนลวงโลก ที่อ้างว่านำเงินไปลงทุนในกิจการน้ำมันให้ผลตอบแทนกับผู้ลงทุนอย่างคุ้มค่าและรวดเร็วในบ้านเราขึ้น

เรื่องที่ว่าเริ่ม่ต้นที่แถวดอนเมืองในหมู่แม่บ้านและครอบครัวทหารอากาศ ก่อนจะแพร่สะพัดไปทั่วบ้านเมือง

มีคนแห่งเอาเงินไปลงทุนในธุริกจ แชร์น้ำมัน กันเป็นจำนวนมากกว่าพันล้านบาท จนทำให้เกิดความระส่ำระสายในระบบเศรษฐกิจ

กว่าที่รัฐบาลจะสืบสาวราวเรื่องว่าเงินลงทุนที่เอาไปให้ผู้บริหารจัดการกู้นั้น ไม่ได้นำไปลงทุนอะไรที่ให้ผลตอบแทนจริงๆ แต่ใช้วิธีนำเงินของผู้ลงทุนใหม่ มาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนไปก่อนเอาเกือบจะสายเกินไป

ก็เล่นเอาเกือบจะสายเกินไป

ตอนนั้นคุณเปรมเป็นนายยกรัฐมนตรี ส่วนคุณสมหมาย ฮุนตระกูลเป็นรัฐมนตรีคลัง ได้รับแรงกดดันเป็นอันมากให้ต้องดำเนินการหยุดวงจรอุบาทว์ดังกล่าว

แต่ในขณะนั้นก็มีปัญหาในทางเทคนิคซ่อนเร้นอยู่ เพราะกฎหมายทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ ไม่สามารถจัดการกับแชร์ลูกโซ่ ซึ่งรู้จัดกกันดีในชื่อ แชร์แม่ชม้อย ได้ จนในท้ายที่สุดต้องตราพระราชกำหนดขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อจัดการกับเรื่องนี้

พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 จึงเกิดขึ้น และให้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการกับการลงทุนในลักษณะที่หลอกลวงประชาชน จนเรื่องสามารถยุติลงได้ในท้ายที่สุด

แต่ประหลาดอยู่นะครับเพราะจนถึงขณะนี้ ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งคิดว่า ถ้าหากรัฐบาลไม่เข้ามายุ่มย่าม ธุรกิจก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ และผู้ลงทุนทุกคนจะได้รับผลตอบแทนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้ครบถ้วน โดยไม่ยอมเข้าใจถึงธรรมชาติและความเป็นจริงเรื่องกลลวงดังกล่าว

บทเรียนครั้งนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่งสูญเสียเงินลงทุนไปพอสมควร เพราะแม้ว่าจะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นผู้ประกอบการด้วยการยึดทรัพย์และนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้ลงทุน

ท้ายที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าเงินลงทุน 100 บาทได้รับเงินคืนเพียงแค่ห้าสลึงเท่านั้น

ในห้วงเวลานั้น ผมทำงานเป็นบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์อยู่ และต้องงมอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่บทเรียนจากคราวนั้นทำให้ผมได้ข้อสรุปโดยไม่ต้องเข้าโรงเรียนว่า

ผลตอบแทนในการลงทุนที่เกินจริงก็คือความหายนะอย่างแท้จริง

เมื่อการหลอกลวงประชาชนในวงกว้างครั้งนั้นล่มสลายไป ดูเหมือนว่า หลังจากนั้นจะมีความพยายามรื้อฟื้นรูปแบบการลงทุนในลักษณะที่เป็นแชร์ลูกโซ่ขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ และเปลี่ยนมาเป็นการขายตรงหรือหาสมาชิกขายตรง ซึ่งในเนื้อแท้ก็คือการนำเงินของผู้มาลงทุนใหม่เป็นสมาชิกใหม่มาจ่ายให้กับผู้ลงทุนเก่าที่เป็นสมาชิกเดิมอยู่ โดยไม่ได้ทำการค้าขายอะไรเป็นเรื่องเป็นราว

เพียงแต่ปริมาณเงินและขนาดของผู้คนเกี่ยวข้อง ไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากับในอดีตและที่สำคัญก็คือมาถึงตอนนี้มันมีกฎหมายที่ให้อำนาจเด็ดขาดและครอบคลุมพฤติกรรมดังกล่าวอยู่แล้ว เรื่องจึงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น

แค่คนอยากรวยเร็ว และถูกหลอกก็ยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ

ที่จริงในช่วงเวลานั้น และในเวลาต่อมาอีกยาวนาน ก็ยังมีการหลอกลวงผู้คนให้เข้าไปวุ่นวายกับการลงทุนอันสลับซับซ้อนอีกรูปแบบหนึ่ง

นั่นก็คือการชักชวนให้ไปลงทุนเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน ซึ่งก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

รูปแบบการลงทุนพื้นฐานก็คือ นำเงินบาทจำนวนไม่น้อยกว่าสองแสนเป็นทุนประเดิมเพื่อเปิดบัญชีทำการซื้อขายเก็งกำไรค่าเงินที่เคลื่อนไหวขึ้นลง โดยจัดห้องหับให้ดูเหมือนกับห้องค้าเงินตราต่างประเทศ และมีจอภาพแสดงข้อมูลและกราฟสถิติจำลองการซื้อขายเงินตราต่างประเทศให้ดูสมจริง

แต่สิ่งที่ไม่เป็นจริงก็คือ การซื้อขายเงินตราต่างประเทศดังกล่าวเป็นการซื้อขายกันเอง ไม่ได้มีการเชื่อมโยงกับผู้ซื้อผู้ขายรายอื่นในต่างประเทศอย่างที่อ้างกัน และยังมีเทคนิคลูกเล่นซึ่งในท้ายที่สุดก็ทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเสียหาย แม้จะมีผู้ลงทุนจำนวนน้อยที่พอมีกำไร (ซึ่งอาจจะเป็นหน้าม้าหรือตัวอ่อยเหยื่อ) และสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก

ด้วยเหตุที่การชักชวนดังกล่าวดำเนินไปอย่างยินยอมพร้อมใจ ผู้ลงทุนที่เสียหายจำนวนหนึ่งก็ถือว่าเสียแล้วเสียไป แต่ก็มีผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้าไปให้หลอกอยู่เป็นประจำ

การชักชวนให้ไปลงทุนนั้นมักจะใช้วิธีการติดต่อทางโทรศัพท์ยั่วยุให้ไปลองดูบ้าง ใช้พนักงานไปติดต่อกับญาติพี่น้องหรือคนรู้จักชักชวนให้มาลงทุนบ้าง หรือจะใช้กลเม็ดเด็ดพรายอะไรก็สุดแท้แต่

คนอยากรวยเร็วอยากได้ผลตอบแทนมากและง่าย ก็มักจะถูกความโลภทำให้ตามัวและตาพร่าไปชั่ววูบหนึ่ง เสียเงินเสียทองไปพอสมควร

ผมเข้าไปเกี่ยวข้องก็เพราะเหตุว่ามีคนโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องนี้และผมต้องคอยเตือนอยู่เป็นประจำ จนมีความรู้สึกว่าในช่วงห้าปีแปดปีที่ผ่านมา ถ้าหากผมเกิดมีอันเป็นไปแบบไม่คาดหมายแล้วละก้อ

คงต้องถูกสั่งเก็บจากผู้เสียประโยชน์ในธุรกิจค้าเงินนี้เป็นแน่

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อในวันพรุ่งนี้ครับ

ค้าเงิน (ไม่ระวัง) จะเจอคุก (2)

ผมเล่าให้ฟังไปนิดนึงเมื่อวานนี้ว่า คนที่ไปเล่นหรือค้าเงินเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนหนึ่ง ได้โทรศัพท์เข้ามาในรายการวิทยุที่ผมจัดเพื่อขอคำปรึกษาหารือกับผมเรื่องนี้ และผมได้ปรามไปว่าอย่าไปลงทุนเลย เพราะเรื่องค้าเงินดังกล่าวเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย

เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็สุดแท้แต่

บางครั้งก็จะได้รับคำบอกเล่าจากผู้ที่ถามมาเพิ่มเติมว่า บริษัทเขาจัดตั้งขึ้นมาถูกต้องตามกฎหมายนะ มีการจดทะเบียนกับกรมทะเบียนการค้าในสมัยนั้นอย่างถูกต้อง มีเอกสารหลักฐานแสดงให้ดูได้ และยังเป็นบริษัทที่เสียภาษีให้กับกรมสรรพากรถูกต้องด้วย

ไม่ใช่บริษัทเถื่อนไม่มีตัวตนสักหน่อย

ผลก็คือ ผมต้องมีหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมต่อไปว่า การจัดตั้งบริษัทและจดทะเบียนการค้าถูกต้องเสียภาษีถูกต้องนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจที่เขาทำจะต้องถูกต้องด้วย ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ในท้ายที่สุด เพื่อให้เรื่องยุติ ผมต้องบอกคนที่เขาจะลงทุนและคิดว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมายแน่ก็คือบอกเขาไปว่า ถ้าหากบริษัทที่จะไปเล่นค้าเงินด้วยเขาสามารถนำใบอนุญาตประกอบธุรกิจค้าเงินตราต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยออกให้มาแสดงให้ดูได้ละก็

อยากจะลงทุน อยากจะเล่นค้าเงิน ก็เชิญทำไปได้เลย

ที่ผมบอกไปอย่างนั้นก็เพราะทราบว่า ใบอนุญาตดังกล่าวมิได้ออกให้กับบริษัทธุรกิจเอกชนโดยทั่วไป แต่จะออกให้เฉพาะสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศเท่านั้น และดูเหมือนว่าหลังจากนั้นคำถามในลักษณะเดียวกันก็ค่อยๆ หมดไป

แต่การลักลอบไปลงทุนหรือได้รับการชักชวนให้ไปลงทุนเล่นค้าเงินก็ยังไม่หมดไป วันดีคืนร้ายก็จะได้ทราบข่าวว่า มีคนไปร้องเรียนเรื่องนี้ที่กระทรวงการคลังบ้าง ธนาคารแห่งประเทศไทยบ้าง กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้าง

วันดีคืนร้ายก็จะเห็นภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองปราบปรามบุกไปจับกุมคนในบริษัทที่ลักลอบค้าเงินตามอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ในใจกลางกรุงบ้าง

ประเด็นที่ผมพอทราบมาก็คือ มันมี รูโหว่ และ ช่องว่าง ทางกฎหมาย ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ลงไม้ลงมือให้ทันการณ์ไม่ได้ และส่วนใหญ่มักจะเป็นการตามล้างตามเช็ด เสียมากกว่า

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าหากดำเนินคดีเอาผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งหรือแม้ประมวลกฎหมายอาญา ฐานหรือมูลความผิดดังกล่าวก็ยุ่งยากในการตรวจพิสูจน์

นี่ไม่ต้องพูดถึงความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ที่ไม่กว้างขวางรอบคอบพอ และที่สำคัญก็คือไม่มีอำนาจแบบเสร็จเด็ดขาด ต้องว่ากันตามขั้นตอนคดีแพ่งหรือคดีอาญาตามปกติ

มัวแต่ทำอย่างที่ว่า ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็ปิดกิจการหอบเงินหนีไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่แพะคอยรับโทษที่ไม่มีประโยชน์อะไร แถมเงินที่ควรจะได้คืนก็ไม่ได้ด้วย

ทุกคนที่เกี่ยวข้องรู้ว่าจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์และใช้เวลาต่อเนื่องอย่างยาวนานจนผมนึกว่าเรื่องนี้ถูกลืมไปแล้ว

มารู้สึกว่าเรื่องนี้ดำเนินการก้าวหน้าไปพอสมควรก็เมื่อมีโอกาสได้อ่าน ราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 119 ตอนที่ 122 ก ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2545

ที่บอกว่ามีความก้าวหน้าก็เพราะมีการตรากฎหมายใหม่ขึ้นมาฉบับหนึ่งและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2545 ที่ผ่านมาแล้ว

กฎหมายที่ว่าก็คือ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 นั่นเอง

เหตุผลที่ต้องออกกฎหมายนี้ ซึ่งมีหมายเหตุระบุเอาไว้ท้ายของกฎหมายก็เพราะว่า มีการหลอกลวงประชาชนให้นำเงินเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่ถูกหลอกลวงแล้ว ยังเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

แต่ด้วยเหตุที่บทบัญญัติของพระราชกำหนดฯ เดิมไม่อาจบังคับครอบคลุมแก่การกระทำดังกล่าวได้ จึงต้องแก้ไขเพิ่มองค์ประกอบความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และการโฆษณาหรือประกาศให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนลักษณะดังกล่าว เป็นความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย

เรื่องที่ผมลำดับความมาเมื่อวานและขยายความต่อในวันนี้ก็เลยเชื่อมโยงต่อเนื่องกันเป็นเรื่องเดียวกันในจุดนี้ไปโดยปริยาย

แต่เรื่องนี้ยังไม่จบครับ ยังมีความนัยที่ผมอยากคุยให้ฟังต่ออีกสักวันคงไม่ว่าอะไรกันนะครับ

ค้าเงิน (ไม่ระวัง) จะเจอคุก (3)

ผมเรียนคุณๆ ไปแล้วว่า ช่องว่างหรือรูโหว่ที่ทำให้การดำเนินการกับการหลอกลวงลักลอบค้าเงินเถื่อนไม่สามารถทำได้ทันต่อ เหตุการณ์ ก็เพราะเครื่องมือในแง่ของกฎหมายที่มีอยู่เดิมไม่ครอบคลุม

ถ้าหากรอการดำเนินคดีเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายแพ่งตามปกติ ซึ่งต้องมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แจ้งความให้ดำเนินคดี พร้อมกับต้องหาพยานหลักฐานเพื่อทำสำนวนฟ้องร้อง

กว่าจะเรียบร้อยทุกอย่างก็สายไปแล้ว

การแก้ไขพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยเพิ่มบทบัญญัติในเรื่องดังกล่าวเข้าไปจึงทำให้เรื่องง่ายและเร็วขึ้น

ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ได้เพิ่มข้อความที่เป็นสาระสำคัญเอาไว้ 2 ประเด็นเพื่อตีกรอบให้ชัด

ขออนุญาตนำข้อความมาพิมพ์ซํ้าเพื่อให้เกิดความชัดเจน ข้อความที่ว่าเป็นอย่างนี้ครับ

"...ผู้ใดไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินตราต่างประเทศ ว่าด้วยกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยน ดำเนินการหรือให้พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลใดดำเนินการโฆษณาประกาศหรือชักชวนประชาชนให้ลงทุนโดย

(1) ซื้อหรือขายเงินตราสกุลใดสกุลหนึ่งหรือหลายสกุล หรือ

(2) เก็งกำไรหรืออาจจะได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ให้ถือว่าผู้กระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย"

ชัดเจนไม่ต้องตีความอะไรเพิ่มเติมเลยนะครับ

ผมเองไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามกับการซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับบริษัทพวกนี้ เคยถูกชักชวนเหมือนกัน หลังซักไซร้ไล่เรียงคนที่ชวนก็ล่าถอยไป

เท่าที่ทราบจากคนที่นำเรื่องมาเล่าให้ฟังหลังจากไปลงทุนเข้าใจว่า บริษัทที่ค้าเงินเถื่อนจะใช้วิธีให้ผู้สนใจจะเข้าไปเก็งกำไรค่าเงินนั้น เข้าใจว่าเป็นการนำเงินมาลงทุน โดยทำเป็นสัญญาแต่งตั้งให้บริษัทดังกล่าวทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายเงินตราต่างประเทศให้

เงินบาทที่นำไปซื้อขายเงินตราต่างประเทศ จะถูกแปรสภาพ หรือแปลงค่าเป็นเงินเหรียญดอลลาร์สหรัฐในบัญชีที่เปิดไว้

แต่ความจริงนั้น เงินบาทยังเป็นเงินบาทอยู่ ไม่ได้แปรสภาพเป็นเงินดอลลาร์ในบัญชีของผู้ลงทุนที่ถูกชักจูงไปแต่อย่างใด

ตรงนี้ก็เป็นข้อด้อยในสมัยที่ยังไม่มีกฎหมายฉบับนี้ออกมา

เพราะทางบริษัทพยายามทำให้เหมือนกับเป็นการลงทุน ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงเกือบจะกลายเป็นว่า ลูกค้าเป็นคนเอาเงินไป ฝาก หรือเอาเงินไปให้บริษัทนั้น กู้ยืม โดยมีผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยระหว่างที่ยังไม่ทำการซื้อขายหรือค้าเงินตามกฎกติกาที่ กำหนดขึ้น และใช้สำหรับหักกลบลบหนี้ เมื่อซื้อขายแล้วเกิดกำไรขาดทุนขึ้นมา

หากจะเลิกขอเงินคืนก็ต้องรอและได้เงินคืนในกรณีที่เขาไม่มีปัญหา ในสมัยก่อนก็ต้องวุ่นวายในการหาองค์ประกอบตามความผิดที่ว่า แต่เมื่อกฎหมายออกมาอย่างนี้ก็ครอบคลุมถึง

แต่ไม่สำคัญเท่ากับการระบุลงไปให้ชัดเจนว่า เรื่องค้าเงินตราต่างประเทศนั้นผิดกฎหมายฉบับไหนและอย่างไร พร้อมกันนั้นก็กำหนดพฤติกรรมไปด้วยให้ชัดขึ้นว่า แบบไหนถึงถือว่าเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ถ้าหากหลุดจากประเด็นแรกว่า เป็นการกู้ยืมเงินหรือเปล่าไปได้ แต่ถ้ามีพฤติกรรมที่ชักชวนให้ซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศ เก็งกำไรก็ถือว่าเข้าข่ายมีความผิดในเรื่องนี้ด้วย

นี่ก็แทบจะเรียกว่าไม่ต้องตีความอะไรอีกต่อไป ถ้าหากทำหรือเห็นว่าทำอย่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปลุยจับดำเนินคดีได้ทันทีเลย

ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า การโฆษณาชักชวนให้คนไปเล่นค้าเงินเถื่อนเบาบางลง เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจริงจัง (ทำให้ผมเลิกสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนรู้เห็นเป็นใจให้บริษัทค้าเงินเถื่อนยังดำเนินการอยู่ได้) แต่เมื่อกฎหมายใหม่ระบุความผิดอย่างชัดเจนขึ้นไปอีก

แต่เรื่องที่น่าสนใจมากกว่านี้ก็ยังมีอีก เพราะกฎหมายใหม่ได้เพิ่มรายละเอียดที่ทำให้เกิดแรงจูงใจจะไปลุยด้วย เพราะระบุว่า หากใครแจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่มีสิทธิได้รับเงินสินบนนำจับ

ตรงนี้ถือว่าเป็นรายการเกลือจิ้มเกลือที่ผมคิดว่าได้ผลมาก

ส่วนการเอาผิดที่แต่เดิมคลุมเครือของใหม่ก็เล่นตั้งแต่ตัวบริษัท กรรมการ ผู้จัดการ และใครที่ก็ตามที่รับผิดชอบบริษัทที่มีพฤติการณ์เช่นที่ว่าด้วย ทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังลำบากมากขึ้น และทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่โดยเฉพาะคนในเครื่องแบบที่ได้รับการร้องขอให้เข้าไปเป็นกรรมการบริษัท พวกนี้ ระมัดระวังตัวไม่หลวมตัวทำแบบที่ผ่านมา

สรุปความคือ กฎหมายใหม่ที่ออกมาดี และหวังว่าจะทำให้คนคิดจะหลอกลวง และคนที่ยอมให้เขาหลอกลวง เพราะโลภและโง่ริอาจไปค้าเงินตราต่างประเทศหมดไป

เรื่องทั้งหมดก็มีเท่าที่เล่าให้ฟังติดต่อกันมาสามวันนี่แหละครับ
 
 

โดย: forex IP: 61.90.165.231 วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:16:14:00 น.  

 
 
 
อืม cpf กราฟสวยดีนะ
 
 

โดย: jejeeppe วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:16:39:40 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kimura551
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add kimura551's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com