Lux et veritas ~ Light and Truth ~
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
20 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

SSEA : Pride ~ กับสิ่งที่เรียกว่า “รัก”

ตอนแรกกะว่าจะพูดถึง karei naru ichizoku ค่ะ แต่พอดี๊ ... คิดว่าเรื่องนั้นน่าจะเอาไว้คุยกันรวม ๆ ไปพร้อมกับ kurobe no taiyo เนื่องจากมีบางส่วนที่สอดคล้องกันอยู่อย่างที่ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในกระทู้ด้านล่าง และบางทีอาจจะได้เสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องแนวความคิดการสร้างชาติของญี่ปุ่นนะคะ

วันนี้มาที่เรื่องเบา ๆ กันก่อน เอ๊ะ .... เบารึเปล่า เอาน่า

คิมุอยากจะพูดคุยถึงเรื่อง PRIDE ค่ะ ซีรีย์เรื่องนี้ เพราะ หลายคนบอกว่าน้ำเน่ามากกกกกกกกก

เห็นด้วยเหมือนกัน ทว่า .......... ถึงน้ำเน่าก็เห็นเงาจันทร์นะคร้าบบบบ (ยืมพี่มุกคุณพี่ชัดเจนมาใช้ ฮา)

แปลว่าน้ำเน่าก็แฝงแง่คิดไงคะ แฮ่ ๆ Pride ในมุมมองของหลายคนเป็นละครสูตรสำเร็จที่เดินเรื่องด้วยอะไรที่มัน รัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่แตกต่าง

หากละครรัก ๆ ใคร่ ๆ เรื่องนี้เมื่ออยู่ในมือของ โนจิมะ ชินจิ คงไม่รัก ๆ ใคร่ ๆ แล้วไม่ทิ้งอะไรไว้ให้คิดนะเอ้า

เค้าว่ากันว่า Love makes the world goes round รักทำให้โลกหมุนไป เช่นเดียวกับ Pride โลกในละครเรื่องนี้ หรือ พูดอีกทีอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคนก็ล้วนถูกพัดพาไปด้วย “ความรัก” ทั้งสิ้น

หลังจากดูละครเรื่องนี้ไปซักพักแล้ว คิมุว่าตัวละครแต่ละตัวกำลังค้นหานิยามของสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” ในแบบของตัวเอง

บทสรุปสุดท้าย บางคนก็เจอ บางคนก็ไม่เจอ บางคนก็ต้องค้นหาต่อไป

แต่มีตัวละคร 3 – 4 ตัวที่น่าสนใจค่ะ เพราะ มีจุดร่วมที่เหมือนกันมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่มองผาด ๆ แล้วต่างกัน

โค้ช อันไซ - ความรักครอบงำทุกสิ่ง รวมทั้งกลืนกินชีวิตของตนเอง


อิทธิพลของโค้ชอันไซมีผลกับตัว ฮาลุ มาก โค้ชอันไซรดน้ำพรวนดินสิ่งใดให้งอดงามในใจ ฮาลุ บ้าง ปัญหารักสามเศร้าที่เติบโตขึ้นระหว่างหนึ่งหญิงสองชาย เพื่อนรักจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเพื่อความก้าวหน้า และ ทิ้งสาวคนรักไว้กับเพื่อนสนิท เมื่อเพื่อนรักไม่กลับมา “เพื่อนสนิท ”กับ “สาวคนรัก”ก็ลงเอยกัน

เรื่องราวทั้งหลายแหล่น่าจะจบลงแบบ Happy Ending แต่มนุษย์มีสมอง มนุษย์มีความคิด มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี โค้ชอันไซยึดติดกับคำว่า “ผู้หญิงของเพื่อน” ซึ่งโยกคลอนศีลธรรมในใจ รู้สึกผิด แต่ ไม่รู้จะโทษใครก็ได้แต่โทษตัวเอง และ ทำร้ายตัวเองอย่างแสนสา แล้วยังจินตนาการต่อไปอีกว่าผู้หญิงข้างกายยังมีใจผูกพันกับคนที่อยู่แดนไกล

คลื่นแห่งอารมณ์นี้พัดพาโค้ชอันไซออกไปไม่เห็นฝั่ง และ ทำให้โค้ชอันไซจมลงในทะเลอารมณ์ในที่สุด พร้อมทั้งปล่อยให้ความรักกลืนกินชีวิตตนเองไปด้วย

ฮาลุจึงได้เห็นกันตำตาถึงสองครั้งว่า “รัก” ทำร้ายคนได้อย่างไร และ ร้ายแรงแค่ไหน

ครั้งแรกที่แม่ทอดทิ้งไปฮาลุยังยืนอยู่ได้ แม้จะเจ็บปวด แต่ ครั้งหลังนี้บุคคลที่ตนเองเห็นว่าแข็งแกร่งมาตลอดยังพ่ายแพ้กับสิ่งที่เรียกว่าความรัก ทั้งยังเป็นบทเรียนราคาแพงที่แลกด้วยชีวิต

ชีวิตรักของโค้ชอันไซนี้ยิ่งตอกย้ำความน่ากลัว และ อันตรายของความรักเข้าไปใหญ่ ฮาลุจึงพยายามทั้งเก็บทั้งกดอารมณ์รักไว้ โน้มน้าวใจตัวเองว่าไม่ต้องการโดยลืมพื้นฐานความเป็นมนุษย์ว่า สุดท้ายแล้วเราก็อยู่ไม่ได้ด้วยตัวเองคนเดียว

ความรักของโค้ช คือ การครอบครอง และ ถูกครอบครอง คือ ความไม่ไว้วางใจ คือ การอยากเก็บใครเอาไว้คนเดียว

ถ้าไม่ได้ครอบครอง ไม่ได้เป็นเจ้าของทั้งตัวทั้งใจ ............ ต้องตาย ตายแน่ ๆ

ดังนั้นสิ่งที่โค้ชพร่ำสอนไม่ให้ฮาลุจริงจังกับใครคนไหนก็เพราะ การตีค่าความรัก ด้วยการเป็นเจ้าของเท่านั้นเอง


ดังนั้นฮาลุจึงมีนิยามความรักของตัวเองว่า ................

ฮาลุ ซาโตนากะ – ความรัก คือ ความเจ็บปวด กดดัน และ อันตราย


ชื่อ”ฮาลุ”แปลว่าฤดูใบไม้ผลิ แต่หัวใจเหมือนฤดูหนาว เจ้าตัวถึงบอกว่าหัวใจของเขาเป็นน้ำแข็ง แต่แท้ที่จริงมันยังเป็นก้อนเนื้อชุ่มเลือด มีชีวิต มีจิตใจ มีความรู้สึกอาจจะมากกว่าใครทั้งหมดในที่นี้ก็ได้

อาจจะเป็นเพราะความหลังในวัยเด็กที่โดนแม่ทอดทิ้ง ในขณะที่พี่ชายเปลี่ยนความเศร้า และ อ่อนไหวเป็นความเกรี้ยวกราด ฮาลุที่ยังเด็กกว่าแช่แข็งความรู้สึกนั้นเก็บไว้หวังว่าซักวันแม่จะกลับมา

เมื่อโตขึ้นพบว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านกีฬา หนุ่มน้อยฮาลุดันไปเติบโตขึ้นในมือโค้ชที่มีปัญหาในการรับมือกับ “ความรัก”

ทั้งหมดทั้งปวงหล่อหลอมให้ ฮาลุ เป็นคนที่ต้องการความรักอย่างมาก แต่ในทางกลับกันก็กลัวเกินกว่าจะเอื้อมมือคว้ารักนั้นให้อยู่มือ

ถ้าคว้าแล้วไม่ได้มาจะเป็นอย่างไร

ถ้าได้มาแล้วต้องเสียไปจะเป็นอย่างไร

จะเจ็บไหม เจ็บมากแค่ไหน จะถึงตายแบบโค้ชอันไซรึเปล่า ????

สุดท้ายฮาลุเลือกปิดบัง “ความอ่อนไหว”ไว้ด้วยสิ่งที่คิดว่า ความทระนง และ ศักดิ์ศรี ลดค่าของความรักเอาไว้เป็นแค่ “เกมส์”

แต่จริง ๆ แล้ว อะไรคือ ศักดิ์ศรี อะไรคือความทระนง และ อะไรคือความรัก ….. จริง ๆ แล้วฮาลุเองก็ยังตอบโจทย์ข้อนี้ไม่ได้

จนกระทั่งพบ .....


มุราเสะ อากิ – รัก = รอ


อากิรอคนรักที่ไม่เคยโผล่หน้ามาเลยกว่า 2 ปี แต่อากิยังยึดถือคำมั่นสัญญาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมความรู้สึกอึดอัดที่ค่อย ๆ เพิ่มพูน สัญญาว่าจะคอยเธอกลับมาไม่ว่าจะนานแค่ไหน ตอนให้สัญญาทุกอย่างยังสดใหม่ แต่ระยะทาง ความห่างไกล รวมทั้งการขาดการติดต่อเริ่มทำพิษ กลืนก็กลืนไม่เข้า คายก็คายไม่ออก

แบบนี้หรือที่เรียกว่าคนรักกัน อากิคงเริ่มคิดว่า ........ เอ๊ะ นี่ชั้นต้องรอนานขนาดไหน ถ้าเลิกรอแล้วจะผิดไหม แล้วถ้าเขากลับมาจะว่ายังไง ทุกอย่างดูละล้าละลังไปหมด เหมือนแคร์ว่าสายตาคนนอกจะคิดยังไง ประมาณว่าโรคคุณนายแสนดีละมั้ง เพราะ ออกปากไปแล้วก็อยากจะรักษาคำพูด แต่การรอคอยก็กัดกินจิตใจไปเรื่อย ๆ

อยากจะเชื่อว่ารักแท้มีจริง แต่สิ่งที่ประสบอยู่นี้ คือ อะไร ได้แต่รอคอยแบบไร้จุดหมาย

ชีวิตอากิเจอแต่ความละล้าละลัง ไม่แน่นอนนะ

กับนัตสึคาวะก็หายเงียบไปเลย 2 ปี

กับฮาลุก็ ไม่รู้ว่าคบกันแบบไหน มากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่แฟน ถึงจะมี ... กันแล้วก็เหอะ แต่ก็แค่นั้น ได้พูดอะไรกันเป็นทางการรึก็เปล่า

ป.ล. เกิดเป็นอากินี่เซ็งเป็ดจริง ๆ - -‘’


พอดูจบก็คิดว่าความรักมันทำไมยากจังว้า แต่ปล่อยให้ความคิดเข้าที่เข้าทางซักพัก ก็ได้เรียนรู้ว่า

ที่ตัวละครเป็นไปแบบนั้นก็เพราะ ไม่มีใครยอมปล่อยวางเลยในเรื่องความรัก

อัตตาสูงกันทั้งน้านนน เพียงแต่อาการหนักเบาไม่เท่ากัน

เพราะไม่ปล่อยวางแต่ละคนก็เลยทำให้เรื่องมันปั่นป่วนไปหมดเลย แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเกี่ยวกันเป็นลูกโซ่

และทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ มากมาย ................. แต่ก็เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละที่ทำให้แต่ละคนคิดได้

รักอาจไม่มีนิยามที่แน่นอน แต่รักแล้วก็ไม่ควรจะทำให้ตัวเองทุกข์ และ ไม่ทำให้คนที่เรารักทุกข์ด้วยเช่นกัน



กับตอนสุดท้ายที่ต่างคนต่างไปตามทาง ไม่มีคำอำลา ไม่มีคำสัญญา

คิดถึงเพลง ที่ว่าง ของวง pause เลยค่ะ ไม่รู้มีใครคิดเหมือนกันบ้างไหม

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เราได้ถึงดั่งฝัน ร่วมกัน



ฮาลุกับอากินี่ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตนะคะ

จะว่าไปแล้วทั้งเรื่องที่ชอบมากที่สุดก็ตอนสุดท้ายนี่แหละ

แถมท้ายอีกอย่าง ........ นอกจากจะคิดถึงเพลงที่ว่างแล้ว

ยังคิดถึงกวีบทนี้ของท่านคาลิล ยิบรานด้วย สงสัยคุณโนจิม่าอ่านบทนี้มาก่อนแน่เลย

จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งความรัก
และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทรอันเคลื่อนไหว
อยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง

จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว

ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองเดียวกัน
จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้น ที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้

และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่ว่าอย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้น ก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทร ก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้



- ถอดความโดย ท่านศาสตราจารย์ ดร. ระวี ภาวิไล นะคะ

อันว่าอารมณ์รักเป็นเรื่องที่ต้องผ่อนหนักผ่อนเบา

เหมือนสายกีต้าร์แหละนะ

ตึงหนักก็ขาด หย่อนนักก็ไม่เป็นเพลง ต้องพอดี ๆ

ทำเพื่อคนอื่น ให้พอ ๆ กับทำเพื่อตัวเอง

ก่อนที่จะหยั่งรู้ความต้องการของผู้อื่น ............

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

ปล่อยช่องว่างให้แต่ละฝ่ายได้มีอิสระ มีมุมส่วนตัวของตัวเอง

และสุดท้าย

ถ้าจะรักคนอื่น ก็ต้องเริ่มที่รักตัวเองก่อนเช่นกัน ^ ^




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551
2 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 12:44:24 น.
Counter : 518 Pageviews.

 

อยากบอกว่าที่ดูเรื่องนี้เพราะชอบเคนจิ

แพรอยากเขียนถึงเรื่องนี้มาก็หลายครั้ง แต่ก็แอบคิดว่ามันน้ำเน่าเหลือเกิน แต่ก็อย่างที่ว่าแหละค่ะ แม้จะน้ำเน่า แต่ก็แฝงแง่คิดนะ

ไม่เข้าใจตานัตสึคาวะเหมือนกัน บอกให้รอ แต่ตัวเองก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่ส่งข่าว ไม่อะไรทั้งนั้น อากิเลยตกอยู่ในภาวะที่จะยังรักก็ลำบาก จะเลิกก็ทำไม่ได้ น่าสงสารจัง

 

โดย: bookofpear 20 พฤศจิกายน 2551 16:09:59 น.  

 

กำลังดูเรื่องอยู่เลยค่ะ เชยมาก ฮ่าๆๆ พอเห็นชื่อบล็อกรีบเข้าอย่างเร็วเลย ชอบเรื่องนี้ค่ะ ขนาดยังดูไม่จบนะเนี่ย พระเอกน่ารักอ่ะ

คุณคิมุวิเคราะได้เก่งมากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจตัวละครมากขึ้นเลยค่ะ ดูเป็นซับอิงด้วย แล้วพอดีเอามาจากเพื่อน ไฟลเล็กไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แถมซับยังงงๆ อิอิ

ขอแอดเป็นเฟรนนะคะ

 

โดย: เจ้าหญิงแห่งMK 21 พฤศจิกายน 2551 17:01:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kimurafreek
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Dei sub numine viget

"Under God's power she flourishes"
Friends' blogs
[Add kimurafreek's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.