กรกฏาคม 2560
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 กรกฏาคม 2560
 

Italy : เที่ยว Camogli หมู่บ้านประมงริมทะเลสีพาสเทล

สถานที่ท่องเที่ยว : Camogli, Italy
พิกัด GPS : 44° 21' 11.79" N 9° 8' 55.02" E





พูดถึงอิตาลี่ส่วนใหญ่เรามักนึกภาพเมืองใหญ่อย่างโรม มิลาน หรือ เมืองโรแมนติกอย่างเวนิส


แต่การมาเหยียบดินแดนแห่งพิซซ่าครั้งแรก (มันใช่เหรอน่ะ -_-'') ของเรากลับเป็นเมืองในแคว้นเล็กๆริมชายฝั่งทะเล Liguria  (เหมือนกับที่การไปเยือนฝรั่งเศสครั้งแรก ไม่ใช่เมืองใหญ่ยอดนิยมอย่าง Paris แต่กลับเป็นบรรดาหมู่บ้านเล็กๆในแคว้น Alsace ไว้จะเขียนถึงในโอกาสต่อๆไปนะคะ)


ทริปสะเปะสะปะที่ไปมา ขิมเดินทางในช่วงต้น - กลางเดือน มิถุนายน ค่ะ เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูร้อน อากาศยังไม่ร้อนแบบพีคมาก กำลังสบายๆ (บางวันรู้สึกร้อนมากถ้าแดดจัด) ยังพอมีดอกไม้จากช่วง spring หลงเหลืออยู่ นักท่องเที่ยวเริ่มมากัน แต่ก็ยังไม่เยอะเบียดเสียดกันมากเท่าช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ค่ะ



ตารางทริปของขิมนะคะ เผื่อสนใจ

แต่ไม่แนะนำให้ทำตามนะคะ เนื่องจากการเดินทางอาจจะไม่ได้ practical ขนาดนั้น เกิดจากการบังคับตารางเดินทางเล็กน้อย เพราะขิมบินไปแจมกับญาติๆที่ไปเที่ยวสวิสแค่ครึ่งทริปของเค้า พวกที่เที่ยวดังๆ landmark / must see อื่นๆในสวิสขิมก็ไม่ได้ไปในทริปนี้เพราะเพิ่งไปสวิสมาเมื่อเดือนที่แล้วรอบนึง ตามไปเก็บเฉพาะที่ๆยังไม่เคยไปค่ะ

การเดินทาง: ซื้อ Swiss travel pass แบบ flexible 3 วัน ใช้ในวันแรกเพื่อเดินทางจากสนามบินไปตามไปเจอญาติๆที่ Zermatt และ สองวันสุดท้าย (ขึ้นเขา Rigi ล่องเรือ เที่ยวปราสาท Thun และนั่งรถขึ้นเขา Schynige Platte) ส่วนวันอื่นๆญาติเช่ารถขับ ก็ตามไปกับเค้าค่ะ

การเช่ารถขับที่สวิส ถือว่าถูกและสะดวกมากๆเลยนะคะ ถ้าเทียบกับค่ารถไฟ ประเทศเค้าค่อนข้างเล็ก ขับรถจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งใช้เวลาไม่นาน ช่วยให้สะดวกเรื่องการทำเวลาเที่ยวได้หลายที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการลากกระเป๋าและคำนวนเวลาเปลี่ยนรถค่ะ

itinerary วันที่ June 7-15

พักค้างโรงแรม 8 คืน บินโดยสายการบินไทย ค่ะ

June 7 - Swiss (พักที่ Zermatt)
ลงเครื่องที่ Zurich - Grindelwald (First) เล่น Trotti bike, ไปนอนที่ Zermatt

June 8 - Swiss (พักที่ Zermatt)
Zermatt - Gornergrat - Sunegga

June 9 - Italy (พักที่ Casarza, Liguria)
ขับรถยาวๆจาก Zermatt ไปอิตาลี่ แวะทานข้าวเที่ยงและเที่ยวระหว่างทางผ่านที่เกาะเล็กๆ Isolabella, เดินเล่น ทานข้าวเย็นที่ Portofino

June 10 - Italy (พักที่ Casarza, Liguria)
Cinque Terre (5 lands หรือ 5 หมู่บ้านริมทะเลลิกูเรีย)

June 11 - Italy (พักที่ Milan)
Camogli, Genoa, Milan

June 12 - Swiss (พักที่ Lavertezzo)
Lake Como (Bellagio), ขับรถกลับสวิส Verzasca valley, หมู่บ้าน Sonogno

June 13 - Swiss (พักที่ Zurich)
Bellinzona, ขึ้นเขา Rigi, ล่องเรือไป Lucerne, เที่ยว Lucerne, เมือง Zurich

June 14 - Swiss (พักที่ Zurich)
Thun castle, ล่องเรือทะเลสาบ Thun, ขึ้นรถราง Schynige Platte

June 15 - บิน กลับไทยจาก Zurich


กลับมาต่อที่เมือง Camogli นะคะ


เมืองนี้ได้รับการแนะนำมาจากเจ้าของที่พัก B&B ที่อิตาลี่ที่เราไปพักค่ะ


ลองถามเจ้าของบ้านดูว่าเราจะไปแวะ Genoa (หรือ Genova) แล้วเดินทางไปที่มิลานต่อ พอจะมีที่ไหนใกล้ๆแวะเที่ยวได้แนะนำไหม เขาก็แนะนำเมืองนี้มาค่ะ


Camogli เป็นเมืองริมทะเลในแคว้น Liguria ซึ่งเป็นแคว้นเล็กสุดอันดับที่ 3 ของอิตาลี่ มีพรมแดนติดกับฝรั่งเศส ถ้านึกไม่ออก แคว้นนี้จะอยู่ทางใต้ของมิลานค่ะ


Camogli จะอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของแคว้น คือ Genoa หรือ Genova นะคะ ที่มาของชื่อเมือง เจ้าของที่พักบอกเราว่า แปลว่า house of wife เขาเล่าว่าที่เค้าเรียกชื่อหมู่บ้านแบบนี้ เพราะที่นี่สมัยก่อนเป็นหมู่บ้านของชาวประมง สามีออกไปหาปลากันหมด เหลือแต่ภรรยาอยู่เฝ้าบ้าน เลยเป็นบ้านของภรรยาค่ะ


เมืองนี้จะอยู่ระหว่าง Genoa กับ Portofino หากใครจะไปเที่ยว Santa Margherita หรือ Portofino ก็สามารถแวะมาเที่ยวได้ใช้เวลาไม่นานมากค่ะ



การเดินทาง: หากเดินทางมาจากเมือง Genoa ก็ง่ายมากเลยค่ะ นั่งรถไฟเพียงแค่ 30-35 นาทีเอง ลงสถานีชื่อ Camogli San Fruttuoso แล้วเดินเข้ามาทางริมทะเลนิดหน่อยก็ถึงเมืองแล้วค่ะ ใกล้มากๆ


ส่วนถ้าขับรถมา เราจอดรถแถวๆนี้นะคะ ลอง set GPS จาก google map ก็ได้ค่ะ ง่ายดี





ตามมาเที่ยวในเมืองกันได้เลยจ้า...




เนื่องจากเราขับรถมา ก็งงงวยเล็กน้อยกับการหาที่จอด เพราะ GPS พาไปอีกฟากของเมือง เป็นทางเดินลงรถเข้าไม่ได้ >< แต่ในที่สุดก็ได้ที่จอดใกล้ๆทางเข้าเมืองอีกฝั่งหนึ่ง โดยการจอดรถที่นี่ต้องดูดีๆนะคะ บางส่วนจะไม่ใช่ที่จอดสำหรับสาธารณะ เป็นของ resident ที่อยู่ในเมือง ถ้าเผลอไปจอดผิดล่ะก็ โดนใบสั่งปรับแพงเลย (เราโดนมาแล้วที่เนเธอร์แลนด์ โดนไป 90 euro ค่ะ)


ที่นี่จอดแล้วก็ต้องไปหยอดเหรียญที่ตู้ตามชั่วโมงที่เราต้องการจะจอด แล้วจะมีใบเล็กๆ print ออกมา จากนั้นเราก็เอาไปวางไว้ที่หน้ากระจกรถด้านคนขับให้มองเห็นง่ายๆค่ะ



เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะมีร้านขายของ ร้านอาหารเรียงรายอยู่เลียบไปกับชายหาด ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ มีคนมาเล่นน้ำ และนอนอาบแดดกันเยอะแยะเลยค่ะ เค้ามีเตียงผ้าใบและร่มชายหาดเตรียมไว้พร้อมเลย


เนื่องจากเรามาต้น season คนก็ยังไม่เยอะมากนัก จริงๆก็ดูเยอะนะ แต่ปกติเยอะเบียดเสียดกันกว่านี้ค่ะ อากาศเย็นๆอยู่แต่ฝรั่งเล่นน้ำกันหน้าตาเฉยค่ะ หาดจะไม่มีทรายสวยๆเหมือนบ้านเรานะคะ เป็นหินๆ แต่น้ำใสมาก สีฟ้าสวยเชียว ขนาดมองอยู่บนฝั่งไกลๆ น้ำใสเห็นพื้นเลย บางคนก็  snorkeling ดำน้ำดูปลาด้วย (แต่ไม่มีปะการังค่ะ)



เมืองสีสดใส ตัดกับท้องฟ้า สวยมากๆเลยค่ะ



เมืองนี้ จุดเด่นคือตึกสีๆเค้าจะออกแนวพาสเทล สีจะไม่สดเท่าแถว Cinque Terre แล้วบนตึกก็จะมีวาดลายประตูปลอม หน้าต่างปลอม หรือกรอบรอบๆหน้าต่างด้วย น่ารักดีค่ะ สมัยก่อนเค้านิยมทาสีสดๆเพื่อที่ชาวประมงออกไปหาปลาแล้ว ตอนกลับบ้านจะได้มองเห็นชัดๆว่าบ้านอยู่ที่ไหนค่ะ ถึงที่นี่จะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ก็ดูเป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่จริงๆ ไม่แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยวเท่ากับเมืองดังๆ วันที่เราไปไม่เจอนักท่องเที่ยวเอเชียเลยค่ะ



คุณลุงกำลังตากผ้า ประทับใจการตากผ้าของชาวอิตาลี่จริงๆ มีกันทุกตึก แถมมีระบบชักรอกไปมาให้เก็บผ้าง่ายๆด้วย 555



ตึกสีพาสเทล เข้ากันดีกับต้นไม้เขตร้อน ระหว่างทางญาติๆก็แวะชอปปิ้ง มึทั้งเสื้อผ้าแบบพื้นเมือง และงานเครื่องประดับทำมือ otop และงานศิลปะต่างๆ ของย่านนี้ น่ารักดีค่ะ





พอเดินลอดประตูเข้าไป ก็จะเป็นย่านกลางเมืองค่ะ จะมีส่วนที่เป็นร้านอาหาร และที่จอดเรือ รายล้อมไปด้วยตึกสีสวย








เดินไปทางซ้ายมือจะเป็นทางขึ้นไปยังโบสถ์ Millenaria and the Parochial Church of San Rocco of Camogli ที่สร้างมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 และ Dragonara Castle ป้อมปืนใหญ่ landmark ของเมือง จากข้างๆโบสถ์สามารถมองย้อนกลับมาดูวิวเมืองริมทะเลได้ สวยงามมาก ไม่ควรพลาดนะคะ



มองเห็นชายหาดกับเมือง ช่วงที่เราไปถึงเป็นช่วงเช้า มุมนี้จะย้อนแสงเลยถ่ายภาพได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้ามาช่วงบ่ายๆน่าจะดีกว่าค่ะ น่าจะถ่ายภาพมาแล้วเห็นสีสดใสของเมืองได้มากกว่านี้ค่ะ



ซูมไปที่เมือง จะเห็นว่าสีหวานมากๆ เห็น background เป็นเนินเขาที่มีบ้านและตึกด้วย สวยดี


ส่วนตัวเราชอบมากกว่าที่ Cinque Terre อีกค่ะ ถึงจะไม่ได้วิวสวยแบบเมืองอยู่ริมผา แต่ดูบรรยากาศดี คนไม่เยอะ เดินไม่ไกลมากไม่ต้องขึ้นเนิน มุมถ่ายรูปก็เยอะด้วย



Dragonara Castle



ป้อมปืนใหญ่สมัยโบราณ ทางขวามือจะเป็นโบสถ์นะคะ วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์มีพิธีในโบสถ์ด้วย ชาวเมืองมาเข้าโบสถ์และร้องเพลง โบสถ์ด้านในตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่ได้หรูหราอลังการเหมือนโบสถ์ใหญ่ๆดังๆหลายๆที่ ที่เคยไปมา แต่ว่าดูมีชีวิตชีวาดี บรรยากาศขลังมากๆ เรายืนฟังเค้าร้องเพลง เพราะมากๆค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมาเพราะไม่อยากรบกวน แค่ยืนดูอยู่เงียบๆทางข้างนอกค่ะ 



เดินย้อนกลับมาจากจุดชมวิว มุมนี้ก็สวยค่ะ (อยู่ตรงบันไดทางลงข้างๆโบสถ์ เห็นเมืองบนเนินเขาด้านหลังด้วย)




อ่าวด้านในเมือง ที่ไว้จอดเรือมีเรือจอดอยู่เยอะเลย มีเรือท่องเที่ยวลำใหญ่ๆจากเมืองอื่นมาแวะด้วย



น้ำสีฟ้าสวย มีปลาว่ายไปมา ไม่มีขยะเลยค่ะ



เราใช้เวลาเที่ยวเมืองนี้ไม่นาน แวะซื้อขนมคล้ายๆพิซซ่าแบบพื้นเมืองชิ้นเล็กๆที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมไปทานบนรถ แล้วเดินทางต่อไปแวะเมือง Genoa เพื่อชมเมืองนิดหน่อยและทานข้าวกลางวันก่อนไปมิลาน


ระหว่างทางเดินกลับจากเมือง ก็เดินซอกแซกออกทางด้านหลังร้านต่างๆแอบเห็นบรรดาพ่อครัวกำลังพักทานอาหารกันอยู่ เดินเลยไปแล้วล่ะ แต่เปลี่ยนใจเดินกลับมา ขอเค้าถ่ายรูป (แน่นอนว่าพูดกันไม่รู้เรื่อง ได้แต่ชี้ๆที่กล้อง) พี่ๆลุงๆพ่อครัวน่ารักมาก รีบไปเรียกเพื่อนคนอื่นๆในครัวมาถ่ายด้วย และรินไวน์ยื่นให้เราดื่มด้วยค่ะ :)


รู้สึกประทับใจ เมืองเล็กๆแต่คนดูใจดี มีชีวิตชีวา.. ได้ภาพที่ชอบมากที่สุดของทริปกลับมา



แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ภาพที่สวยงามที่สุด แต่เป็นภาพที่ประทับใจมากที่สุดของทริป


ตอนถ่ายภาพนี้ นึกถึงคำว่า Happiness is a journey, not a destination ขึ้นมาเลย


ความสุขนั้นอยู่ระหว่างการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง...


Ciao :) 


Until the next journey...

つづく




Create Date : 05 กรกฎาคม 2560
Last Update : 5 กรกฎาคม 2560 12:09:06 น. 0 comments
Counter : 2084 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

k i m m i e z
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add k i m m i e z's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com