Shirakawa-go no Yuki*
: )
New Year Hug from Kimmiez ^^*
อัพย้อนๆ ตั้งแต่วันปีใหม่โน่นนนนนนนน
วันที่ 31 ก็ไม่มีอะไร
ไปกินข้าวบ้านพี่ช้าง ทำนาเบะ กินกัน
นั่งกินกันไป ดูทีวี NHK รายการร้องเพลงเค้าดาว ประจำปีกัน
เป็นที่สนุกสนาน
พอเที่ยงคืน ก็เดินไปที่วัด Chionji ใกล้ๆบ้าน เพื่อนไป (ดู) เค้าตีระฆังขึ้นปีใหม่กัน
คือ ถ้าจะตีเนี่ย ต้องไปต่อแถวยาวเป็นกิโล ตั้งกะยังไม่เที่ยงคืน หนาวแบบ เกือบจะ 0 องศาได้มั๊ง หายใจเป็นไอตลอดเวลา
ถ้าให้ไปต่อแถวรอตีระฆังขิมคงไม่ไหวอ่ะ ไปดูเค้าตี เอาบรรยากาศก็พอมั๊ง
มีเหล้า อามาสาเก ให้กินด้วย แล้วก็มีกองไฟ ก่อไว้ให้คนมาผิงอุ่นๆที่แถวๆระฆัง
พอจบขึ้นปีใหม่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ขี่จักรยานกลับ หูแทบจะหลุดออกมา
หนาวมาก...
ช่วงปีใหม่ ก็กลิ้งไปกลิ้งมา ไม่ได้ไปเที่ยวไหน
จนเมื่อวันอังคาร
ถูกบิ๊ว อารมณ์ให้ออกไปถ่ายรูป
แล้วก็โดนทิ้งให้ไปคนเดียว.. เอิ๊ก...
ฮ่าๆๆๆ
จริงๆแล้วไม่ได้กะจะไปเที่ยวไหนหรอก
อยากจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมา หลบหนาว รอดูหิมะตกที่เกียวโต เฉยๆ
หนาวขนาดนี้มันน่าจะตก แต่จนแล้วจนรอด มันก็ไม่ตกซะที
มีแต่หิมะเปียกๆ คล้ายๆฝน ตกลงถึงพื้นก็ละลายหายไปหมด...
หนาวอย่างไร้คุณภาพจริงๆ
พอวันที่สอง ขิมเกิด อารมณ์ เซ็งๆนอยๆขึ้นมา
รู้สึกเนือยๆยังงัยไม่รู้ (สงสัยเพราะใกล้เปิดเทอม..555)
เลยไม่อยากอยู่บ้าน
ออกไปหาที่ไปซะงั้น
เป็นการตัดสินใจออกไปเที่ยวไกลๆ ที่เร็วที่สุด
ตัดสินใจว่าจะไป เกือบ บ่าย 3
จัดการหาตารางรถไฟ จองโรงแรมทางเนท แล้วออกไปเลยตอนสี่โมงกว่าๆ
โดยมีของติดตัวไปแค่กล้องและของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย
ติสท์แตกจัด
เหอๆๆๆ....
ตั้งใจแค่ว่าอยากออกไปถ่ายรูปแค่นั้นแหละ
อยากเห็นหิมะ
ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น
แล้วก็ไม่ค่อยได้เดินทางคนเดียวมานานแล้ว
ขิมไม่ถือว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการไปเที่ยว
ขิมตั้งใจไปถ่ายรุป
แล้วขิมก็ได้รูปอย่างที่ขิมหวังไว้กลับมา
มันเป็นชิ้นงานชิ้นนึง ที่ขิมทำ แล้วก็ภูมิใจกับมัน
ถึงใครจะว่ายังงัยก็ตาม.
หลายคนอาจจะคิดว่า ขิมก็เที่ยวไปวัน วัน
ไม่ได้คิดอะไร ทำอะไรจริงจังกับชีวิต
อยู่กับความฝันโง่ๆ กับความหวังที่ไม่เป็นรูปธรรม
แต่บางที สิ่งที่ขิมคิด ขิมทำอยู่น่ะนะ..
เค้าก็ไม่เคยเข้าใจ ไม่เห็นคุณค่า หรือแม้แต่อยากจะเข้าใจเลยก็ตาม...
ก็อย่างว่าแหละ.. การให้ความสำคัญของคนคงต่างกัน..
Why are we so alone is this whole wide universe?
ที่จริงมันก็อาจจะบ้าบอคอแตกเล็กน้อย
เพราะที่ๆจะไป มันไม่ได้ใกล้เกียวโตอะไรเลย
ตอนจะออก ก็บ่ายสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว
กว่าจะไปถึงที่หมาย ถ้าเปลี่ยนรถไฟ 6-7 ต่อ โดยไม่ผิดพลาดเลย
ก็จะไปถึงโรงแรมที่จองไว้ ตอน 4 ทุ่มกว่าพอดี
แล้วต้องไปจองบัส (ที่มีรู้จะมีหรือไม่มีหรือเปล่าด้วย)
ที่จริงรออีกวันรอให้ออกเช้าๆ แล้วทำอะไรลงตัว ก็อาจจะดีกว่า
แต่อารมณ์ นั้นก็ไม่รู้เป็นไร
รู้สึกว่าถ้าไม่ออกตอนนี้ ไม่ได้แล้ว
ถ้าตัดสินใจว่าจะไป ก็ต้องไปตอนนี้แหละ
บางเวลา กลับไปเป็นตัวเองคนเดียว ก็อาจจะดีเหมือนกันก็ได้
มันอาจจะทำให้เราเข้มแข็งกว่าเดิม
หรืออย่างน้อย ก็กลับไปเป็นเราคนเดิม
และบางทีวันนึง
ฉันอาจจะไปจากที่ตรงนี้จริงๆก็ได้.
: )
ปรากฎว่าจองรถไม่ได้ ฝากพี่ฉั่วช่วยจองบัสให้
เพราะว่า ตอนขิมออกไปรีบมาก ไม่มีเวลาจองรถ ต้องเปลี่ยนรถไฟตลอด
ปรากฎว่า รถจองทาง โทรศัพท์ไม่ได้ เต็มแล้ว
ตอ้งไปดูที่ บัสเซ็นเตอร์ที่โน่นเลย ว่ามีที่หรือเปล่า
แต่ก็โชคดี ที่ได้ที่สุดท้ายของคันพอดี..
: )
อย่างงี๊สิ เค้าถึงเรียกว่า หิมะ น่ะ! (ถ่ายจากบนบัส)
: )
雪の写真を取るためにこの所へ行ってきた...。
จะว่าไป ขิมก็ไปที่นี่ มา 4 ครั้งถ้วนแล้วล่ะ..
เหอๆๆๆ...
แต่จะกี่ครั้งขิมก็รู้สึกดีทุกครั้ง
แต่ละฤดู มันสวยงามแตกต่างกันไป
ถึงจะฤดู เดียวกัน แต่บางที ก็มีบางอย่างที่เราเคยมองข้ามมันไปเหมือนกัน
: )
白川郷 の 冬
Shirakawa-go no Fuyuu
ไปไหนแดดก็ออก แม้ในวันหิมะตกมาก >o<
กระท่อมน้อย กลางทุ่งหิมะ
หมู่บ้าน : )
เด็กน้อย
คุณทานูกิ
คุณทานูกิเซ็กซี่ 5555
เมฆกับหิมะ สีขาวเหมือนๆกัน
ต่างกันแค่ เมฆจับต้องไม่ได้
ฉัน เคย คิดว่า ความนุ่มของหิมะนั้นเราโอบกอดไว้ได้
แต่ที่จริงๆแล้ว ขิมว่านะ
ทั้งเมฆและ หิมะ มันก็เหมือนๆกัน
หิมะ ไม่ช้าไม่นาน ถ้าความเย็นจากไปเมื่อไหร่
มันก็ละลายเป็นน้ำ และ ระเหยหายไปได้
ดังนั้นน่ะนะ
บางที ความสวยงามของบางอย่าง เช่นความรัก
การมองมันเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องไปสัมผัสมัน
เราอาจจะได้ชื่นชมกับความสวยงามของมันมากกว่าก็ได้
หรืออย่างน้อยๆแล้วน่ะนะ
เราก็ไม่ต้องสัมผัสกับความเศร้า เหมือนหิมะที่ละลายหายไปงัย
อย่างงี๊หรือเปล่านะ ถึงมีบางคนได้เคยบอกไว้
ว่าที่จริงแล้วน่ะ... รักแท้ คือรักที่ไม่สมหวังต่างหาก
การมี หรือไม่มี บางที มันก็ไม่ต่างกัน
มันก็เหมือนการมองสีขาวจากมุมสีดำ
หรือกลับกัน หากมองจากมุมสีดำ ไปยังสีขาว...
แล้วที่จริง
ต้นกิ่งไม้มันถูกหิมะทับถม
หรือ หิมะ ถูกต้นไม้กันไม่ให้ร่วงหล่น
กันแน่?
ฉันไม่ได้รักสถานที่แห่งนี้หรอก
แต่ฉันรักความทรงจำที่เกิดขึ้นบนที่แห่งนี้ต่างหาก...
หลายคนมองเห็นที่นี่ไม่ได้สวยงาม หรือมีอะไรน่าค้นหา
แต่สำหรับฉันแล้วมันเป็นลิ้นชักความรู้สึก
เป็นกล่องความทรงจำ
บางทีน่ะนะ
ฉันก็ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ไปแล้ว
ลืมแม้กระทั่งชื่อ และถ้านานกว่านี้ ฉันอาจจะจำอะไรไม่ได้อีกเลยก็ได้..
เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น อาจจะถูกลืมไป
แต่ฉันก็เชื่ออย่างนึง
ว่าความรู้สึกยังคงอยู่ในภาพถ่าย
ในความทรงจำของความรู้สึกที่ถูกบันทึกไว้...
บางที ฉันก็อดสงสัยไม่ได้
ว่ามีใครมองเห็นความรู้สึกของฉันบ้างหรือเปล่านะ....
หรือก็แค่เหมือนหลายๆคนที่ผ่านมา และผ่านไป....
: )
ใสป่ะล่า.. ฟ้าอ่ะ.. อิอิ : )
ที่จริง ขิมก็ไม่ได้ชอบเที่ยวที่เดิมๆหรอกนะ
แต่ที่ๆขิมไป มันไม่ใช่จุดหมาย ที่สำคัญอย่างเดียวหรอก
ถึงเป็นที่เดิมๆ แต่ถ้าให้ขิมพาคนที่ขิมรัก คนที่ขิมอยากให้เห็นอะไรที่ขิมชอบ
ขิมก็ยินดีจะไปอีก...
....
แต่บางทีมันก็น่าเสียใจเหมือนกัน.
: )
หิมะเริ่มตกแล้ว...
ที่จริงตอนกลางวัน มันไม่ตกเลยนะ
ตกตอนเช้าๆ
พอขิมไปถึงปุ๊บก็มีแต่ละอองหิมะเบาๆตก แล้วฟ้าก็ใสเฉยเลย
ก็เริ่มตัดใจแระ อดเห็นหิมะตกปรอยๆลงมาแน่เลย...
ตอนเช้า ยังเห็นมันปรอยๆอยู่...
ลุงทุ่มเท ป่ายปีนไปถ่าย
ขิมก็อยากถ่ายแบบนี้หรอกนะ แต่ไม่กล้าอ่ะค่ะ เดินไปคนเดียวไกลๆแบบนั้น ไม่ใช่ทางที่ชาวบ้านเค้าเดินกัน เกิดหิมะถล่มโดนทับตายนี่ไม่มีใครรู้แน่ -_-''
: )
น่ารัก...
มีลูกชายสามคนแน่ะ... 5555 น่ารักทั้งสามคนเลยขอบอก
อิอิ
ต้นหิมะ : )
สะพานเต็มไปด้วยหิมะ แต่เดินง่ายกว่าตอนเช้าเยอะ
ตอนเช้าหิมะมันละลาย หรือคนเหยียบเยอะก็ไม่รู้หิมะมันแน่นแล้วลื่นมาก
คนแก่ลื่นกันให้เห็นคาตาหลายคนเลย น่ากลัวมาก...
แต่พอตอนเย็นขากลับ หิมะ มันเพิ่งตกใหม่ๆ เป็นสะพานฟูๆนุ่มๆ
เดินสบายไม่ลื่นเลย ^^
หิมะ อลังการณ์งานสร้าง ดาวล้านดวงมาก
งานนี้ขิมหวังจะมาหัดถ่ายรูปหิมะ
ก็ได้ถ่ายสมใจเลยล่ะ ^^*
พอสี่โมงก็มืดแล้วอ่ะ
ได้เวลาที่เรารอคอยพอดี
เข้าไปนั่งพัก กินขนมในคาเฟ่ น่ารักๆหลบหนาวรอเวลาขึ้นบัสเที่ยวเย็นกลับ
มองไปนอกหน้าต่าง
หิมะตกหนักเลย ก้อนใหญ่ๆตกลงมา น่าเล่นมากๆ เลยรีบคิดตังค์
แล้วออกไปวิ่งเล่นถ่ายรูปข้างนอกหนุกหนาน
ถ่ายหิมะกะลังตกๆ ต้องใช้ แฟรชแฮะ วินาทีนี้ อยากมีแฟรชดีดี ขึ้นมาทันทีเลย
ปกติขิมถ่ายรูปไม่ใช่แฟรชเลยนะ มาเพิ่งได้ใช้ก็วันเนี้ย >o<
light up แบบตามมีตามเกิด (มีไฟรถที่ขับผ่านไปมาช่วยส่อง.. 555)
เป็นอีกหนึ่งความฝัน ที่ยังไม่เป็นจริง
ว่าอยากมาดูไล้ท์อัพ กับถ่ายรูปที่นี่
มันมีแค่ปีละครั้ง ซึ่งที่พักที่นี่จองยากมาก เห็นป้าๆลุงๆบอกว่า
ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นครึ่งปีถึงจะได้ที่พักในหมู่บ้าน
เฮ่ออออ....
ไล้อัพ อนาถา ด้วยแฟรชส่วนตัวอีกรูป.. อิอิ (ระหว่างรอบัส)
พอถูไถแหละเนอะ
จะว่าไป เพิ่งเคยลงรูป ชิรากาว่า เยอะๆเนอะ
ทุกทีขิมก็ขี้เกียจทำ เลือกๆมานิดหน่อย แปะให้ดูพอหายอยาก
มีวันนี้อ่ะ เป็นการขยันทำรูปที่เร็วสุดๆ..
กลับมาถึงทำเลย ฟิตจัด
อิ อิ..
ก็หวังว่าจะดูกันสะใจนะคราวนี้
อ่อๆๆ
แถมๆๆๆ
อันนี้ original
:D
ส่งให้นัทดู บอกว่า เป็นบ้านราดครีม
นัทเลยบอกว่าให้ใส่ strawberry เข้าไปด้วย
ขิมก็โบ้ยให้นัททำให้หน่อยยย
ออกมาเป็นยังงี๊
ตึ๊งงงง...
ทำไปได้คับพี่น้อง >o<
5555555
ขอขอบคุณอุปการะคุณ อจ. NUAT แห่งมหาลัยเอกชน ชื่อดัง ย่านรามคำแหง (ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว เนื่องจากตอนนี้ ย้ายไปเป็น ม.เอกชนชื่อดัง ย่านบางบ่อแทน.. 5555)
ประมาณนั้นค่ะ..
จบกันดื้อๆอย่างงี๊แหละ...
:D
ปล. เนื้อเพลงตามคำขอค่ะ
แปลเอาเองมั่วๆตามความรู้ภาษาญี่ปุ่นข้างๆคูๆ บวกจิ้มๆดิค เอาบ้าง ผิดพลาดอย่างไร ก็ขออภัย m(_ _)m
私のお墓の前で泣かないで下さい watashino ohaka no mae de nakanaide kudasai อย่าได้ร้องไห้เลย หน้าหลุมศพของฉันนั่น
そこに私はいません soko ni watashi wa imasen ที่ตรงนั้น ไม่ได้มีฉันอยู่
眠って何かいません nemutte nanka imasen ฉันไม่ได้หลับไหลอยู่เสียหน่อย
千の風に千の風になって sen no kaza ni sen no kaze ni natte ฉันเพียงแต่กลายเป็นสายลม
あのおきな空を吹きわたっています ano okina sora wo fukiwatatte imasu ที่พัดผ่านอยู่ตลอดบนท้องฟ้ากว้างใหญ่นั่น
秋には光になって畑にふりそそぐ akiniha hikari ni natte hatakeni furisosogu ยามฤดูแห่งใบไม้ร่วง ฉันเป็นดังแสงแดดอ่อนโยนที่โปรยปรายสัมผัสผืนนา
冬はダイヤのようになって fuyu wa dia no yôni natte きらめく雪になる kirameku yuki ni naru ยามฤดูหนาว ฉันเป็นเกล็ดหิมะที่เสมือนเพชรพลอยส่องประกาย
朝は鳥になって asa wa tori ni natte あなたを目覚めさせる anata wo mezamesaseru ในยามเช้านั่น ฉันเป็นนกน้อยที่คอยปลุกเธอให้ตื่นจากนิทรา
夜は星になって yoru wa hoshi ni natte あなたを見守る anata wo mimamoru ในยามค่ำคืน ฉันเป็นดังดวงดาว คอยเฝ้ามองปกป้องเธออยู่..
私のお墓の前で泣かないで下さい watashino ohaka no maede nakanaide kudasai ได้โปรดอย่าเสียน้ำตาต่อหน้าหลุมศพของฉันเลย
そこに私はいません sokoni watashi wa imasen เพราะฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น
死んでなんかいません shinde nanka imasen ฉันไม่ได้ถูกความตายพรากจากไปเสียหน่อย
千の風に千の風になって sen no kaze ni sen no kaze ni natte หนึ่งพันสายลมนั่นต่างหาก ที่ฉันเป็น
あの大きな空を吹きわたっています ano okina sora wo fukiwatatte imasu พัดผ่านไปทั่วฟากฟ้ากว้างใหญ่นั้น
千の風に千の風になって sen no kaze ni sen no kaze ni natte หนึ่งพันสายลมนั่น ที่ฉันเป็น
あのおきな空を吹きわたっています ano okina sora wo watatte imasu พัดผ่านทั่วฟากฟ้าอันกว้างใหญ่
Create Date : 06 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2551 12:03:30 น. |
|
10 comments
|
Counter : 2537 Pageviews. |
|
|
|
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาแอบอ่าน+ดูรูป(งมๆ)ในblog ของนู๋ พี่ชอบมาก.....เลยค่ะ จริงๆนะ
พี่เป็ฯคนนึงที่หลงรักญี่ปุ่นแบบเข้าไส้แต่ไฉนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ไปถึงเมืองเค้าสักที
เห็นรูปแล้วก็เลยยิ่งอยากไป และคิดว่าปีนี้คงไม่พลาดแน่ๆ
ดูรูปไปก็ยิ้มไป น่ารักมากค่ะ ของคุณนะค่ะที่เอารูปมาให้ดูกัน