Group Blog
 
<<
เมษายน 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
19 เมษายน 2548
 
All Blogs
 
@-->- เสียงรถไฟแล่นฉึ่ก ฉั่ก-<--@

หายไปเสียนาน กลับมารายงานตัวแล้วค่ะ
(ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโดนจิก ลากกลับมาอัพบล็อก ฐานขี้เกียจซะนาน -_________-")

วันนี้ ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องของรถไฟเช่นเดิม ^^"
ไม่ใช่เพราะหมดมุขหรอกนะคะ แต่บังเอิญว่า ชีวิตช่วงนี้ พึ่งพาบริการรถไฟไทยอยู่บ่อยครั้ง หลังจากไม่ได้ใช้มาเกือบ 5 ปี พอกลับมาอีกพึ่งพาอาศัยกันอีกที เลย (แอบ) ออกอาการกิ๊วก๊าวเป็นธรรมดาของสาว (เหลือ) น้อย



ถ้าใครได้อ่านบล็อกเก่าเก็บเมื่อสักเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ก็จะพอจะได้ข้อมูลคร่าวๆว่า ชีวิตของอังศุมาลิน เอ้ย กิมจูนั้น ค่อนข้างหนิดหนมกับรถไฟอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นยานพาหนะหลักตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว และก็มาถึงตอนนี้ ที่กำลังเข้าสู่วัยชรา

อันที่จริงแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟก็นับได้ว่ามีข้อดีเอนกอนันต์เลยค่ะ อย่างแรกเลยก็คือ ราคาถูกมากกกกกกกกกกก เมื่อต้นมีนา ได้มีโอกาสลงไปทัศนศึกษาที่สถานีหาดใหญ่ ก็ได้เจ้าม้าเหล็กขบวนกรุงเทพฯ - สุไหงโกลกนี่แหละ พาไปจนถึงที่หมาย ด้วยระยะเวลา 15 ชั่วโมง กับ ราคา 200 บาท เอง

เมื่อเอามาหารเฉลี่ยต่อจำนวนชั่วโมงแล้ว นับว่าคุ้มเอาการ แต่นั่นหมายถึงว่า คุณจะต้องมั่นใจแล้วนะว่า สู้ตายกับรถไฟชั้นสาม -____-"

ใช่แล้วล่ะ 200 บาทที่ว่า ย่อมไม่ใช่ราคาตู้นอนไฮโซชั้นหนึ่งแน่นอน แต่ถึงจะต้องทนกับการนั่งๆ นอนๆ กินๆ อยู่ 15 ชั่วโมง ก็นับได้ว่าเป็นกำไรอย่างหนึ่งของชีวิต ขอแนะนำทุกท่านที่กำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวัน กำเงินไป 200 แล้วกระโดดขึ้นรถไฟไปเลยย


ห่วงจับ รูปทรงสีสันสุดคลาสสิค ตอนถ่ายรูปก็นั่งมองด้วยความปลาบปลื้ม ให้หลังไม่กี่สถานี ต้องลุกขึ้นไปโหนร่วมกับคนอื่น T____T นางงามรักเด็กค่ะ ต้องลุกให้เด็กนั่ง ตามมารยาทนางงาม


นอกจากราคาถูกแล้ว รถไฟยังตรงต่อเวลามากค่ะ หมายถึง เวลาออกจากหัวลำโพงนะ แล้วก็เฉพาะในยามปกติด้วย ในช่วงเทศกาลก็ต้องทำใจนิดนึง (ตัดปัญหาด้วยการนอนอยู่บ้านแทนดีที่สุด)

ความตรงต่อเวลา ณ หัวลำโพงนี่แหละที่ทำให้เสียทรัพย์เกินจริงมาหลายรอบแล้ว ทั้งจ่ายค่าแท็กซี่เพื่อมาให้ทันรถไฟออก กับ จ่ายค่าแท็กซี่อีกรอบเพื่อซิ่งไปดักที่สถานีต่อไป อย่างล่าสุด ก็เช่นเดิม เสียตังค์ไปเกือบ 50 บาท เพื่อมาให้ทันขึ้นรถไฟราคา 7 บาท

แต่ความตรงต่อเวลาที่หัวลำโพง ไม่ได้หมายรวมไปถึงเวลาขากลับนะคะ หมายถึง ที่สถานีที่เรารอจะขึ้นรถกลับน่ะค่ะ มักจะเกิดเหตุการณ์ปกติ 2 อย่างด้วยกันคือ

เหตุการณ์ที่หนึ่ง...รถไฟมาช้ากว่ากำหนด ซึ่งก็มีทั้ง ช้าไป 10 นาที อันนี้ถือว่าโชคดีมาก ช้าไป 20 นาที (เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย) กับแบบช้าไป 1 ชั่วโมง ซึ่งน่าหงุดหงิดแกม กังวลและกระวนกระวายอย่างหนัก แต่บางคนก็อาจจะไม่รู้สึกแบบนี้เลย ถ้าเป็นการนั่งรอกับแฟน (แถมบางทีรถไฟมาพาลจะอารมณ์เสียเอาง่ายๆว่า มาทำไมตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ)

ในกรณีเหตุการณ์ที่ 1 นี้ บางคนอาจแก้ทางด้วยการ ไปรอที่สถานีในเวลาที่คิดว่า รถไฟใกล้จะมาจริงๆแล้ว (ที่ไม่ใช่เวลาตามตาราง) แต่นับว่าเสี่ยงภัยพอสมควร เพราะเสี่ยงต่อการโดนรถไฟหักหลังมาก -___-" ซึ่งก็คือเหตุการณ์ที่ 2

เหตุการณ์ที่สอง.... คือ รถไฟมาก่อนเวลา และก็ออกไปก่อนที่เราจะมาทัน

หมายถึง เราคำนวณพลาดไปว่ารถจะเลท แต่มันดันมาตรงเวลาตามตาราง เราก็พลาดไปด้วยประการฉะนี้ กับอีกอย่างคือ รถไฟมาก่อนตารางเวลา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดเลย ซึ่งผลก็คือ ตกรถอีกตามเคย

ที่เคยเจอมาบ่อยๆสมัยเรียนอยู่ที่ทุ่งรังสิตก็คือ พอรถสองแถวที่ออกมาจากมอจอดปุ๊บ นักศึกษาก็เห็นรถไฟจอดอยู่ที่สถานี ก็กรูกันลงจากรถวิ่งไปเพื่อซื้อตั๋วที่สถานี ความหวังฉายแววเต็มเปี่ยมในดวงตาว่า มันต้องรอตรูแน่ๆ

และแล้ว...มันก็เคลื่อนออกไป ห่างออกไป ไปเลย...

การพลาดรถขบวน 5 โมงเย็น เด่นชัย - กรุงเทพฯ นั้น นับได้ว่าเสียหายหนัก เพราะเมื่อก่อนนี้ รถปอ. ก็ไม่ได้สะดวกมาก แถมเส้นทางพหลโยธิน ก็ไม่ต้องคิดเลย กำลังสร้างโทรล์เวย์อยู่พอดี ถ้าคนขับดับเครื่องแล้วหลับคอยได้ ก็คงทำไปแล้วล่ะ สิ่งที่ "เหล่านักศึกษาธรรมศาสตร์ประกาศชื่อก้อง" จะทำได้ก็คือ รอขบวนต่อปายยยย

ทึ่พึ่งสุดท้ายก็คือ ขบวน อุบลราชธานี - กรุงเทพฯ ซึ่งก็กว่าจะมาก็ปาเข้าไป 6โมงเย็น ไหนจะฝนตกในหน้าฝน ไหนจะมืดเร็วในหน้าหนาว แถมยุงที่เชียงรากก็ตัวเกือบเท่าแมลงวัน T____T และเมื่อเสียงหวูดรถไฟสายอุบลฯ แว่วมา มันก็ช่างไพเราะและเต็มไปด้วยความหวัง เทียบเท่ากับซิมโฟนีหมายเลข 9 Ode to Joy ของปู่เบโธเฟนเลยทีเดียว

แต่ก็เพราะการรอรถไฟที่เชียงรากนี่เอง ที่ทำให้เพื่อนคนหนึ่ง ได้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่งงานมีลูกไปแล้ว (ชิ อิจฉาๆๆๆ) ก็เพราะการรอรถไฟนี่แหละ ก็อาจจะจีบกันเวลาอื่นด้วยนะ แต่เราเห็นแต่ตอนรอรถไฟนี่นา

ความทรงจำอีกอย่างที่แล่นปราดมาเมื่อพูดถึงรถไฟที่เชียงรากก็คือ กระโปรงนักศึกษากับวิธีการขึ้นรถ

ไม่ใช่เรื่องง่ายนะกับการต้องตะเกียกตะกายขึ้นรถไฟให้เร็วที่สุด เพราะนั่นหมายถึง โอกาสในการหาที่นั่ง โชคร้ายรองมาก็คือหาที่ยืน ที่ว่าไม่ง่ายก็เพราะ ทุกคนก็ต้องคิดแบบเดียวกับเรา งานนี้ต้องวัดดวงกันหน่อย ถือว่าเป็นการเอ็กเซอร์ไซส์ที่ดี หลังเลิกเรียน

โดยปกติแล้ว ตามชานชาลา เขาก็จะมีแท่นปูนหล่อไงว้เป็นทางยาว สำหรับให้ก้าวขึ้นลงง่ายๆ แน่นอนว่า ทุกคนก็ต้องรอที่ตรงนี้กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เพื่อความอยู่รอด เอ้ย เพื่อความรวดเร็ว ก็เลยมีหลายคน เลือกที่จะขึ้นบริเวณที่เลยแท่นปูนออกไป ซึ่งก็คือไอ้ตรงที่เป็นพื้นรางรถไฟนั่นเอง ความลำบากมันอยู่ที่ ระยะห่างระหว่างบันไดขั้นล่างสุดกับพื้น มันต่างกันแยะ การจะขึ้นไปได้นั้น จำเป็นต้องมีลำข้อ(มือ) ที่แกร่ง เพื่อจับราว แล้วก็กะดีดี เหวี่ยงตัวขึ้นไปที่บันไดขั้นแรกให้ได้ ใครที่น้ำใจงาม ก็จะหันกลับมาดึงเพื่อนคนอื่นให้ตามไปด้วย

กิมจูก็เป็นหนึ่งในขบวนการนี้ ถ้าเป็นพวกผู้ชายก็สบายไปล่ะ เพราะใส่กางเกง แต่พวกผู้หญิงนี่สิ -____-" ตะเข็บกระโปรงด้านหลังขาดประจำ เพราะอย่าลืมว่า แฟชั่นเมื่อสิบกวาปีที่แล้ว นักศึกษาจะชอบกระโปรงผ้าชีฟอง บานๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีซับใน แล้วไอ้ซับในนี่เองที่ตะเข็บมักขาดประจำ สาวๆสมัยใหม่ก็น่าจะเสี่ยงไม่เบา เพราะกระโปรงรุ่นใหม่ สุดจะฟิต แต่ก็โชคดีไป ที่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครคิดจะนั่งรถไฟกลับกันเท่าไหร่แล้ว

เพราะฉะนั้น เมื่อขึ้นสู่ชั้นปีสอง กลับนิวาสสถานเดิมที่ท่าพระจันทร์ จึงไม่ค่อยมีใครแต่งชุดนักศึกษากันอีก คาดว่า น่าจะเป็นเพราะกระโปรงมันขาดไปเมื่อตอนปีหนึ่งนี่เอง (ที่จริงเป็นข้ออ้างที่ไม่หนักแน่นที่สุดเลยค่ะ)

แต่สิ่งที่ได้รับการโหวดติดชาร์จอันดับหนึ่งในใจเลยก็คือ ตั๋วรถไฟ ค่ะ ^^

จะว่าโรคจิตก็ยอม ชอบมาก ตั๋วรถไฟ แต่ต้องเป็นตั๋วรุ่นกระดาษแข็งๆ นะคะ จำได้ว่า เก็บไว้ทุกใบเลย (แต่ตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ใบเอง) ที่ตั๋วก็จะเขียนสถานีที่เราขึ้นกับสถานีที่เราจะลง พร้อมราคาตั๋ว ด้านหลังก็จะแสตมป์วันเดือนปีไว้เป็นหลักฐาน ตั๋วนี้ เวลาขึ้นรถไฟ ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาหนีบ ดังแก๊บๆๆๆๆๆ เป็นเสียงที่เพราะมากค่ะ

แต่ตรงกันข้าม วันที่ขึ้นรถแบบไม่ทันซื้อตั๋ว (เพราะกลัวตกรถ) เสียงนี้ก็น่าหวั่นกลัวไม่น้อย เพราะเราต้องจ่ายค่าตั๋วที่แพงกว่าเดิม ความผิดหนูเหรอออออ ที่มาทันแค่ขึ้นรถ ไม่ได้อู้เลยนะคะ ถ้าโดดเรียนได้ ก็จะโดดมาแย้ววววว



นี่เป็นตัวอย่างตั๋วที่เก็บไว้ได้ค่ะ จะเห็นได้ว่า สีสันและหน้าตาดูขลังสมกับเป็นของการรถไฟไทย ใบบนสุดนั้นได้มาตอนไปภาคสนามที่เส้นทางสายมรณะ ครั้งแรกและยังครั้งเดียวอยู่ที่ได้ขึ้นรถไฟแล่นเลียบหน้าผา อีกด้านเป็นเหว ส่วนใบถัดมา สีแปลกมากค่ะ เป็นตั๋วเที่ยวกลับจากเชียงราก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสีนี้ ต่างกับอันล่างซึ่งเป็นสีปกติ ส่วนอันล่างสุดเป็นตั๋วของ พ.ศ.2548 นี้เอง

มาตอนหลังนี่เอง ที่การรถไฟเลิกใช้ตั๋วแบบนี้แล้ว เปลี่ยนมาใช้ตั๋วกระดาษที่ออกโดยระบบออนไลน์แทน มีซองใส่ให้ด้วยอย่างดี แต่ค่อนข้างใบใหญ่เทอทะในสายตาเราและก็ไม่คลาสสิคเท่า ทีแรกที่รู้ เลยรีบไปค้นลังสมบัติ เพื่อหาตั๋วเก่ามาเก็บไว้ ก่อนที่ปลวกจะมาเจอ แล้วก็บังเอิ้ญญญญญ บังเอิญว่า ได้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีพระจอมเกล้า ในใจก็นึกว่า ได้ตั๋วใบยักษ์แน่ๆ ปรากฏว่า ได้ตั๋วแข็งมาค่ะ วี้ดว๊ายกระตู้วู้ อยู่ตรงนั้นเอง โชคดีที่มีคนเห็นอยู่แค่สองคน 1ในนั้นก็เพื่อน อีกคนก็คนขายตั๋ว

^^" ทำไงได้ ก็ดีใจจริงๆ นี่


ตั๋วรุ่นใหม่ เบาสบาย เสี่ยงต่อการบินออกนอกหน้าต่างเป็นอย่างยิ่ง


บ่นมายาวเกือบเท่าขบวนรถทั้งขบวน ก็คงต้องจบเอาห้วนๆแคนี้แหละค่ะ เพราะได้เวลาอาหารเย็นมื้อที่ 1 แล้ว อันที่จริงประสบการณ์ที่มีกับรถไฟยังมีอีกแยะ แต่ไม่ไหวแล้วล่ะ ไว้โอกาสหน้าฟ้าใหม่ค่อยมานินทากันต่อ แต่ตอนนี้ท้องร้องอย่างหนัก สมควรแก่เวลาไป(กิน)แล้ว เป็นอย่างยิ่ง [^___<]/**

บ้าย บาย

ปล. *สะกิดๆ* นี่ๆๆๆ ที่ทวงมาน่ะ เขียนให้แล้วนะ อย่าลืมมาอ่านล่ะ เหอ เหอ เหอ


Create Date : 19 เมษายน 2548
Last Update : 19 เมษายน 2548 19:06:18 น. 13 comments
Counter : 1192 Pageviews.

 
ดีจัง :-0 เรากำลังหาคนเขียนเรื่องรถไฟที่นี่อยู่พอดี เราคิดว่าจะไปกับเพื่อนหลายทีแล้ว แต่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ

แล้วจะตามมาอ่านอีกค่ะ
hve a nice day


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:19:17:49 น.  

 
อ่านในตั๋วแล้ว
"ผู้ใหญ่"
แล้วตั๋วกำนันราคาเท่าไหร่ค่ะ อิอิ


โดย: Redkiller1980 วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:20:20:38 น.  

 
โหะๆๆๆๆๆๆ เหมือนคนอัดอั้น เขียนได้ก้อร่ายยาวเป็นพระไตรปิฏกเชียว


โดย: ฮก IP: 161.246.1.33 วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:20:44:53 น.  

 
เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็ไม่เคยเขียนสั้นๆ แบบสูตรสมการ ของคุณพี่นี่ค้า


โดย: กจ (Meliot Baggins ) วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:21:05:07 น.  

 
ส่วนมากผมไม่ค่อยนั่งรถไฟเท่าไหร่หรอก เนื่องจากช้าและไม่ค่อยสะอาด
รถทัวร์สบายกว่าเยอะครับ ลองถามแก๊งค์ฮอบบิทปีนภูดูสิ เหอะๆๆ




ถ้าขึ้นรถไฟทีไร ก็เป็นอันต้องเดินทางไกลๆทั้งนั้น เชียงใหม่ ขอนแก่น ตรัง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปไกลถึงบัตเตอร์เวอร์ธโน่น..

เมื่อตอนประมาณ ม.2 ผมนั่งตู้นอนชั้นสองไม่มีแอร์ไปตรัง
พอไปถึงนั่น ผมแห้ง พันกันยุ่งเหยิง สระยังไงก็ไม่ปกติเหมือนเดิม
ผลสุดท้ายวิธีแก้หลังจากกลับบ้านแล้วก็คือ ตัดผม -___-"

ตั๋วรถไฟใบใหญ่ๆข้างล่างนั่นน่ะ
เขียนไว้ว่าราคา 6 บาท
ผมว่าเฉพาะค่าซองกับค่าพิมพ์ตั๋วมันก็หลายบาทอยู่นา..


โดย: ก่ายยย... วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:21:21:40 น.  

 
หุหุหุ อัพบล็อกได้แล้วเรอะ


โดย: ตว IP: 130.158.67.36 วันที่: 20 เมษายน 2548 เวลา:16:26:14 น.  

 
หุหุหุ แล้วเมื่อไหร่คุณ ตว จะอัพยา เอ้ย อัพบล็อกสักทีล่ะคะ


โดย: กจ IP: 61.90.68.5 วันที่: 20 เมษายน 2548 เวลา:20:14:57 น.  

 
เมื่อว่างจากหนังสือ กับรายงานที่รัดตัวค่ะ


โดย: ตว IP: 130.158.67.26 วันที่: 21 เมษายน 2548 เวลา:15:54:51 น.  

 
โห โดนรัดขนาดนี้ เอวก็คอดกิ่วเลยสิ

วี้ดวิ้ววววววววววววววว จากกันไปไม่นาน เอวบานๆ ก็เปี๊ยนไป๋


โดย: กจ IP: 202.5.88.149 วันที่: 21 เมษายน 2548 เวลา:17:36:35 น.  

 
มันก็จริงอะนะ ที่รถไฟมันช้า (ด่วนพิเศษช้ากว่า รถทัวร์ 3-4 ชั่วโมง)
แต่เรื่องความสะอาด ผมว่ามันขึ้นอยู่กับขบวน
อย่างที่ผมขึ้นไปกรุงเทพเนี่ยขึ้น ด่วนพิเศษบัตเตอร์เวิร์ธ - กรุงเทพ (ขึ้นที่หาดใหญ่ฮับ) มันก็สะอาด+สะดวกดีนะ

แล้วถ้าพูดถึงความสบายนะ รถไฟ(ตู้นอน)สบายกว่ารถทัวร์เยอะ(ๆๆๆๆๆๆ) เวลากินอะไรบนรถไฟมันก็สนุกดีอ่ะ

ถ้ามีเวลาให้ ผมชอบไปรถไฟมากกว่ารถทัวร์

ปล. การรถไฟจ้างมาโฆษณาให้แบบไม่ให้ตังค์ แหะ แหะ


โดย: ช่างไม้ วันที่: 25 เมษายน 2548 เวลา:14:41:37 น.  

 
เขาไม่จ้างให้ถ่ายแบบประกอบโฆษณาด้วยเหรอ ตาช่าง

*วี้ดวิ้ววววววววว*


โดย: กจ IP: 202.5.88.141 วันที่: 25 เมษายน 2548 เวลา:15:58:29 น.  

 
☺♦☻♥♣♠○◘•♀U/•8♣◙♂§▼►314‼☼)↕
มีเเบบการ์ตูนไหม


โดย: okok IP: 118.172.230.134 วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:13:50:39 น.  

 
โอ้โฮ ‼ เจ๋งมากเลยค่ะ


โดย: มิน IP: 118.172.230.134 วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:13:53:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Meliot Baggins
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ ... กลับมาแล้วค่ะ



อัพบล็อกใหม่แล้วค่ะ
... ชมสวนที่คาดว่า จะอังกิ๊ด อังกฤษได้ที่กรุ๊ป เมื่อดอกไม้บาน


Photobucket ...ภาพงานกระดาษของขวัญวันแต่งงาน ที่กรุ๊ป งานกระดาษ
ค่ะ
Friends' blogs
[Add Meliot Baggins's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.