ชีวิตกุ๊กฝึกหัด 2 เดือน 2 วัน + จะกลับมาเขียนอีกทีตอนผ่านโปรจร๊า ^^
วันนี้เข้า 8 โมง เลิก 6 โมง เกือบเข้างานไม่ทัน เหลืออีก 3 นาที วิ่งซะตับห้อยเลย --- อย่างที่จั่วหัวข้อไว้น่ะจ๊ะ ว่าจะมาเขียนอีกทีตอนผ่านโปร เหนื่อยมากจริงๆ เหนื่อยใจมากสุด และตอนนี้เหนื่อยกาย เพราะร่างกายมันเริ่มแย่แล้ว พักผ่อนไม่พอเลย --- เรื่องงาน : รอผ่านโปรเมื่อไหร่ จะทำเรื่องขอย้ายสาขา เพราะนอกจากจะไม่เจอคนที่ไม่อยากเจอแล้ว จะมีคนที่ถูกอัธยาศัยย้ายตามไปอีกหลายคน ช่วงนี้ทะเลาะกับที่บ้านบ่อย เพราะเค้าไม่ได้เห็นด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้ทั้งทำที่ร้าน ช่วยงานที่บ้าน ช่วยงานญาติ เหนื่อยมาก ไม่มีเวลาพักผ่อนเลยจริงๆ --- เรื่องกากๆ ในที่ทำงาน : 1. กระเทือนเบาๆ - เด็กที่เข้ามาใหม่ = น่าเบื่อ นี่น่ะเหรอ คนที่เคยผ่านงานในโรงแรมมาก่อน ทำอะไรไว้ไม่เคยเก็บเคยล้าง เป็นอะไรมากมั้ย ตู้เย็นก็ไม่ปิด ตูต้องมาคอยปิด คอยบอกให้ติดสติ๊กเกอร์วันที่ของที่ทำ ฯลฯ ทำไม! มันหน้าที่อะไรของตู บอกกี่ครั้งแล้ว เห็นตูเป็นผู้หญิงใช่มั้ย?! เห็นตูไม่เคยผ่านงานด้านนี้มาก่อนใช่มั้ย?! ถ้ามีอีกครั้ง โดนตูเล่นแน่! ไม่เอาไว้หรอก - คนที่อยู่มานานแล้ว แต่กะโหลกกะลา = อะไรกันเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำงานแบบนี้ผ่านงานมาได้ไง แล้วแถมยังไม่โดนไล่ออก แต่ก็นะ แค่ไม่เก่ง จำไม่ได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลในการที่จะไล่ออก เพราะไม่ได้ทำผิดกฏอะไร แต่มันสร้างความลำบากให้เพื่อนร่วมงานในครัวอย่างแสนสาหัสฟร่ะ เพราะเราต้องทำงานเป็นทีม ทำไมๆๆๆๆ คุณผิดจุดนั้นจุดนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เฮ้ยย ทำไมไม่จำอ่ะ - นายฝั่ง Service = เซ็ง อะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้มีความเป็นผู้นำเลยสักนิด ทั้งร้านไม่มีใครชอบยัยนี่เลย แถมทาง Office ก็ไม่มีใครชอบเค้าเหมือนกัน ไม่ไหวๆ แถมยังไม่ปลื้มตูซะอีก หาเรื่องมาให้ตูหงุดหงิดได้ตลอด 2. กระเทือนพอควร - เด็กที่มาจีบ = เกะกะลูกตาเป็นที่สุด หน้าด้าน มีเมียแล้วยังกล้ามาโกหกว่าไม่มี ดีนะที่ตูไม่โง่ ระดับตูไม่เลือกมรึงอยู่แล้ว รำคาญๆๆๆ ต้องอยู่ครัวเดียวกัน ต้องเฉียดไปมา ต้องฝืนคุยเรื่องงาน แถมพูดดีเข้าตัวอยู่ตลอด - หึงบ้าบอ = อะไรนักหนา คนมันต้องทำงานด้วยกัน ตูเองก็คุยกับทุกคนเหมือนๆ กันนั่นแหละ นี่ก็หึงผัวบ้าบอ คงกลัวว่าผัวจะเปลี่ยนใจล่ะมั้ง หรือไง ถึงได้มาทำหน้า ทำท่า ไม่พอใจใส่ตูตลอด บ้าเปล่า! --- วันที่ได้คุยกับ Manager ในวันที่จะขอลาออก : วันนั้นเนี่ย ไม่อยากอยู่แล้วจริงๆ นะ ไม่ได้จะขอลาออกเพื่อให้ใครๆ มาง้อ เพราะมันอึดอัดเหลือเกิน คิดว่าการไปน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่่สุดในตอนนั้น แต่วันนั้นแหละทำให้ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง เปลี่ยนทัศนคติ และการมองคนในร้านเปลี่ยนไปเยอะ ประมวลได้ดังนี้ - Manager = "ออกทำไม ผมไม่ให้ออก ทำมาขนาดนี้แล้ว เป็นเกือบจะหมดอยู่แล้ว อย่างคุณเป็นนายคนได้ ผมไม่อนุมัตินะ ผมไม่ปริ๊นท์ใบให้อ่ะ เจ็บมืออยู่" - เพื่อนสนิท No.1 = "แกจะไปสนใจทำไม กะอีแค่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มเดียว แกควรจะแคร์คนที่รักแกสิ คนที่เห็นด้วยกับแกมีตั้งเยอะ" - พี่ที่สอนงาน = "แกออกไปตอนนี้ก็เท่ากับว่่าแกยอมรับน่ะสิว่าแกผิด คนถูกต้องอยู่โว้ย ถ้าเป็นชั้น ชั้นจะอยู่ให้พวกมันทรมานใจ เราไม่ใช่คนสร้างปัญหานะ เราต้องอยู่เพื่อพิสูจน์สิ" *อืม วันนั้นรู้สึกซึ้งใจจริงๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคน ที่ไม่เคยสนิท ไม่เคยรู้ว่าคิดกับเรายังไง ก็ได้รู้ และได้คุยกันมากขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ดีกับเรานะ เราจะสู้ต่อไป --- มาลองคิดๆ ว่า ถ้าได้เป็นรองผู้จัดการจริงๆ ไม่อยากอ่ะ ต้องคุมคนที่ทำงานสายนี้ เค้ามีสังคมที่เราไม่คิดว่าจะคุมเค้าได้เลย มันเหนื่อยใจไปล่ะมั้ง คิดไว้ว่า ถ้าได้รับการโปรโมทก่อนปีนึง จะไม่รับ เพราะคิดว่ายังคงไม่เข้าใจในงานอย่างลึกซึ้งแน่ (ที่นี่ขาดในตำแหน่งผู้จัดการและรองพอควร เพราะคนที่จะได้เป็น ต้องเก่งในระดับหนึ่งจริงๆ นะ เค้าถึงต้องมาเฟ้นหาคนที่พอมีแววมาเทรนแบบเข้มข้น) --- ** ด้วยประการละฉะนี้ การขอย้ายสาขา มันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเรา ตัดปัญหาไปได้มาก ไม่จำเป็นที่จะต้องทนที่นี่ ไม่คุ้ม **
Create Date : 22 พฤษภาคม 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 21:21:38 น. |
Counter : 514 Pageviews. |
|
|
|
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ หาอะไรที่คลายเครียด
นะคะ