ทำดีในทุกๆวัน
 
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
2 กรกฏาคม 2555

บำบัดอาการข้างเคียงของเคมีบำบัด





ผลข้างเคียงของเคมีบำบัดที่ต้องรู้มีดังนี้คือ คุณจะเปลี่ยนจากคนที่ไม่มีอาการอะไรกลายเป็นคนป่วยในทันที มีอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องเสีย อาจจะมีอาการปวดท้อง อาจจะมีไข้ต่ำ ๆ ฟกช้ำง่าย หรือเลือดออกไม่หยุด ชาตามปลายมือปลายเท้า เม็ดเลือดขาวต่ำ เลือดจาง เกล็ดเลือดต่ำ น้ำหนักลด ส่วนผมจะร่วงหรือไม่นั่นแล้วแต่ชนิดของเคมีบำบัด
วิธีผ่อนเบาอาการข้างเคียงของเคมีบำบัดนั้นสามารถทำได้ และคุณต้องเริ่มต้นทำด้วยตัวของคุณเองเท่านั้น
1. อาหาร
หลังจากให้เคมีบำบัดในวันแรก ๆ อาจจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาหารที่ควรจะกินคือ อาหารที่เป็นของเหลว ย่อยง่าย ไขมันต่ำ เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊กเละ ๆ กล้วยเผา น้ำข้าว ซุปผัก โดยให้กินครั้งละแต่น้อย แต่กินให้บ่อยกว่าเดิม เมื่อใดที่หิวให้กินทันที ไม่ต้องรอถึงมื้ออาหาร
2. การออกกำลังกายแบบตะวันออก
เคมีบำบัดจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สุดปลายทางซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย เคมีบำบัดยังทำให้หลอดเลือดตีบตัน ดังนั้นคนที่ได้รับเคมีบำบัดจะรู้สึกชาปลายมือปลายเท้า บางคนเล็บดำ ฝ่ามือคล้ำดำแบบคนต้องพิษ
การฝึกชี่กงจะสามารถกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
3. การฝึกจิต
อาการข้างเคียงของเคมีบำบัดส่วนหนึ่งเกิดจากความกลัว เนื่องจากได้ยินได้ฟังมาอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อมาประกอบกับอาการไม่สบายจากการให้เคมีบำบัด อาการที่ควรจะเกิดขึ้นแค่ระดับ 2-3 ก็จะเพิ่มเป็นระดับ 11-12 ทันที
4. การอบสมุนไพร
เคมีบำบัดไปรบกวนไขกระดูก ดังนั้นผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัดจะมีจำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำลง ทำให้มีอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ยิ่งให้เคมีไปหลาย ๆ ครั้ง เม็ดเลือดขาวก็จะตกลงเรื่อย ๆ
ทำอย่างไรให้เม็ดเลือดขาวที่ถึงจะลดจำนวนลง แต่ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้ความร้อนคือคำตอบ
ธรรมชาติของร่างกายเรานั้น หากเม็ดเลือดขาวอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ร้อนกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกายความร้อนจะกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น การอบสมุนไพรจึงช่วยได้
5. การสวนกาแฟ
การสวนกาแฟเป็นการใช้คาเฟอีนไปกระตุ้นตับให้ขับสารพิษที่เกิดจากการทำลายเนื้อเยื่อของเคมีบำบัดออกมา จะทำให้อาการครั่นเนื้อครั่นตัวลดลง ทำให้สบายขึ้น ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีกว่า
6. วิตามินและอาหารเสริม
วิตามินและอาหารเสริมมีความจำเป็นในการเสริมสุขภาพระยะนี้ อย่างน้อยผู้ป่วยในระยะให้เคมีบำบัดควรได้รับวิตามินซี (ชีวภาพ) วันละ 4-10 กรัม เบต้าแคโรทีน วันละ 90-180 มิลลิกรัม วิตามินอีวันละ 400 หน่วยสากล และเซเลเนียม 100-200 ไมโครกรัม
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเมนูอาหารในผู้ป่วยที่กำลังได้รับเคมีบำบัด




ซุปฟักทอง

เครื่องปรุง
ฟักทอง 1 ซีก หอมหัวใหญ่ 1 ลูก ขนาดกลาง ๆ
มันฝรั่ง 1/2 หัว
น้ำซุปผัก 1 ถ้วย
พริกไทยดำ 10-12 เม็ด
ใบกระวาน 2-3 ใบ
ผักชีแต่งหน้า
ขนมปังโฮลวีท
ซีอิ๊วขาว



วิธีทำ
เผาหอมใหญ่ กับมันฝรั่งทั้งเปลือกก่อน ลอกเอาเปลือกมันฝรั่งออก สับฟักทอง หอม และมันฝรั่งลงต้มในน้ำซุป ใส่เม็ดพริกไทยดำ ใบกระวาน ต้มจนสุกนิ่ม ตักเอาใบกระวานกับพริกไทยออก เอาทุกอย่างไปปั่นในเบลนเดอร์ ให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว โรยหน้าด้วยขนมปัง และผักชี

หมายเหตุ : ซุปกับขนมปัง มื้อเล็ก ๆ มักจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังให้เคมีบำบัด การกินอาหารระหว่างมื้อเป็นซุปแบบนี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่าการทนอาเจียนและไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่สำคัญอยู่ที่ซุปนี้ต้องไม่มีครีม หรือไม่มีไขมัน จึงจะผ่านกระเพาะไปได้เร็ว ไม่ถูกขย้อนกลับออกมาหมดเวลาคลื่นไส้











Create Date : 02 กรกฎาคม 2555
Last Update : 2 กรกฎาคม 2555 11:16:36 น. 0 comments
Counter : 2921 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญกรุ่นเกล้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




[Add บุญกรุ่นเกล้า's blog to your web]