Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
อาการปวดท้องตำแหน่งต่างๆ

* ปวดท้องด้านขวาตอนบนความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของช่องท้อง มักเกิดจากโรคตับและถุงน้ำดี

* ปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร แอ่งกระเพาะอาหาร คือบริเวณที่อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหารและอาการไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้เช่นเดียวกัน บางครั้งโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดี ก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้

* ปวดท้องส่วนกลาง ส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุมาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มขึ้นที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง

* ปวดท้องด้านซ้ายตอนบนอาจมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่
แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร นั่นหมายถึงอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ

* ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน อาการอักเสบ ของลำไส้

* ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกันพร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)

กลุ่มอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด (dyspepsia) จะมีอาการหลักคือ เมื่อตื่นเช้าจะสบายท้องดี
แต่หลังรับประทานอาหารหรือเมื่อเริ่มทำงานจึงเริ่มอึดอัดท้อง และจะเป็นอยู่หลายชั่วโมง นอกจากนี้เป็นลักษณะอาการปวด จุกเสียด แน่นบริเวณหน้าท้อง เรอเหม็นเปรี้ยว เมื่อเรอแล้วจะสบายขึ้น หากมีอาการมากๆ ท้องจะเกร็ง อาการที่เกิดร่วมด้วยคือ เรอบ่อย ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น อาจจะมีอาการทั้งท้องผูกและท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่เป็นโรคนี้จะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด ส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน

กลืนลำบาก
“อาการของหลอดอาหารที่สำคัญคือ อาจเกิดจากก้อนเนื้อหรือมะเร็ง
หรืออาจเกิดจากกล้ามเนื้อหรือระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารไม่ดี ระบบประสาทไม่ทำงาน วิธีสังเกตก็คือ ถ้ากลืนแล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก และต้องสังเกตว่าสิ่งที่กลืนลำบากนั้นเป็นของแข็งหรือของเหลว
ถ้าเป็นมะเร็งแรกๆ จะกลืนลำบากเฉพาะของแข็ง เช่นเนื้อสัตว์
ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่ได้รักษา ต่อมาจะกลืนก้อนเล็กๆ หรือแม้แต่ของเหลวอย่างน้ำก็ไม่ได้ จะสำลัก ส่วนการกลืนลำบากที่ไม่ใช่สาเหตุจากมะเร็ง แต่เกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะของหลอดอาหารนั้น จะกลืนไม่ได้ทั้งของแข็งและของเหลวแต่แรกเลย และอาจจะเป็นๆ หายๆ สรุปแล้วถ้ากลืนลำบากต้องหาหมอก่อน อย่าสันนิษฐานเอง”

จุดเสี่ยงโรคฮิตที่ไม่ควรมองข้าม
แสบร้อนกลางอก ตอนกลางคืนส่อกรดไหลย้อน
“กรดไหลย้อน เป็นกรดจากกระเพาะที่ขึ้นไปในหลอดอาหาร ชาวตะวันตกเป็นมากกว่าชาวเอเชีย
แต่ตอนนี้ชาวเอเชียเริ่มเป็นมากขึ้น เพราะไปกินอาหารเหมือนตะวันตก แล้วเริ่มอ้วน
เพราะโรคนี้จะเป็นกับคนอ้วน กินแล้วนอน และเกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่ค่อยสนิท
กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผลหรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก จะเป็นเวลานอนตอนกลางคืน
นอกจากนี้เวลานอนอาจจะไอ สำลัก หอบ ซึ่งอาจทำให้นึกว่าเป็นโรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่
เพราะฉะนั้นคนที่มีอาการตอนกลางคืนต้องนึกถึงกรดไหลย้อนด้วย”
หลังอาหารมื้อหนัก หากยกของหนักหรือว่านอนหงายกรดก็จะไหลขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้

โรคแผลในกระเพาะอาหารติดต่อได้
โรคที่เกิดกับกระเพาะก็มีได้ทั้งโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
ซึ่งอาจจะมีทั้งเลือดออก การอุดตัน หรือทะลุ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแผลที่กระเพาะอาหารกัน
สาเหตุใหญ่ๆ ที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะเกิดจากการติดเชื้อโรค Helicobacter pylori
และการกินยา NSAIDs (Non-steroidal anti-inflammatory drugs)

สำหรับเชื้อโรค Helicobacter pylori จะอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา มากกว่าในประเทศที่เจริญแล้ว ในอินเดีย บังคลาเทศ คงมีมาก
อยู่ในสภาพที่สกปรก แออัดเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำ อยู่ในตัวคน ในน้ำลาย อาหารที่อาเจียนออกมาของเด็กๆ
ถ้าไม่ติดตอนเด็กมักจะไม่เป็นอีกแล้ว โดยมากเราจะติดโรคนี้ตอนเราเป็นเด็ก บ้านไหนที่ลูกดก ก็จะมีเชื้อโรคนี้ได้ง่าย ซึ่งก็ทำให้เกิดกระเพาะอักเสบ เกิดแผล เกิดมะเร็งได้ ซึ่งหากตรวจพบเชื้อและฆ่าเชื้อนี้ได้ก็จะหาย
นอกจากนี้ยา NSAIDs ซึ่งเป็นยาแก้ปวด แก้โรคข้อ แก้อักเสบข้อ
ซึ่งผู้สูงอายุบางคน หรือคนที่เป็นโรคเกาต์ รูมาตอยด์ โรคกล้ามเนื้ออักเสบ ที่มักจะกินเป็นประจำ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่มีผลต่อกระเพาะ คือทำให้เกิดแผล เลือดออก ทะลุ หรืออุดตัน เพราะฉะนั้นอย่าซื้อยากินเอง
ไอบีเอสไม่ใช่โรค
ไอบีเอสมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ท้องอืด แน่นท้อง มีลมมาก เรอและผายลมบ่อยๆ
อาการจะเป็นๆ หายๆ ไปตรวจก็ไม่เจออะไร แต่ไม่หายสักที อาจจะเป็นระยะเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีก็ได้
นอกจากนี้หากเครียดหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ อาการก็จะรุนแรงขึ้นได้
ไอบีเอสจะมีอาการปวดท้องไม่สบายในท้อง ซึ่งสัมพันธ์กับการถ่ายอุจจาระ และลักษณะของอุจจาระที่ถ่ายออกมา
เช่น เมื่อปวดท้อง พอได้ถ่ายอุจจาระแล้วสบายท้อง หรือได้ถ่ายอุจจาระแล้วท้องเดิน หรือถ่ายอุจจาระแล้วแข็ง
จุกแน่นชายโครงขวาระวังตับอักเสบเรื้อรังและมะเร็งตับ
สาเหตุของโรคตับอักเสบเรื้อรัง เกิดจาก
หนึ่ง เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี
สอง เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี
สาม การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
และสี่ คือความอ้วน ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่าทำให้ตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน
นอกจากนี้คนที่ได้รับสารอัลฟาทอกซิน และมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง ทำให้เป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน

หลังจากได้รับเชื้อ เชื้อจะฟักตัวอยู่ 2-3 เดือน ช่วงนั้นจึงอาจไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย อาจมีอ่อนเพลียเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน และจะจุกแน่นที่ชายโครงขวาซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ ถ้าเกิดมีการอักเสบขึ้นมาก็จะเจ็บที่บริเวณนี้มากขึ้น อาจมีไข้ และตัวเหลือง เมื่อตับวาย เราจะผอม กล้ามเนื้อลีบ ไม่เผาผลาญสารอาหาร ไม่กำจัดสารที่มีพิษ เราก็จะมีพิษสะสมในร่างกายมาก

“เมื่อเป็นตับอักเสบ เป็นตับแข็ง จะทำให้เป็นมะเร็งได้ในที่สุด
แม้จะทำการรักษาหรือหยุดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้ว แม้ไวรัสจะหายไปแล้ว แต่ตับแข็งจะดำเนินไปเรื่อยๆ
จนวันหนึ่งจะเป็นมะเร็งได้ สาเหตุของมะเร็งจึงมาจากตับแข็ง สาเหตุของตับแข็งมาจากสี่สาเหตุข้างต้น”

แน่นท้องหลังกินอาหารไขมันสูงอาจเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
“โรคนิ่วในถุงน้ำดีนี้มักเป็นกับผู้หญิงอ้วน อายุ 40 ขึ้นไป กินอาหารไขมันสูง หรือมีลูกดก
เพราะการตั้งครรภ์แต่ละครั้งถุงน้ำดีจะไม่ค่อยบีบตัว แต่จะนิ่ง พอนิ่งก็ตกตะกอนทำให้เกิดนิ่วได้”

บางคนหลังทานอาหารจะอึดอัดเหมือนอาหารไม่ย่อย และมักจะเป็นหลังทานอาหารไขมันสูง
สังเกตได้จากความรุนแรงของอาการ คือ ยิ่งถ้าทานอาหารที่มีไขมันเข้าไปมากๆ ก็จะรู้สึกแน่นมากขึ้น
ถ้าเกิดนิ่วที่ไปอุดท่อน้ำดีจะปวดที่ชายโครงขวา อาจร้าวไปถึงไหล่ขวาได้ ปวดท้อง
ถ้าเกิดนิ่วอุดที่ท่อน้ำดีก็จะมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง อาจจะทำให้เป็นถุงน้ำดีอักเสบได้

อุจจาระผิดปกติเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
“กลุ่มเสี่ยงของโรคนี้คือผู้ชายอายุ 50 ขึ้นไป ที่กินมันสัตว์เยอะ กินเนื้อสัตว์เยอะ ท้องผูก ไม่ออกกำลังกาย และมีพฤติกรรมสูบบุหรี่”

อาการที่ส่อว่าจะเป็นมะเร็งคือ ปวดท้อง อาเจียน ไม่ผายลม ท้องผูกไม่ถ่ายอุจจาระ
ถ้าเกิดก้อนเนื้อที่ด้านซ้ายจะมีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย และอุจจาระลำเล็กลง หรือเป็นก้อนเล็กๆ
เพราะก้อนมะเร็งทำให้ลำไส้อุดตัน ถ้ามะเร็งเกิดที่ด้านขวามักจะคลำเจอก้อน
ถ้าเกิดก้อนในส่วนลำไส้ใหญ่ส่วนตรงจะทำให้ปวดทวารหนัก ความรู้สึกว่าถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นเลือด
นอกจากนี้อาจมีก้อนออกมาทางทวารหนัก ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต

ปวดเบ่งต้นทางโรคริดสีดวงทวาร
“เกิดจากหลอดเลือดดำของบริเวณลำไส้ใหญ่โป่งพองหรือยื่นออกมา สาเหตุหนึ่งคือปัจจัยทางพันธุกรรม
สองคนที่ต้องยืนหรือนั่งนานๆ เพราะเลือดไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ค่อยดี จะคั่งอยู่บริเวณปลายลำไส้ใหญ่”

อาการเริ่มแรกจะมีอาการปวดเบ่ง เหมือนอยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก
ขณะถ่ายอุจจาระ มักมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน ระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก

ถ้าทานอาหารกากใยน้อยจะทำให้การขับถ่ายไม่ดี
เวลาเราถ่ายจะต้องเบ่งเยอะ ทำให้ความดันในช่องท้องสูง ทำให้เส้นเลือดในบริเวณก้นมันโป่ง

ฟื้นฟูเพื่อระบบย่อยแข็งแรง
โดยรวมอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารอันดับหนึ่งคือ
อาหารที่มีกากใยสูงก็มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นค่ะ เพราะอาหารที่มีกากใยสูงเปรียบเสมือนไม้กวาด
ที่คอยทำความสะอาดลำไส้ ตับ และระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น
และยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า

อาหารที่มีเอนไซม์ก็ดีต่อการช่วยย่อยเช่นกัน เช่น
สับปะรด ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์สูงช่วยย่อยโปรตีน ช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร
มะละกอ มะม่วง มีเอนไซม์ชื่อปาเปนที่มีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร
ช่วยทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหารได้ดี

นอกจากนี้อาหารบางประเภทก็มีประโยชน์ในการเยียวยาโรคบางชนิด ในลำไส้ได้ เช่น
โยเกิร์ต เพราะโยเกิร์ตมีแบคทีเรียตัวดี ที่ช่วยให้แบคทีเรียฟลอราในลำไส้เจริญเติบโต
ซึ่งช่วยบรรเทาอาการของลำไส้แปรปรวนได้
ขณะที่ถั่วเมล็ดแห้ง สลัดผักใบเขียว มันเทศ มีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำช่วยป้องกันอาการท้องผูก
ส่วนผลไม้ต่างๆ และแครอทซึ่งมีเส้นใยอาหารละลายน้ำ จะช่วยลดอาการท้องร่วงในผู้ที่เป็นโรคนี้ ได้

สำหรับภาวะกรดไหลย้อน ก็มีถั่วเมล็ดแบน มันฝรั่ง ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดขาว มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่กระเพาะย่อยได้ง่าย ก็ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนที่อก

ยอดแค ถั่วเมล็ดแห้ง ผักต่างๆ
ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ช่วยลดน้ำหนักได้ และบรรเทาอาการแสบร้อนที่อกได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า อาหารประเภทเต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง
โดยเฉพาะถั่วที่มีสีแดงและสีขาว มีส่วนช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยพิจารณาจากดัชนีมวลกายทั้งชายและหญิง
โดยน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง ให้ได้ดัชนีมวลกายไม่ให้เกิน 23 ( ผู้ชายน้ำหนักไม่ควรเกิน 70 กิโลกรัม ) วัดรอบเอวดู ผู้หญิงรอบเอวไม่เกิน 80 เซนติเมตร ผู้ชายไม่เกิน 90 เซนติเมตร

การออกกำลังกายที่ดีต่อระบบย่อย น่าจะเป็นการเดินหรือการวิ่งเพราะจะได้เคลื่อนไหว
ทำให้ระบบดียิ่งขึ้น ถ่ายยอุจจาระก็ง่ายขึ้นด้วย



Create Date : 08 สิงหาคม 2553
Last Update : 8 สิงหาคม 2553 15:50:06 น. 4 comments
Counter : 7730 Pageviews.

 
ขอบคุณนะคร๊

เพราะตอนนี้มีปัญหากะท้องมากๆๆๆ


โดย: พิม IP: 113.53.6.194 วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:19:48:11 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้มากค่ะ


โดย: ศรีราชา IP: 210.118.108.254 วันที่: 13 มิถุนายน 2555 เวลา:15:48:18 น.  

 
ขอบคุณคะสำหรับความรู้นี้


โดย: ตุ๊กกี้ IP: 115.67.130.94 วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:17:25:20 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ ได้ประโยชน์มากๆ


โดย: น้ำนิ่ง IP: 110.169.164.28 วันที่: 14 พฤษภาคม 2556 เวลา:18:21:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KhunNoo@rm
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Load Counter
Google
New Comments
Friends' blogs
[Add KhunNoo@rm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.