Group Blog
 
 
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
T_T ภารกิจ ครึ่งเดือนอยู่รอดได้ด้วยของในบ้าน กับเงิน 500 บาท T^T ตอนที่ 5 ปิ่นโต ณ.คลองบางหลวง ไดฟุกุ และกินข้าวนอกบ้าน

19 / 4 /2554

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับ วันที่ 5 ละ ของภารกิจต่อเนื่อง วันนี้ที่บ้านผมอากาศแปลกประหลาดมากมาย มีทั้งร้อน หนาว ฝน ภายในวันเดียว - -" ที่บ้านนี้ อากาศจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมมากๆครับ เพราะว่าบ้านค่อนข้างโปร่ง เป็นบ้านแบบสมัยเก่า(โบราณนั่นล่ะ) อากาศเลยเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
วันนี้ตื่นมาตอนเช้า ฝนตกหนังอย่างกับฟ้ารั่ว อากาศเย็นฉ่ำ จนเกือบหนาวเลยครับ เป็นอานิสงค์ เลยไม่ต้องรดน้ำอีกวัน

อากาศดีๆแบบนี้ วันนี้เลยสบโอกาส ได้ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ กินข้าวนอกบ้านบ้าง แถมยังมีเพื่อนมาหา เอาของมาให้ถึงสองคนด้วย เจ้าของกระทู้ซาบซึ้ง TwT ในขณะเดียวกันก็จ่ายเงินไปพอสมควรเหมือนกัน(ออกบ้านปุ๊บ เสียตังค์ปั๊บ - -" จะรอดมั้ยนี่)

วันนี้ จะพาเพื่อนๆทุกคนไปเที่ยวคลองบางหลวงกันครับ พร้อมกับทำปิ่นโตไปกินด้วย(ปิ่นโตจริงๆนะ) คลองบางหลวงนี่ บรรยากาศเหมือนจะหลุดไปอีกที่เลยล่ะครับ ที่ไม่ใช่กรุงเทพ พาใครไปเที่ยวก็ติดใจกันทุกคน อยู่ได้เป็นวันๆ จนลืมเวลากันไปเลย







ตื่นมาตอนเช้า อะไรกันนี่ เมื่อวานยังแดดเปรี้ยงปร้าง ร้อนฉ่า วันนี้ ฝนตกฟ้ารั่ว หนาวคว้าผ้าห่มแทบไม่ทัน - -"
เจ้าของกระทู้นัดเพื่อนไว้ตอนบ่าย แต่ว่าวันนี้ตื่นเช้าทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนดึก เลยนอนฟังเสียงฝนอยู่ริมหน้าต่าง
ฝนตกใหม่ๆแบบนี้ หอมกลิ่นดินกลิ่นหญ้าให้ฟุ้งไปหมด






นอนฟังฟ้าฟังฝนไป จนเกือบสิบโมง ก็ลุกไป ตระเตรียมของทำปิ่นโต
เนื่องจากตกลงกับเพื่อนแล้วว่า จะเอาปิ่นโตไปกินกันด้วยที่โน่นครับ
ปลาดุกตัวเมื่อวานนั่นละครับ จัดการผ่าท้อง แล่เนื้อเถือหนังแล้วหมักซอสไว้ตั้งแต่เมื่อวาน






ซอสนี่ก็ปรุงไว้ตั้งแต่เมื่อวานเหมือนกัน
จริงๆอยากได้ซอส คาบายากิ แบบที่ขายเป็นขวดๆ เป็นซอสสำหรับทาปลาไหลน่ะครับ
แต่ไม่มี ครั้นจะทำเองก็ไม่รู้สูตร แถมเคยได้ยินว่าเค้าต้องหมักต้องเคี่ยวกันเป็นปีๆ

เลยอาศัยมั่วๆเอา ปรุงซอสออกมาให้ได้รสหวานๆเค็มๆใช้แทนไปก่อน เจ้าของกระทู้เอาซอสเทริยากิ ผสมกับซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำผึ้งปลอม เกลือ กระเทียม พริกไทย แล้วก็ชิมๆเอาให้ได้รสที่คิดว่าโอเคครับ ไม่ได้ตวงใดๆทั้งนั้น แล้วก็เอาทาๆๆที่ปลา หมักไว้ตั้งแต่เมื่อคืน






พอมาวันนี้ก็จัดการเอาปลามาชำแหละอีกที ต้องขอบคุณชีวิตที่บ้านนอก ที่ทำให้มีสกิลการแล่ปลาติดตัวมาบ้าง






แล่เอาแต่เนื้อเลยครับ ตามยาว สองซีกของตัวปลา ตัดหัว เลาะก้างออกให้หมด(หัวกับก้างเก็บไว้ ทำซุปหรือทำอย่างอื่นมื้อต่อไป)






เนื้อปลาที่แล่ออกมาแล้ว ก็เอามาหั่นเป็นท่อนๆ พอดีๆครับ เอาชุบซอสคาบายากิจำลองที่เราทำไว้ แล้วก็เอาไปย่างบนเตาย่างเลย






ทาซอส ทาซอส ย่าง แล้วก็ทาซอส ทาซอส ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ซ้ำๆกัน นานๆทีก็กลับด้านบ้าง






ระหว่างรอปลาย่าง ก็มาเตรียมอย่างอื่นดีกว่า เอาไข่ที่เป็นถุงในตู้เย็นออกมา เทใส่ชาม ไข่แดงสามฟอง ไข่ขาวเท่าไหร่ไม่รู้ เพราะไม่สามารถนับได้ - -"






ตีๆๆๆ ใส่น้ำนิด ซีอิ้วหน่อย น้ำตาลทรายนิดนึง มิรินไม่มีก็ไม่ใส่






เอากระทะสี่เหลี่ยมมาตั้งไฟ ทาน้ำมัน เทไข่ลงไป อ้าว ตีไข่ไม่ทั่วแฮะ เป็นดวงขาวๆ - -"






พอไข่เริ่มแห้งก็เอาตะหลิวกระแซะๆ ม้วนๆๆๆไปกองไว้ด้านนึงของกระทะ






อยากให้ใหญ่ขึ้นอีก เลยเทไข่ลงไปเพิ่ม แล้วก็ม้วนๆๆๆจากด้านที่มีไข่กองอยู่กลับมา






ผมทำรอบนี้แล้วออกมาไม่เวิร์ครับ แต่กินได้นะ เป็นอะไรไม่รู้ ไข่ติดกระทะ ขาดกระจุยกระจาย ไม่เป็นรูปเป็นทรง






ม้วนก็ไม่แน่นอีกต่างหาก ไข่ก็ตีไม่เท่ากัน เป็นดวงๆ (แอบสวยนะ ตอนหั่น) เอาไข่ที่ม้วนไว้มาซอยๆๆเป็นแว่นๆครับ จะได้ทานง่ายๆ






พอทำไข่ม้วนเสร็จ ปลาย่างมันก็จะเริ่มออกสีน้ำตาลๆแลดูน่ากินพอดี ลืมบอกไปว่า หุงข้าวไว้รอด้วยนะครับ ตั้งแต่ตอนย่างปลาเลยก็ได้ วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นก็ เคยโพสท์ไว้เมื่อสามวันก่อนละครับผม






วันนี้จะทำขนมไปกินด้วยนะครับ ทำไดฟุกุแบบบ้านๆกัน ใช้แป้งข้าวเหนียวที่มีนี่ล่ะ ทำ
ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อเมื่อคืน เอาแป้งใส่หม้อดิน อบควันเทียนไว้คืนนึงครับ - -




ง่ายๆเลยก็แหวกแป้งออกไปกองข้างๆหม้อ ให้โล่งๆตรงกลาง






จุดเทียนอบ รอให้ไส้เทียนไหม้ แล้วละลายเทียนอบด้านบนเยิ้มๆ ก็ดับไฟ ให้มีควันและก็รีบวางลงไปกลางหม้อ ปิดฝา ถ่วงน้ำทันที ทิ้งไว้จนควันหมด ก็เอาออกมาจุดอีก ดับอีก ทำซ้ำๆเท่าที่พอใจและมีแรงครับ ผมทำแค่สองรอบก็พอละ - -"






เทียนอบก็เอาไม้จิ้มฟัน(ที่ยังไม่ได้ใช้) เสียบเข้าไปทั้งซองซีก เอาไว้ค้ำครับ เทียนก็จะไม่ล้ม เหมือนมันมีขาอะ






แบบในรูปนี้ครับผม เลอะแป้งด้วย อย่าไปสนใจ






แล้วก็เอาแป้งที่อบเทียนแล้ว มาผสมกับน้ำครับ ไม่ได้ตวง เพราะแป้งก็ไม่ได้ตวง ค่อยๆเทผสมลงไปทีละนิด แล้วก็คนๆๆ ให้มันละลาย แล้วข้นๆหน่อย ย้อยช้าๆ เป็นสายๆ ประมาณกาวลาเท็กซ์ แบบในรูปนะครับ
ใครอยากให้ได้รสแบบไทยๆไปอีก ลองใช้น้ำลอยดอกมะลิดูก็ได้นะ แต่ผมไม่รู้จะไปหาจากไหนอะ - -"






จากนั้นก็เอาไปใส่ซึ้ง นึ่งซัก 15 นาที (ตอนผสมและนึ่งให้ใช้พวกหม้อเคลือบนะ) ไฟแรง ปล่อยให้น้ำเดือดก่อนนะครับ ตอนนี้ระหว่างรอเราก็ไปคั่วแป้งมัน เอากระทะตั้งไฟให้ร้อน เอาแป้งมัน(ผมแอบผสมน้ำตาลไอซิ่งไปด้วย) ลงไปคั่ว ผัดๆๆๆๆ ซักพัก เอามือจับดู ถูๆๆ ถ้าได้ที่ ผิวสัมผัสมันจะต่างจากแป้งดิบอะ (ไม่รู้จะอธิบายยังไง)
จริงๆไม่คั่วก็ได้ครับ แต่เวลากินมันจะฝืดลิ้นแปลกๆ บอกไม่ถูก






บรรยายภาพข้างบนไม่จบ พอคั่วแป้งแล้วก็เทแป้งใส่ถาดไว้ แล้วพอครบเวลาที่นึ่งแป้งข้าวเหนียว ก็เทแป้งที่นึ่งเสร็จ หนืดๆลงมาใส่ในถาดแป้งมัน ไว้กันติดถาดติดมือเวลาปั้น แป้งที่ได้จะนุ่มนิ่ม เด้งดึ่งดั่ง น่ารัก







ส่วนไส้ก็ เปิดถั่วแดงกระป๋องโลดครับ (ไม่รู้มีได้ไง ซื้อมาทำอะไรตัวเองยังลืมไปแล้ว - -") ใครว่างจัด อยากลองกวนไส้ด้วยตนเองก็ได้นะครับ ใช้ถั่วแดงญี่ปุ่นเม็ดเล็ก แช่น้ำข้ามคืน ต้มข้ามวัน บด กรอง กวน กว่าจะได้กิน ก็ราวๆ วันสองวันครับ ผมเคยลองทำละ นานมาก - -" แต่แน่นอนว่าย่อมอร่อยกว่าแบบกระป๋อง






ออ ตอนนี้ เพื่อนผมก็มาถึงพอดี มาจับจังหวะตอนปั้นเป๊ะ - -"
เลยใช้มาปั้นให้ถ่ายรูปซะเลย 555+ เพราะเวลาปั้นนี่มันจะหนึบหนุบหนับ เหนียวติดมือ และเลอะแป้งมันครับ
ปั้นแป้งให้เป็นแผ่นกลมๆ จริงๆแล้วจะให้ดี ทำตรงกลางให้นูนหน่อยๆ เวลาดึงแป้งมาหุ้มมันจะเสมอกันพอดีครับ






เอาช้อนตักไส้ วางแหมะลงไปตรงกลางครับ แล้วก็เอาแป้งดึงมาหุ้ม ระวังไส้ทะลักนะครับ - -"






ปั้นเป็นลูกกลมๆ ดึ๋งๆ สวยบ้าง ขี้เหร่บ้าง ก็คลุกแป้งนวลด้วย ป้องกันขนมติดมือ ติดกล่อง ติดถาด ติดกัน






ได้มาไม่เยอะชิ้นมาก เพราะกะทำแต่พอดีกินครับผม ใส่กล่อง เก็บไปกินที่คลองบางหลวงด้วย :D






เพื่อน หิ้วข้าว(ไทย) มาให้ปรทังชีพถุงนึง น้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ และมะม่วงจากที่บ้าน ครับ :) ซาบซึ้ง ><






จากนั้น เตรียมปิ่นโตเสร็จ แพคขนมเรียบร้อย ก็ออกจากบ้านกัน นั่งรถเมล์กระป๋องไป 6.5 บาท ถึงจรัญซอย 3
ต่อสองแถวเข้าไปสุดซอย อีก 5 บาท เดินข้ามสะพานไปเล็กน้อย แล้วเดินไปตามชานไม้จะมาถึงบ้านศิลปินครับผม สงบ สวยพอดูเชียวหละ







วันนี้ ผมไม่ได้พกน้ำมา เพราะตั้งใจว่าจะมาซื้อที่นี่ตั้งแต่แรก จะประหยัดยังไง แต่เรามาใช้สถานที่เค้า(ซึ่งไม่ได้เป็นที่สาธารณะ เต็มรูปแบบ แต่เป็นกลุ่มคน และชุมชนที่ต้องการอนุรักษ์งานศิลป์ และวิถีชีวิต วัฒนธรรมมารวมตัวกัน) ก็ต้องช่วยกันบ้างครับ ผมเองก็เคยทำงานแบบนี้ ก็เข้าใจเหมือนกัน แต่วันนี้มีน้อยก็อุดหนุนน้ำซักแก้ว วันไหนมีมากก็มาทำเวิร์คชอปบ้าง ทำถาพพิมพ์ เพ้นท์หน้ากาก ดูหุ่นละคร ก็ว่ากันไป

ปล. มีชาให้เลือกหลายแบบนะครับ ที่นี่






จ่ายค่าชาพีช ไปอีก 25 บาท ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศครับ






ในปิ่นโตก็อาหารที่ทำไว้เมื่อเช้าทั้งนั้นล่ะครับ เน้นเป็นอาหารที่เย็นแล้วยังอร่อยจะดีมาก พวกไข่ม้วน ปลาย่าง
แครอทก็ที่ลวกไว้สองสามวันก่อนนั่นล่ะครับผม






อยากบอกว่าสุดยอดครับ บรรยากาศแบบนี้ อาหารปิ่นโต ไม่ต้องไปหาตามร้านที่ไหนครับ
ยังไงก็ไม่เท่า >< ที่นี่ชิลล์จริงๆ






กินข้าวไป ดูน้ำไป มองปลาว่ายน้ำ มีความสุขแบบกรุ่นๆ บอกไม่ถูก ลืมวันลืมคืน ลืมปัญหา ลืมเรื่องวุ่นวายไปเลย ออ ไม่ต้องห่วงเรื่องเอาอาหารมาทานนะครับ เพราะที่นี่ไม่มีอาหารขาย ขายแต่เครื่องดื่ม
และก็ปรกติ คนก็จะซื้อของกินจากเรือที่ผ่านไปมานั่นล่ะครับ






ปิ่นโตสามเถา กำลังน่ารัก 555+






แปะไข่ม้วนให้ดูใกล้ๆ มีสีขาวๆแซมก็สวยดีแฮะ






อันนี้ปลาดุกย่าง ซอสคาบายากิจำลองครับ ทำออกมาแล้ว ใกล้เคียงปลาไหลย่างแบบญี่ปุ่นพอใช้ได้ แทนกันพอไหวเลยครับ แต่ประหยัดกว่ากันไปหลายเลย ปลาทั้งตัว 18 บาทเอง(ซื้อมาเมื่อวาน)
แต่ต้องพยายามแล่เอาก้างออกให้หมดนะครับ โดยเสียเนื้อน้อยที่สุดด้วย เอาแบบไม่มีก้างเลย เหมือนพวกปลาไหลที่ทำมาน่ะ หั่นเป็นท่อนๆ อร่อยจริงๆครับ เมนูนี้คิดว่าคงไม่พ้น ได้ทำอีกซักรอบแน่ๆ ซอสผสมไว้ก็ยังเหลือ






หมดแล้วครับ ลืมเอาช้อนส้อมมา ที่นี่เค้าให้ยืมด้วย แต่ต้องล้างคืนนะครับ ก็ล้างปิ่นโตไปด้วยเลย 5555+






ออ มีไดฟุกุเป็นของหวานด้วย อยู่ในตะกร้า :)






ไดฟุกุ กลมๆ นิ่มๆ หวานๆ ทำไม่ยากครับ ง่ายจริงจัง






กัดดูซักคำ






ชีวิตแบบ Slow Life มาก วันนี้






อันนี้เป็นชาพีช หิ้วมาจากบ้าน ผมให้เพื่อนไป แลกกับของที่เอามาฝาก :D






กับชากุหลาบอีกกระปุกนึง






กินอิ่ม พุงอุ่นแล้ว ขออณุญาติ พาชมบรรยากาศรอบๆนิดหน่อยละกันนะครับ ^__^

นกบิน






ดูมันมีความสุขกันดีแฮะ






นกตัวนี้เยี่ยมมากเลยครับ มาเป็นแบบให้ถ่ายรูปเฉยเลย เล่นกล้องด้วยนะ ^__^






บินไปบินมา เกาะเรือ






มีอีกตัว ลายดัมเมเชี่ยน - -"






เริ่มเย็นๆ ชาวบ้านร้านตลาดก็เริ่มออกมาเดินเล่น พบปะ ทักทาย ใช้ชีวิตกัน







รอคอย?







ส่วนพี่ๆน้องๆที่บ้านศิลปินก็ซักซ้อมสืบสาน วัฒนธรรม กัน สำหรับวันต่อๆไป







ความศรัทธา และวัฒนธรรม เหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีที่นี่ไปเลยครับ นั่งดูได้เพลินๆมาก







ความศรัทธา และวัฒนธรรม เหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีที่นี่ไปเลยครับ นั่งดูได้เพลินๆมาก







ผมเอง ก็ยังมีชีวิต ยังใช้ชีวิต มันดีจริงๆ (เพ้อ)
แม่เคยบอกว่า การมีชีวิตอยู่อย่างมีชีวิตนี่ล่ะ มันดีที่สุด






มีพื้นที่สำหรับแบ่งปันความสุขให้ใครซักคนด้วย ^___^






นั่งเล่น นั่งคุย นั่งชิลล์ แปปเดียว เวลาผ่านไปถึงเย็นเลย มีเรือขายไก่ปิ้งมาแวะเทียบท่าด้วย






มันเป็นวิถีชีวิตจริงๆสินะ(ทำหน้าจริงจัง)






ทั้งคนจริง ทั้งคนปลอม นั่งรอกินไก่






ผมเองก็ขอฝากมื้อเย็นไว้ที่นี่เลยละกัน ถือว่าเป็นการกินข้าวนอกบ้านไปเลย ไม่หรูหรานัก แต่มีความสุขจริงจังครับ






สรุป เสียค่าไก่ปิ้ง + ข้าวเหนียวไปอีก 32 บาท(ไก่หลายไม้) วันนี้ใช้ตังค์เปลืองอีกละครับ ออกนอกบ้านก็เสียตังค์ 555+ แต่เจ้าของกระทู้พอใจนะ :) ไว้วันอื่นเดี๋ยวว่ากัน

สรุปว่าวันนี้เสียเงินไป
ค่ารถเมล์ขามา 6.5 บาท
รถสองแถว ขามาและกลับ 5+5 บาท = 10 บาท
ค่ารถเมล์ขากลับ 14 บาท(แอร์)

ค่าชา 25 บาท
ค่ามื้อเย็น 32 บาท

รวมทั้งหมด 6.5+10+25+32 =73.5 บาท

คงต้องประหยัดกว่าเดิมซะแล้ว - -" เดี๋ยวจะอยู่ไม่ถึงเอา T^T






ปล. วันนี้กลับมาบ้าน เจอเพื่อนอีกคนมาหาพอดีครับ เอาสมาชิกใหม่(ชั่วคราว)มาฝากไว้
เป็นแมวลายวัว เป็นแมวหาบ้านนี่ล่ะครับ มีคนรับแล้ว แต่เจ้าของยังไม่มาเอา
คนที่ดูแลอยู่ตอนนี้ก็จะไปต่างจังหวัดพอดี เลยเอามาฝากไว้ที่บ้านก่อน
ปล. ที่บ้านตอนนี้ ของใช้แมวมีครบ

เลยมีสมาชิกมาอยู่ด้วยอีกตัว เลย จัดการจัดห้องหับ ข้าวของให้แมวลายวัว(มีห้องส่วนตัวด้วยนะ)
ตอนนี้ยังตื่นๆสถานที่ ตื่นคนแปลกหน้าอยู่เลยล่ะครับ ร้องเมี้ยวๆๆไปทั่วเลย
วันนี้ผมมีความสุขมากๆ
หวังว่าเพื่อนๆทุกคนมีความสุขเหมือนกัน นะครับผม ^__^

คนเรามีอะไรเท่าไหร่ ไม่เกี่ยวกับความสุขเสมอไป จริงมั๊ยครับ :)




Create Date : 20 เมษายน 2554
Last Update : 20 เมษายน 2554 12:06:15 น. 8 comments
Counter : 8836 Pageviews.

 
ตามเข้ามาให้กำลังใจในบล็อคด้วยครับ

ปลาดุกย่างซอสน่าหม่ำสุดๆไปเล๊ย~~


โดย: ปิ่นโตน้อยตัวกลม วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:15:28:35 น.  

 
มาเป็นกำลังใจให้อีกคน ค๊า เด๋วต้องลองทำปลาดุกย่างมั่งละ น่ากิน


โดย: สาวชนบท วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:17:45:24 น.  

 


โดย: bbandp วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:5:09:47 น.  

 
รอชมตอนต่อไปนะคะ


โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:10:14:42 น.  

 
อยากให้ เอามาลงบล็อคทุกตอยจังเลยค่ะ ติดตามกลับมาอ่านง่ายดี แบบว่าชอบย้อนมาอ่านหลายๆรอบ แหะๆ


โดย: vekalover วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:13:20 น.  

 
ธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ^_^ ชอบมากๆค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: andrex09 วันที่: 4 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:51:24 น.  

 
ตามมาจากเฟสบุ๊ค


หิวเลยเจ้า


โดย: ปุยฝ้าย ณ เจียงใหม่ วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:18:05:24 น.  

 
อิจฉา ชีวิตชิว ชิว


โดย: paningZa วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:10:18:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คุ้มข้าวกล้อง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add คุ้มข้าวกล้อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.