Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
รถเมล์ สาวสวย ความซวยในวันนั้น





แสงแดดอันเจิดจ้ายามบ่าย สาดไปทั่วหน้าป้ายรถเมล์บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย แม้ผมจะเป็นเด็กบ้านนอกคอกนาเคยทำงานในเทือกสวนไร่นาผจญกับแสงแดดอันแรงกล้ามานับไม่ถ้วน แต่เมื่อจากบ้านนาเข้ากรุงมาศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเกือบสองปี ผิวหนังที่แห้งกร้านทนทานแสงแดดกลับดูเปราะบางลงเสียนี่ เห็นทีผมจะทนยืนตากแดดไม่ไหวต้องหาร่มเงาที่มีเพียงน้อยนิดเป็นที่พึ่งพิงเสียโดยไว

แม้จะยืนอยู่ใต้ร่มไม้ก็ตามที แต่การที่ต้องยืนคอยรถเมล์เป็นเวลานาน ๆ ท่ามกลางอากาศอันแสนอบอ้าวก็เล่นเอาเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวได้เหมือนกัน มันอาจจะไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไรนักสำหรับผม เทียบไม่ได้กับการที่ต้องทำงานในไร่ท่ามกลางแสงแดดเมื่อครั้งที่ยังอยู่บ้านนอกกับพ่อแม่ด้วยซ้ำ และนี่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

“เฮ้ย! กลับก่อนนะโว้ยเจอกันพรุ่งนี้”

เสียงเพื่อนซี้ร่วมชั้นเรียนของผมที่ยืนรอรถเมล์ด้วยกันตั้งนาน กล่าวลาก่อนที่จะรีบมุดเข้าไปในรถตู้ตามตูดสาวที่มันหลีอยู่อย่างรวดเร็ว

“เออ จะไปไหนก็ไปเหอะ …ไอ้เวรเอ๊ย... รอด้วยกันหน่อยก็ไม่ได้ เห็นสาวดีกว่าเพื่อนนี่หว่า เฮ้อ...!”

ผมบ่นให้กับเพื่อนซี้ที่เห็นสาวดีกว่าเพื่อนอย่างเซ็ง ๆ ทอดสายตามองรถที่ติดกันยาวเป็นกิโล เบื่อนักก็หันไปหันมามองหาอะไรที่มันดูเจริญหูเจริญตาไปพร้อมกับปาดเหงื่อที่ไหลย้อยตามใบหน้าเป็นระยะ

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงนับตั้งแต่มาถึงป้ายรถเมล์ ก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถเมล์เจ้ากรรมจะมาสักที ถ้าผมรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้คงไม่อยู่ร่วมวงสนทนากับพวกเพื่อน ๆ หรอก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าวันนั้นมีภารกิจ แต่ใครจะไปคิดว่ารถมันจะติดซะปานนั้น

สภาพการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เอาแน่เอานอนได้ซะที่ไหน บทจะติดหนับเป็นตังเมก็ไม่มีการเตือนล่วงหน้า ความร้อนของแสงแดดเริ่มอ่อนลงไปพร้อม ๆ กับเวลาที่เคลื่อนไป แต่ความร้อนภายในใจกลับเพิ่มขึ้นแทนที่
และแล้วการรอคอยของผมก็สิ้นสุดลงหลังจากที่เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง รถเมล์สายที่รอก็มาจนได้ ผมร้อง “เยส...” พร้อมกับกำมืออย่างดีใจเหมือนกับตอนที่ยิงฟุตบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามไม่ผิด แต่ไม่วายมีเรื่องให้ต้องปวดหัวอีก เพราะว่ามันเป็นรถธรรมดาที่อัดแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋อง ให้ตายเถอะแล้วผมจะหาที่ว่างตรงไหนเข้าไปแบ่งสัมปทานพื้นที่กับเขาได้เนี่ย แต่ถ้าไม่ไปมีหวังชะตาขาดเป็นแน่

“แน่นก็แน่นสิวะ” ผมตัดสินใจเด็ดขาดพาตัวเองเบียดเสียดขึ้นไปบนรถคันดังกล่าว

“ชิดในหน่อยนะคะ แบ่ง ๆ กันไปค่ะ ผู้โดยสารใหม่เตรียมค่าโดยสารด้วยนะคะ”

เสียงพนักงานเก็บค่าโดยสารที่ต้องรับบทหนักเดินแหวกฝูงชนเพื่อเก็บค่าโดยสาร โธ่ป้า แทบจะยืนขาเดียวอยู่แล้วยังจะบอกให้ชิดในอีก

รถโดยสารคันโตค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เวลาผ่านไปยี่สิบนาทียังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางเลย ปกติผมน่าจะใกล้ถึงบ้านแล้วด้วยซ้ำ คิดดูแล้วกันขึ้นรถธรรมดา คนแน่นแทบไม่มีที่ยืนมันน่าเบื่อที่สุดเลย ให้ตายเถอะ วิธีแก้เซ็งที่ดีที่สุดในยามนี้ก็ทำได้เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ อาศัยวิวทิวทัศน์ทั้งสองข้างทางเป็นที่พักสายตา ดูผู้คนตึกรามบ้านช่องตามข้างทางไปเรื่อย ๆ โชคดีหน่อยอาจจะได้ยลโฉมสาว ๆ หน้าตาสวย ๆ ประเภทขาวสวย หมวย อึ๋ม ให้พอแก้เซ็งได้บ้าง







เพื่อนของผมคนหนึ่งมันก็ได้แฟนจากการขึ้นรถเมล์มาแล้ว มันเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นขึ้นรถเมล์กำลังกลับหอพัก พอดีเหลือบไปเห็นสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งยืนรอรถเมล์อยู่ ด้วยความน่ารักโดนใจ มันก็เลยตัดสินใจรีบวิ่งลงจากรถเข้าไปทำความรู้จักกับเธอคนนั้น ในที่สุดทุกวันนี้มันก็ได้เธอมาเป็นแฟนจนได้ นี่แหละครับข้อดีของการขึ้นรถเมล์ อยากจะลงเมื่อไรก็ลงได้ขอให้ตรงป้ายก็พอ ไม่เหมือนกับพวกนั่งรถเก๋ง เจอเหตุการณ์อย่างเพื่อนผมเข้า คงไม่มีใครกล้าลงจากรถมาทำอย่างนี้หรอก

การเดินทางผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผู้โดยสารบนรถทยอยกันลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ผมยืนบนรถเมล์ได้สะดวกสบายขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจมากกว่าเดิมเท่าใด เพราะมาได้ครึ่งทางเท่านั้นเอง

แต่แล้วจำนวนผู้โดยสารที่ค่อยลดลงก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาเกือบเท่าเดิม เมื่อผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าตามป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ทั้งหลายในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งรายได้ชั้นดีของรถโดยสารทุกชนิด คนแล้วคนเล่าพากันเบียดเสียดขึ้นมา

“เวร!...” ผมสบถเบา ๆ คนเดียว

แต่แล้วหนึ่งในผู้โดยสารใหม่ที่ขึ้นมา ก็ทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันตา สาวน้อยผิวขาว ผมยาวประบ่าที่ถูกรวบไว้อย่างเป็นระเบียบทางด้านหลัง หน้าตาน่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย เสื้อแขนกุดสีน้ำเงินที่ขับผิวของเธอให้ดูเด่นขึ้น กระโปรงสั้นแค่เข่าสีขาว ยิ่งทำให้ผมหลงเสน่ห์เธอได้ไม่ยาก ดูแล้วอายุน่าจะราว ๆ สัก 17 -18 ปีเห็นจะได้

“...น่ารักโคตร...” ผมแอบชื่นชมความงามของเธอในใจ ขณะที่เธอกำลังหันซ้ายหันขวาเพื่อหาที่ยืน ทันใดนั้นเองสมองของผมก็นึกแผนการอันแยบยลออกมา ผมขยับถอยหลังไปสองก้าวเพื่อให้เกิดที่ว่าง ในใจได้แต่ภาวนาให้เธอมายืนตรงที่ผมจงใจเว้นไว้

ในวันนั้นสงสัยพระเจ้าจะเป็นใจ เมื่อเธอค่อย ๆ สาวเท้าก้าวเข้ามายืนตรงที่ว่างที่เกิดจากความตั้งใจของผม แผนการขั้นแรกสำเร็จไปด้วยดี ที่นี้ก็อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ชื่อ เบอร์โทรของเธอมาครอบครอง ด้วยความความแออัดของคนบนรถทำให้ไหล่ผมกับเธอสัมผัสกันอย่างเหลียกเลี่ยงไม่ได้ มันช่างเป็นสัมผัสที่วิเศษจริง ๆ

รถเมล์เคลื่อนตัวออกจากป้ายอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารที่ยืนอยู่พากันเสียหลักไปตาม ๆ กัน เป็นเวลาเดียวกันที่เท้าของผมถูกสาวน้อยหน้าใสคนนั้นเหยียบเข้าอย่างจัง ส้นรองเท้าเธอปักลงบนเล็บเท้าผมเต็ม ๆ เจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจ หลังจากที่การทรงตัวเข้าที่ เธอก็หันมากล่าวอย่างยิ้มแย้มกับผมว่า “ขอโทษค่ะ”
ผมพยักหน้าเป็นการรับคำขอโทษจากเธอพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อย เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ก่อนที่จะหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถเช่นเดิม ในตอนนี้ผมลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปแล้ว คิดอยู่อย่างเดียวทำอย่างไรหนอถึงได้รู้จักเธอ

แน่นอนต้องชวนเธอคุยเป็นอันดับแรก แต่จะชวนเธอคุยเรื่องอะไรดี ผมครุ่นคิดอย่างหนัก ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

จะถามชื่อเธอเลยดีไหม “ขอโทษครับ คุณชื่ออะไรครับ” เฮ้อ...ไม่ดีแน่ ๆ ถ้าขืนถามไปแบบนั้นมันจะดีหรือ เรื่องอะไรเธอจะมาบอกชื่อกับคนแปลกหน้าอย่างผม ดีไม่ดีเธออาจเดินหนีไปยืนที่อื่นก็แย่เลย เอหรือว่าจะทำเป็นแกล้งชนเธอ เหมือนตอนที่เธอเหยียบเท้าผมเมื่อตอนขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นก็ขอโทษแล้วก็ค่อย ๆ ชวนคุยไปเรื่อย ๆ อืม...ความคิดนี้เข้าท่าแฮะ แต่จะชนเธอเอาดื้อ ๆ ได้อย่างไรกัน มันก็ต้องอาศัยจังหวะที่รถเมล์เบรคเป็นตัวสร้างสถานการณ์เท่านั้น







คิดได้ไม่ทันไรรถเมล์ก็จอดรับผู้โดยสารอีกครั้ง แต่แหม มันเบรคเบาเหลือเกิน ถ้าขืนไปชนเธอแรง ๆ เข้าละก้อ มีหวังโดนเข้าใจผิดว่าเป็นไอ้โรคจิตแน่ ๆ อีกอย่างเรามันก็ลูกผู้ชายถ้าใช้วิธีนี้คงไม่ดีนัก ในตอนนั้นมีบางสิ่งที่โผล่ขึ้นมาในใจ ทำให้ผมเลิกคิดที่จะชวนเธอคุย

ผมจึงได้แต่ยืนใกล้ ๆ เธอสลับกับแอบมองเธอเป็นระยะ ๆ ไปตลอดทาง
ทำไงได้ละก็ในเมื่อตัวผมไม่มีความกล้าพอที่จะทำความรู้จักกับเธอ ในขณะที่รถเมล์ก็วิ่งของมันไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดทั้งผมและเธอก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ ณ บริเวณศูนย์การค้าอีกแห่งหนึ่ง หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางมานาน ผมเหลือบดูนาฬิกา หนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบห้านาทีพอดี เธอเดินนำหน้าผมลงจากรถ ส่วนผมเองก็เดินตามเธอไปติด ๆ อ๊ะ ก็ยืนอยู่ใกล้กันนี่ จะไม่ให้เดิมลงรถไปตาม ๆ กันได้อย่างไร ผมมองเธอเดินหายไปกับฝูงชนจนลับตา

“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอกหลังจากที่ผ่านการเดินทางอย่างยาวนาน ทันใดนั้นเองที่บริเวณสีข้างด้านซ้ายของผมก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที พร้อมกับเสียง ๆ หนึ่งที่ทำเอาผมใจหายวาบ

“ตุ้บ” เสียงกำปั้นน้อย ๆ ฟาดลงมาที่หัวไหล่ของผมอีกครั้ง ผมพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิมก่อนจะหันหน้าไปมองยังต้นตอของเสียงนั่น

“อ้าว แป๋มมาได้ไงจ๊ะ แล้ว...ไปไหนมา ไหนวันนี้บอกว่าไม่มีเรียนไง”

งงสิครับผม จับต้นชนปลายไม่ถูก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ ตาย ตายแน่ ๆ งานนี้

“ก็ไปทำรายงานที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยมาน่ะสิ นี่แน่ะ เห็นผู้หญิงสวย ๆ หน่อยไม่ได้มองตาเยิ้มเชียว ดีนะว่าแป๋มนั่งอยู่เบาะหลัง พี่ทำอะไรแป๋มเห็นหมดแหละ เลิกกันซะเลยดีไหม”

แป๋มตอบพร้อมกับทำหน้าค้อนใส่ก่อนที่จะออกหมัดขวาเข้าท้องของผมพร้อมกับสะบัดก้นเดินหนีไป

ให้ตายเถอะทำไมผมถึงไม่หันหน้าไปมองข้างหลังรถบ้างนะ วันมหาซวยอะไรของผมเนี่ย ว่าแล้วผมรีบเดินตามแป๋มไปติด ๆ พร้อมกับอ้อนวอนขอให้เธอให้อภัยที่เผลอไปชั่วขณะ ไม่ได้มีเจตนาจะปันใจให้หญิงอื่น ก็แค่มองเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านี้จริง ๆ

“แป๋ม พี่ขอโทษ...คือพี่แค่มอง...”

แป๋มหยุดเดินหันหน้ามามองผมช้า ๆ ใบหน้าใส ๆ ยังบึ้งตึงเช่นเดิม “พอแล้ว ไม่ต้องมาพูดดีเลย ลับหลังหน่อยไม่ได้ มองหญิงอื่นตาเป็นมันเชียว ดีนะที่พี่ไม่ได้ขี้หลีใส่ยายนั่น ไม่งั้นแป๋มเลิกกับพี่จริง ๆ ด้วย แป๋มหิวแล้วละหาอะไรอร่อย ๆ ให้แป๋มกินหน่อยสิ”

แป๋มหันมาตัดบท พร้อมกับเปลี่ยนเรื่องทันที

เฮ้อ...ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าแฟนสาวจะงอนใส่ผมไปอีกหลายวันซะแล้ว แป๋มใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกผมสองสามทีแล้วพูดว่า

“นี่...อย่าทำได้ใจไป แป๋มยังไม่ยกโทษให้หรอกนะ ตอนนี้หิวแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวก่อนแล้วกัน แล้วก็พาแป๋มไปดูหนังตามที่นัดกันไว้อย่างเดิมแล้วก็ ... ทำอะไรดีนะ เอาไว้ค่อยบอกทีหลังแล้วกัน” แป๋มกล่าวกับผมอย่างผู้มีชัย

ไม่รู้ว่าวันนั้นผมโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แต่ที่จำได้รอยหยิกที่สีข้างของผมมันติดตัวผมไปอยู่หลายวันแถมยังเจอยายแป๋มรีดเงินเสียแทบไส้แห้ง

ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวดี แล้วจะเอาคืนทบต้นทบดอกเลยคอยดู





แก้ไขเพิ่มเติม จาก บ้านจอมยุทธ

เรียงร้อยถ้อยคำโดย : ขุนพลน้อย





Create Date : 09 มิถุนายน 2551
Last Update : 10 มิถุนายน 2551 0:08:47 น. 16 comments
Counter : 784 Pageviews.

 
น่ามีรูปรถเมล์ติดด้วยนาพี่จ๋า


โดย: ญามี่ วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:23:45:38 น.  

 
5555รถเมล์คันนั้นพิเศษนาพี่จ๋ามะรู้ไร นั่นน่ะรถเมล์วิเศษเหาะไปหาแฟนได้555

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ฝันดีค่ะ


โดย: ญามี่ วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:1:13:44 น.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:19:22:10 น.  

 
ดึกแล้วขึ้นเตียงอ่านหนังสือผีก่อนนอนกับมี่ไหมคะพี่จ๋าเดี๋ยวปีนไปหานา 555 ฝันดีค่ะ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[รวมglitterเยอะมาก คลิกเลย!]


โดย: ญามี่ วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:1:13:48 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ เรื่องน่ารักดีค่ะ


โดย: teansri วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:3:40:24 น.  

 


ทำไมหนออารมณ์เหมือนบ่มเศร้า
ฤาไทยเราน่าห่วงพาหดหู่
ไม่อยากรู้อยากหลับไม่อยากดู
นอนอ่านผีสักครู่ค่อยหลับนอน..

555 ฝันดีค่ะพี่จ๋า

โดย: ญามี่ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:0:03:03 น.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:23:37:06 น.  

 

ฝนพรำพรำทั่วฟ้าสีคล้ำขุ่น ลมละมุนเริงร่าท้ายอดสน  น่าหลับนอนส่งฝันหวานกมล    ให้ไปค้นเสาะหา..คนในใจ ....ญามี่///..
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่


ฝันดีค่ะพี่จ๋ารีบมารีบไปเดี๋ยวส่งไม่ทันครบคน มันก็เด้งหลุดอีกค่ะ


โดย: ญามี่ วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:22:56:19 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาหลายวันเลยค่ะ แหม..เล่าเรื่องได้สนุกเชียวน้อง แต่ไม่สงสารค่ะ เพราะมีแฟนอยู่แล้วยังจะไปทำเจ้าชู้แบบนั้นอีก แต่ขอบอกว่าน่ารักดีค่ะ อ่านไปยิ้มไปน่ะ ทำให้คิดถึงสมัยก่อนไม่ใช่สมัยโบราณนะ พี่ก็ใช้บริการรถเมย์ที่กรุงเทพไปเรียนเหมือนกัน ได้รับรู้ถึงบรรยากาศเก่าๆแล้วทำให้มีความสุขดีค่ะ เอาเป็นว่าทีหน้าทีหลังก็อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกละ


โดย: Smallvillain วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:6:26:58 น.  

 
หลับฝันดีค่ะพี่จ๋า

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ญามี่ วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:23:11:11 น.  

 
เออๆ คิดได้งัยอ่ะ ที่ตอบว่าเม็ลดผักปังน่ะ แบบว่าฮามากเลยน้อง อ่านเสร็จขำก๊ากเลย

ว่าไปแล้วสมัยนั้นทำไมเราไม่โชคดีเหมือนสาวน้อยคนนี้บ้างนะ จะได้ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาแควนถึงแดนไกลขนาดนี้น่ะ สงสัยจะไม่สวยไม่ใสพอที่หนุ่มๆจามองมั้งอิอิ ยังงี้น่าจาแกล้งเหยียบเท้าซะให้เข็ดไปเลยเนอะ จะได้แควนหล่อๆมาควงซักคนงัยเอิ๊กๆ


โดย: Smallvillain วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:2:20:53 น.  

 
ฝันดีค่ะพี่จ๋า

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ญามี่ วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:0:04:50 น.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:19:28:10 น.  

 
เอานะ นับเร็ว1-2-3 ฝันดีค่ะพี่จ๋า


คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]


โดย: ญามี่ วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:1:20:16 น.  

 
แวะมาดูพี่จ๋ากินข้าวจิ เผื่อได้ชิมบ้าง




ฝนตกบ่อยๆคืนนี้ก่อนนอนอย่าลืมห่มผ้าด้วยนะคะ

ฝันดีค่ะ


............................

กลิ่นราตรีพาจิตเหม่อหวนหา
ไหวหนอไหวอุรากรายใกล้หมอง
มองนภาจิตเลื่อนเยือนหวังปอง
คิดร่ำร้องลองรอใครบางคน

แม้ไกลตาหน้าห่างย่างเวิ้งว้าง
มิเคยว่างวางใจเชื่อเหตุผล
สุดไกลหล้าฟ้ากั้นยังหวังค้น
คนที่ดลซาบซึ้งตรึงสู่ใจ...

.........ญามี่///...


โดย: ญามี่ วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:21:46:46 น.  

 
มีเรื่องไรเปิ่นๆมาเล่าอีกป่าว ถ้าไม่มีก็เข้าไปกินหนมหร่อยๆน๊า


โดย: Smallvillain วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:9:53:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขุนพลน้อยโค่วจง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]













web stats















กระบี่อยู่ที่ใจ
แม้เป็นลำไผ่
ก็ไร้เทียมทาน











visitors by country counter
flag counter
ผู้เข้าชม
เฉือฉ้มต้า ช่าฉุดฉุด Vol.1
เฉือฉ้มต้า ช่าฉุดฉุด Vol.2
X
X
free counters
Friends' blogs
[Add ขุนพลน้อยโค่วจง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.