คนเราเริ่มต้นได้เสมอ ถ้าต้องการ ทุกวันคือการเริ่มต้น
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารัฐประหารส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกครั้งของเมืองไทยล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น ไม่อำนาจทางการเมือง ก็อำนาจทางเศรษฐกิจ รัฐประหาร 19 กันยา ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ดังจะเห็นร่องรอยของความไม่พอใจในการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร



แต่การที่จะบอกว่าลำพังเพียงความขัดแย้งทางอำนาจ (โดยเฉพาะการโยกย้ายทหาร) นั้นเป็นปัจจัยเดียวหรือปัจจัยหลักในการรัฐประหารครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ตอบในหลายคำถาม เช่น



ทำไมสังคมการเมืองไทยจึงปล่อยให้รัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” กลายเป็นเพียงเศษกระดาษที่ไร้ความหมาย เพียงแค่มีรถถังเคลื่อนออกมา ?



ทำไมผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย จึงสยบยอมต่ออำนาจ “ศักดินา-ขุนศึก” ยอมแม้กระทั่งการขอ “นายกฯ พระราชทาน” หรือออกบัตรเชิญให้มารัฐประหาร ?



ทำไมปัญญาชนไทย ซึ่งควรจะเป็นแนวหน้าในการพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตย จึงกลายมาเป็นทนายแก้ต่างให้ อำนาจเผด็จการทหาร ?



ทำไมพลังอำมาตยาธิปไตยซึ่งดูเหมือนจะหมดพลังไปอย่างสิ้นเชิงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 จึงกลับมาอีกครั้งในรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลังเหล่านี้ยังเป็นความหวังของสังคมในการฝ่าวิกฤต?



ทำไมเครื่องแบบทหารที่เคยเป็นเครื่องแบบต้องห้ามหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 กลายมาเป็นแฟชั่นยอดฮิต ?



ทำไมอาวุธสงครามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงจึงกลายมาเป็นเครื่องมือเพื่อระงับความรุนแรง?



ทำไมสถาบันกษัตริย์ซึ่งต้องอยู่ “เหนือ” การเมือง จึงกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของคณะรัฐประหาร?



0 0 0



ในความเห็นของเรา ผลสำเร็จของรัฐประหาร 19 กันยา นั้นมีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นปัจจัยชี้นำอุดมการณ์ที่ว่านี้ได้ปรากฏอยู่ตั้งแต่วินาทีแรกของการรัฐประหาร นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”



ถึงแม้ระบอบที่ว่านี้เป็นเพียง “ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง” เพราะมันปรากฏครั้งแรกในธรรมนูญการปกครอง 2502 นี่เอง



แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับศัตรูของมัน คือสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย เป็นตัวแทน ระบอบที่ว่านี้เป็นที่รวมของความเลวร้ายทั้งมวล (หลายเรื่องก็เป็นเรื่องจริง หลายเรื่องก็เป็นเรื่องโกหกพกลม ขณะที่อีกหลายเรื่องก็มิใช่เป็นปัญหาอันเกิดจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่คือปัญหาของรัฐไทย)



สำหรับผู้ที่ต้องการล้ม “ระบอบทักษิณ” กลยุทธ์ง่าย ๆ แต่ทรงพลังคือการสร้างให้เป็นคู่ตรงข้ามกับ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ซึ่งกระทำผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล และสื่อในเครือผู้จัดการ จนดูประหนึ่งว่าถ้าหากปล่อยให้ทักษิณอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว ประเทศชาติจะล่มจม ศาสนาจะถูกทำลาย พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันคู่บ้านคู่เมืองของไทยจะกลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ และหมดความสำคัญในที่สุด



ชัยชนะของอุดมการณ์นี้ คือการที่สนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะ “ประกาศก” คนสำคัญ ทำให้แม้แต่ผู้คนที่ไม่เคยเห็นด้วยกับเขาและรัฐบาลทักษิณ ต้องเลือกข้าง เราจึงได้เห็นหลายคนที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางของสนธิ หรือเคยเป็นศัตรูเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นพิภพ ธงไชย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สุริยะใส กตะศิลา ฯลฯ กลับต้องสยบยอมกลายมาเป็น “หางเครื่อง” ให้กับสนธิ ด้วยข้อสรุปง่าย ๆ คือ “ระบอบทักษิณ” เลวร้ายกว่า



(ผลข้างเคียงของปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ที่วิจารณ์แนวทางของสนธิ ต้องกลายเป็นผู้รับใช้ “ระบอบทักษิณ” ไปเสียทุกราย)



เมื่อ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ได้ชัยชนะทางอุดมการณ์แล้ว เราจึงได้เห็นมันโลดแล่นอยู่ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการกำจัด “ระบอบทักษิณ” ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการ “สนธิกำลัง” ระหว่าง ฝ่ายบุ๋นคือ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้จุด “เทียนแห่งธรรม(ราชา)” กับ “ฝ่ายบู๊” คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เมื่อต้นต้นปี 2549 นับแต่นั้นเป็นต้นมาเค้าลางของการรัฐประหารก็ก่อตัวขึ้น



ตลอดปี 2549 เราจึงได้เห็นการต่อสู้ทางการเมืองของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้จะมีประเด็นแตกต่างหลากหลายเพียงใดแต่ก็รวมศูนย์ที่นำไปสู่การถวายพระราชอำนาจคืน โดยรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือการยินยอมพร้อมใจกันขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งปัจจุบันมีค่าเพียงเศษกระดาษที่รอชั่งกิโลขาย



จนในที่สุดเมื่อสถานการณ์สุกงอม รัฐประหาร 19 กันยาก็เกิดขึ้น โดยความยินยอมพร้อมใจของชนชั้นกลางส่วนใหญ่ในเมือง



แต่กระบวนการรัฐประหารยังไม่เสร็จสิ้น เพราะคณะรัฐประหารยังไม่ได้ออกแบบ สถาบันทางการเมืองเพื่อมารองรับ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ รัฐธรรมนูญ 2550 (ถ้ามี) ก็จะมีเพื่อการรองรับอุดมการณ์ทางการเมืองดังกล่าว



จากบทสรุปข้างต้น จึงเป็นที่มาของการหาคำตอบผ่านการจัดทำหนังสือเล่มนี้ รัฐประหาร19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข



กล่าวโดยไม่ต้องอ้อมค้อม เราขอประกาศไว้เลยว่าข้อเขียนที่ปรากฏอยู่ในเล่มนี้ (ยกเว้นของธีรยุทธ บุญมีและบทสัมภาษณ์พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ) เขียนขึ้นมาด้วยทัศนะของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร (แต่นั่นก็มิใช่ว่าข้อเขียนทั้งหมดจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ข้อเขียนหลายชิ้นที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ก็เป็นวิวาทะกันเองด้วย)



ถึงแม้จะตระหนักว่าวิธีคิดในการทำหนังสือเช่นนี้ย่อมหมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิด “หลักการ” ของสื่อมวลชนที่ดี ซึ่งต้องรักษาความเป็นกลาง, นำเสนอความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย หรือการที่ไม่ตัดสินอะไรด้วยอัตวิสัย



แต่ท่ามกลางสภาวการณ์ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ ยอมรับเงื่อนไขของคณะรัฐประหารว่าจะมาเพียง “ชั่วคราว” และเข้ามาชำระล้างความเลวร้ายของ “ระบอบทักษิณ” โดยไม่ตั้งคำถามกับวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ หรือสิทธิเสรีภาพที่สูญหายด้วยข้ออ้างแบบครอบจักรวาลว่าเพื่อสยบ “คลื่นใต้น้ำ” แล้วทำให้เรายิ่งเห็นถึงความจำเป็นของการทำหนังสือที่ไม่เป็นกลาง นำเสนอด้านเดียว รวมทั้งใช้อัตวิสัยของการไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารเป็นธงนำ





รัฐประหาร 19 กันยา
รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข





ใ น เ ล่ ม... พ บ กั บ



“ผมไม่มีวันเห็นว่าการรัฐประหารใดๆ ชอบธรรมเป็นอันขาด”
นิธิ เอียวศรีวงศ์


สถาบันกษัตริย์กับรัฐธรรมนูญ
สุลักษณ์ ศิวรักษ์


ข้ามไม่พ้นประชาธิปไตยแบบหลัง 14 ตุลา:
ประชาธิปไตยแบบใสสะอาดของอภิชนกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ธงชัย วินิจจะกูล


"การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คือการทำให้พลเมืองกลายเป็นไพร่"
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์


ภาคผนวก: ว่าด้วยการแทรกแซงการเมืองของ "ชายบนหลังม้า" S.E.Finer
เขียน รัฐประหาร : วาทกรรมปฏิปักษ์ประชาธิปไตยในภูมิความคิดของปัญญาชนไทย
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์


ภาคผนวก: ข้อเสนอเรื่อง “โครงสร้างการเมืองแบบภูมิปัญญาไทย” ธีรยุทธ บุญมี
การเมืองน้ำเชี่ยว: รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 กับปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง
เกษม เพ็ญภินันท์


อริสโตเติลกับรัฐประหาร 19 กันยา
ชัยวัฒน์ สถาอานันท์


เฮ้ย... ผมว่าเรียกมันเลยว่า “คณะปฏิกูล”
ธเนศ วงศ์ยานนาวา


หลักนิติรัฐประหาร
สมชาย ปรีชาศิลปกุล


ฐานะทางประวัติศาสตร์ของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ


ภาคผนวก: ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของการรัฐประหารในประเทศไทย
รัฐประหารไทยในสายตาสื่อเทศ
ภัควดี วีระภาสพงษ์


ภาคผนวก: คุณมีรัฐธรรมของคุณ เรามีรัฐธรรมนูญของเรา สัมภาษณ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
วิเคราะห์ระบอบสนธิ
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี


แกะรอยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย: ผู้ออกบัตรเชิญให้คณะรัฐประหาร
ธนาพล อิ๋วสกุล


ทำไมพวกเขาถึงไม่ต้านรัฐประหาร
ประวิตร โรจนพฤกษ์


จารึกไว้ในยุคสมัยแห่งการ “รัฐประหาร”
อุเชนทร์ เชียงเสน


ปัญญาชน 14 ตุลา พันธมิตรฯ และแอ๊กติวิสต์ “2 ไม่เอา”
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล


จากรัฐประหาร 19 กันยา ถึงรัฐธรรมนูญ 49: แสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์
พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์ (รายงาน)







Create Date : 06 ธันวาคม 2550
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 15:09:33 น. 1 comments
Counter : 422 Pageviews.

 
3เหตุผลที่ชนชั้นกลางหันหลังให้ทักษิณ
เศรษฐศาสตร์การเมือง ว่าด้วยประชานิยม ตอนที่ 3
รศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร
อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับ"กลุ่มชนชั้นกลาง"ที่สนอกสนใจการเมืองเป็นพิเศษนั้น เบื้องแรกพวกเขาสนับสนุน"ทักษิณ"มาตั้งแต่ต้นเช่นกัน แต่ต่อมา คลายความนิยมลงหลังจากที่พบว่า"ทักษิณ"ไม่ฟังเสียงใคร เชื่อความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ มีความเป็น"อำนาจนิยม"สูง
กลางปี 2547 นักธุรกิจในค่ายทักษิณพยายามซื้อสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง ค่าย"มติชน"และค่าย"บางกอกโพสต์" จาก เหตุการณ์ตรงนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยน ...
"ทักษิณ"สร้างศัตรูกับบรรดาสื่อสิ่งพิมพ์ นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพของสื่ออย่างกว้างขวาง หลายๆ คนต้อง การดีด "ทักษิณ"ออกจากการเมืองไทยอย่างทันทีทันใด แม้ว่าจะต้องถึงขั้นให้มีการรัฐประหารก็ยอม
คนงานนั่งโต๊ะมีการศึกษาจำนวนมากอยู่ในภาวะค่อนข้างสับสน พวกเขานิยมชมชอบทักษิณ เพราะว่าทักษิณเป็นตัวแทนของ ความทันสมัย ความเฉียบขาด กล้าตัดสินใจ แถมยังสามารถทำให้ตลาดหลักทรัพย์อยู่ในภาวะเป็นฟองสบู่โดยไม่แตก
ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า"ชุดนโยบายประชานิยม"ของทักษิณ ซึ่งใช้เงินภาษีของพวกเขาแบบไม่ระแวดระวังและมีความ เสี่ยงสูงจากหลายโครงการอาทิ หนึ่งล้านบาทหนึ่งตำบล โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือโครงการเอื้ออาทรต่างๆ อาจทำให้รัฐบาลต้อง เพิ่มระดับภาษีในอนาคต หรืออาจสร้างความเสี่ยงให้กับระบบการเงินของธนาคารรัฐ
จนกระทั่ง... ข้อสงสัยและความไม่ไว้ใจทักษิณในประเด็นที่กล่าวมาซึ่งก่อตัวขึ้นช้าๆ กลับกลายเป็นความไม่ไว้ใจอย่างสุดขีด เมื่อ ทักษิณขายธุรกิจของครอบครัว คือ"ชินคอร์ปอเรชั่น" ให้กับ"เทมาเส็ค" เมื่อต้นปี 2549...โดยที่ครอบครัวชินวัตรไม่ได้เสียภาษีแม่แต่บาทเดียว
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมชนชั้นกลางเมืองจึงหันหลังให้กับทักษิณนั้น ขอสรุปเหตุผลหลัก 3 ประการคือ ประการแรก เมื่อเวลา ผ่านไป ชนชั้นกลางในเมืองเริ่มมองเห็นอันตรายของการมีรัฐบาลที่ครอบงำโดยนักธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนน้อยที่มีพฤติกรรมปกป้องผล ประโยชน์ของธุรกิจตัวเองเป็นหลัก
ประกอบกับยังมี "การคอร์รัปชั่น"โจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ การขายบริษัทชินฯ ให้กับเทมาเส็ค เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้จำนวนผู้ไม่ นิยมทักษิณเพิ่มขึ้นและขยายวงไปอย่างรวดเร็ว
ประการที่ 2 ชนชั้นกลางเกรงว่านโยบายประชานิยมของทักษิณ จะนำหายนะมาสู่เศรษฐกิจไทย รวมไปถึงข้อสังเกตที่ว่า รัฐบาล ทักษิณถลำลึกไปกับนโยบายประชานิยมตลอดช่วงปี 2547 และ 2548 และเป็นช่วงเวลาที่ความนิยมคลอนแคลงลงเป็นอย่างมาก
ประการสุดท้าย ชนชั้นกลางในเมือง พบว่า สูตรการเมืองของทักษิณ คือ ธุรกิจขนาดใหญ่เข้าเกาะกุมรัฐบาล ผนวกกับนโยบาย ประชานิยมที่จับใจผู้ออกเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่ของประเทศ ประสบความสำเร็จสูง จนสามารถกันชนชั้นกลางออกไปจากเวทีทางการเมือง
และอาจจะมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น ความล้มเหลวของทักษิณในการแก้ปัญหาภาคใต้ ฯลฯ
แต่ลึกๆ แล้ว 3 เหตุผล ที่กล่าวมาแล้วเป็นหัวใจที่ทำให้ชนชั้นกลางในเมือง หันหลังให้ทักษิณ...


โดย: ถ้าไม่มีรัฐประหาร? (boss5617 ) วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:15:48:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสร้อยดอกหมาก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เจ้าสร้อยดอกหมาก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.