Bloggang.com : weblog for you and your gang
คนเราเริ่มต้นได้เสมอ ถ้าต้องการ ทุกวันคือการเริ่มต้น
Group Blog
นิยายเล่มแรก
บทสวดมนต์
โยคะ
สวยงาม
หนังสือนำเสนอ
สถานที่ในความทรงจำ
ความรัก เทพนิยาย และเจ้าชายในฝัน
ท่องเที่ยว
เรื่องของตา
อย่าเอาความเหงามาลงที่ฉัน
<<
ธันวาคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
6 ธันวาคม 2550
หนังสือน่าอ่าน ความสุขของกะทิ
รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
All Blogs
แม่เล่าให้ฟัง
หนังสือน่าอ่าน ความสุขของกะทิ
รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ในร่มเงาวังสระปทุม
รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารัฐประหารส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกครั้งของเมืองไทยล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น ไม่อำนาจทางการเมือง ก็อำนาจทางเศรษฐกิจ รัฐประหาร 19 กันยา ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ดังจะเห็นร่องรอยของความไม่พอใจในการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร
แต่การที่จะบอกว่าลำพังเพียงความขัดแย้งทางอำนาจ (โดยเฉพาะการโยกย้ายทหาร) นั้นเป็นปัจจัยเดียวหรือปัจจัยหลักในการรัฐประหารครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ตอบในหลายคำถาม เช่น
ทำไมสังคมการเมืองไทยจึงปล่อยให้รัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน กลายเป็นเพียงเศษกระดาษที่ไร้ความหมาย เพียงแค่มีรถถังเคลื่อนออกมา ?
ทำไมผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย จึงสยบยอมต่ออำนาจ ศักดินา-ขุนศึก ยอมแม้กระทั่งการขอ นายกฯ พระราชทาน หรือออกบัตรเชิญให้มารัฐประหาร ?
ทำไมปัญญาชนไทย ซึ่งควรจะเป็นแนวหน้าในการพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตย จึงกลายมาเป็นทนายแก้ต่างให้ อำนาจเผด็จการทหาร ?
ทำไมพลังอำมาตยาธิปไตยซึ่งดูเหมือนจะหมดพลังไปอย่างสิ้นเชิงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 จึงกลับมาอีกครั้งในรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลังเหล่านี้ยังเป็นความหวังของสังคมในการฝ่าวิกฤต?
ทำไมเครื่องแบบทหารที่เคยเป็นเครื่องแบบต้องห้ามหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 กลายมาเป็นแฟชั่นยอดฮิต ?
ทำไมอาวุธสงครามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงจึงกลายมาเป็นเครื่องมือเพื่อระงับความรุนแรง?
ทำไมสถาบันกษัตริย์ซึ่งต้องอยู่ เหนือ การเมือง จึงกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของคณะรัฐประหาร?
0 0 0
ในความเห็นของเรา ผลสำเร็จของรัฐประหาร 19 กันยา นั้นมีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นปัจจัยชี้นำอุดมการณ์ที่ว่านี้ได้ปรากฏอยู่ตั้งแต่วินาทีแรกของการรัฐประหาร นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถึงแม้ระบอบที่ว่านี้เป็นเพียง ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง เพราะมันปรากฏครั้งแรกในธรรมนูญการปกครอง 2502 นี่เอง
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับศัตรูของมัน คือสิ่งที่เรียกว่า ระบอบทักษิณ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย เป็นตัวแทน ระบอบที่ว่านี้เป็นที่รวมของความเลวร้ายทั้งมวล (หลายเรื่องก็เป็นเรื่องจริง หลายเรื่องก็เป็นเรื่องโกหกพกลม ขณะที่อีกหลายเรื่องก็มิใช่เป็นปัญหาอันเกิดจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่คือปัญหาของรัฐไทย)
สำหรับผู้ที่ต้องการล้ม ระบอบทักษิณ กลยุทธ์ง่าย ๆ แต่ทรงพลังคือการสร้างให้เป็นคู่ตรงข้ามกับ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งกระทำผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล และสื่อในเครือผู้จัดการ จนดูประหนึ่งว่าถ้าหากปล่อยให้ทักษิณอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว ประเทศชาติจะล่มจม ศาสนาจะถูกทำลาย พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันคู่บ้านคู่เมืองของไทยจะกลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ และหมดความสำคัญในที่สุด
ชัยชนะของอุดมการณ์นี้ คือการที่สนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะ ประกาศก คนสำคัญ ทำให้แม้แต่ผู้คนที่ไม่เคยเห็นด้วยกับเขาและรัฐบาลทักษิณ ต้องเลือกข้าง เราจึงได้เห็นหลายคนที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางของสนธิ หรือเคยเป็นศัตรูเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นพิภพ ธงไชย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สุริยะใส กตะศิลา ฯลฯ กลับต้องสยบยอมกลายมาเป็น หางเครื่อง ให้กับสนธิ ด้วยข้อสรุปง่าย ๆ คือ ระบอบทักษิณ เลวร้ายกว่า
(ผลข้างเคียงของปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ที่วิจารณ์แนวทางของสนธิ ต้องกลายเป็นผู้รับใช้ ระบอบทักษิณ ไปเสียทุกราย)
เมื่อ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ชัยชนะทางอุดมการณ์แล้ว เราจึงได้เห็นมันโลดแล่นอยู่ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการกำจัด ระบอบทักษิณ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการ สนธิกำลัง ระหว่าง ฝ่ายบุ๋นคือ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้จุด เทียนแห่งธรรม(ราชา) กับ ฝ่ายบู๊ คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เมื่อต้นต้นปี 2549 นับแต่นั้นเป็นต้นมาเค้าลางของการรัฐประหารก็ก่อตัวขึ้น
ตลอดปี 2549 เราจึงได้เห็นการต่อสู้ทางการเมืองของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้จะมีประเด็นแตกต่างหลากหลายเพียงใดแต่ก็รวมศูนย์ที่นำไปสู่การถวายพระราชอำนาจคืน โดยรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือการยินยอมพร้อมใจกันขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งปัจจุบันมีค่าเพียงเศษกระดาษที่รอชั่งกิโลขาย
จนในที่สุดเมื่อสถานการณ์สุกงอม รัฐประหาร 19 กันยาก็เกิดขึ้น โดยความยินยอมพร้อมใจของชนชั้นกลางส่วนใหญ่ในเมือง
แต่กระบวนการรัฐประหารยังไม่เสร็จสิ้น เพราะคณะรัฐประหารยังไม่ได้ออกแบบ สถาบันทางการเมืองเพื่อมารองรับ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ รัฐธรรมนูญ 2550 (ถ้ามี) ก็จะมีเพื่อการรองรับอุดมการณ์ทางการเมืองดังกล่าว
จากบทสรุปข้างต้น จึงเป็นที่มาของการหาคำตอบผ่านการจัดทำหนังสือเล่มนี้ รัฐประหาร19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
กล่าวโดยไม่ต้องอ้อมค้อม เราขอประกาศไว้เลยว่าข้อเขียนที่ปรากฏอยู่ในเล่มนี้ (ยกเว้นของธีรยุทธ บุญมีและบทสัมภาษณ์พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ) เขียนขึ้นมาด้วยทัศนะของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร (แต่นั่นก็มิใช่ว่าข้อเขียนทั้งหมดจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ข้อเขียนหลายชิ้นที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ก็เป็นวิวาทะกันเองด้วย)
ถึงแม้จะตระหนักว่าวิธีคิดในการทำหนังสือเช่นนี้ย่อมหมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิด หลักการ ของสื่อมวลชนที่ดี ซึ่งต้องรักษาความเป็นกลาง, นำเสนอความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย หรือการที่ไม่ตัดสินอะไรด้วยอัตวิสัย
แต่ท่ามกลางสภาวการณ์ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ ยอมรับเงื่อนไขของคณะรัฐประหารว่าจะมาเพียง ชั่วคราว และเข้ามาชำระล้างความเลวร้ายของ ระบอบทักษิณ โดยไม่ตั้งคำถามกับวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ หรือสิทธิเสรีภาพที่สูญหายด้วยข้ออ้างแบบครอบจักรวาลว่าเพื่อสยบ คลื่นใต้น้ำ แล้วทำให้เรายิ่งเห็นถึงความจำเป็นของการทำหนังสือที่ไม่เป็นกลาง นำเสนอด้านเดียว รวมทั้งใช้อัตวิสัยของการไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารเป็นธงนำ
รัฐประหาร 19 กันยา
รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ใ น เ ล่ ม... พ บ กั บ
ผมไม่มีวันเห็นว่าการรัฐประหารใดๆ ชอบธรรมเป็นอันขาด
นิธิ เอียวศรีวงศ์
สถาบันกษัตริย์กับรัฐธรรมนูญ
สุลักษณ์ ศิวรักษ์
ข้ามไม่พ้นประชาธิปไตยแบบหลัง 14 ตุลา:
ประชาธิปไตยแบบใสสะอาดของอภิชนกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ธงชัย วินิจจะกูล
"การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คือการทำให้พลเมืองกลายเป็นไพร่"
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
ภาคผนวก: ว่าด้วยการแทรกแซงการเมืองของ "ชายบนหลังม้า" S.E.Finer
เขียน รัฐประหาร : วาทกรรมปฏิปักษ์ประชาธิปไตยในภูมิความคิดของปัญญาชนไทย
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
ภาคผนวก: ข้อเสนอเรื่อง โครงสร้างการเมืองแบบภูมิปัญญาไทย ธีรยุทธ บุญมี
การเมืองน้ำเชี่ยว: รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 กับปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง
เกษม เพ็ญภินันท์
อริสโตเติลกับรัฐประหาร 19 กันยา
ชัยวัฒน์ สถาอานันท์
เฮ้ย... ผมว่าเรียกมันเลยว่า คณะปฏิกูล
ธเนศ วงศ์ยานนาวา
หลักนิติรัฐประหาร
สมชาย ปรีชาศิลปกุล
ฐานะทางประวัติศาสตร์ของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
ภาคผนวก: ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของการรัฐประหารในประเทศไทย
รัฐประหารไทยในสายตาสื่อเทศ
ภัควดี วีระภาสพงษ์
ภาคผนวก: คุณมีรัฐธรรมของคุณ เรามีรัฐธรรมนูญของเรา สัมภาษณ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
วิเคราะห์ระบอบสนธิ
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี
แกะรอยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย: ผู้ออกบัตรเชิญให้คณะรัฐประหาร
ธนาพล อิ๋วสกุล
ทำไมพวกเขาถึงไม่ต้านรัฐประหาร
ประวิตร โรจนพฤกษ์
จารึกไว้ในยุคสมัยแห่งการ รัฐประหาร
อุเชนทร์ เชียงเสน
ปัญญาชน 14 ตุลา พันธมิตรฯ และแอ๊กติวิสต์ 2 ไม่เอา
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
จากรัฐประหาร 19 กันยา ถึงรัฐธรรมนูญ 49: แสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์
พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์ (รายงาน)
Create Date : 06 ธันวาคม 2550
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 15:09:33 น.
1 comments
Counter : 422 Pageviews.
Share
Tweet
3เหตุผลที่ชนชั้นกลางหันหลังให้ทักษิณ
เศรษฐศาสตร์การเมือง ว่าด้วยประชานิยม ตอนที่ 3
รศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร
อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับ"กลุ่มชนชั้นกลาง"ที่สนอกสนใจการเมืองเป็นพิเศษนั้น เบื้องแรกพวกเขาสนับสนุน"ทักษิณ"มาตั้งแต่ต้นเช่นกัน แต่ต่อมา คลายความนิยมลงหลังจากที่พบว่า"ทักษิณ"ไม่ฟังเสียงใคร เชื่อความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ มีความเป็น"อำนาจนิยม"สูง
กลางปี 2547 นักธุรกิจในค่ายทักษิณพยายามซื้อสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง ค่าย"มติชน"และค่าย"บางกอกโพสต์" จาก เหตุการณ์ตรงนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยน ...
"ทักษิณ"สร้างศัตรูกับบรรดาสื่อสิ่งพิมพ์ นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพของสื่ออย่างกว้างขวาง หลายๆ คนต้อง การดีด "ทักษิณ"ออกจากการเมืองไทยอย่างทันทีทันใด แม้ว่าจะต้องถึงขั้นให้มีการรัฐประหารก็ยอม
คนงานนั่งโต๊ะมีการศึกษาจำนวนมากอยู่ในภาวะค่อนข้างสับสน พวกเขานิยมชมชอบทักษิณ เพราะว่าทักษิณเป็นตัวแทนของ ความทันสมัย ความเฉียบขาด กล้าตัดสินใจ แถมยังสามารถทำให้ตลาดหลักทรัพย์อยู่ในภาวะเป็นฟองสบู่โดยไม่แตก
ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า"ชุดนโยบายประชานิยม"ของทักษิณ ซึ่งใช้เงินภาษีของพวกเขาแบบไม่ระแวดระวังและมีความ เสี่ยงสูงจากหลายโครงการอาทิ หนึ่งล้านบาทหนึ่งตำบล โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือโครงการเอื้ออาทรต่างๆ อาจทำให้รัฐบาลต้อง เพิ่มระดับภาษีในอนาคต หรืออาจสร้างความเสี่ยงให้กับระบบการเงินของธนาคารรัฐ
จนกระทั่ง... ข้อสงสัยและความไม่ไว้ใจทักษิณในประเด็นที่กล่าวมาซึ่งก่อตัวขึ้นช้าๆ กลับกลายเป็นความไม่ไว้ใจอย่างสุดขีด เมื่อ ทักษิณขายธุรกิจของครอบครัว คือ"ชินคอร์ปอเรชั่น" ให้กับ"เทมาเส็ค" เมื่อต้นปี 2549...โดยที่ครอบครัวชินวัตรไม่ได้เสียภาษีแม่แต่บาทเดียว
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมชนชั้นกลางเมืองจึงหันหลังให้กับทักษิณนั้น ขอสรุปเหตุผลหลัก 3 ประการคือ ประการแรก เมื่อเวลา ผ่านไป ชนชั้นกลางในเมืองเริ่มมองเห็นอันตรายของการมีรัฐบาลที่ครอบงำโดยนักธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนน้อยที่มีพฤติกรรมปกป้องผล ประโยชน์ของธุรกิจตัวเองเป็นหลัก
ประกอบกับยังมี "การคอร์รัปชั่น"โจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ การขายบริษัทชินฯ ให้กับเทมาเส็ค เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้จำนวนผู้ไม่ นิยมทักษิณเพิ่มขึ้นและขยายวงไปอย่างรวดเร็ว
ประการที่ 2 ชนชั้นกลางเกรงว่านโยบายประชานิยมของทักษิณ จะนำหายนะมาสู่เศรษฐกิจไทย รวมไปถึงข้อสังเกตที่ว่า รัฐบาล ทักษิณถลำลึกไปกับนโยบายประชานิยมตลอดช่วงปี 2547 และ 2548 และเป็นช่วงเวลาที่ความนิยมคลอนแคลงลงเป็นอย่างมาก
ประการสุดท้าย ชนชั้นกลางในเมือง พบว่า สูตรการเมืองของทักษิณ คือ ธุรกิจขนาดใหญ่เข้าเกาะกุมรัฐบาล ผนวกกับนโยบาย ประชานิยมที่จับใจผู้ออกเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่ของประเทศ ประสบความสำเร็จสูง จนสามารถกันชนชั้นกลางออกไปจากเวทีทางการเมือง
และอาจจะมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น ความล้มเหลวของทักษิณในการแก้ปัญหาภาคใต้ ฯลฯ
แต่ลึกๆ แล้ว 3 เหตุผล ที่กล่าวมาแล้วเป็นหัวใจที่ทำให้ชนชั้นกลางในเมือง หันหลังให้ทักษิณ...
โดย: ถ้าไม่มีรัฐประหาร? (
boss5617
) วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:15:48:47 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
เจ้าสร้อยดอกหมาก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
อ้วนดำปื๊ดปื๊อ
mytent
ป้ามด
รักษ์บ้านเกิด
ดอกไม้ของฬีฬา
หมอ-ยา-ผู้-น่า-รัก
คีตภา
gongto
อุรัสยา
ปัญญ์ปรียา
*Ririnsilver*
ปูขาเก เซมารู
Webmaster - BlogGang
[Add เจ้าสร้อยดอกหมาก's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
เศรษฐศาสตร์การเมือง ว่าด้วยประชานิยม ตอนที่ 3
รศ.ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร
อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับ"กลุ่มชนชั้นกลาง"ที่สนอกสนใจการเมืองเป็นพิเศษนั้น เบื้องแรกพวกเขาสนับสนุน"ทักษิณ"มาตั้งแต่ต้นเช่นกัน แต่ต่อมา คลายความนิยมลงหลังจากที่พบว่า"ทักษิณ"ไม่ฟังเสียงใคร เชื่อความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ มีความเป็น"อำนาจนิยม"สูง
กลางปี 2547 นักธุรกิจในค่ายทักษิณพยายามซื้อสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง ค่าย"มติชน"และค่าย"บางกอกโพสต์" จาก เหตุการณ์ตรงนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยน ...
"ทักษิณ"สร้างศัตรูกับบรรดาสื่อสิ่งพิมพ์ นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพของสื่ออย่างกว้างขวาง หลายๆ คนต้อง การดีด "ทักษิณ"ออกจากการเมืองไทยอย่างทันทีทันใด แม้ว่าจะต้องถึงขั้นให้มีการรัฐประหารก็ยอม
คนงานนั่งโต๊ะมีการศึกษาจำนวนมากอยู่ในภาวะค่อนข้างสับสน พวกเขานิยมชมชอบทักษิณ เพราะว่าทักษิณเป็นตัวแทนของ ความทันสมัย ความเฉียบขาด กล้าตัดสินใจ แถมยังสามารถทำให้ตลาดหลักทรัพย์อยู่ในภาวะเป็นฟองสบู่โดยไม่แตก
ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า"ชุดนโยบายประชานิยม"ของทักษิณ ซึ่งใช้เงินภาษีของพวกเขาแบบไม่ระแวดระวังและมีความ เสี่ยงสูงจากหลายโครงการอาทิ หนึ่งล้านบาทหนึ่งตำบล โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือโครงการเอื้ออาทรต่างๆ อาจทำให้รัฐบาลต้อง เพิ่มระดับภาษีในอนาคต หรืออาจสร้างความเสี่ยงให้กับระบบการเงินของธนาคารรัฐ
จนกระทั่ง... ข้อสงสัยและความไม่ไว้ใจทักษิณในประเด็นที่กล่าวมาซึ่งก่อตัวขึ้นช้าๆ กลับกลายเป็นความไม่ไว้ใจอย่างสุดขีด เมื่อ ทักษิณขายธุรกิจของครอบครัว คือ"ชินคอร์ปอเรชั่น" ให้กับ"เทมาเส็ค" เมื่อต้นปี 2549...โดยที่ครอบครัวชินวัตรไม่ได้เสียภาษีแม่แต่บาทเดียว
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมชนชั้นกลางเมืองจึงหันหลังให้กับทักษิณนั้น ขอสรุปเหตุผลหลัก 3 ประการคือ ประการแรก เมื่อเวลา ผ่านไป ชนชั้นกลางในเมืองเริ่มมองเห็นอันตรายของการมีรัฐบาลที่ครอบงำโดยนักธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนน้อยที่มีพฤติกรรมปกป้องผล ประโยชน์ของธุรกิจตัวเองเป็นหลัก
ประกอบกับยังมี "การคอร์รัปชั่น"โจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ การขายบริษัทชินฯ ให้กับเทมาเส็ค เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้จำนวนผู้ไม่ นิยมทักษิณเพิ่มขึ้นและขยายวงไปอย่างรวดเร็ว
ประการที่ 2 ชนชั้นกลางเกรงว่านโยบายประชานิยมของทักษิณ จะนำหายนะมาสู่เศรษฐกิจไทย รวมไปถึงข้อสังเกตที่ว่า รัฐบาล ทักษิณถลำลึกไปกับนโยบายประชานิยมตลอดช่วงปี 2547 และ 2548 และเป็นช่วงเวลาที่ความนิยมคลอนแคลงลงเป็นอย่างมาก
ประการสุดท้าย ชนชั้นกลางในเมือง พบว่า สูตรการเมืองของทักษิณ คือ ธุรกิจขนาดใหญ่เข้าเกาะกุมรัฐบาล ผนวกกับนโยบาย ประชานิยมที่จับใจผู้ออกเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่ของประเทศ ประสบความสำเร็จสูง จนสามารถกันชนชั้นกลางออกไปจากเวทีทางการเมือง
และอาจจะมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น ความล้มเหลวของทักษิณในการแก้ปัญหาภาคใต้ ฯลฯ
แต่ลึกๆ แล้ว 3 เหตุผล ที่กล่าวมาแล้วเป็นหัวใจที่ทำให้ชนชั้นกลางในเมือง หันหลังให้ทักษิณ...