คนเราเริ่มต้นได้เสมอ ถ้าต้องการ ทุกวันคือการเริ่มต้น
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
คุณเคยสังเกตุดวงตาของคุณมั้ยว่า ตาแห้ง หรือไม่



คุณเคยรู้สึกเคืองตาหรือแสบตาบ่อยๆ เหมือนมีผงอยู่ในตา ขนต้องขยี้หรือกระพริบตาบ่อยๆ ไหมคะ มาดูกันว่าอาการลักษระนี้เกิดขึ้นกับใครได้บ้าง

คนแรกคุณเรณู มีประวัติแพ้ยาแก้อักเสบจนเกิดภาวะ Stevens-Johnson syndrome (SJS) (มีอาการไข้ ผื่นขึ้นทั่วตัว เยื่อบุตาอักเสบเป็นหนอง เยื่อบุช่องปากอักเสบเป็นแผล) เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีอาการแสบตา เคืองตาอยู่ตลอดเวลา ลืมตาไม่ค่อยได้ แพ้แสงต้องสวมแว่นดำอยู่ตลอดเวลา ไปพบจักษุแพทย์บอกว่าเป็นภาวะตาแห้งเรื้อรังอันเกิดจากโรค Stevens-Johnson

คนที่ 2 คุณประสิทธิ์ เรียนจบวิทยาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์มาทำงานในฐานะคอมพิวเตอรโปรแกรมเมอร์ของบริษัท งานกำลังรุ่งจึงทำให้คุณประสิทธิ์คร่ำเคร่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายๆ ชั่วโมง ระยะหลังพบว่าตัวเองมีอาการแสบตา เคืองตามาก จักษุแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะตาแห้งจากการใช้งานหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป

คนที่ 3 คุณย่าแดง มีสายตาดีมากหลังการผ่าตัดต้อกระจกฝังแก้วตาเทียม ใช้สายตาได้ดีตลอดมา ระยะหลังเวลาคุณย่าแดงดูทีวีจะแสบตา

คนที่ 4 คุณสมศรี สายตาสั้นมาก ใช้คอนแทคเลนส์ตลอดมาหลายปี เพราะรู้สึกคล่องตัวดีกว่าการใช้แว่น มาระยะหลังพบว่าเวลาใส่คอนแทคเลนส์ได้ไม่ถึงชั่วโมง ตาจะแสบเคืองมากจนต้องถอดคอนแทคเลนส์ออก เพื่อนๆ แนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมช่วยก็อาการดีขึ้นบ้าง คุณสมศรีเป็นอีกรายที่เกิดภาวะตาแห้งจากการใช้คอนแทคเลนส์มานานนั่นเอง

เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายๆ ท่านคงจะเคยมีอาการตาแห้งกันบ้าง บางท่านอาจรู้สึกว่าในดวงตาฝืดเคือง แสบ เหมือนไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา บางท่านอาจมีอาการผิดปกติทางตาไปรับการตรวจจากจักษุแพทย์ทราบว่าอยู่ในภาวะ ตาแห้งควรหยอดน้ำตาเทียมช่วยบรรเทาอาการต่างๆ

อาการ ตาแห้งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยๆ มักจะเป็นเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ โดยมักจะมีอาการไม่สบายตา ระคายเคืองตา แสบตา คล้ายมีเศษผงอยู่ในตา กระพริบตาบ่อยๆ สำหรับผู้ใช้คอนแทคเลนส์ประจำจะรู้สึกว่าใส่คอนแทคเลนส์ที่เคยใช้ไม่ได้ บางรายอาจมีอาการแพ้แสง ตาพร่ามัวลงร่วมด้วย อาการดังกล่าวจะเป็นมากขึ้นหากอยู่ในที่แห้งหรือกลางแจ้ง อาการจะดีขึ้นเมื่อได้พักสายตาหรือหลังหยอดน้ำตาเทียม


สาเหตุของภาวะตาแห้ง

ในภาวะปกติผิวด้านหน้าตาดำของคนเราจะฉาบไว้ด้วยน้ำตาเป็นชั้นๆ บางๆ 3 ชั้น ชั้นในสุดติดตาดำเป็นน้ำตาที่เป็นเมือกสร้างโดยต่อมต่างๆ ในเยื่อบุต่างๆ ชั้นกลางเป็นน้ำใสสร้างจากต่อมน้ำตาหลักและต่อมน้ำตาสำรอง ส่วนชั้นนอกสุดเป็นชั้นน้ำตาไขมันสร้างจากต่อมบริเวณเปลือกตา น้ำตาทั้ง 3 ชั้น จะทำหน้าที่เคลือบผิวกระจกตาให้เรียบ ให้ออกซิเจนแก่เซลล์ผิวกระจกตา ชะล้างสิ่งสกปรกตลอดจนเชื้อโรคบางตัวที่อาจพลัดหลงเข้าตา ในภาวะปกติน้ำตาถูกสร้างออกมาสม่ำเสมออย่างอัตโนมัติ แต่ยังมีน้ำตาอีกกลุ่มหนึ่งที่สร้างออกมาตอบสนองต่อการระคายเคือง

เช่น เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา การมีแสงจ้ากระทบตา ตลอดจนบางส่วนที่ตอบสนองอารมณ์ เช่น ดีใจ เสียใจ จะมีน้ำตาออกมามากกว่าปกติ เมื่อมีน้ำตาออกมา ต้องมีการไหลออกจากดวงตาผ่านท่อน้ำตาไปสู่ถุงน้ำตาลงจมูกและคอ การเกิดภาวะตาแห้งจึงเกิดได้ 2 หลักใหญ่ คือ สร้างน้อยเกินไปหรือไหลออกจากตาเร็วเกินไป โดยทั่วไปอาจเกิดจากโรคต่างๆ ที่ทำลายต่อมสร้างน้ำตา ทั้งต่อมน้ำตาหลัก ต่อมต่างๆ ที่เยื่อบุตาตลอดจนต่อมต่างๆ ที่เปลือกตา เช่น โรค Sjogren (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดหนึ่งที่ทำให้ติดเชื้อง่าย และมีอาการปากแห้ง ตาแห้ง) เปลือกตาอักเสบเรื้อรัง โรค Stevens-Johnson syndrome (SJS) ที่ทำลายเยื่อบุตาโดยตรง ตาหลับไม่สนิท สารเคมีเข้าตา ฯลฯ

มีโรคทางร่างกายบางอย่างที่ทำให้การ สร้างน้ำตาลดลง ได้แก่ โรคผิวหนัง Rosacea (มีลักษณะคล้ายสิว) โรครูมาตอยด์ โรค SLE (ที่รู้จักและเรียกกันว่า โรคพุ่มพวง) โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคภูมิแพ้ ตลอดจนภาวะหมดประจำเดือนหรือวัยทอง เป็นต้น

สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำงานในห้องปรับอากาศนานๆ อยู่บนเครื่องบินนานๆ อ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์นานๆ ตลอดจนการใช้คอนแทคเลนส์

การใช้ยารักษาโรคทางกายบางอย่างที่มี การใช้ยาเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การรักษาโรคความดันโลหิตสูง ยารักษาอาการซึมเศร้า ยาแก้แพ้ แก้หวัด ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ เป็นต้น


"ตาแห้ง" รักษาอย่างไร

ควรเริ่มด้วยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคที่หลีกเลี่ยงได้ เช่น การอยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ การอ่านหนังสือหรืออยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในที่มีแดดลมมาก หรือถ้าจำเป็นให้ใช้แว่นกันแดดกันลม เป็นต้น

รักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เปลือกตาอักเสบ ความผิดปกติของเปลือกตา ลดหรืองดการใช้ยาที่ทำให้เกิดภาวะการณ์สร้างน้ำตาน้อยลง ใช้ยาแก้แพ้ในกรณีที่มีปัญหาภูมิแพ้ด้วย

การใช้น้ำตาเทียม น้ำตาเทียมที่ใช้กันอยู่อาจเป็นในรูปของน้ำใส เป็นเจล หรือขี้ผึ้ง น้ำตาเทียมชนิดน้ำมี 2 ชนิดใหญ่ คือ ชนิดมีสารกันเสีย ซึ่งขวดหนึ่งสามารถใช้ได้นานเป็นเดือน กับรูปแบบชนิดไม่มีสารกันเสียใช้ได้ไม่เกิน 24 ช.ม. มักบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกเล็กๆ คล้ายหลอดยาฉีด มีน้ำตาเทียมอยู่ 4-8 หยด ประมาณ 0.4 cc หากตาแห้งเป็นไม่มาก สามารถหยอดน้ำตาเทียม วันละ 4 ครั้ง อาจจะใช้ร่วมกับน้ำตาเทียมชนิดเจล หรือใช้แบบขี้ผึ้งก่อนนอน หากอาการเป็นมากเพิ่มการหยอดน้ำตาเทียมได้ทุก 1-2 ช.ม. ซึ่งควรใช้แบบไม่มีสารกันเสีย หากใช้แบบมีสารกันเสียจำนวนมากกว่า 4 ครั้งต่อวัน ตัวสารกันเสียอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อเยื่อบุตาได้ ควรใช้ยาหยอดลดการอักเสบของตาแบบอ่อนในรายที่มีการอักเสบของเยื่อบุตาร่วมด้วย

ยากดภูมิต้านทาน (cyclosporine) เป็นตัวยาซึ่งกดภูมิต้านทานที่นิยมใช้ในผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ มิให้ผู้รับอวัยวะมีปฏิกิริยาต่อต้านอวัยวะที่ได้มาใหม่ ในรูปของยาหยอดสามารถนำมาใช้กับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรงปานกลางจนถึง รุนแรงมากได้

โดยทั่วไปภาวะตาแห้งส่วนมากแก้ไขและบำบัดได้ด้วยข้อปฏิบัติข้างต้น มีส่วนน้อยที่มีอาการตาแห้งมาก อาจต้องลงเอยด้วยการผ่าตัดอุดท่อน้ำตามิให้ไหลออกจากตา อาจจะใช้วัสดุอุดท่อน้ำตาแบบชั่วคราว หรือผ่าตัดปิดท่อน้ำตาแบบถาวรไปเลย

แม้ว่าภาวะตาแห้งดูเหมือนจะไม่ร้ายแรง แต่เป็นภาวะที่มักจะเป็นเรื้อรัง ก็ทำให้เกิดความรำคาญ ไม่สบายตา บั่นทอนการใช้สายตาได้ วิธีแก้ไขมีตั้งแต่ง่ายๆ โดยการพักสายตาเป็นระยะ เมื่อต้องใช้งานต่อเนื่องยาวนาน การจัดวิถีการทำงานตลอดจนสภาพแวดล้อม ไปจนใช้น้ำตาเทียมช่วย หรือสุดท้ายอาจต้องลงเอยโดยการผ่าตัด


Create Date : 26 ตุลาคม 2551
Last Update : 26 ตุลาคม 2551 7:32:34 น. 3 comments
Counter : 848 Pageviews.

 

ขอบคุณความรู้ดีๆ ค่ะ ขออนุญาตินำไปบอกต่อนะคะ

มีแต่ความสุขใจนะคะ


โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:9:07:35 น.  

 


กำลังเป็นอยู่นี่แหละคะ

ใช้คอนแทคเลนส์มาตั้งแต่ปี 2530
และปัจจุบันทำงานอยู่หน้าคอมฯ มากกว่าวันละ 6 ชั่วโมง

เดือนนี้ตัดแว่นไป 3 ตัวแล้ว แต่งตัวยาก
หนำซ้ำไม่คล่องเหมือนใส่คอนแทคเลนส์ทั้งที่แว่นน่าจะชัดกว่า

ขับรถ ทรมานมากค่ะ

ให้ดีขึ้นอีกนิด ก็คงต้องกลับไปใส่คอนแทคเลนส์เหมือนเดิม
หรืออาจปรึกษาแพทย์ทำเลสิค แล้วค่ะ





โดย: Big Spender วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:16:40:42 น.  

 
ขอบคุณ คุณทิวาจรดราตรี นำไปบอกต่อได้เลยค่ะ
ขอบคุณ Big Spender ขอให้ทำเลสิคแล้วหายน่ะค่ะ


โดย: เจ้าสร้อยดอกหมาก วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:7:58:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสร้อยดอกหมาก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เจ้าสร้อยดอกหมาก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.