หนีเมืองมาติดเกาะ 2 คืนค่ะ มาพักที่ Holiday inn Resort เกาะพีพี

รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่บนเกาะพีพีก็จริงแต่ว่าตั้งอยู่บนแหลมตง ซึ่งห่างจากอ่าวต้นไทรที่ถือเป็นกลางเมืองของเกาะพีพีอยู่มาก
แถบนี้มีโรงแรมตั้งอยู่แค่ 4-5 ที่ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบแบบสุดๆ แต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนอะไรนะ มีทุกอย่างให้พร้อม (แต่ก็ราคาสูงงง ^__^")


ว่าด้วยการเดินทางมาที่รีสอร์ทกันก่อน สามารถนั่งเรือมาได้จากทั้งทางภูเก็ตและกระบี่
มาลงที่อ่าวต้นไทร แล้วนั่งเรือมาลงที่แหลมตงอีกต่อ ซึ่งจะใช้เวลาจากอ่าวต้นไทรมาประมาณ 45นาที-1ชั่วโมง
ที่เราเลือกใช้คือ นั่งเรือเฟอรี่ของอันดามันเวฟมาสเตอร์จากภูเก็ตมาลงที่แหลมตงได้เลย เท่าที่รู้ที่นี่เป็นเจ้าเดียวของเรือเฟอรี่ที่มาถึงแหลมตง
โดยที่เรือจะมาจากภูเก็ตแล้วแวะส่งรับคนที่อ่าวต้นไทร จอดพักที่นั่นซักแป๊บ (จำเวลาจอดไม่ได้แล้ว น่าจะประมาณ 30นาที-1ชั่วโมง)
ถ้าไม่ได้ซื้ออาหารขนมตุนมาแต่แรก ระหว่างนั้นแวะซื้อของใน7-11ไปตุนได้นะคะ ราคาไม่แพง

แผนที่เกาะพีพีเอามาจากเวบของรีสอร์ทค่ะ //www.phiphi.holidayinn.com/htm


ข้อดีของการเดินทางแบบนี้ คือราคาถูกกว่าแบบอื่น
โดยเสียค่าโดยสารจากอ่าวต้นไทร-แหลมตง 200 บาท หรือจากภูเก็ต-แหลมตง 700 บาทค่ะ
พอมาถึงจะมีเรือหางยาวจากโรงแรมมารับจากเรือเฟอรี่เข้าฝั่งค่ะ แต่ข้อเสียคือเรือแบบนี้จะมีแค่วันละ 2 เที่ยว ต้องวางแผนเวลาดีๆค่ะ
แต่ถ้าใครอยากจะสะดวกมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก็นั่งเรือหางยาวค่ะ ค่าบริการน่าจะเป็นหลักพันต้นๆต่อลำ (แล้วแต่ตกลง)
ส่วนถ้าอยากเดินมาจากอ่าวต้นไทรใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงต้องขึ้นเขาด้วยนะ (ไม่ควรมั้ง..)
เรื่องการเดินทางถือว่าเป็นจุดด้อยของที่นี่นะ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความสงบ ไม่วุ่นวาย หาดมีแต่แขกในโรงแรมไม่กี่คน


หลังจากเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยก็มาถึงลอบบี้ของรีสอร์ท




พื้นที่กว้างขวางมาก มีที่พักหลายโซน เราพักที่ Coral Wing เป็นโซนที่สร้างใหม่ อยู่ไกลจากลอบบี้ไปประมาณ 300-400 เมตร


ทางเดินภายในรีสอร์ท


เราพักห้องแบบ King Coral Sea View Studio ได้อัพเกรดจากห้อง Deluxe มาค่ะ




วิวจากระเบียง


สิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีคุกกี้เป็นขนมต้อนรับ น้้ำ ชา กาแฟที่เตรียมไว้ในห้องทานได้ฟรีทุกอย่างนะคะ
แต่ว่าจะไม่มีพวกขนมขบเคี้ยวหรือแอลกอฮอลล์ให้ ถ้าอยากทานไปซื้อเองที่ร้านขายของของรีสอร์ทค่ะ
เราว่าแบบนี้ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องห่วงว่าทานอะไรแล้วจะเสียตังมั้ง แต่ที่ดีที่สุดคือ ตุนของกินมาตั้งแต่บนฝั่งค่ะ


มุมแต่งตัว ตู้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้า


ห้องน้ำค่ะ มีห้องอาบน้ำแบบฝักบัวอยู่ทั้งด้านนอกและด้านใน อันนี้เป็นห้องอาบน้ำด้านนอก


เดินสำรวจส่วนอื่นๆของรีสอร์ทกันบ้าง เริ่มจากที่พักในโซน Coral Wing ที่เราพักก่อน


มีสระว่ายน้ำประจำโซน ถ่ายมาเว้าๆแหว่งๆต้องขออภัยค่า


ทางเดินแถวที่พักโซนบังกาโลในสวน


มีบังกาโลแบบติดชายหาด


ห้องพักเยอะจริงๆ เราไปช่วงปลายพฤษภาก็เข้าหน้าโลว์หน่อยๆแล้ว แต่แขกที่ไปพักก็เยอะพอควรเลย มีเราเป็นคนไทยกลุ่มเดียวเลย


เดินกลับไปที่ลอบบี้แบบเลาะชายหาดบ้าง แถวนั้นมีกิจกรรมมากมายให้ทำเพลินๆระหว่างอยู่ที่นี่ค่ะ


เริ่มจากร้านขายของ ขนม อุปกรณ์กิจกรรมทางน้ำทั้งหลาย ของที่ระลึก แต่..ไม่ได้ใช้บริการค่ะ


มีห้องสำหรับเด็ก สปา


สระว่ายน้ำอีกที่


ห้องอาหารห้องหลักของโรงแรม มาทานได้ เช้า กลางวัน เย็น


อาหารเช้าราคาก็รวมกับค่าที่พักไปแล้ว หลากหลายมาก ตั้งแต่ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ หมี่ ABF ซุ้มไข่ ผลไม้ ...เยอะอ่ะ
ถ้ามาสั่งอาหารจานเดียวสำหรับมื้อเที่ยง ขั้นต่ำก็ประมาณ 200 บาทขึ้นไป
ถ้าอยากทานแบบบุฟเฟ่ต์ ที่นี่มีตอนเย็นเปลี่ยนธีมไปในแต่ละวันราคา 600 บาท (ไม่แน่ใจว่าราคา net รึปล่าวนะ)


มีห้องทานอาหารเช้าอีกที่ แถวโซนที่พักอันห่างไกลของเรา ชื่อห้องชมทะเล




เนินเขาด้านหลังรีสอร์ทมีบาร์สวยๆไว้ให้จิบเครื่องดื่มชมพระอาทิตย์ตกด้วย ชื่อ Sunset Bar บรรยากาศดีม๊ากกก


ถ้ามาที่หน้าลอบบี้ก็มีเรือหางยาวบริการพาไปเที่ยวแบบวันเดย์ทริปหรือถ้าใครอยากจะไปเที่ยวอ่าวต้นไทรก็มาติดต่อได้


แต่ที่เราชอบใจมากที่สุด ก็เป็นที่นี่แหละ ศูนย์กิจกรรมทางน้ำ แขกสามารถมายืมเรือแคนู เสื้อชูชีพ สนอกเกิล จากที่นี่ไปแหวกว่ายทะเลได้ฟรีค่ะ


เนื่องจากมีจุดดำน้ำตื้นอยู่หน้าหาดเลย ทำให้สะดวกมาก นึกอยากลงเมื่อไหร่ก็เดินลงทะเลไปได้เลย
เราชอบดำน้ำที่นี้มากกว่าไปดำที่พีพีเลอีกนะ เพราะเงียบสงบ ปะการังก็สมบูรณ์กว่า คลื่นจากเรือก็แทบจะไม่มีเลย ดำดูปลาเช้าเย็นทุกวันเลยจ้า


แต่... ก็มีเรื่องเข้าจนได้ หลังโรงแรมเป็นป่า ทำให้มียุงหรือแมลงเยอะ เราหาข้อมูลล่วงหน้าไว้แล้วเลยเตรียมยาทากันยุงไปด้วย
แต่ก็สงสัยว่าทำไม๊ทำไมถึงคันและมีตุ่มยุงกัดขึ้นทั้งตัว ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีตัวอะไรมากัด เราก็เปิดดูใต้ผ้าห่มในห้องพักก็ไม่เจอตัวอะไร
ยิ่งอยู่ยิ่งคัน ใต้ร่มผ้าก็ยังมีตุ่ม เราก็สงสัยว่าแพ้น้ำรึปล่าว ผื่นขึ้นทั่วทั้งตัว ลองนับดูที่แขนแต่ละข้างคือ 20-30 ตุ่มเลย

จนกลับมาถึงบ้าน คันมากจนนอนไม่ได้ ก็เลยลองหาข้อมูลทางอินเตอร์เนต
เมื่อดูจากประวัติและอาการป่วยของเราแล้ว ขอวินิจฉัยโรคเลยว่า
โดนแตนทะเลจ้าาาาา...
แตนทะเลไม่ได้เป็นแมลงหรืออะไรที่ใกล้เคียงแมลงเลย เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากๆมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ลอยอยู่ในทะเล
เราลงดำน้ำอยู่ 4 รอบ แต่ละรอบก็คงโดนมาเรื่อยๆแต่ยังนึกไม่ถึง
ตอนที่เราดำน้ำก็รู้สึกทำไมเหมือนน้ำขุ่นๆเหมือนมีตะกอน เดาว่านั่นแหละคือกลุ่มของแตนทะเล
แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไปหาหมอเค้าก็ให้ยาแก้แพ้ กับยาลดอักเสบลดคันมาทาผิว ผ่านไป 1 สัปดาห์ก็หายคันแล้วค่ะ

ใครลงว่ายน้ำทะเลแล้วมีอาการแบบนี้ ก็อย่าลืมนึกถึงแตนทะเลกันนะ จะได้ป้องกันหลีกเลี่ยงได้ไว ไม่ต้องคันทั้งร่างแบบเรา
(แต่ตุ่มไม่ขึ้นหน้าเลยแหะ สงสัยหนากว่าผิวส่วนอื่น หุหุ //เขินจัง)

วันกลับก็นั่งเรือเฟอรี่เจ้าเดิมกลับภูเก็ต แต่มาแวะรับคนเพิ่มที่อ่าวต้นไทร
บรรยากาศควรปรับปรุง เราว่าเลอะเทอะไปนะ เหมือนกำลังก่อสร้างบางอย่างอยู่


ถนนคนเดินเกาะพีพีช่วงเช้า เงียบมาก




หลังจากกลับมาแล้ว ทำให้รู้สึกว่าอยากพาพ่อแม่ไปเที่ยวเกาะพีพี แล้วไปพักที่นี่อีกจัง
เราว่าเหมาะกับการมาเป็นครอบครัวมาก คือ ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องรีบร้อน ใช้เวลาเรื่อยๆ อยากทำอะไรก็ทำ อยากว่ายน้ำอยากดำน้ำก็ทำได้ตอนที่สะดวก

สรุปสั้นๆกับที่พัก Holiday Inn Resort Phi Phi Island
ข้อดี บรรยากาศดี ห้องพักดี เป็นส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบ บริการดีมาก มีจุดดำน้ำตื้นหน้าหาด
จุดด้อย เดินทางเข้าถึงยาก ห้องพักราคาสูง(ขนาดจองโปร ได้ห้องคืนละ 3xxxบาท ราคาที่แน่นอนจำไม่ได้ค่ะ) ทางเลือกน้อยกว่า(แถวนั้นไม่มีร้านขายของหรืออาหารอื่น)