Day 6 วันสุดท้าย เที่ยวสบายๆในโอซาก้า

ความตั้งใจแรก ตอนนั่งวางแผนโปรแกรมเที่ยววันสุดท้ายที่เมืองไทย คือ วันนี้จะซื้อ Osaka Unlimited Pass เพื่อเที่ยวในโอซาก้าให้ได้เยอะๆ
แต่เริ่มคิดได้ว่าการซื้อ OUP เที่ยวโอซาก้าวันสุดท้ายนี่มันจะไม่เวิร์คแน่ๆหลังจากที่มาเที่ยวได้ 3-4 วัน เพราะว่าเริ่มล้าจากการเดินเยอะสะสม
ก็เลยยกเลิกแผน OUP ไป เปลี่ยนมาเป็นซื้อตั๋วไปเป็นเที่ยวๆ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแผนที่ถูกต้องมากกกก

วันนี้เราเที่ยวกันแบบโล่งๆ ไปเที่ยวแค่ไม่กี่ที่ เอาแค่ว่ากว่าจะออกจากโรงแรมก็ปาเข้าไปสิบโมงครึ่งแล้วค่ะ

สถานที่แรกที่ไป ก็คือ... Yoshinoya
ร้านนี้อยู่แถวๆโรงแรม สาขานี้ค่อนข้างใหญ่โต ปกติร้านเชนนี้จะเป็นที่นั่งแบบเคาเตอร์บาร์ แต่สาขานี้มีเก้าอี้ให้นั่งด้วย


อาหารที่สั่งมาค่ะ


ทานเสร็จแล้วถึงค่อยไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ระบบคล้ายกินที่เมืองไทยค่ะ นั่งโต๊ะ-สั่งอาหาร-กิน-จ่ายตัง
แต่ทุกทีร้านประเภทนี้มักจะให้กดอาหารจ่ายตังที่ตู้กดก่อนแล้วค่อยมาให้พนักงานทำอาหารให้ทีหลังนะ


อิ่มแล้ว.. ก็ไปเที่ยวกันค่ะ ถ้าให้นึกถึงสัญลักษณ์อันดับแรกของเมืองโอซาก้า เราก็นึกถึงที่นี้แหละ ปราสาทโอซาก้า
เดินทางจากโรงแรมที่สถานี Nagahoribashi ด้วยรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Tanimachiyonchome
ใช้บัตร ICOCA แปะเอาค่ะ ตัดเงินเป็นเที่ยวแบบธรรมดา
เดินจากสถานีมาซัก 10 นาที ก็จะเริ่มเห็นปราสาทโอซาก้าอยู่ลิบๆ


บ้านเราก็แวะถ่ายรูปกันเรื่อยเปื่อย กว่าจะถึงตัวปราสาทด้านในใช้เวลาเป็นชั่วโมง
เราว่าถ้าไม่แวะข้างทางเลย เดินอย่างเดียว จากสถานีรถไฟมาถึงลานหน้าปราสาทน่าจะใช้เวลาซัก 20-30 นาที
ดังนั้นใครวางแผนมาเที่ยวคงต้องเผื่อเวลาด้วยนะ แค่เดินไปเดินกลับก็ 1 ชั่วโมงแล้ว


Map of Osaka Castle Park


ประตูแรกที่ต้องผ่านเข้าไปสู่อาณาเขตของปราสาทโอซาก้า Otemon Gate อยู่ทางทิศใต้ เข้าสู่ชั้นแรกของปราสาท


เข้าประตู Sakuramon ที่อยู่ทางทิศตะวันออก เข้ามาชั้นถัดมา


เข้ามาเจอหินยักษ์ก้อนนี้ขวางอยู่ ก้อนนี้เค้าเขียนบอกว่าเป็นก้อนใหญ่สุดที่เอามาสร้างเป็นกำแพงปราสาท


เข้ามาจนถึงหน้าลานปราสาท มีรถขายอาหารขายจำพวกของทานเล่น


ก็เลยซื้อทาโกะยากิมาชิมซะหน่อย งั้นๆมาก ถ้าไม่หิวก็ไม่ต้องซื้อทานก็ได้นะ


แฮ่.... มาถึงซักที เห็นตั้งตระหง่านสวยงามแบบนี้ เคยทั้งถูกเผาในสงครามและถูกฟ้าผ่ามาแล้วนะคะ
ปัจจุบัน ถือเป็นปราสาทโอซาก้า เวอร์ชั่นที่ 3 เพิ่งได้รับการบูรณะให้สวยงามเมื่อปี 1931 ด้วยเงินบริจาคจากชาวเมืองโอซาก้านี่แหละค่ะ


นี่คือ เครื่องซื้อตั๋วเข้าชม ซื้อได้ทีนึงสูงสุดถึงครั้งละ 6 ใบ ค่าเข้าคนละ 600 เยนค่ะ




เจอคุณลุง 2 คน เดินขึ้นปราสาทมาพร้อมๆกัน เวลาคุยก็หันมาเหมือนจะชวนเราเข้าวงสนทนาด้วย เหมือนจะคุยกันรู้เรื่องเลยเนอะ


ภายในปราสาทจะเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมา ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในปราสาท จัดแสดงอยู่ชั้น 2-7
ส่วนชั้น 8 จะเป็นจุดชมวิวมุมสูง ซึ่งติดตาข่ายไว้แล้ว ตามภาพ..
นึกสงสัยว่าเค้าพึ่งติด หรือมีมานานแล้ว เห็นรีวิวที่ผ่านมาไม่เห็นมีใครถ่ายติดตาข่ายแบบเราซักคน หรือคนอื่นใช้มุมกล้องแทรกตาข่ายไปถ่ายมากัน??


จากชั้น 1 แนะนำให้ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 5 แล้วค่อยไต่บันไดขึ้นไปชั้น 8 ก่อน จากนั้นก็ลงบันไดดูพิพิธภัณฑ์ไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ จะประหยัดแรงได้มากกว่า
กรณีมากับคนสูงอายุ (เช่นพ่อกับแม่เราเป็นต้น) เจ้าหน้าที่จะมีลิฟท์สำหรับผู้สูงอายุให้ขึ้นไปได้ถึงชั้น 8 เลยค่ะ (คนทั่วไปขึ้นลิฟท์ได้แค่ชั้น 5 นะ)

ส่วนของพิพิธภัณฑ์บางชั้นเค้าก็ห้ามถ่ายรูปนะ ขอสารภาพ.. เราง่วงมากตอนเดินดู (โชว์โง่ซะงั้น..)
หุ่นจิ๋วจำลองเหตุการณ์ตอนที่เกิดสงคราม Summer War of Osaka ในปี 1615 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ปราสาทถูกเผาทำลาย


ตัดกลับมาที่ยุคปัจจุบันของโอซาก้ากันดีกว่า นั่งรถไฟจากปราสาทมาลงที่นัมบะ เดินมาไม่นานก็เข้าสู่ย่านร้านอาหารที่โดทงบุริ


แต่ละร้านหน้าตาคุ้นๆ เพราะเคยผ่านรีวิวในพันทิพมากันทั้งนั้น


เราเลือกร้านนี้จ้ะ Daruma Kushikatsu มีเครื่องหมายการค้าเป็นลุงหน้าโหดยืนต้อนรับอยู่หน้าร้าน
ร้านนี้มีหลายสาขา ดั้งเดิมเลยตั้งอยู่แถวหอคอยซึเทนคาคุในย่านชินเซไก
Kushikatsu เป็นอาหารที่ควรจะต้องจัดเมื่อมาถึงโอซาก้า จริงๆแล้วมันก็คืออาหารเสียบไม้แล้วนำไปชุบแป้งทอด มีซอสจิ้มเพิ่มรสชาติ


เข้าร้านไปจะได้กลิ่นน้ำมันทอดฟุ้งเต็มร้าน และแน่นอนติดตัวออกมาหลังจากทานเสร็จแล้วด้วย
ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษให้แต่บางอย่างก็ทับศัพท์เป็นภาษาญี่ปุ่น
หลังจากเลือกเซตอาหารเรียบร้อยแล้วพนักงานจะให้เลือกของทานเล่นซึ่งจะมาเสิร์ฟก่อนของทอดจะมา
มี 3 อย่างให้เลือก ถั่วแระ เนื้อตุ๋นกับบุก และกิมจิ เจอพนักงานบริการไม่ดีคนนึงด้วยตอนที่จะเลือกของทานเล่น
โดนทำหน้าเอือมกลอกตาขึ้นข้างบนและแบะปากใส่ตอนที่ถามว่า Edamame คืออะไร มันคือถั่วแระญี่ปุ่นนะคะทุ๊กกคนน
(พนง.ไม่ได้ตอบเราหรอกนะ ก็เลยลองสั่งมาเลย จะได้รู้ว่าคืออะไร)


หน้าตาอาหารที่มาเสิร์ฟก็ประมาณนี้ จะสั่งแยกมาเป็นไม้ๆก็ได้
มื้อนี้แพงสุดในทริป ที่ 8000 กว่าเยน


เหมือนจะเป็นการจบทริปแบบไม่น่าประทับใจซักเท่าไหร่
แต่วันเดินทางกลับมีเรื่องที่เราประทับใจมากๆ เกิดขึ้นที่สนามบินคันไซ


เรื่องก็มีอยู่ว่า วันเดินทางกลับก็เข้าไปเชคอินโหลดกระเป๋าที่เคาเตอร์คาเธ่ตามปกติ แล้วก็ต้องผ่าน Security check ของสนามบินก่อนผ่านตม.
แต่ว่า จนท.ไปตรวจเจอของต้องห้ามในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องของเราค่ะ คือ Snow Globe ที่ซื้อจากปราสาทโอซาก้า
เป็นความผิดเราเองลืมไปว่ามันมีของเหลวอยู่ นึกแต่ว่านี้คือกล่องของที่ระลึกก็เลยแยกออกมาถือเอง
ตอนนั้นทำใจว่าคงโดนยึดแน่ๆ เดี๋ยวค่อยไปหาซื้อใหม่ในดิวตี้ฟรีเอาก็แล้วกัน

แต่จนท.เอาบัตรพนักงานสวมคอให้ พาเราเดินย้อนกลับไปที่เคาเตอร์เชคอินใหม่ได้
แล้วสายการบินก็ใจดี หากล่องกระดาษมาใส่กล่องสโนว์โกลบของเราให้โหลดเข้าใต้เครื่องได้อีก
ต้องบอกว่า เหนือความคาดหมายของเราไปมากๆ และประทับใจมากๆเช่นกัน เราขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยเรา
แม้ว่าจะเป็นของราคาไม่กี่ร้อยเยน ทุกคนก็ยังพยายามที่จะช่วย ทั้งๆที่ด้วยหน้าที่แล้วไม่ต้องทำก็ได้

สุดท้าย ก็ได้กลับมาอยู่เมืองไทยด้วยกันนะ แบบไม่บุบสลายด้วย
ต้องบอกว่า เป็นสโนว์โกลบที่รู้สึก"พิเศษ"กว่าทุกๆโดมที่ผ่านมานะคะ  ^__^


บลอกหน้าเป็นตอนพิเศษ รีวิวที่พักในทริปนี้ค่ะ เปลี่ยนบรรยากาศ 3 โรงแรม 3 แบบกันเลยค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบลอกนะคะ



Create Date : 05 มิถุนายน 2557
Last Update : 5 มิถุนายน 2557 14:33:16 น. 0 comments
Counter : 3326 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.