แอ่วแม่ฮ่องสอน: 1 เชียงใหม่-ห้วยน้ำดัง





แม้ว่าจะเป็นชาวเหนือ แต่ขอบอกว่ายังไม่เคยไปแม่ฮ่องสอนซักที ด้วยความที่เป็นคนเมารถเมาเรือง่ายมาก เส้นทางไปแม่ฮ่องสอนก็ขึ้นชื่อเรื่องความคดเคี้ยวชวนอ้วก เลยไม่เคยมีความคิดจะไปเที่ยวที่นี้มาก่อน แต่ด้วยความที่ลาทำงานยาวๆได้ 4-5 วัน ก็เลยคิดว่าเที่ยวเส้นนี้แหละ กำลังดี ไม่ต้องไปไกล ไม่ต้องเหนื่อยมาก และค่าใช้จ่ายไม่สูงด้วย 



วันแรก โปรแกรมหลวมๆ เพราะแค่ตั้งใจไปกางเต้นท์นอนที่ห้วยน้ำดัง ซึ่งห่างจากเชียงใหม่แค่ 100 กม. ขับรถแค่ 2 ชั่วโมงหน่อยๆ ก็ถึงแล้ว ระหว่างทางก็แวะตลาดข้างทาง ซื้อเสบียงไว้ทานคืนนี้ ขอบอกว่าจิ้นส้มหมกเป็นอาหารแคมปิ้งที่เริ่ดมาก 555 

แล้วเรื่องที่หวาดกลัวก็เกิดขึ้น... ตามคาด



ใช้เส้นทาง 1095 ถนนช่วงสุดท้ายใกล้จะถึงห้วยน้ำดังนี่คือพีคสุดๆ เรียกว่าโค้งไม่มีเว้นวรรคกันเลยทีเดียว ก่อนหน้านั้นก็พอจะกล้ำกลืนกันมาได้อยู่ สุดท้ายก็อ้วกแตกอ้วกแตนกันไปตามระเบียบฮ่ะ TT แต่ถนนดีมากนะ เพิิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ถนนกว้าง มีจุดพักเยอะ บางช่วงก็มีเลนเพิ่มให้รถแซงกันได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น คือ ถ้าไม่เมารถนี่จะเป็นเส้นทางที่จัดว่าโรแมนติกมากนะ ช่วงที่ไปมีดอกบัวตองบานข้างทางด้วย วิวก็สวยมากๆแต่ตอนนั้น วงวิวนี่คือไม่สนแล้วแหละ

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน อากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ยังร้อนตับแล่บอยู่เลย แต่พอมาถึงอุทยานเปิดประตูรถออกมาเรียกว่าเย็นสั่นสะท้าน มาถึงตอนเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส แถมลมแรงซะด้วย รีบเอาเสื้อกันหนาวมาใส่เลยจ้า

หลังจากเสียเงินค่าเข้าอุทยาน ค่ารถเข้า ค่ากางเต้นท์ เราก็มาเลือกทำเลที่กางเต้นท์ เอาตามที่เค้าแนะนำกันในเนตนี่แหละ ลานกางเต้นท์ D เป็นคำคอบสุดท้าย



ถ้าใครไม่ได้เอาเต้นท์มาเอง ที่นี่ก็มีเต้นท์ และอุปกรณ์ให้เช่า เราก็ยืมเตาอังโล่และซื้อถ่านจากที่นี่ค่ะ ราคาไม่แพง เทียบกับปางอุ๋งนี่ถูกกว่ากัน 2-3 เท่าเลยนะ

จริงๆแผนหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว นอกจากการกางเต้นท์ กินมื้อเย็น (ลืมการอาบน้ำไปได้เลย) และนอนรอเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น แต่ขอเล่าประสบการณ์ที่เจอมา เผื่อใครคิดจะไปเที่ยวที่นี้จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไปให้พร้อม 



- ช่วงที่เราไปไม่ตรงกับเทศกาล แถมยังเป็นวันธรรมดา ลาน D ซึ่งปกติเป็นลานฮิตก็มีคนมากางเต้นท์อยู่ทั้งหมดแค่ 5 เต้นท์ พอตกกลางคืนคือ เงียบมาก และมืดมากก เตรียมไฟฉายแบบสว่างๆดวงโตๆไปเลยค่ะ ไม่งั้นชีวิตลำบากเวลาเดินไปห้องน้้ำแน่นอน  
- เพราะนอกจากมืดสนิทแล้ว ยังมีก้อนเมฆลอยผ่านเป็นม่านลดการมองเห็นอีกทางด้วย
- ลาน D เป็นลานรับลมอยู่ด้านตะวันออก ลมแรงมากขนาดว่าเราไม่กล้านอนอ่ะ กลัวเต้นท์ล่ม ผ้าเต้นท์ตีพรึ่บพรั่บๆทั้งคืน ข้อดี คือเห็นวิวพระอาทิิตย์ขึ้นยามเช้าจากหน้าเต้นท์ได้เลย ส่วนลานที่เหลือคือ A B C อยู่อีกฝั่งลมจะไม่แรงมาก แต่ถ้าอยากเห็นพระอาทิคย์ขึ้นตอนเช้า อาจจะต้องลุกเดินมาซัก 50-100 เมตร แต่ละลานอยู่ใกล้ๆกัน
- คิดว่าเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปแน่นแล้ว แต่ยังดีไม่พอค่ะ เราเตรียมผ้าห่มฟลีซ ผ้านวมธรรมดาไป 2 ผืน ปูพื้นนอนด้วยเสื่อโยคะกับถุงนอนแบบบาง เอาไม่อยู่ค่าาา จุดดนั้นควรเป็นผ้านวมแบบหนาๆซัก 2-3 ผืนน่าจะเอาอยู่นะ ตอนเช้าเหลือ 11 องศาเอง
- ต้นพฤศจิกา ยังมีทาก!!!!!! เน้นเลย เป็นคนเกลียดทากมากๆ เหตุการณ์ตอนที่เจอ คือ เราเพิ่งเดินกลับจากห้องน้ำมา พอมุดเข้าเต้นท์ก็นั่งคุยๆกับแฟน แล้วแฟนเราก็ทักว่าอะไรติดผมอ่ะ เลยเอามือปัดๆให้ พอตกบนพื้น มันตั้งตัวเด่ๆเตรียมดีดเลยค่าาา รีบห่อทิชชู่ทิ้งนอกเต้นท์อย่างไว หลังจากนั้นเราก็ไม่ออกนอกเต้นท์อีกเลยจนสว่าง 555
- มีแผนจะไปถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือก แต่ก็ล่มเพราะเมฆหมอกเยอะจริงไรจริง (แต่ถึงไม่มีเมฆก็อาจจะล่มเหมือนเดิม หนาวขนาดนั้น ทากดีดซะขนาดนี้)



แล้วตอนเช้าก็มาถึง.. เริ่มได้ยินความเคลื่อนไหวจากเต้นท์ข้างๆ เลยมุดออกเต้นท์มาสำรวจโลกบ้าง
ภาพที่เห็น คือ สวยมาก เรียกว่าเป็นวิวเช้าที่สวยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้นะ

ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่โผล่จากแนวขอบฟ้า แต่แสงเริ่มมาแล้ว



ยิ่งพอพระอาทิตย์เริ่มโผล่มา ก็ยิ่งสวยเข้าไปอีก



รู้สึกเหมือนรอดตายจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บ สีท้องฟ้าชวนฝันมาก มองแบบไม่อยากจะละสายตาเลยค่ะ



วิวจากเต้นท์



แดดแรงมาก แต่เช้าเลย ตอนมืดก็หนาวเหน็บ พอพระอาทิตย์โผล่ แดดก็เจ็บเกิ๊นน



หลังจากจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ก็ไปสำรวจจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกที่ของอุทยาน คือ จุดชมวิวกิ่วลม วิวที่ได้จะพาโนราม่ากว่าลาน D อีกค่ะ
แต่ที่เราไม่ไปที่นี้ตอนเช้าก็เพราะ... ความขี้เกียจย้ายที่นั่นเอ๊งงงง ไม่มีไรมาก 55

มาเอาตอนแปดโมง ก็มาถ่ายเก็บบรรยากาศทั่วๆไปละกัน หมอกฟูกว่าตอนเช้านะเนี่ย



เป็นจุดที่มีบริการบ้านพักแบบเป็นหลังๆค่ะ 



หลังนี้ใหญ่สุด และวิวดีที่สุดด้วย





เตรียมแปลงลงดอกไม้ ถ้าใครมาช่วงธันวา-มกรา ก็จะได้ถ่ายรูปดอกไม้สวยๆ



ข้อมูลจุดกางเต้นท์ เผื่อเอาไว้ประกอบการตัดสินใจค่ะ
ลาน A ลานสนดอย อยู่ติดกับหลังอาคารจุดบริการนักท่องเที่ยว เจอเป็นลานกางเต้นท์แรก บรรยากาศ่ร่มรื่น นอนใต้เงาสน ห้องน้ำแบบเก่า



ลาน B ลานลมหนาว ได้วิวฝั่งตะวันตก อยู่ด้านหน้าอาคารจุดบริการนักท่องเที่ยว มีห้องน้ำแบบใหม่ ปูนเปลือย มีห้องสำหรับผู้พิการหรือใช้รถเข็น





ลาน C ลานหมอกเมืองปาย วิวฝั่งตะวันตก มีที่ลานจอดรถกว้างขวาง ลานมี 3 สโล๊ปแหนะ ใช้ห้องน้ำร่วมกับลาน B





ลาน D ลานหมอกเมืองคอง ซึ่งเป็นลานที่เราเลือกนอน ได้วิวพาโนฝั่งตะวันออก ลานจอดรถไม่ค่อยไฮโซ จอดหน้าห้องน้ำ เราไปจอดรถลาน C แล้วเดินมาไม่ไกลแลดูปลอดภัยกว่า ห้องน้ำแบบเก่า
อันที่จริงมีห้องน้ำแบบฝาสังกะสีหลบๆอยู่อีกที่ (เหมือนจะสร้างแบบชั่วคราวนะ โครงสร้างแบบแค้มป์คนงานไรงี้) แต่ถ้าคนไม่มาก แนะนำว่าใช้ห้องน้ำด้านบนจะดีกว่า 

จากรูปฝั่งขวามือจะลงไปเป็นจุดกางเต้นท์ค่ะ มี 2 สโล๊ป ส่วนซ้ายมือคือห้องน้ำ กั้นกลางด้วยถนน



ยีงมีลานกางเต้นท์ที่อยู่ลึกเข้าไปอีก แต่ไม่ได้ไปสำรวจ เห็นป้ายเขียนว่า จุดกางเต้นท์ที่ 6 (ไม่รู้ว่าจุดกางเต้นท์ที่ 5 อยู่ตรงไหนนะคะ 55)

ขอตัดจบแบบดื้อๆ เดี๋ยวบลอกหน้าพาไปเที่ยวเมืองปายกันต่อค่ะ 




Create Date : 26 มีนาคม 2560
Last Update : 27 มีนาคม 2560 16:40:43 น. 1 comments
Counter : 1273 Pageviews.

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 28 มีนาคม 2560 เวลา:2:51:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

khimyo
Location :
ลำพูน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
 
มีนาคม 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 มีนาคม 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add khimyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.