ฉึกฉัก..ฉึกฉัก.. นั่งรถไฟไปลำพูน
ช่วงวันปิยะที่ผ่านมา ได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่ลำพูนมาค่ะ แต่คราวนี้เกิดอารมณ์ติสต์แตกขึ้นมา เลยจองตั๋วรถไฟกลับบ้าน โดยจองผ่านทางอินเตอร์เนต สะดวกมากๆไม่ต้องไปซื้อถึงสถานีรถไฟแล้วล่ะค่ะ แล้วก็ปริ้นต์ตั๋วเอาไปให้เจ้าหน้าที่บนรถไฟวันเดินทางได้เลยค่ะ จองก่อนวันเดินทางได้ 60 วัน เราจองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกันยา แบบว่ากลัวไม่ได้กลับบ้านน่ะค่ะ
เราไม่ได้นั่งรถไฟกลับบ้านมานานหลายปีแล้วล่ะ แต่ช่วงที่มาเรียนกรุงเทพใหม่ๆ แม่เราให้นั่งรถสปรินเตอร์กลับบ้านตลอด เพราะแม่เค้าว่าการเดินทางโดยรถไฟเนี่ยปลอดภัยและประหยัดที่สุดแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปเราก็เรียนรู้ว่าการ ถ้าคิดจะขึ้นรถไฟไปที่ไหน ต้องทำใจไว้แบบคำ(โบราณ)ที่ว่า..ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง.. เพราะว่าเอาแน่เอานอนกับรถไฟไทยไม่ได้จริงๆ นั่งก็น๊านนาน แถมยังมาช้ากว่ากำหนดอีก หลังๆเลยใช้บริการรถทัวร์ที่ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า หรือไม่ก็เครื่องบิน(นานๆทีในกรณีฉุกเฉิน)
แล้วก็มาถึงวันเดินทาง 21 ตุลาคม 52 ณ หัวลำโพง
รถไฟขบวนที่เราขึ้นมีกำหนดออกจากหัวลำโพงเวลา 19.35น. และจะถึงสถานีลำพูนเวลา 9.30น. นั่งกันรากงอกกันเลยทีเดียว
ระหว่างที่รอรถไฟเทียบชานชาลาก็ถ่ายรูปกันไป
ตรงกับช่วงที่สหภาพฯ สายใต้หยุดเดินรถพอดี เราก็แอบหวั่นๆเหมือนกันนะว่าจะได้กลับบ้านโดยรถไฟที่จองรึปล่าว ก็กะว่าถ้าไปไม่ได้ก็จะนั่ง MRT ไปหมอชิตแล้วนั่งรถทัวร์กลับบ้านแทน
รถไฟมาแล้ว เทียบชานชาลาที่ 5
นั่งรถไฟตู้นอนค่ะ ตอนยังไม่ได้ปรับเป็นเตียงก็จะเป็นที่นั่งหันหน้าเข้าหากันแบบนี้แหละค่ะ มีชั้นวางกระเป๋าอยู่ด้านข้าง กล่องด้านบนที่นั่งดึงลงมาก็จะกลายเป็นที่นอนเตียงบนค่ะ
นั่งไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มหิว เลยสั่งอาหารมาทาน เจ้าหน้าที่บนรถไฟจะติดตั้งโต๊ะทานข้าวให้ สั่งข้าวผัดรถไฟมาทานให้เข้ากับบรรยากาศ อร่อยดีค่ะ แต่ ต้มยำไก่ที่อยู่ในเซ็ตเดียวกันไม่อร่อยอย่างแรง
แสงสีข้างทาง มีให้เห็นแค่ช่วงที่ยังไม่ออกจากกรุงเทพ ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้วยังไปถึงแค่ดอนเมือง เริ่มเห็นลางเลทแล้วไง
ซักพักเจ้าหน้าที่จะมาปรับที่นั่งให้เปลี่ยนเป็นที่นอน บรรยากาศเตียงนอนบน มีหมอน ผ้าห่มให้ มีม่านปิดให้เป็นบริเวณส่วนตัว แต่แอร์หนาวมาก เพราะใกล้กับช่องแอร์ ผ้าห่มเอาไม่อยู่ นอนได้แป๊บนึงต้องมาขอเปลี่ยนที่นอนกับคุณแฟนที่นอนอยู่เตียงล่าง
บรรยากาศยามเช้าจากหน้าต่างของที่นอนเตียงล่าง (เตียงบนไม่มีหน้าต่าง)
นั่งๆนอนๆรอไปเรื่อยๆ นั่งรถไฟอย่าใจร้อน ว่างๆอาจหากิจกรรมไปทำบนรถไฟ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรืออาจจะลองฝึกภาษากับนักท่องเที่ยวข้างๆก็ได้ จะได้ไม่เซ็งนะ วิวข้างทางก็ดูเพลินดี
บรรยากาศข้างทาง มีป่าสลับกับไร่นาเป็นช่วงๆ
เจ็ดโมงเช้าถึงสถานีบ้านปิน จ.แพร่
ตอนเช้าจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บเตียงนอน ให้กลับมาเป็นที่นั่งเหมือนเดิมค่ะ
สั่งอาหารเช้ามาทาน อาหารราคาพอๆกับกินร้านอาหารในห้างแหละ อย่างชุดนี้ก็ 100 บาท
ถึงขุนตานตอน 10.40น. ช้ากว่ากำหนดเดิมมาชั่วโมงนึงแล้ว ใครมีญาติหรือเพื่อนมารับ อย่าลืมโทรเลื่อนนัดด้วยนะ
มีความเชื่อที่ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยได้ยินแบบเรามั้งรึปล่าวนะ ว่าถ้าใครสามารถกลั้นหายใจได้ระหว่างที่รถไฟแล่นผ่านอุโมงค์ขุนตานได้ คำอธิษฐานจะเป็นจริง เราก็พยายามมาหลายครั้งละ ไม่สำเร็จซักที (ถ้าเป็นรถไฟขาที่มาจากกรุงเทพ จะผ่านหลายอุโมงค์เหมือนกันนะกว่าจะมาถึงอุโมงค์ขุนตานจริงๆ หลอกให้กลั้นหายใจซะปอดแฟบเลย)
สุดท้ายเราก็มาลงที่สถานีลำพูนตอน 11.36น. เป็นอันจบการเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟแต่เพียงเท่านี้
สรุปว่ามารถไฟคราวนี้ก็เลตอยู่ดี แต่ขากลับเรานั่งรถทัวร์ค่ะ เพราะว่าคุมเวลาได้ดีกว่า ไม่ชิวแบบตอนขามาแล้ว
เดี่ยวบลอกตอนหน้าจะพาไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่กันค่ะ
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2552 2:12:42 น. |
Counter : 5208 Pageviews. |
|
|
|
ที่ผ่านมา ได้ไปไหว้ดอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี แล้วก็วัดโบราณเก่าๆอีกประมาณสามวัด ชอบค่ะ เป็นเมืองเงียบสงบดี แต่ร้อนมากเลย พอกะลำปางเลย ได้ไปทั้งลำพูน-ลำปาง ขากลับจากเฃียงใหม่ค่ะ