Bloggang.com : weblog for you and your gang
Happy -----> Happy -----> Family
<'
>
Group Blog
หลายเรื่อง เข้ามาม่ะ
ทะเลงามกับบ้านพักสวยๆ
เรื่องของ 2 ลิง(แสบ)
<<
เมษายน 2552
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
20 เมษายน 2552
ตามรอยไปมิวเซียมสยามกันเถอะ
All Blogs
เมื่อแม่ (ยายของ 2 ลิง) ป่วยหนักทีสุด ในชีวิตของลูกที่เคยเห็นมา
ตามรอยไปมิวเซียมสยามกันเถอะ
ครบรอบแต่งงาน
ไปถ่ายสติ๊กเกอร์กันมะ
เจ้าแสบน้อย
ขออรัมภบท(เกริ่นนั่นแหละ)
ตามรอยไปมิวเซียมสยามกันเถอะ
สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยาม เป็นความต้องการอันแรงกล้า (ขอใช้คำนี้) ของพี่ขิมจริงๆคะ เพราะไปอ่านหนังสือที่ ธ.ไทยพาณิชย์ แจกฟรี และ ตอนนี้กำลังบ้าร้อยลูกปัดอยู่ เลยเข้าทาง ยิ่งกระแสข่าวลูกปัดสุริยะเทพหายและมีคนส่งกลับมาคืนที่เดิม ครึกโครมซะขนาดนั้น เลยร่ำร้องว่าอยากไปดูๆๆๆๆ พ่อกับแม่เลยคิดว่า เดี๋ยวพาเด็กบ้านนอก 2 คน เข้ากรุงไปดูช่วงสงกรานต์ดีกว่า กว่าจะได้ไปดู ต้องรอเค้าเปิดอีกทีคือ 16 เมย.52
มารู้จักมิวเซียมสยามกันก่อน (ข้อมูลมาจาก สูจิบัตร)
ตั้งอยู่ในกระทรวงพาณิชย์(เดิม)บริเวณท่าเตียน ข้างวัดโพธิ์ ถนนสนามไชย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่บนเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นในอันเป็นเมืองมรดกที่มีชีวิตของไทย(The City of Living Heritage)
สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2547
โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน นักศึกษา นักวิจัยและประชาชนทั่วไป
เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์เป็นภาพลักษณ์ใหม่ของพิพิธภัณฑ์ ในสังคมแห่งการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่
เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น
นิทรรศการถาวรในมิวเซียมสยาม เรียงความประเทศไทย หรือ The Account of Thailand เน้นวิธีการเล่าเรื่องด้วยเวลา โดยดึงลักษณะเด่นของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต การเมือง วัฒนธรรมของแต่ละช่วงเวลาจาก สุวรรณภูมิ สู่สยามประเทศ ถึงประเทศไทย
เอกลักษณ์ของ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้
---เน้นการจัดนิทรรศการที่จะกระตุกต่อมความคิด และจุดประกายความอยากรู้ เกิดการตั้งคำถาม ให้ผู้เข้าชมได้ตั้งคำถามจากสิ่งที่เห็น แล้วไปสืบค้นหาความรู้ด้วยตนเองต่อไป
---เน้นปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ระหว่างนิทรรศการและผู้ชม เพื่อให้เกิดการสื่อสารความรู้และการสร้างทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้ชม คือ สามารถจับได้ เล่นได้ ด้วยประสาทสัมผัส ทั้ง 6 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย(วัตถุ) และ ใจ(จิต)
---ใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง(Story Telling) โดยใช้ตัวละครพูดถึงเนื้อหานับแต่อดีตถึงปัจจุบันของผู้คนและดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทยเพื่อให้ผู้ชมได้ค้นหาคำตอบว่า เราคือใคร และความเป็นไทยหมายถึงอะไร
ความหมายของตราสัญลักษณ์
---คนกบแดง หรือ รูปคนทำท่าเป็นกบ เป็นสัญลักษณ์ของมิวเซียมสยาม เพราะกบถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นที่เคารพบูชาทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เห็นได้จากลวดลายบนกลองมโหระทึกที่เป็นเครื่องมือใช้ประโคมตีในพิธีกรรมขอฝน
ที่ใช้จัดแสดงเริ่มจาก
ห้องเบิกโรง ชั้น 1 เปิดตัวให้ดูผ่านการฉายหนัง ให้ดูย้อนกลับไปดูเรื่องราว ซึ่งเป็นต้นกำเนิดจากสุวรรณภูมิสู่สยามประเทศ จนถึงประเทศไทย เป็นภาพรวม ซึ่งดูแล้วยังงงๆ อยู่คืออะไร ก็จะมีเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปดูที่ห้องต่อไป
ห้องไทยแท้ ชั้น 1 อยู่ติดกันจะมีผ้าม่านกั้นเป็นฉากไว้ ห้องนี้จะมีภาพการเป็นคนไทย โดยใช้ภาพวาด และ รูปปั้น เช่น เวทีมวยราชดำเนิน งานวัด ศาลเจ้าที่ แม่ค้าหาบเร่
เสร็จแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่พาเดินเพื่อไปดูย้อนอดีตกาล ที่ชั้น 3
เปิดตำนานสุวรรณภูมิ แสดงถึงวิวัฒนาการก่อนจะมาเป็นคนแบบเราๆ คะ จะมีการนำเสนอแบบภาพ เสียง ได้สมจริง ทำให้สำหรับเด็กแล้วเข้าใจได้ง่าย มีให้ใช้เครื่องมือแบบนักโบราณคดี ใช้แปรงปัดๆๆๆๆ ก็จะเจอวัตถุโบราณ เด็กปัดกันสนุกไปเลย
สุวรรณภูมิ ทำความรู้จักกับดินแดนแห่งความมั่งคั่งผ่านผู้คน การเกษตร ค้าขาย การสร้างเมือง ความเชื่อต่าง(ผี,พราหมณ์,พุทธ) เช่นมีแผนที่ เป็นรูปดินแดน ใช้ไฟฉายส่องไปเรื่อย ถ้าเจอผีเช่นตัวผีตานีก็จะเป็นสีแดง ถ้าเป็นความเชื่อด้านพราหมณ์ ก็จะเป็น สีน้ำเงินที่รูปที่ศาลพระภูมิ
ห้องพุทธิปัญญา ให้ทำความเข้าใจกับพุทธศาสนา ซึ่งมีคาถา เย ธมฺมา (อ่านว่า เย-ทำ-มา) แปลว่า สิ่งทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด คาถายอดนิยมแห่งสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเหตุแห่งความใจกว้างและสันติ
ห้องกำเนิดสยามประเทศ และ ห้องสยามประเทศ จัดแสดงให้แสงไฟ และ จัดฉากต่างๆ ได้ลงตัวสุดๆ แสดงให้เห็นถึงกรุงศรีอยธยา มีสภาพภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม การกินอยู่ บ้านเรือน และกรุงศรีอยุธยาพัฒนาตัวเองเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเล มีแสดงถึงเรือสำเภา การค้าขายเป็นความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมที่หลายหลาย ขึ้นในแผ่นดิน เช่นการทหาร ภาษา และสถาปัตยกรรม
สยามยุทธ์ มีสไลด์ฉายผ่านจอ แบบ 3 มิติ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมีคนวิ่งขึ้นลง รบสู้กันบนป้อมกำแพงกรุงศรี มีไฟไหม้
มีคนโดนแทง ตกกำแพงให้เห็น ห้องนี้ตื่นตาตื่นใจพี่ขิมมาก มีปืนใหญ่ให้ได้สัมผัส กดปุ่มยิ่งได้จริง ซึ่งจะทำเหมือนเราเล่นเกมคอม กระสุนไปตกที่จอใหญ่ ให้เห็นกันจะๆๆ
ออกจากห้องนี้แล้ว เราก็ต้องเดินลงไปต่อที่ ชั้น 2 กันคะ
แผนที่ ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ จะแสดงแผนที่ของสยามประเทศอันใหญ่แขวนอยู่แล้วก็เป็นเรื่องราวผ่านกระดานของการกอบกู้ของพระเจ้าตากสิน มีหลายเชื้อชาติ ทั้งจีน แขก มอญ ทำเป็นหน้าต่างๆ เล็ก เมื่อเปิดดูก็จะเป็นสิ่งของเครื่องใช้ แต่ละชนชาติในยุคนั้น กดฟังได้ทั้งเสียงภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษคะ
กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา และ ชีวิตนอกกรุงเทพ ห้องจัดแสดงจะอยู่ติดกัน แสดงให้เห็นถึงเมื่อสิ้นกรุงศรีอยุธยาแล้ว ชาวเมืองที่อยู่ ก็สร้างเมืองใหม่ ได้เกณฑ์ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาช่วยกันจนเมื่อสร้างเสร็จจึงลงหลักปักฐานกลายเป็นชาวกรุงเทพฯ ในที่สุด
แปลงโฉมสยามประเทศ จะแสดงภาพถ่ายเก่า ๆ การแต่งกาย คนยุครัตนโกสินทร์ ซึ่งมีเสื้อผ้าให้ลองใส่ได้จริง
ตู้ไปรษณีย์ตู้แรก , การทำน้ำประปา ระฆังตีบอกเวลารถไฟ หีบเสื้อผ้าเก่าๆ เป็นลังไม้อันใหญ่ๆ
กำเนิดประเทศไทย สีสันตะวันตก มีการแสดงให้เห็นถึงสื่อต่าง ๆ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ วิทยุ โทรทัศน์สมัยก่อน การอ่านข่าวชองช่อง 4 มีบาร์แบบยุค60 มีดาราสมบัติ รถเก่า ตู้เพลงเก่าคลาสิคดีจัง
และไปต่อที่ห้องแสดงลูกปัด
---อยู่อาคารชั่วคราวถัดไป เดินไปอีกนิดอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่คะ การเข้าดูต้องแลกบัตรประชาชน และถ้าเป็นเด็กก็ถ่ายรูปหน้าเก็บไว้เป็นหลักฐานคะ รู้สึกว่าคงจะเข้มงวดมากขึ้นหลังจากลูกปัดสุริยะเทพได้หายไปจากห้องที่จัดแสดง
---ห้องที่จัดแสดงใช้แสงและสีช่วยทำให้ลูกปัดที่จัดแสดงโชว์ ได้เปล่งความงามจริงๆ แต่เผอิญตัวแม่ และ พี่ขิม บ้าลูกปัดพอกัน เลยอยู่ที่นี่ค่อนข้างนานเหมือนกันคะ ถ่ายรูปได้น้อยเพราะมัวแต่ดูและอ่าน เอามือลูบคลำแต่กระจกก็ยังดีคะ
ที่มิวเซียมสยาม เปิดบริการ วันอังคาร-วันอาทิตย์ หยุดวันจันทร์
เวลา 10.00 18.00 น.
สถานที่นี่ ได้ไปเยือนแล้วต้องขอบอกว่าอิ่มเอมใจจัง และดีใจ ที่บ้านเรามีพิพิธภัณฑ์ที่ให้เด็กได้เข้าใจ สัมผัส จับต้อง แตะ ฟังได้ อย่างสนุกสนาน ใช้ตัวการ์ตูนสื่อให้เด็กได้เข้าใจง่ายๆ
อยากให้ว่างๆ พาเด็กๆ ไป สนุกดีคะ แต่แม่มันเดินขาแทบลาก ไปถึง 10.30 ได้ออกจากมิวเซียมสยาม 16.30 น.
ที่นี่ไม่มีโรงอาหารนะ มีแต่ร้าน แบล๊คแคนย่อน งานนี้เข็มกลัดร้อนซดน้ำแบบอร่อยจริงๆ
ตอนนี้เสียค่าเข้าชมแล้วคะ
ผู้ใหญ่ 100.-/ คน
เด็ก- 15 ปี ฟรีคะ
Trip นี้ เหนื่อยแต่เห็นแสบพี่และแสบน้องสนุกมาก ก็หายเหนื่อยแล้วคะ
Create Date : 20 เมษายน 2552
Last Update : 21 เมษายน 2552 0:07:27 น.
4 comments
Counter : 1415 Pageviews.
Share
Tweet
ขอติดตามไปด้วยคนนะคร๊าบ คิดถึงสาวผมหยิกจังเรยนิ
โดย:
แม่นกลูกคนแรก
วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:10:14:34 น.
โห้ยยยยย..
ตู้ไปรษณีย์ มี ตั้ง 2 ตู้แนะ
ฮะ...ล้อเล่น...
โดย:
ลั้นลา~ร่าเริง
วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:32:26 น.
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปทักทายบ้านสาวกะหล่ำนะคะ
วันนี้มาตามรอยไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
แม่กะหล่ำเคยอยากได้ลูกสาวผมหยิก ๆ แบบนี้เลยค่ะ น่ารักมากทั้ง 2 คนเลยค่า
โดย: แม่กะหล่ำ (
pingky
) วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:36:14 น.
เปิดเข้ามาครั้งแรก อมยิ้มเลยกับหัว blog --> "blog ของคนหัวหยิก" :)
น้องพราว ก็ผมหยิกค่ะ ม้วนๆ มากกว่าน้องเข็มกลัดซะอีก เห็นแล้วก็อยากจะถามเคล็ดลับว่าคุณแม่ ใช้น้ำมันรึว่าอะไรใส่ผมน้องมั้ยคะ ดูไม่ยุ่งเหยิงอย่างหัวน้องพราวเลย :P
โดย: แม่น้องพราว (
Volk-TE37
) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:14:20:50 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
beebeemom
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
ระแนงไม้
ลั้นลา~ร่าเริง
ตะวันสีส้ม
มีแต่ลูกสาว
Kluaytub
ป้ามด
Pikultong
ก๊องโต้กะอองรี
คาปิบาร่า
charmtip-charmthai
addsiripun
vtr
KungGuenter
pattylala
dezign
mangdamear
Webmaster - BlogGang
[Add beebeemom's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.