ย่ำก้าว ณ ย่างกุ้ง
หลังจากที่ผู้เขียนไม่ได้เข้ามาเลยตั่งแต่สมัยอยู่อเมริกาจนกลับมาไทยแลนด์บ้านเกิด ห่างหายจากการเขียนบล็อกไป3ปีเต็มด้วยหลายภาระกิจรวมถึงความขี้เกียจที่มีอยู่ในตัว อิอิ จนเมื่อสัปดาห์ก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปพม่า ประเทศที่เพื่อนหลายคนพอได้ยินจะถามว่า "คิดยังไงถึงไปพม่า" ผู้เขียนก้อเลยตอบไปว่า "เอ่อ ยังไม่ได้คิดเลย" ทริปนี้ด้วยอานิสงค์โปร0บาท ที่จองข้ามชาติตั่งแต่ปีที่แล้วซึ่งตอนแรกก้อไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือป่าวเพราะจองไปยังงั้น "ประเทศฮิตๆเต็มหมด จองไม่ทัน" ผู้เขียนจองแค่3วัน2คืนเนื่องจากตอนแรกไม่รู้ว่าจะมีอะไรเทียวจึงคิดว่าคงจะอยู่แค่ย่างกุ้ง2วันก้อน่าจะพอ แต่มารู้ทีหลังจากรีวิวต่างๆ โอ้ว มีอีกหลายเมืองที่น่าไปแต่ไม่เป็นไรเดี่ยวปีหน้าไปใหม่ ครั้งนี้ไปขำๆก่อน ทริปนี้ผู้เขียนเตรียมตัวค่อนข้างนานเนื่องจากสิ่งอะไรหลายๆอย่างในประเทศไม่ค่อยจะสะดวกสบายมากแถมลุยเดี่ยวอีกเลยต้องแน่นพอสมควร เริ่มต้นจากค่อยๆสะสมกระทู้รีวิวต่างๆเก็บไว้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งทราบว่าประเทศข้างๆเนี่ยต้องขอวีซ่าด้วย เอาละสิจะต้องขนทรัพย์สิน+สินทรัพย์ที่มีไปแบบตอนขอวีซ่าเมกาป่าวเนี่ย แต่ด้วยความจิงนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่คุณมีพาสปอร์ต+รูปพร้อมเงิน ก้อเดินไปขอตามเวลาได้เลย แต่บอกก่อนว่าพอเข้าไปในสถานฑูตพยายามจำกลิ่นนั้นไว้เพราะคุณจะได้กลิ่นนั้นตลอดการเดินทางอยู่ในประเทศพม่า อิอิ พอถึงวันไปขอวีซ๋า ตัวผู้เขียนก้อไม่เข้าจัยว่าทำไมสถานฑูตแทบจะทุกแห่งจะต้องสร้างให้มันเหมือนคุกเลยมีลวดหนามอะไรมากมาย ทั้งๆที่ถ้าเค้าจะวางระเบิดก้อเอาเขวี้ยงข้ามไปก้อได้ งง พอทำตามขั้นตอนต่างๆจนกระทั่งได้วีซ่ามาเรียบร้อยแล้ว (ผู้เขียนต้องบอกก่อนว่าข้อมูลพื้นฐานต่างๆนั้นผู้เขียนจะพยายามข้ามไปนะคับ เนื่องจากเราสามารถหากันได้ตามเวปไซค์ทั่วๆไป ตรงนี้จะเล่าตามสไตร์ของผู้เขียนละกันส่วนท่านใดต้องการทราบข้อมูลหรือเทคนิคอย่างอื่นก็หลังไมค์มาได้เลยนะ) กระบวนการต่อไปก้อต้องถึงการเตรียมตัวขู้มูลต้องปึ๊ก โดยเริ่มจากสถานที่พักกันก่อนคราวนี้ผู้เขียนเลือกที่จะพักBeautyland hotel2 ที่เลือกที่นี่เพราะทำเลล้วนๆ ซึ้งก้อไม่ผิดหวังพนักงานบริการดีมากเข้าใจความต้องการของนักท่องเที่ยว หลังจากที่พักพร้อมแราก้อมาหาสถานที่เที่ยวๆซึ่งก้อครบถ้วนในย่างๆกุ้ง หลังจากนั้นเราก้อมาเรียงลำดับก่อนหลังจากความใกล้+ไกล จะได้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนทุกอย่างลงตัวรวมถึงร้านที่จะไปฝากท้องก้อพร้อมก้อเหลือแต่รอเวลาซึ่งผู้เขียนเดินทางไปต่างประเทศถือว่าบ่อยกว่าคนทั่วไปเลย แต่คราวนี้รู้สึกตื่นเต้นอาจเป็นเพราะเรารู้จักแต่ในทางลบไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรบ้างและเป็นแบบไหน พอถึงวันก้อลุยกันเลยเริ่มต้นจากสนามบินเราพร้อมโบยบินด้วยสายการบินที่ฮิตที่สุดในขณะนี้ด้วยสโลแกน "ใครๆก้อบินได้" ถึงสนามบินมิงกะลาดงหรือเปลี่ยนเป็นย่างกุ้งอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์พอร์ตกันตอน8โมง ทั้งลำผู้เขียนแถบจะเป็นนักเดินทางคนเดียว(ผู้เขียนจะคิดว่าตัวเองเป็นนักเดินทางนะคับไม่ใช่นักท่องเที่ยว) ส่วนคนไทยอื่นๆที่บินพร้อมกันจะเป็นราชการ(สังเกตจากพาสปอร์ต) สงสัยทำงานสถานฑูตกัน พอถึงปั๊บเราก้อเริ่มหาแท็กซี่ไปเที่ยวกันเลยเพราะเข้าไปในเมืองค่อนข้างไกลผู้เขียนก้อเลยเที่ยวรอบๆสนามบินก่อน ผู้เขียนจะข้ามเรื่องแท็กซี่สนามบินไปแล้วกันนะคับเพราะแล้วแต่ใครจะเจอแบบไหนแต่ผู้เขียนเจอกวนทีนมากก เราเริ่มกันที่วัดแรกเลยซึ่งที่คนไทยรู้จักคือวัดพระหยกขาวที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากครอบด้วยกระจกใสเวลาถ่ายรูปแสงจะสะท้อนต้องถ่ายจากด้านข้างจะดูสวยงามกว่า องค์ใหญ่มากสวยงามตามคำล่ำลือจิงๆโดยเสียค่ากล้องไป 300จ๊าด หลังจากชื่นชมความงามรอบๆวัดอยู่พักใหญ่เราก้อมูฟบอดี้ไปต่อที่วัดพระเขี้ยวแก้ว สวยงามทั้งภายนอก+ใน แถมเงียบสงบหลังจากชื่นชมอยู่นานเราก็ไปกันต่อที่เจดีย์กาบาเอ้ ที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งใหญ่สุดของพม่า สวยงามแบบออริจินั่ล ที่นี่เจอคนไทยมาเที่ยวเยอะพอสมควรรวมถึงพระภิกษุด้วย ถือกล้องDSLRตัวใหญ๋บะเร้อ ไม่รู้ท่านจะถ่ายรูปเอาไปทำอะไรเหมือนกับมันไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ก้อคิดในใจ อิอิ หลังจากนั้นผู้เขียนก็เข้าไปในเมืองซึ่งเริ่มหิวละแต่ต้องไปหาที่ซุกหัวนอนกันก่อน Beauty land2 เป็นโรงแรมประหยัดไม่ต้องไปหวังอะไรมาก เอาแค่มีน้ำอาบกับที่นอนพอหลับก้อโอเค แต่ทำเลนี่ถูกใจสุดๆเดินไปนิดนึงก้อสุเล่พญาแล้ว หลังจากเช็คอินเรียบร้อยผู้เขียนก้อไปลุยของกินก่อนเลย ราน้บะหมี่ฉาน 999 ร้านนี้หามาจากไทยละว่าต้องจัดสักหน่อยในฐานะที่ชอบกินบะหมี่ ผู้เขียนเลยจัดไป2ชาม + หมูทอดอีก1 สตาร์โคล่าไป2ขวด อิ่มเลย กระดูกหมูนิ่มมากต้มจนเปื่อย กินแล้วหมูละลายในปากเลยแทบไม่ต้องกัดสุดยอดมากให้ผ่าน หลังจากกินเสดก้อเดินเล่นในเมืองกันนิดหน่อยแล้วก้อไปลุยต่อที่ เจดีย์สุเล่พญา ถ่ายจากบนตึกซากุระให้เห็นว่ากลางเมืองจิงๆ แสดงให้เห็นถึงการเป็นเมืองธรรมะโดยแท้ หลังจากเดินเที่ยวต่างๆในเมืองแล้วเวลายังเหมือนเพียบ ผู้เขียนเลยเลื่อนโปรแกรมที่จะไปวัดโบดะทาวน์ขึ้นมาเป็นวันนี้เลย จะได้ชิลๆ ด้านหน้าทางเข้าส่วนภายในเจดีย์เห็นทองทั้งหมดเห็นแล้วขนลุก ส่วนที่คนไทยทั้งหลายฮิตเหลือเกินเมื่อมาแล้วก้อคือเทพทันใจ(นัตโบโบยี) นั่นเอง การจะขอพรก็ไม่ได้ยากอะไร แค่เอาหน้าผากไปแตะตรงนิ้วมือที่ชี้อยากได้อะไรก็ขอไป ส่วนจะได้หรือไม่นั่นขึ้นอยู่กับการกระทำด้วยนะคับ หลังจากนั้นข้ามไปฝั่งตรงข้ามเป็นเจ้าแม่กระซิบ คนมากมายอยากได้อะไรก็กระซิบบอกท่านเลย แต่ยอมรับว่าสวยงามจิงๆดูแล้วขลังมากเป็นประเทศที่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจค่อนข้างชัดเจน วันแรกหมดไปเดี่ยวมาต่อวันที่2คาป
Create Date : 27 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 27 มิถุนายน 2555 13:49:13 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2169 Pageviews. |
|
|