Get a scroller sign at http://www.glitteryourway.com
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2549
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 

ไขความลับในขวดน้ำหอม (ตอนจบ)





ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่จะเรียกเหมาเอาด้วยลักษณะนามเดียวว่าน้ำหอมระเหยคือน้ำหอมฝรั่ง แต่ชาวฝรั่งเศสเองแยกประเภทของน้ำหอมระเหยเป็น 4 ประเภทโดยแยกตามความเข้มข้นของสัดส่วนระหว่างเครื่องหอมและของเหลวระเหยสังเคราะห์ในชื่อของเอททิลแอลกอฮอล์ที่นำมาผสมกัน อันแตกต่างไปจากน้ำมันหอมและขี้ผึ้งหอมตามแบบโบราณโดยสิ้นเชิง ซึ่งเราจะสังเกตได้ขวดน้ำหอมแต่ละประเภทดังนี้




ขวดที่เขียนว่า Parfum ( ภาษาฝรั่งเศส ) มีส่วนผสม 22 % ของหัวน้ำหอมและ 78%ของเอททิลแอลกอฮอล์
Eau de Parfum ( E D P ) ใช้หัวน้ำหอมระหว่าง 15-22% และ78-85% ของเอททิลแอลกอฮอล์ (ปัจจุบันแทบไม่มีการผลิต E D P เลย )
Eau de Toillette ( E D T ) ใช้หัวน้ำหอมระหว่าง 8-15%
Eau de Cologne ใช้หัวน้ำหอมเพียง 4% และ
Eau Fraiche ใช้หัวน้ำหอมระหว่าง 1-3 % เท่านั้น

ใครที่ซื้อน้ำหอมแล้วสงสัยว่าทำไมยี่ห้อเดียวกันแต่ราคาต่างกันนั้น ก็ด้วยเหตุผลข้างต้นนั่นเอง และในท้องตลาดปัจจุบันนิยมผลิตเพียง 3 ชนิดคือ Parfum, Eau de Toillette และ Eau de Cologne

สารที่นำมาผลิตหัวน้ำหอมส่วนใหญ่สกัดมาจากดอกไม้ พืช ผลไม้ ฝักของพืชบางชนิดและมักใช้ศัพท์กำกับชื่อให้รู้ถึงต้นกำเนิดเช่นหากมาจากดอกไม้จะใช้ Floral, Oriental, Floriental, Chypre, Green Marine ฯลฯ หากมาจากพืชจะใช้ Anise,Bay Leaf, Bergamot , Cardarmon , Cedar Wood, Eucaliypt us, Franklincense , Gardenia , Geranium , Iris ,Jasmin และ Ylang Ylang เป็นต้น





ส่วนกลิ่นที่ได้จากสัตว์ก็มีเพียง Musk หรือชะมดเช็ด ชะมดแมว กวางตัวผู้ อสุจิจากวาฬ อันเป็นกลิ่นจำเพาะที่นำมาใช้เพียงเล็กน้อยก็จะช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนาน และกลิ่นดูลึกลับขึ้น

การใช้น้ำหอมแต่ละชนิดก็เป็นไปตามความเข้มข้นของลักษณะน้ำหอมเช่น Parfum จะใช้แตะตามจุดชีพจรต่างๆ เช่น กกหู ข้อพับ ข้อมือ และโคนขาด้านใน เพื่อให้อุณหภูมิของร่างกายสามารถขับกลิ่นได้อย่างเต็มที่ จะไม่ใช้นอกเหนือไปกว่านั้น เพราะกลิ่นมีความรุนแรงจนอาจกลายเป็นฉุนเฉียวจนน่าเวียนหัวมากกว่าจะหอมเร้าใจ อาจทำให้ผู้ได้กลิ่นอยากอยู่ห่างมากกว่าอยากใกล้ชิดด้วย

หรืออาจใช้วิธีการพ่นให้เป็นละอองฝอยเหนือศีรษะก่อนเดินผ่าน ให้อณูของน้ำหอมแตะผิวกายเพียงบางเบาเท่านั้น วิธีการนี้จะช่วยให้เกิดความหอมเสมอกันทั้งเรือนร่าง และที่พึงกระทำคือการใช้สำลีแตะน้ำหอมก่อนสอดไว้ใต้พวงถันในเสื้อชั้นใน ก็ย่อมก่อให้เกิดกลิ่นที่น่ารัญจวนใจเป็นที่ยิ่ง





ผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ที่มีมากกว่าเป็นเพียงน้ำหอมคือ เจลอาบน้ำ เกลือหอมที่สามารถละลายในน้ำได้ดี ได้มีส่วนในการเพิ่มเสน่ห์ให้กับผู้ใช้ได้มากทั้งชายและหญิง ทำให้กลิ่นกายภายหลังการอาบน้ำด้วยเครื่องหอมเหล่านี้มีกลิ่นที่น่าพึงใจ ทั้งต่อตนเองและ ต่อผู้ใกล้ชิด

การเลือกกลิ่นน้ำหอมก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้ใช้ต้องสังเกตว่ากลิ่นของน้ำหอมที่ใช้นั้น เมื่อมาผสมกับกลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัวของตนแล้วจะให้ผลอย่างไร เช่นผู้ชายส่วนใหญ่มักใช้กลิ่นที่มาจากดอกไม้ตระกูลส้ม มะนาว และกลิ่นฉุนของใบยาสูบ จะช่วยให้กลิ่นกายในยามบ่าย หรือภายหลังจากการเล่นกีฬาเป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์ต่อผู้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ส่วนกลิ่นที่เหมาะกับผู้หญิงมักเป็นกลิ่นหอมสดชื่นที่ได้จากลาเวนเดอร์หรือไวโอเล็ต

นอกจากจะปะพรมร่างกายด้วยน้ำหอมแล้ว ห้องนอนยังเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่เจ้าของห้องควรใช้เครื่องหอมประเภท เทียนหอม ธูปหอม หรือน้ำมันหอมที่สามารถไล่กลิ่นอับชื้น กลิ่นสาปจากเสื้อผ้าและถุงเท้า รวมไปจนถึงกลิ่นหมักหมมต่างๆ จะสามารถสร้างบรรยากาศให้ห้องนอนเป็นห้องที่น่ารื่นรมย์ได้เพียงในเวลาเล็กน้อย





การใช้น้ำหอมได้กลายมาเป็นแฟชั่นเมื่อ Coco Chanel ได้ขอให้ Ernest Beaux นักปรุงน้ำหอมชื่อดังของฝรั่งเศส ทำการปรุงน้ำหอมขึ้นมา 6 กลิ่นในปีค.ศ. 1921 โดยใช้ชื่อเป็นหมายเลขตั้งแต่ 1 ถึง 6 และน้ำหอมกลิ่นที่ต้องใจเธอที่สุดคือกลิ่นหมายเลข 5 ที่ใช้กลิ่นของดอกไม้ต่างๆอันประกอบด้วย Ylang Ylang ,Nelori และใช้กลิ่นจากดอกมะลิและดอกกุหลาบสกัด ผสมผสานกับกลิ่นจากไม้แก่นจันทน์และ Vetiver และนั่นคือที่มาของชื่อ Chanel No.5 ที่เปิดโลกของน้ำหอมให้หอมฟุ้งกระจายไปยังสาว ๆ ทั่วโลก

การเปิดตัว Chanel No.5 ครั้งแรกให้โลกได้รู้จักนั้น Coco Chanel ตัดสินใจนำน้ำหอมขวดนี้เป็นของชำร่วยเพื่อสมนาคุณลูกค้าขั้นดีของเธอ โดยเริ่มแจกเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1921 ซึ่งเธอกล่าวว่า “ หากผู้หญิงคนใดที่ยังต้องการถูกจุมพิต ก็ควรที่จะต้องใช้น้ำหอม” และจากคำกล่าวนี้เอง ที่ทำให้บรรดาหญิงทั้งสาวและไม่สาวต่างพากันขวนขวายหาน้ำหอมกลิ่นที่ต้องใจมาใช้ ถึงอาจจะไม่ได้ถูกจุมพิตจากชายหนุ่มคนใดเลยก็ตาม และนี่เองที่กลายเป็นคุณสมบัติของหญิงชาวฝรั่งเศสในยุคของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เหล่าบรรดาชายหนุ่มทหารหาญชาติต่างๆที่ไป “ถึง” กรุงปารีส ต่างพร้อมใจกันชมเชยว่า “ผู้หญิงฝรั่งเศสนั้นหอมเย้ายวนไปทั้งตัว”





นอกเหนือจาก Chanel No.5 แล้วยังมีน้ำหอมกลิ่นต่างๆอันเป็นกลิ่นที่ต้องใจหญิงสาวทั่วโลก ที่มีความหอมแปลกออกไปด้แก่ Shalimar ของ Guerlain ที่ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1925 และเพิ่งน้ำมาผลิตใหม่ในปี 2001 นี้ นอกจากนั้นยังมี Soie de Paris,Madame Rochas ,Christian Dior และJoy ของ Jean Patou จากฝรั่งเศส ที่ได้กลายเป็นน้ำหอมยอดนิยมไปทั่วโลก ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง

จากนั้นบริษัทใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นบริษัทในฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกาและเยอรมนี ต่างให้ความสนใจในการลงทุนผลิตน้ำหอมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยนำเอาชื่อของบรรดาช่างเสื้อผู้มีชื่อเสียงจากผลงานของตนมาใช้เป็นชื่อในการค้า ทำให้กลายเป็นสินค้าที่หรูหราประกอบกับการออกแบบขวด การใช้วัสดุที่เพิ่มราคา รวมไปจนถึงการออกแบบชื่อและสลากปิดขวดที่ทำให้แลดูเป็นเครื่องประดับประจำโต๊ะเครื่องสำอางและห้องน้ำสำหรับพระราชวงศ์และชนชั้นสูงทั่วโลก




หลังจากปีค.ศ.1960 เป็นต้นมา น้ำหอมได้ถูกจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย หรูหรา และเป็นหน้าเป็นตาของห้างสรรพสินค้า แทนที่จะวางขายเพียงแต่ในร้านของตนเท่านั้น และยิ่งเมื่อการเปิดร้านปลอดภาษีขึ้นตามสนามบินต่างๆ ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนให้สินค้าเหล่านี้พุ่งทะยานจนไม่มีเพดาน น้ำหอมได้กลายเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องใจคนทุกชั้นวรรณะไปเพียงในเวลาไม่ถึงหนึ่งศตวรรษ


ผู้จัดการออนไลน์




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2549
3 comments
Last Update : 17 ธันวาคม 2549 2:35:56 น.
Counter : 2782 Pageviews.

 

เข้ามาหาความรู้ค่ะ ชอบสะสมน้ำหอมอยู่อ่ะค่ะ

 

โดย: วิสกี้โซดา (วิสกี้โซดา ) 17 ธันวาคม 2549 6:24:12 น.  

 

เป็นคนหนึ่งที่หลงรัก Chanel No.5 เหมือนกันค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารู้แบบนี้นะคะ

 

โดย: เต่ามะเืฟืองโกอินเตอร์ (dunno_me ) 17 ธันวาคม 2549 7:08:39 น.  

 

I Wish in 2oo7
This year gives You...
12 Month of Happiness,
52 Weeks of Fun,
365 Days Success,
8760 Hours Good Health,
52600 Minutes Good Luck,
3153600 Seconds of Joy...
and that's all!
HAPPY NEW YEAR 2oo7



 

โดย: โสดในซอย 2 มกราคม 2550 19:14:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


โอเล่ คุง
Location :
Omaha , Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความเหนือชั้นคือ การอ่านหนังสือและการเดินทาง...
Friends' blogs
[Add โอเล่ คุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.