เรื่องของเรากับน้องหมา
เท่าทีเคยเล่าไปว่าบ้านเราเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง ชื่อว่าเจ้ากะทิ เป็นชิสุทอยตัวเล็ก ตอนนี้มันโตขึ้นแล้วและซนมาก แต่ตัวมันก็ยังเล็กเหมือนเดิม
เราเคยคิดกับแฟนเราว่าถ้าย้ายไปอยู่ที่โคราชจะเอาหมามาเลี้ยงอีกสองตัว คือเลี้ยงไว้นอกบ้าน ตอนนั้นที่มองๆไว้ว่าอยากเลี้ยงคือลาบราดอร์ เพราะมันน่ารัก และดูน่าเกรงขามดี
แต่เท่าที่ลองอ่านไปอ่านมา ลาบราดอร์มันบ้าพลังมากและเป็นนักทำลายล้าง อาจจะไม่เหมาะ กับบ้านที่มีแต่คนแก่ (แม่และยายเรา) และถ้าเราท้องด้วย ใครเล่าจะพามันไปวิ่งเล่น หมาใหญ่และโดยเฉพาะพันธ์นี้มันต้องการการออกกำลังกาย ไปวิ่งเล่นวันละ 1 ชม ถ้าให้มันวิ่งอยู่ในรั้ว รับรองว่ามันขุดสวนพัง
ทีนี้ก็เลยลองเปลี่ยนความคิดใหม่ ทั้งๆที่อยากเลี้ยงลาบราดอร์มากๆ แต่เราก็เข้าใจว่า ถ้าเอาเค้ามาเลี้ยงแล้วเลี้ยงเค้าได้ไม่ดี มันก็จะแย่ทีหลัง ก็เลยลองมองหาพันธ์ที่เล็กลงมาหน่อย ถึงจะซน แต่เรากะแม่ก็อาจจะสู้รบปรบมือกะมันไหว ตอนนี้ก็เลยมอง อิงลิช คอกเกอร์ เจ้าหูยาว แต่ในระหว่างที่กำลังศึกษานิสัยใจคอของเจ้าหูยาวนี่ แม่ก็บอกว่า หรือเอาหมาไทยมาเลี้ยงก็ได้ ทั้งๆที่ตอนแรก แม่เนี่ยแหละ อยากเลี้ยงหมาพันธุ์บ้าง
พูดถึงแม่ แม่เป็นคนเลี้ยงหมาเก่งแบบไม่ตั้งใจ เพราะสังเกตดู หมาที่เราเลี้ยงมา รักแม่มากทุกตัว คำว่ารักแม่คือ มันจะเชื่อแม่ มันจะอ้อนแม่ แต่ถ้ามันดื้อ แม่ห้าม มันจะฟัง ถ้าคนอื่นห้าม มันจะทำเป็น "ชั้นเป็นหมา ชั้นไม่เข้าใจภาษามนุษย์" แล้วมันก็ซนของมันต่อไป
แม่เราเป็นคนดุ แม่ให้ข้าวให้น้ำมัน แต่ถ้ามันดื้อ แม่ก็ถือไม้เรียว (อันเดียวกะที่ตีลูกเนี่ยแหละ) ตีมัน แต่มันก็ไม่เคยให้แม่ตีหลายครั้ง เพราะว่าหมามันฉลาด ตอนหลังพอแม่ถือไม้ หรือแค่พูด แอ๊ะๆ มันหยุดการซนทันที
ส่วนเราตอนเด็กๆ เหมือนจะโง่กว่าหมา เพราะโดนแม่ตีแล้วตีอีก จนหมามันประพฤติ ตัวดีแล้ว เราก็ยังซนให้แม่ตีอยู่
ตั้งแต่เราเกิดมา บ้านเราก็มีหมา แม่เราจะเลี้ยงหมาทีละคู่ ผู้กะเมีย เป็นหมาพันธ์ Thai temple ทั้งหมด เลี้ยงแบบต่างจังหวัด คือมันนอนนอกบ้าน มันวิ่งเล่นไปรอบๆบ้าน บ้านเราไม่มีรั้ว แต่ก็ไม่ติดถนน เช้ามามันกินข้าวแล้วมันก็ไปเล่นที่ไหนก็ไม่รู้ บางทีหาทั่วก็ไม่เห็นมัน แต่ถึงเวลากินข้าว มันก็กลับมา ตอนกลางคืนมันก็จะนอนตรงระเบียงหน้าบ้าน
อย่างที่บอกว่าแม่เราเลี้ยงแบบต่างจังหวัดมาก นานๆอาบน้ำให้มันที ไม่เคยพามัน ไปฉีดวัคซีนอะไรทั้งนั้น ยกเว้นมันป่วยก็จะพามันไปหาหมอ มันนอนนอกบ้านก็ไม่มีกรง หรือมุ้งอะไรเลย แต่มันก็แข็งแรงกันดี (ลืมบอก ไม่ได้ทำหมันให้มันด้วย ลูกมันออกมาก็ เลี้ยงลูกมันต่อ คนขอไปเลี้ยงบ้าง)
จนถึงตอนนี้ หมาเหลืออีกแค่ตัวเดียว ที่ยังอยู่ที่บ้านหลังนั้น เนื่องด้วยหลังๆแม่เรา ไม่ได้เอาหมามาเลี้ยงเพิ่มอีก เพราะมันมีตัวนึงที่ตายเพราะถูกรถชน (มันวิ่งตามแม่ออกไปตอนที่แม่จะไปตลาด) แม่ก็เลยบอกว่าต่อไปถ้าบ้านไม่มีรั้วก็จะไม่เลี้ยงหมาอีก หลังจากนั้น เรากะแม่ได้ย้ายออกมาจากบ้านพ่อ และพ่อก็เลี้ยงหมาตัวนั้นต่อ
ตอนนี้เราเองจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว มีพื้นที่ประมาณ 113 ตารางวา และมีรั้ว (แต่รั้วก็ไม่สูงมากเท่าไหร่) และก็มีเจ้ากะทิอีกตัว ที่แม่เลี้ยงไว้ในบ้าน มาลุ้นกันต่อไปว่า สมาชิกใหม่ ตัวที่ 2-3-4 จะหน้าตาเป็นอย่างไร
จะเป็นหมาไทยหรือหมาเทศ? เราก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ปีใหม่นี้เจอกันแน่ Free TextEditor
Create Date : 22 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2551 14:17:03 น. |
|
6 comments
|
Counter : 659 Pageviews. |
|
|