ถ้าประชาชนรอพระเอกขี่ม้าขาว ถือว่าไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย เพราะระบอบประชาธิปไตยบอกว่า คนเราเสมอหน้ากัน ในสิทธิ์และเสียงกัน และมีขีดความสามารถทุกๆคน อาจมากน้อยต่างกัน แต่ต้องเอามาเฉลี่ยกัน ดังนั้น ก๊วนไหนที่บอกว่าเสียงข้างมากไม่ใช่ตัวชี้ระบอบประชาธิปไตย ให้ฟังไว้ แล้วรอว่าเมื่อถึงวันที่เสียงข้างมากเทไปอยู่ในประเด็นที่เขายึดมั่นว่า ถูก แล้วเขาจะบอกว่าอย่างไร ถ้าเขาบอกว่า เพราะเสียงข้างมาก ว่ากันอย่างนั้น เสียงข้างน้อยจงฟัง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าจะเอาขี้ไปปาหน้าคนที่พูดนี้ เพื่อเป็นการลงโทษ แลประนามในความหน้าด้านในทางความเห็นนั้น ถือว่าสมควรแก่เหตุ ไม่น่าจะเป็นอะไรไปนัก

สำคัญทุกคน

แต่ให้ความสำคัญจากมากไปหาน้อยดีกว่า คิดว่างั้น

ขอต้อนรับการแสดงความคิดเห็นของคุณ เนื่องมาจากเหตุและคุณ บ้าได้ถ้วย

หากคุณบ้า จะได้ถ้วย ก็แสดงความเห็นยาวหน่อยสิคร้าบ

ผู้คนพลเมืองก็ล้วนฉลาด แต่รวมตัวกันอย่างสร้างสรรค์เป็นปึกแผ่นไม่ได้เพราะอะไร?

- เนื่องจากคนฉลาดส่วนใหญ่ ล้วนคิดได้ว่า การเมืองของไทยนั้น ถ้าเข้าไปยุ่งด้วยในตอนนี้ ก็มีแต่จะเจ็บตัว อีกทั้ง การที่จะพยายามเข้าไปในระบบการเมืองนั้น ต้องใช้เงินจำนวนมาก การที่จะฉลาดเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะเข้าไปมีส่วนในการเมืองได้ ต้องทั้งฉลาด ทั้งมีเงิน มีจริยธรรม และ มีอำนาจอยู่ในมือพอสมควร โดยกลุ่มคนลักษระนี้ เมื่อมารวมตัวกันถึงจะสามารถรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองได้ แต่เนื่องจาก อำนาจเป็นอะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนได้ คนที่ไม่เคยมีอำนาจก็อยากจะใช้อำนาจในทางที่ถูก คิดว่าต้องทำเช่นนั้น เช่นนี้ถึงจะดี แต่เมื่อมีอำนาจจริงๆแล้ว ก็มักจะหลงทาง และ ใช้อำนาจส่วนใหญ่ไปในทางที่ผิด อีกทั้งการเมืองต้องใช้เงินจำนวนมาก เมื่อสูญเสียเงินไป หากมีช่องทางที่จะได้รับเงินคืนกลับมา คนส่วนใหญ่ก็ต้องการทั้งสิ้น และมักจะอ้างว่า ต้องหาเงินเพื่อเอามาหาเสียงในครั้งต่อไป ซึ่งถ้าใช้เงินเก็บหาเสียงไปหมดแล้วก็จะเข้ามาบริหารประเทศได้เพียงครั้งเดียว แล้ว วงจรแห่งการหาเงินก็จะเข้าครอบครองความคิดอีก เป็นวัฏจักร ไม่สิ้นสุด ดังนั้น ถ้าจะรวมตัวกันเพื่อให้ระบบงานดีขึ้น ก็ต้องรวมกันแบบไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องด้วยถึงจะสามารถนำพาระบบไปรอด แต่ถ้ายังปราบคนซื้อเสียงไม่ได้ ก็อย่าหวังในเรื่องนี้เลย...

พรรคการเมืองยังมิอาจเป็นสถาบันที่ดี ไม่อาจแสดงภาวะผู้นำเชิงองค์กรสังคมได้เพราะอะไร?

- เพราะระบบการเมืองของเรา ใช้ระบบประชาธิปไตยแบบให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับนักการเมือง ทำให้นักการเมืองที่มีตำแหน่งหน้าที่สูงๆ มีอำนาจในการทำอะไรในความต้องการของตนเองมากเกินไป เมื่อสามารถตอบสนองความต้องการทำเพื่อตนเองได้ ก็จะใช้อำนาจเหล่านั้นไปในทางที่ผิด เมื่อการกระทำเพื่อตัวเองมากๆเข้า ก็จะไม่คำนึงถึงภาวะผู้นำเชิงองค์กรสังคม

ถ้าต้องการระบบของสังคมที่ดีขึ้น ต้องสร้างระบบประชาธิปไตยของเราเอง โดยลดบทบาทการให้อำนาจของนักการเมืองลง และ สร้างระบบคานอำนาจระหว่างกัน ซึ่งระบบปัจจุบันได้ใช้ระบบประชาธิปไตยของอังกฤษ และ คนร่างรัฐธรรมนูญ ก็ยังยึดแค่ จะใช้ของอังกฤษ หรือ ของอเมริกา โดยไม่ได้นำเอาระบบทั้งสองนี้ มาปรับปรุงให้เข้ากับประเทศชาติของเราเลย ขนาดผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ยังเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่า เราย่ำอยู่กับระบบประชาธิปไตยเมื่อ 200-300 ปีมาแล้ว ซึ่งในบริบทของคนในช่วงนั้น กับบริบทของคนในปัจจุบันมันแตกต่างกันมาก แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง

เป็นภารกิจของคนไทยทั้งมวลหรือไม่? ในการจัดตั้งระบบประชาธิปไตย... พรรค-สมาชิกที่มีคุณภาพและปฏิสัมพันธ์ระหว่างพรรคต่างๆแนวสร้างสรรค์ในกระบวนการทางการเมืองทุกขั้นตอน...หรือรอพระเอกขี่ม้าขาว?

- ในความคิดเห็นส่วนตัว คนไทยที่มีความคิดในการพัฒนาระบบประชาธิปไตย ควรจะร่วมมือกันสร้างระบบการเมืองการปกครองขึ้นมาใหม่ และ ล้มล้างระบบประชาธิปไตยที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับนักการเมืองเสีย เพราะ ตราบใดที่ นักการเมือง สามารถตรากฎหมายเพื่อป้องกันตัวเองได้ หรือ พยายามแก้กฎหมายเพื่อทำให้ตนเองพ้นผิด หรือ กระทำความผิดแบบไม่ผิดกฎหมายได้นั้น ก็เท่ากับว่า เราให้เขาทำอะไรตามใจในอำนาจที่เราให้เขาไปได้ ตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้ การเมืองไทยก็จะไม่ไปถึงไหน พระเอกขี่ม้าขาว ได้ตายไปจากโลกนี้ไปหมดแล้ว (เพราะไม่เห็นใคนขี่ม้าขาวสักคน ) แต่พระเอกที่เป็นตัวเป็นตนจริงๆ ที่เดินดิน กินข้าวแกง และ มีวิสัยทัศน์ต่างๆ ต้องรวมตัวกันแล้วเพื่อสร้างสรรสังคมให้มีระบบการเมืองที่มั่นคง ก่อนที่พวกปลวกจะกัดกินบ้าน(เมือง) ของเราจนบ้าน(เมือง)ไม่สามารถทำหน้าที่บ้านได้อีกต่อไป...

ข้อเสนอแนะการคานอำนาจ...

- ถ้าจะใช้ระบบอเมริกา ก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีไป โดยเลือกตั้งผู้เข้ามาบริหารประเทศ และ เลือกตั้งผู้เข้ามาทำหน้าที่ออกกฎหมาย ซึ่งไม่อยากให้เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ในความคิดก็ยังคงอยากจะให้ใช้ระบบอังกฤษต่อไป แต่กระจายหน้าที่ออกไป โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. นักการเมืองกลุ่มที่มีหน้าที่ออกกฎหมาย แต่ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายควบคุมนักการเมือง หรือ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองต่างๆได้ แต่การออกกฎหมายควบคุมการเมืองจะกระทำโดย กลุ่มนักกฎหมายเฉพาะกิจที่ไม่ใช่คนในพรรคการเมือง และ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เข้ามาตรากฎหมายนักการเมืองแทน

2. นักการเมืองที่มีหน้าที่บริหารงานประเทศ จะมาจากการเลือกตั้งนักการเมืองโดยรวมเช่นกัน แต่เมื่อมีอำนาจในการบริหารจัดการทางกระทรวง ทบวง กรม ใดๆแล้ว ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมลงมติการออกกฎหมายได้ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงจากอำนาจบริหาร สู่อำนาจการออกกฎหมาย

- การออกคะแนนเสียง ไม่ควรที่จะยึดพรรค หรือ นโยบายพรรคอย่างปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้พรรคใหญ่มีเสียงมาก ซึ่งคนในพรรคบางคนอาจจะไม่มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนโยบายพรรคการเมืองก็ได้ ทั้งนี้ การจะทำให้เป็นเช่นนี้ได้ ต้องมีกฎหมายห้ามไม่ให้พรรคการเมืองบังคับ ข่มขู่ หรือ โน้มน้าวความคิดเห็นของสมาชิกพรรค ทั้งนี้ เพื่อการสร้างประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์จริงๆ แต่อาจจะยาก เพราะว่า หัวหน้าพรรคที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ จะไม่ยอม ตราบใดที่กฎหมายการเมือง ยังอยู่ภายใต้การออกกฎหมายของนักการเมืองอยู่ ก็จะไม่มีการออกกฎหมายที่ทำให้ตนเองเสียผลประโยชน์เป็นแน่

สวัสดีค่ะ คุณขามเรียง

นู๋ ไม่ได้ มาแสดงความคิดเห็น
แต่ มาแสดงตัว ว่าแวะมาอ่านค่ะ แฮ่....

ขอบคุณทุกท่าน แม้จะเข้ามาแวะอ่านเฉยๆ เราไม่เก็บค่าอ่านอยู่แล้ว
฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿

มีผู้ที่เสนอความเห็นดีๆในหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านหนึ่งคือ ไชยา ยิ้มวิไล, มติชนรายวัน๓๐เม.ย.๕๑(น.๖), เกมแก้รัฐธรรมนูญ

ความย่อคือ:แม้ว่าฝ่ายการเมืองเพียงหนึ่งในห้า ก็สามารถรวมชื่อขอแก้รธน. นั้นกระทำได้ แต่ต้องคำนึงว่าประชาธิปไตยไทยพัฒนามามากแล้ว ภาคประชาสังคม การเมืองภาคประชาชนก็มีพลัง ต้องการมีส่วนร่วม ต้องการถ่วงดุล ต้องการการตรวจสอบนักการเมือง

ดังนั้นจะรวบรัด เร่งรีบไม่ได้เด็ดขาด

นำเสนอกระบวนการแก้ไขเป็นขั้นตอนไว้
๑.ต้องให้เหตุผลชัดเจน ตลอดจนวัตถุประสงค์ที่ขอแก้อะไร ทำไมต้องแก้ สังคมสงสัยมาก
๒.หลักการเป้าหมายต้องชัดเจน สอดคล้องกับข้อแรก
๓.ต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียทั้งฉบับ๒๕๔๐และฉบับ๒๕๕๐ โดยละเอียดชัดเจน
๔.ควรจัดให้ทุกภาคส่วนสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ
๕. ต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการ คล้ายสภาร่างฯ(สสร.)
๖.จัดให้มีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง เพื่อนำความเห็นหลังจากนั้นของประชาชน เข้าสู่"องค์คณะกรรมการ"
๗.จัดให้มีประชามติรับว่าให้จัดทำร่างรธน.ก่อนอื่น
๘.กำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและจบกระบวนการอย่างแน่นอนชัดเจน
๙. ต้องแสดงเจตนารมย์อย่างชัดเจน มี"ความโปร่งใส" เพื่อข้อสุดท้าย
๑๐.ได้"รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด"

นั่นคือความเห็นจากบทความครับ

จะได้รธน.ฉบับใหม่ที่ดีมีประสิทธิภาพ เหมาะกับประเทศชาติ พฤติกรรมคนไทย หรือไม่? และไม่ต้องแก้ไขหรือพัฒนาปรับปรุงอีก นานกี่ปี?

พี่เอก อ.ไชยา ยิ้มวิไล เป็น อ. บริหารหลักสูตรที่ผมกำลังเรียนเลยครับ อิอิ ท่าทางว่า อาจารย์คิดอย่างไร ลูกศิษย์ก็มักคิดอย่างนั้นหรือเปล่าเนี่ย

ยินดีด้วย...great! จุง เก่งอยู่แล้ว แล้วเรียนหลักสูตรอะไรครับ
ผมเคยไปฟังการบรรยายของท่านนานมาแล้ว เก่งครับ...ก็ขอให้ลูกศิษย์เป็นอภิชาติศิษย์ครับ...ต้องคิดเก่ง ทำเก่ง กว่าอาจารย์ด้วย ประเทศจะได้เจริญ