ทัวน์ดอย บินไปกลับขับรถเที่ยว ภาค 1 อ่างขาง ฝาง ดอยฟ้าห่มปก
ก่อนลมหนาวจะโชยผ่านไปอีกรอบเราก็เริ่มวางแผนการทัวน์ดอยของเราอีกรอบ ออกเดินทางจากนครพนมเย็นวันที่ 2 มกราคม 2552 กะจะให้ถึงกรุงเทพตอนเช้าเพราะจองไฟส์แอร์เอเชียใว้ตอน 6.30 น แต่รถเจ้ากรรมดันติดมากถึงมากที่สุดตั้งแต่ออกจากอำเภอบ้านไผ่ถึงกรุงเทพก็ปาเข้าไปเกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้วจะมีเครื่องบินที่ไหนรอเราเนี่ยแต่ถึงอย่างไรก็ต้องไปให้ถึงเชียงใหม่เพราะเพื่อนอีกคนที่อยู่กรุงเทพเดินทางกับหางแดงล่วงหน้าไปแล้ว กัดฟันควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มบินไฟส์สายหน่อยไปกับนกแอร์ ถึงเชียงใหม่เกือบ 11 โมงจากเดิมที่วางแผนใว้ว่าต้องถึงเชียงใหม่ไม่เกิน 9 โมงเช้า ผิดแผน ผิดแผน ถึงเชียงใหม่ไม่เสียเวลามากเพราะเพื่อนที่ไปก่อนไปรับรถที่จองใว้ก่อนแล้วเราเลยได้เริ่มออกเดินทางเลยเราเช่ารถของบริษัทนอร์ทวีล รับรถที่สนามบินเชียงใหม่คืนที่สนามเชียงราย ออกเดินทางไปดอยอ่างขางกันเลยค่ะไปตามทางหลวงหมายเลข 107 แวะทานข้าวเที่ยงที่แม่ริมเลี้ยวซ้ายไปทางตำบลเมืองงายไปตามแผนที่ที่หาข้อมูลจากผู้รู้ทั้งหลายมาโพสใว้ผ่านร้านค้าชุมชนของสถานีเกษตรหนองเขียวแวะกินกาแฟกันหน่อยแวะโรงเตี้ยมชื้อของที่นี่พุทธาน้ำนมอร่อยมากมากค่ะ พร้อมชมซากุระข้างทางซากุระเมืองไทยหลังร้านขายของอีกต้นพอขับรถออกมาแป๊บก็เจอนี่เลยค่ะเค้ากำลังทำอะไรกับดอกใม้ของเราเนี่ยกลีบกระจายเลย แอบถ่ายจากในรถอย่าทำกันเลยนะคะแค่เด็ดออกมาจากต้นไม่ถึงห้านาทีมันก็เฉาแล้วสู้เก็บมันใว้กับต้นถึงจะได้ดูแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็เถอะมีคนที่จุดที่เราแวะชื้อของบอกว่าทางที่เราจะไปแวะเข้าไปชมดอกทิวลิปที่เค้าจัดแสดงที่อำเภอไชยปราการได้ก็เลยแวะเข้าไปยลโฉมซะหน่อย และแล้วเราก็มาถึงดอยอ่างขางเวลาประมาณเกือบห้าโมงเย็นสำรวจเส้นทางกันเล็กน้อยเราก็เลยไปที่จุดชมวิวบ้านขอบด้ง แล้วก็ยอนกลับมากางเต้นท์นอนบริเวณจุดชมวิวไม่มีคนเลยวันที่เราไปเพราะเราตั้งใจไปเก็บร่องรอยหลังคนไปถล่มตอนปีใหม่เราเลยนอนกางเต้นท์กันในศาลาหลบน้ำค้างซะเลยพระอาทิตย์ตกมองจากจุดที่กางเตนท์ยอดดอยที่เห็นไม่แน่ใจว่าเป็นยอดดอยหลวงเชียงดาวรึเปล่าอากาศตอนที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าหนาวพอควรค่ะ ตื่นตอนเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้นเราต้องเดินไปไกลมากมาก แค่เปิดพระตูเต้นท์ออกมาก็มายืนดูพระอาทิตย์โผล่มาทักทายได้เลยค่ะล้างหน้าล้างตาเก็บเต้นท์แล้วเราก็เริมสำรวจดอยกันค่ะเริ่มแรกที่หน้าโรงเรียนวัดคุ้มบริเวณตรงข้ามสถานีเกษตรมีชาวเขาเอาผลิตภัณฑ์มาขายแครอทสดมากมากค่ะเดี๋ยวเช้านี้เราจะเข้าไปทานอาหารเช้าข้างในนี้กันค่ะ อาหารเช้าคิดราคาต่อหัวเป็นบุฟเฟหัวละ 250 บาทค่ะสลัดผักสดมากๆ ทานอาหารเรียบร้อยก็เดินถ่ายรูปรอบๆสวน 80 มาเจอซากุระของจริงค่ะต้นนี้มาจากญี่ปุ่นแต่ตอนที่ไปยังบานไม่เต็มที่เลยค่ะ ซากุระเมืองไทยบริเวณรอบๆก้กำลังบานเต็มที่เหมือนกันค่ะชมสวนกุหลาบดอกไม้สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะอันนี้น่าจะต้นบ้วยส่วนต้นนี้น่าจะต้นท้อกำลังออกดอกสีชมพูแข่งซากุระเลยค่ะลงดอยกันเกือบบ่ายโมงค่ะชมสวนเพลินไปหน่อยเราเลยตัดสินใจกันว่าวันนี้นอนในเมืองกันดีกว่ายังไม่ขึ้นดอยต่อกันลงมากันทางอำเภอฝางแวะกินข้าวในเมืองแล้วไปติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่เรื่องการขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกวันนี้ยังไม่นอนแช่กันเพราะต้องไปหาที่นอนคืนนี้กันก่อนเอาใว้มาแช่วันหลังกันด้วยความที่อยากจะนอนที่ท่าตอนสักคืนทำให้เราต้องขับรถวกไปวนมาเล็กน้อยแต่ก็คุ้มได้ที่พักริมแม่น้ำกกน่ารักมากราคาก็ไม่แพงมองเห็นวิวกลางคืนวัดท่าตอนด้วยชื่อ Apple หลังจากเก็บของเราก็ไปใหว้พระที่วัดท่าตอนชมเจดีย์แก้วก่อนพระอาทิตย์ตกดินกันตบท้ายสำหรับท่าตอนเมืองเล็กๆน่ารักน่ารักด้วยวิวมุมสูงของลำน้ำกกที่ถ่ายจากมุมวัดท่าตอนกันนะคะขี่รถย้อนกลับมาที่ฝางเพื่อวันนี้เราจะไปนอนดอยกันค่ะช่วงเช้ายังพอมีเวลาเราเลยแวะสวนส้มกันก่อนสวนส้มธนธรมีหลายสวนแต่สวนที่เราไปเค้าบอกมาว่าสวยสุดไปทางเดียวกับที่ไปบ่อน้ำร้อนฝางแล้วมีทางแยกไป สวยสมคำล่ำลือค่ะ วันนั้นคนน้อยถ้ารอรถที่พาเที่ยวที่เป็นรถไฟเป็นรอบคงรอนานเราเลยนั่งรถกอล์ฟกันค่ะ คนละ 100 บาท เก็บส้มกลับบ้านได้คนละ 1 กิโลกรัมกินในสวนไม่อั้นค่ะบอกลาสวนส้มธนาธรด้วยภาพมะเขือแฟนซีที่ปลูกใว้หน้าสวนกันค่ะแวะชื้อเสบียงที่ฝางแล้วไปติดต่อที่บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก น้ำพุร้อนฝางรถที่เช่าขับกันไปเป็น Honda city และคงขึ้นไปบริเวณกางเต้นท์ของดอยไม่ได้เราเลยติดต่อเช่ารถตอนแรกว่าจะรอเพื่อนร่วมแจมแต่วันนี้เป็นวันธรรมดาคนไม่ค่อยมากเลยตัดสินใจเหมากันเลยคันละ 1,800 บาทพร้อมคนขับเค้าจะพาขึ้นไปและค้างกับเราบนโน้นและพากลับลงมาในวันถัดไปวันนั้นออกเดินทางประมาณบ่ายโมงแวะจุดชมวิวถึงแล้วค่ะจุดกางเต้นท์เตรียมที่นอนเรียบร้อยเราก็ไปชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณใหล้ๆกันเลยค่ะวันนี้นอนพักเอาแรงแต่หัววันเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นขึ้นยอดดอยกันแต่เช้ามืดนัดไกด์ใว้ตอนตี 4 ค่าไกด์ 300 บาท ได้ยินว่าอากาศข้างบนหนาวกว่านี้มากเราเลยขนใส่เสื้อผ้าไปเยอะมากแต่พอเดินไปได้หน่อยถอดออกแทบไม่ทันเลยค่ะเพราะจะเป็นลมกันใม่ใช่อากาศไม่หนาวนะคะแต่พอเราเดินขึ้นเขาออกกำลังกายเหงื่อออกก็ร้อนมากข้างในเลยค่ะ ต้องถอด ต้องถอดถึงแล้วค่ะยอดดอยพอถึงก็ได้เอาเสื้อผ้าที่ถอดออกมาใส่เลยค่ะหนาวมากยอดหญ้าบนปลายดอยท่ามกลางม่านหมอกสวยงามน่าดูค่ะพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะสวยน่ะคงไม่ได้สวยมากดูธรรมดาแต่มันสุขใจตรงที่กว่าจะปีนฝ่าลมหนาวขึ้นมาเห็นได้นี่สิ ดูพระอาทิตย์จนหนำใจก็เริ่มตั้งต้นเดินลงกันค่ะ เริ่มมีแสงและเห็นว่าทางที่เราเดินมามืดๆน่ะเดินพลาดนิดเดียวอีกฝั่งก็เหวเลยนะคะเค้าเลยต้องมีความจำเป็นที่ต้องมีไกด์นำทางงัยคะตอนเดินกลับลงมาจึงมีโอกาสได้เห็นทัศนียภาพสองข้างทางเดินพร้อมสารพัดป้ายและต้นไม้ใส่เสื้อแต่หมอกก็ยังคงหนาตลอดทางอยู่ถึงแล้วค่ะลานกางเต้นท์กลับมาทำอาหารเช้าทานรองแล้วก็เตรียมตัวลุยต่อกันค่ะ ภาพกับรั้วสีขาวบริเวณลานกางเต้นท์ค่ะส่งท้ายดอยฟ้าห่มปกกลับภาพยอดหญ้าบนปลายดอยอีกภาพแล้วไปกันต่อที่ภาคสอง บินไปกลับขับรถเที่ยว ดอยแม่สลอง ดอยตุง แม่สาย วัดร่องขุ่น กันค่ะ