~~HaPPy Sassy KEt-RhI~~
Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ใคร่รู้ ตำนาน "มิดะ"

ตำนานมิดะ


มีตำนานขานกล่าวเรื่องราวไว้
สุดแดนไกลกลางหุบเขาเผ่าอีก้อ
หญิงบริสุทธิ์แรกสาวราวเยินยอ
ความอ้อล้อน่ารักจักเป็นภัย

วันประชุมคัดสรรดังวันเศร้า
วันที่เจ้าต้องหมดความสดใส
สอนเชิงกามถามตอบมอบอุ่นไอ
แม้จำใจเจ็บช้ำต้องจำยอม

จะกล่าวฝ่ายชายแรกแตกเนื้อหนุ่ม
ห้ามแอบซุ้มถึงยามห้ามถนอม
หัดเรียนรู้เสพกามยามพรั่งพร้อม
ถูกหวาดล้อมจากผู้เฒ่าเข้าพิธี

ชายทุกคนต้องผ่านจากการสอน
โดยหลับนอนกับหนึ่งสาวราววิถี
ที่ถูกเห็นคือมิดะประเพณี
หญิงผู้นี้นั่งรับซับน้ำตา

กว่าหลุดล่องเรือนคุ้มขุมนรก
นั่งคอตกตีนกาแทบถามหา
กว่ามิดะดวงใหม่จะได้มา
หมดคุณค่าลาร้างอย่างเหลือเดน

“มิดะ”....คำๆ นี้เป็นประเพณีของชาวเขาเผ่าอีก้อ จะมีการคัดเลือกเอาสาวสวยและบริสุทธิ์จากคนทั้งเผ่า เพื่อเอาเป็นตัวแทนคนเก่าที่วัยล่วงเลย หน้าที่ของ “มิดะ” ก็คือ สอนเชิงกามให้กับเด็กหนุ่มที่เริ่มเติบโตทุกคน เพราะฉะนั้นเด็กหนุ่มทุกคนก่อนจะมีภรรยาก็ต้องต้องผ่านพิธีกรรมอันนี้ก่อน เรื่องนี้เคยถูกบันทึกและนำมาเรียบเรียงแต่งเป็นเพลงไว้โดย คุณจรัญ มโนเพชร............


.....ในขณะที่.....


"บนฟ้ามีเมฆลอย บนดอยมีเมฆบัง มีสาวงามชื่อดัง อยู่หลังแดนดงป่า มีกะลาล่าเซอ มีหนุ่ม ๆ เผลอฮ้องหา มีสาวงามขึ้นมา แล้วมี มิดะ....."

นี่คือผลงานเพลงของจรัล มโนเพชร ที่ดังก้องไปทั่วหุบเขา หลายคนคงเคยได้ยินเพลงนี้ ตามความเข้าใจของหลาย ๆ คน เกี่ยวกับมิดะ ว่าเป็นนิยามที่ใช้กับตำแหน่งที่ขึ้นชื่อในชนเผ่าอาข่า ที่คอยสอนเรื่องกามวิธีให้กับชายหนุ่มที่ยังไม่เคยผ่านการได้เสียกับหญิงใดมาก่อน ชายหนุ่มที่จะแต่งงานกันต้องได้รับการสอนสั่งจาก มิดะ ให้รู้จักการปรนนิบัติมอบความสุขให้กับคนรัก หรือภรรยาคู่ชีวิตของตนต่อไป ถือว่าเป็นการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน นี่คือสิ่งที่หลายคนเข้าใจมาโดยตลอด และกำลังอื้อฉาวมาจนถึงทุกวันนี้

มิดะ หมายถึงอะไร มีใครตอบได้บ้าง.... มันมาจากกลุ่มอาข่าจริงหรือเปล่าคุณรู้เหรอ ? ผมเองในฐานะคนอาข่าคนหนึ่งที่ถูกมองมาจากเรื่องแบบนี้ มุมมอง และสายตาของคนทั้งโลกที่มองมากับเรา มันคือสายตาที่ดูถูกเหยียบหยาม เหมือนไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน เพราะกระแสที่มันกำลังดังระเบิด ไม่ว่าตามสื่อต่าง ๆ หรือข้อมูลตามนิตยสาร มีคนมาถามผมบ่อยว่า คนอาข่ามีแบบนี้ด้วยหรือ???... ผมก็ตอบว่าไม่มีนี่ เหตุที่ผมตอบได้เต็มปากว่าอาข่าไม่มีตำแหน่ง "มิดะ" ที่ว่านี้ ก็เพราะว่าไม่มีจริง ๆ ในชนเผ่าอาข่าเท่าที่ผมรู้ ทุกครั้งที่มีคนมาถามผมมักจะมามองตัวเองเสมอว่า คนอาข่าเราต้องสอนกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้ว จะต้องมีคนมาสอนให้ทำไมอีก ??...... คิดได้ไง คิดว่าหลายคนคงได้ดูหนังเรื่องมิดะ แล้ว ไม่ว่าบทที่จรัล มโนเพชร์ เขียนเอง หรือของนิรนาม ณ แดนฝัน เขาทำก็ถูกเพื่อการค้า แต่เขาอาจไม่ได้เจาะลึกในเรื่องข้อมูลที่จะเอามาเผยแพร่ เรากลายเป็นสินค้าของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ถ้าเขาเอาวัฒนธรรมของเรา หรือความจริงที่เรามีอยู่ไปเพื่อการเผยแพร่ก็น่าชื่นชม เราชมเพื่อความบันเทิง โดยไม่รู้ว่าโลกภายนอกไปถึงไหนแล้ว และไม่รู้ว่าเราถูกกระทำอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว

หลายคนคงเคยดูหนังเรื่อง มิดะ ที่นิรานาม ณ แดนฝันเป็นคนเขียนบท เรื่องมีอยู่ว่า ชุดที่นักแสดงสวมใส่ตอนถ่ายทำนั้นเป็นชุดของชนเผ่าม้ง ไม่ใช่ชุดอาข่าอย่างที่ท่านคิด ท่านอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า การแต่งกายของอาข่าเป็นอย่างไร ทีนี้เราลองมามองอีกแง่หนึ่งซิว่าเขาอาจตีรวมเรื่องราวของมิดะ ว่ามาจากกลุ่มของชาวเขาอย่างแน่นอน ม้งหรือลาหู่ฉันไม่สน...ฉันรู้ว่ามันมีจริง คุณรู้แค่นี้คุณก็ทำตามนี้ โดยที่คุณไม่ได้เข้าไปศึกษาถึงเรื่องราวเหล่านี้อย่างแท้จริง จากหมู่บ้านหรือชุมชนที่ท่านคิดว่าสามารถที่จะบอกหรือให้ข้อมูลกับเรา เกี่ยวกับที่มาของเรื่องราวนี้ได้ สิ่งที่อยากบอกกับทุกๆคน..........ความ จริงแล้วเรื่องเพศในกลุ่มชนเผ่าอาข่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่อาข่าก็ให้เกียรติกับผู้หญิง คงไม่มีใครเชื่อว่าสมัยก่อนการคบหากันของหนุ่มสาวจะเป็นแบบไม่เปิดเผย และจะไม่มีการเสียตัวจนกว่าจะแน่ใจว่า อยู่ร่วมกันได้ หรือพร้อมที่จะแต่งงานกัน ไม่ได้ซีเรียสอะไร กับเรื่อง มิดะ มาก แต่คนเราทุกคนเหมือนกันซะที่ไหน ปัญหาจึงไม่ได้มีแค่นั้นไง อื้อฉาวมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วเราในฐานะคนที่ถูกมอง หรือถูกกระทำเราจะนิ่งเฉยแบบนี้เหรอ ลูกหลานเราในวันข้างหน้าล่ะ เขาก็ต้องรับไปแบบเต็ม ๆ โดยที่เขาไม่ได้รู้เห็นอะไรเลย แล้วคนที่เขียนเรื่อง มิดะ ไม่ว่าในแนวเพลงหรือหนังเพื่อความบันเทิง บุคคลเหล่านั้นเคยคิดหรือเปล่าว่า สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกับบุคคลอีกมากที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรเลย คนรุ่นหลังๆต้องมาตามบอกว่าในกลุ่มเราไม่มีนะและไม่เคยได้ยินด้วย อาจมีอยู่ในชนเผ่าอื่นที่ไม่ใช่อาข่าหรือเปล่า

อย่างเช่นเป็นโอกาสดีของผมที่ได้ไปศึกษาวัฒนธรรมของอาข่าที่อยู่อีกประเทศหนึ่ง คือประเทศลาว ซึ่งมีชนเผ่าอาศัยอยู่ที่นั่นเยอะเหมือนกัน ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงเรื่องราว และวิถีความเป็นอยู่ของอาข่าที่อยู่ในประเทศลาว กับลุงที่เป็นอาข่าคนหนึ่ง อายุประมาณ 50 กว่าแล้ว ผมบอกกับแกว่าในเมืองไทยมีเรื่องของ มิดะ ด้วยที่คอยสอนเรื่องกามวิธีให้กับหนุ่มอาข่าที่จะแต่งงานกัน ผมถามแกต่อว่าเคยได้ยินบ้างหรือป่าว ? แกก็ตอบมาอย่างเต็มปากว่า อายุจนปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินเลย แกบอกว่าของเราก็มีแต่ "หมี่ดะ" นี่ไม่ใช่ มิดะ และหมี่ดะ ก็คือผู้หญิงธรรมดาของอาข่าที่ยังไม่ได้แต่งงาน พูดง่าย ๆ ว่ายังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน ไม่มีตำแหน่งใด ๆ เลย ไม่มีที่ว่าสอนเรื่องกามวิธีให้กับหนุ่มที่กำลังจะแต่งงานกัน

หลังจากที่ได้พูดคุยกับลุงคนนั้นแล้วก็ได้มีโอกาสคุยกับไกด์ท้องถิ่นที่เป็นชน เผ่า ขมุ หรือลาวเทิ่ง แกบอกว่าเมื่อก่อนในชนเผ่าขมุนั้นมีตำแหน่งที่ขึ้นคล้าย ๆ กับ มิดะอยู่ แต่จะมีด้วยกัน 2 คน คือ ผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ซึ่งก็มีหน้าที่ในการสั่งสอนเรื่องกามวิธีให้กับหนุ่มสาวที่จะแต่งงานกัน หนุ่มสาวที่จะแต่งงานกันต้องเสียความบริสุทธิ์ให้กับ 2 คนนี้ก่อน ถ้าใครไม่ยอมเสียความบริสุทธิ์ให้กับ 2 คนนี้ ถือว่าผิดประเพณี หรือไม่เคารพในกฎของเผ่าที่มีอยู่ จะถูกเนรเทศออกจากหมู่บ้าน ......แต่ของเค้าไม่ได้ชื่อมิดะ ผมก็ถามด้วยความอยากรู้ว่า ตำแหน่งที่ว่านี้ มีชื่อว่าไรล่ะ? แล้วปัจจุบันยังมีอยู่หรือเปล่า เค้าบอกว่าจำชื่อไม่ได้ และปัจจุบันก็ไม่มีแล้ว จากที่นี่เราจะเห็นว่าตำนานเรื่อง มิดะ มาจากความไม่ละเอียดของข้อมูลหรือเปล่า ??????? บางทีเราอาจต้องมองเชิงลึกกว่านี้ ประเพณีวัฒนธรรมของชนเผ่าย่อมต่างกันโดยสิ้นเชิง สลับซับซ้อนเกินที่เราจะเข้าใจในระยะเวลาเพียงอันสั้น




ในขณะที่ อีกที่ด้วย



บนฟ้ามีเมฆลอย บนดอยมีเมฆบัง มีสาวงามชื่อดัง อยู่หลังแดนดงป่า มีกะลาล่าเฌอ มีหนุ่ม ๆ เผลอฮ้องหา มีสาวงามขึ้นมา แล้วมีมิดะ "
บท เพลง “ มิดะ ” ที่ร้องโดยจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นที่รู้จักของสังคมเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา เนื้อหาเพลงได้พูดถึงหญิงสาวชาวอ่าข่า หรืออีก้อ ที่ขึ้นมาบนลานสาวกอด เพื่อให้ผู้ชายมากอดและมั่วกามโลกีย์ ผมเคยพูดคุยกับคุณจรัลครั้งหนึ่งในวัดสวนดอก ( เชียงใหม่) เกี่ยวกับบทเพลงนี้ คุณจรัลได้อธิบายกับผมว่า เอาเนื้อบทเพลงมาจากหนังสือสามสิบชาติในเชียงราย ที่เขียนโดยบุญช่วย ศรีสวัสดิ์ โดยตัวเขาก็ไม่รู้ข้อเท็จจริง
เมื่อพูดถึงลานสาวก อดแล้ว เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาอย่างมาก เพราะชนชาวอ่าข่าในฐานะเจ้าของวัฒนธรรม และผู้เสียหาย บอกว่าลานสาวกอดอย่างในหนังสือและบทเพลงดังกล่าวไม่มี มีแต่ แตห่อง หรือ ลานวัฒนธรรม จริงๆ แล้วมีคนเขียนหรือพูดเกี่ยวกับลานสาวกอดเยอะมาก และเผยแพร่ออกทางสื่อทุกวัน ตลอดถึงเป็นที่สนใจของสาธารณะชน เมื่อวันที่ 5 – 7 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนตำบลวาวี นำโดยนายกยาพี จูเปาะ ได้จัดงาน “ ย้อนร้อยลานสาวกอด ” ที่ชุมชนบ้าน แสนเจริญเก่า ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับลานสาวกอดนี้ ตลอดงานผมได้เข้าไปร่วมและแลกเปลี่ยนกับผู้มาเยือน ท่านนายกฯ อธิบายได้แต่ความเป็นมาของแต ห่อง นี้ แต่ไม่สามารถอธิบายได้ถึงความสำคัญ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลายท่าน ตลอดถึงครูบาอาจารย์มาถามผม ก่อนอื่นก็ขอชมเชยท่านนายกฯ ที่มีความตั้งใจ แต่ขอติหน่อยที่ทำงานมวลชนแล้วไม่มีฐานข้อมูล ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในงานอาจเกิดความสับสนได้และคิดว่าลานสาวกอด เป็นเรื่องจริงของคนอ่าข่าได
้ ผมตั้งคำถามหลายข้อเหมือนกันกับงานนี้ เช่น การใช้ชื่อ “ ย้อนรอยลานสาวกอด ” มันเหมาะสมหรือไม่ อย่าลืมนะครับว่าในสังคมไทยมีองค์ความรู้อยู่ชุดหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง นี้และคนอ่าข่าไม่ยอมรับ ขณะเดียวกันพยายามต่อต้านในองค์ความรู้นี้ว่าไม่จริง เป็นเท็จ อย่างไรก็ตามคนในสังคมเข้าใจและยอมรับในองค์ความรู้ชุดนี้อย่างมาก หากมองในอีกแง่หนึ่ง ยังมีคนที่ไม่ได้มาร่วมในงานนี้แต่ได้บริโภคสื่อ เขาเข้าใจกับลานสาวกอดที่ว่านี้อย่างไร จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นการตอกย้ำว่าลานสาวกอดเป็นเรื่องจริง??
เมื่อ เขียนมาถึงบรรทัดนี้ ผมขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านเกี่ยวกับลานสาวกอดที่ว่านี้นะครับ มีผู้เขียนตำราและสื่อต่างๆเผยแพร่ลานสาวกอด บอกว่ามาจากภาษาอ่าข่าสองคำผสมกับ คือ แต กับ ข่อง ท่าน ผู้อ่านที่เคารพครับ จริงๆแล้วจากคำบอกเล่าผู้รู้จริงๆ เช่น พี้ม่า โจ่ว มา ซึ่งเป็นผู้นำตำแหน่งทางวัฒนธรรม ไม่ได้มาจาก 2 คำครับ มาจาก 4 คำ แต่ย่อให้เหลือ 2 คำ แต มาจากคำว่า ตอแต แปลว่าท่องเที่ยว ห่อง มาจากคำว่า หมี่ ห่อง แปลว่า แผ่นดิน ดังนั้นคำว่า แตห่อง จึงมีความหมายที่ชัดเจนคือ ดินแดนในการท่องเที่ยว ที นี้ลองมาดูความสำคัญของแตห่องนี้นะครับว่าสำคัญอย่างไร ตามความเชื่อของอ่าข่านี้ แต ห่อง มีความสำคัญ 4 อย่าง อย่างแรกคือ มีความสำคัญในแง่พิธีกรรม ตัวอย่างเช่น หากครอบครัวใดมีลูกสาวไปแต่งงานกับชุมชนอื่น เมื่อเกิดการหย่าร้างและกลับมาหาพ่อแม่ ขณะที่อยู่กับพ่อกับแม่ได้เสียชีวิตลง เมื่อเอาศพไปฝังแล้ว ต้องรีบกลับมาที่แตห่อง เพื่อมาเต้นและเล่นแตหอง เพราะเชื่อว่าการที่คนในชุมชนเล่นก่อน ทำให้สิ่งชั่วร้ายต่างๆไม่สามารถเข้ามาในชุมชนและสร้างความเดือดร้อนได้ ประการที่สองเป็นแหล่งบูรณาการถ่ายทอดความรู้ จากรุ่นสู่รุ่น ในอดีตในแตห่องมีผู้หญิงและผู้ชายนั่งอยู่จริง มีการนั่งสลับระหว่างผู้หญิงผู้ชายคละกันไป แต่ไม่ได้มีเฉพาะหนุ่มสาวเท่านั้น จะมีหลายรุ่นอายุ ทั้งคนเฒ่าคนแก่ วัยทำงาน วัยรุ่น เด็ก ในที่นี้มีการละเล่นทั้งดนตรี เช่น แคน ซึง มีการละเล่นพื้นบ้านอ่าข่า ทั้งที่อยู่ในรูปวงกลม หรือเข้าแถวเรียงหน้ากระดาน มีการก่อไฟ การบูรณาการการเรียนรู้คือเมื่อผู้รู้เต้นหรือเป่า เด็กหรือผู้ยังไม่เป็นก็ไปดู และทำดู สุดท้ายทำเป็น นี่เป็นการบูรณาการการเรียนรู้ที่ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีห้องเรียน แต่เป็นการเรียนรู้โดยการทดลองทำดู เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต

มี คนเข้าใจว่าเมื่อขึ้นมาที่แตห่อง แล้วสามารถกอดสาวได้ตามใจชอบ หรือเมื่อเบื่อคนไหนก็เปลี่ยนไปหาคนอื่น มั่วกามโลกีย์ นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงนะครับ เพราะความเข้าใจผิดทำให้คนข้างนอกที่ไม่ใช่อ่าข่าถูกปรับสินไหมไปหลายราย บางรายถูกชาวบ้านประชาทัณฑ์มาแล้ว จริงๆเรื่องนี้น่าสนใจมาก คนอ่าข่าพยายามพูดให้ชาวโลกได้ฟังว่า แตห่องมีจริง แต่ลานสาวกอดในนัยยะที่สื่อเผยแพร่นั้นไม่มี ทุกครั้งที่เผยแพร่ออกมาคนชนเผ่าอ่าข่าจึงขอความเป็นธรรมจากสังคม อย่างเช่นกรณีแก้วกลางดง บทละครชื่อดัง กับกรณีเอ็มเค เป็นต้น
ประการ ที่สาม เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เมื่อคนอ่าข่าเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนักตลอดทั้งวัน ก็ถึงเวลาพักผ่อน กินข้าวเย็น (อ่าข่ากินประมาณหนึ่งทุ่ม) เสร็จก็ขึ้นมาที่แต ห่อง และมีการพบปะพูดคุย เช่น วันนี้ไปไหนมา พรุ่งนี้จะไปไหน มาเอามื้อเอาแรงกันไหม? ตลอดถึงแลกเปลี่ยนในเรื่องอื่น การแลกเปลี่ยนไม่ได้แลกเปลี่ยนเฉพาะผู้ชายกับผู้ชายเท่านั้น แต่แลกเปลี่ยนทุกเพศทุกวัย
ประการสุดท้าย แตห่อง เป็นแหล่งสร้างความสามัคคี ในอดีตคนในชุมชนทะเลาะกันแทบไม่ได้เห็น และหากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันเกิดขึ้น จะถูกปรับสินไหมจากผู้อาวุโสในชุมชน ความสามัคคีเกิดจากการทำกิจกรรมร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันบ่อยๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งและปัญหาน้อย ตลอดถึงเจ้าแตห่องเป็นที่ระบายความในใจ ให้กับเพื่อน รุ่นพี่ หรือผู้อาวุโส ทำให้เกิดการลดช่องว่างระหว่างอายุ แตห่อง นอกจากมีความสำคัญต่อคนอ่าข่าดังที่กล่าวมาแล้ว ยังถือว่าเป็นศาสนสถานที่สำคัญหนึ่งในสี่ด้วยที่คนอ่าข่าเคารพนับถือมากที่ สุด
เมื่อพูดถึง แตห่อง แล้วขาดไม่ได้เลยต้องพูดถึง หนุ่มสาว ที่ขึ้นมาเล่นในแตห่อง และถูกพาดพิงกล่าวหาว่ามามั่วกามโลกีย์ ผมต้องทำความเข้าใจถึงการแบ่งผู้หญิงและผู้ชาย อ่าข่าได้แบ่งผู้หญิง 4 ช่วงชีวิต ช่วงแรก เรียกว่า อะบูหย่า แปลว่าเด็กน้อย ซึ่งเด็กน้อยนี้มีอายุตั้งแต่เกิดจนถึง 13 ปี 13 – 18 ปี เรียกว่า หมี่ เตอ เตอ จ่อ แปลว่า เข้าสู่วัยสาว 18 - 25 ปี เรียกว่า จอมา หมี่ โล แปลว่าพร้อมที่จะออกเรือน และ 25 ปีขึ้นไป อ่าข่าเรียกว่า หมี่ ดะ ดะ โอ๊ะ หรือ หมี่ ดะ ช่อ หม่อ แปลว่าสาวแก่ สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการเป็นสาวในช่วงไหน ดูได้จากการแต่งกาย เช่น หมวก

ในส่วนผู้ชาย แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกตั้งแต่เกิด จนถึงอายุ 13 ปี เรียกว่า อะลี หย่า แปลว่าเด็กชาย และ หลังจาก 13 ปี เรียกว่า ฮ่า เจ่ หญ่า โย แปลว่าเป็นผู้ชายเต็มตัว พร้อมที่จะมีเรือน มีตำราเขียนอยู่หลายเล่นที่พูดถึง คาจีระดะ ที่บอกว่าเป็นผู้ชายที่มีไว้เปิดพรหมจารีของหญิงชาวอ่าข่า แท้จริงคำนี้เพี้ยนมาจากคำว่า ฮ่า เจ่ หญ่า โย และในวิถีชีวิตของอ่าข่าไม่ได้มีอย่างที่ในหนังสือหรือสื่อเผยแพร่
่ หากจะพูดถึงเรื่อง แตห่อง มิดะ หญ่าดะ แล้วเป็นที่ถกเถียงกันมาในเมืองไทย การอธิบายจะต้องมีความน่าเชื่อถือ มีหลักฐานอ้างอิง มีความเป็นวิชาการ และที่สำคัญต้องมีหลักตรรกะ เพื่อแก้ข้อครหาที่ว่าคนอนุชนไม่ยอมรับการมีอยู่จริงของแตห่อง หรือสานสาวกอด ผมจึงได้ไปประเทศจีน พม่า ลาว เพื่อตามหาในเรื่องราวเหล่านี้ มีการอ้างอิงบุคคล สถานที่ ( หนังสือเล่มนี้กำลังจะเขียนเสร็จอีกไม่นาน ) จากการศึกษาเพื่อการเปรียบเทียบ ปรากฏว่าในเมืองจีน พม่า ลาว ไม่พบประวัติทั้งงานเขียน และในวิถีชีวิตทั้งที่เกี่ยวกับ ลานสาวกอด คาจีรดะ คาจีหมีดะ หรือประเด็นอื่นๆที่คนอ่าข่าในเมืองไทยไม่ยอมรับ และน่าแปลกอย่างยิ่งสิ่งเหล่านี้พบแค่เมืองไทยในแง่ตำราที่คนไทยเขียน แต่คนฝรั่งเขียนก็ไม่พบ ทั้งๆ ฝรั่งขึ้นไปเขียนเรื่องราวคนอ่าข่าในเมืองไทยก่อนคนไทยบางคนด้วยซ้ำไป

จึงมีคำถามมากมายว่า ความจริงๆคืออะไร ? ทำไมถึงเขียนอย่างนั้น เขียนหรือถ่ายทอดอย่างนั้นเพื่อนอันใด มีอคติหรือไม่ คำถามเหล่านี้ล้วนแต่เป็นที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามคนชนเผ่าอ่าข่าในฐานะเข้าของวัฒนธรรม ซึ่งต้องรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องราวของเขา ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่จริง และเป็นเท็จ และขณะเดียวกันหลายสิ่งก็ยอมรับว่าเป็นจริงดังในหนังสือหรือสื่อเผยแพร่ออก มาถึงแม้ว่าโดยภาพรวมแล้วมีผลประทบต่อคนอ่าข่าก็ตาม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมจึงอยากให้ทำความเข้าใจใหม่ว่าในวิถีชีวิตของคนอ่าข่าทั้งในประเทศจีน พม่า ลาว และเมืองไทย ที่มีประชากรคนอ่าข่า หรือ ฮัน หนี่ จู๋ 2 ล้านกว่าคน ยอมรับว่ามี แต ห่อง หรือ ลานวัฒนธรรม แต่ขอปฏิเสธการมีอยู่จริงของ ลานสาวกอด คาจีระดะ คาจีหมีดะ เพราะนั้นเป็นตำนานเท็จที่บางคนสร้างขึ้นมาเพื่อให้ชนเผ่าอ่าข่าเป็นคนแปลกในสังคมไทย


credit: //www.jaranmanopetch.com/board/thread/315



Create Date : 24 เมษายน 2552
Last Update : 24 เมษายน 2552 20:33:48 น. 11 comments
Counter : 5572 Pageviews.

 
นี่เอาเวลาทำงานมาแต่งบลีอกเป่าเนี่ย...

จะไปฟ้องเจ้านาย...........อิ อิ


โดย: Minora วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:15:05:16 น.  

 
เห็นใจคะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้รู้ความจริง


โดย: Sugar IP: 124.157.249.40 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:08:39 น.  

 
แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบไอ้เรื่องบาบอพวกนี้


โดย: diyurilode8 IP: 119.46.176.222 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:32:39 น.  

 
ความจริงคำว่ามิดะแปลว่าผู้หญิงสาวเฉยๆไม่ใช่ต้องมาสอนเรื่องกลกามอะไรพวกนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงเลย ปัจจุบันก็ไม่มี ไปถามเขาสมัยก่อนก็ไม่มี คนที่เชื่อโดยไม่มีการพิสูจน์ให้รู้จริงด้วยตัวเองซะก่อนนั้นไม่ฉลาดเลย ขนาดไปถาม คนอาข่า คนอีก้อว่า รู้จักลานสาวกอดไม๊เขาบอกไม่รู้จัก คงเป็นเรื่องเล่าตีสีใส่ไข่กันมานานมากจนเพี้ยนไปหมดน่าเห็นใจเขาจริงๆตอนนี้บ้านเขาเจริญกันหมดแล้วลูกหลานบางคนจบด๊อกเตอร์ยังมีเลยจะบอกให้


โดย: กิตติราช IP: 124.120.40.197 วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:16:12 น.  

 
คนที่เขียนข้อมูลเหล่านี้ขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2493เป็นนักมานุษยวิทยา และ เขียนในแนวสารคดี เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีผู้นับหน้าถือตา ถ้าจำไม่ผิด เคยเป็น สส.เชียงรายถึง 4 สมัย หากว่าเขียนผิดไป ทำไมไม่แย้งมาตั้งนานแล้ว และ การจะเขียนสารคดี ไม่ใช่การเขียนนิยาย ต้องอิงความจริงแทบจะ 100% อีกอย่างคนที่แต่งเพลงโดยอิงข้อมูลเหล่านี้ เพลงก็ยังเป็นเพลงที่ฟังแล้วไพเราะ ทำให้คนพื้นราบอยากรู้จักชาวดอย น้ำเสียงที่ร้องก็ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยาม ทำนองเพลงก็งดงาม


โดย: focusต่างมุม IP: 101.109.23.241 วันที่: 8 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:44:18 น.  

 
ส่วนตัวเรา เราคิดว่าข้อมูงน่าจะอิงมาจากความจริงนะคะ ... แล้วก็นึกสลดใจกับตำแหน่งนี้จริงๆค่ะ


โดย: KEt-RhI วันที่: 17 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:57:55 น.  

 
แล้วอันไหนมันถุกล่ะ


โดย: diyurilode8 IP: 119.46.176.222 วันที่: 24 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:22:23 น.  

 
ก็ยังไม่มีใครรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ดีขนาเรื่องแค่นี้ยังเพี้ยน แล้วทำไมเรื่องอื่นจะเพี้ยนไม่ได้


โดย: diyurilode8 IP: 119.46.176.222 วันที่: 24 พฤษภาคม 2554 เวลา:7:25:00 น.  

 
บอกตรง ๆว่า ได้ยินเพลงนี้แล้วน้ำตาจะไหลทุกครั้ง เพราะความสงสารในชะตากรรมของมิดะ รวมทั้งความรู้สึกเศร้าปนกับความหวาดกลัวในประเพณีที่ว่านี้ แต่พออ่านแล้วก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่เป็นความจริง ขอให้เพื่อนมนุษย์ทุกรูปทุกนามจงอยู่ร่วมกันโดยสงบและสันติ อย่าได้มีการกดขี่ข่มเหงกันต่อไปเลย


โดย: ป้าอ้วน IP: 122.155.36.198 วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:12:19:10 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ


โดย: sumana IP: 125.24.255.70 วันที่: 1 มิถุนายน 2556 เวลา:21:42:49 น.  

 
ดีใจจังที่รู้ความจริง ขอบคุณครับ


โดย: say IP: 110.77.217.140 วันที่: 22 กันยายน 2556 เวลา:19:33:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KEt-RhI
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชีวิตสาวน้อยหนึ่งนาง ผู้ซึ่งมีความสุขกับชีวิตธรรมดาของ she อารมณ์ดีมีความรักให้กับคนรอบข้าง มองโลกในแง่ดีแต่บางทีsheก็แอบร้าย -*-

ปัจจุบันพยายามหาหลักและจุดยืนให้กับชีวิตตัวเองอยู่ อยากค้นพบตัวตนและสร้างแรงบันดาลใจดีๆให้กับตัวเองอีกครั้ง


~ทั้งบล๊อกคือเรื่องราวความเป็นตัวตนบอกเล่าความสนใจและความรู้สึกต่างๆบันทึกผ่านโลกไซเบอร์เนื่องด้วยขี้เกียจจับปากกา สาระพัฒนาปัญญาอาจไม่มีมากเน้นความรู้สึกสนองอารมณ์ส่วนตัวเพียวๆ~ คริๆ
.....Enjoy visiting my page ka!!..... ~People visiting my blog~
Google
Friends' blogs
[Add KEt-RhI's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.