Anchorage Alaska มุ่งสู่ Summit Lake to Delta to Fairbanks

Anchorage เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด เจริญที่สุด และมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดของรัฐอลาสก้า  และยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกด้วย ที่นี่จะเป็นสนามบินนานาชาติที่มีเครื่องบินขึ้นลง อีกทั้งในวันที่ท้องฟ้าสดใส คุณจะสามารถมองเห็นยอดเขา Mt.McKinley ได้อย่างชัดเจน

สภาพเมืองทั่วๆ ไป Anchorage เป็นเมืองใหญ่มีความเจริญที่สุด มีศูนย์การค้าใหญ่ๆ ย่านช้อปปิ้ง สถานที่แสดงศิลปะ ความบันเทิง อีกทั้งยังมีสถานที่สำคัญมากมาย เรียกว่าเป็นจุดเศรษฐกิจของรัฐอลาสก้าก็ว่าได้ ที่นี่จึงเป็นที่ใฝ่ฝันของบรรดาหญิงสาวชาวอลาสก้าที่จะเดินทางเข้ามาทำงานและเรียนต่อ ถ้าจะเทียบไปก็คงเปรียบเสมือนกรุงเทพฯ บ้านเรานะค่ะ แต่ไม่วุ่นวายเท่ากับบ้านเรา

สภาพอากาศโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้จะเป็นเมืองที่มีผู้คนหนาแน่น แต่สภาพอากาศสดชื่น ปลอดโปร่ง อากาศดีไร้มลพิษ อีกทั้งยังมีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย มีสัตว์ป่าประเภทออกมาให้เห็นรอบนอกของตัวเมืองบ้างในบางครั้ง

ถนนสายหลักที่เดินทางสู่เมืองแองกริช จาก Seward to Anchorage หรือ Homer to Anchorage นั้น จะทอดยาวเลียบผ่านทะเลกว้างใหญ่ ซึ่งบางครั้งเราจะสามารถมองเห็นปลาวาฬหลังค่อมมาพ่นน้ำ อวดสะบัดหางให้ชมกัน ส่วนอีกฝั่งที่เป็นภูเขานั้น ก็ยังมี Goast (แพะภูเขา) ออกมาอวดโฉมกินหญ้าในบางครั้ง (ถ้าคุณโชคดี) และบางครั้งยังมีสัตว์ป่าประเภท Moose (กวางมูส) และ หมีสีน้ำตาล โผล่มาให้เห็นอีกด้วยยยยย ส่วนถนนสาย Fairbanks to Anchorage นั้นจะมีวิวของ Mt.McKinley ให้ได้ยลกัน ส่วนถนนสาย Delta to Anchorage นั้นจะได้ยลวิวภูเขา Alaska Range and Pipeline จ้า

ช่วงท่องเที่ยวที่ดีที่สุดคือช่วง Spring-Summer ตั้งแต่เดือน พค.ถึง สค. จะเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด มีแสงแดด มองเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืน

ในวันที่ 4 ก.ค.55 หลังจากที่เราสองสามีภรรยาได้เดินทางไปส่องหมีอลาสก้าเรียบร้อย กลับเข้าเมือง Homer ตอนเที่ยงกว่าๆ ก็จัดแจงขนของขึ้นรถ แล้วออกเดินทางมุ่งสู่เมือง Anchorage เพื่อพบกับญาติ เราเดินทางมาถึงที่นี่เอาตอนเกือบๆ ห้าทุ่ม ก่อนที่จะยัดหัวกับไส้เข้าไปพักที่ รร. แห่งหนึ่ง จากนั้น

เช้าวันที่ 5 ก.ค.55 ตื่นนอนตอนเที่ยง สามีก็พาออกตระเวนชมเมือง พร้อมที่สามีชวนไปช้อปปิ้งที่ห้างใหญ่ กรี๊ดดดดด ดีจาย ว่าแล้วจัดแจงนำเงินใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมออกเดินทาง จอดรถ หยอดเหรียญ ก้าวเท้าเข้าสู่ห้าง ความอุ่นจากฮีตเตอร์ช่วยให้คลายหนาวได้เยอะ ทันทีที่เข้าไปถึงห้างก็ตรงดิ่งไปยังแว่นตาแบรนด์ดัง Gucci ยังไม่ทันได้เลือกให้สะจายยยยยย ก็มีเสียงของคนข้างกายดังขึ้น    

"30 min baby for shopping" อ้าว อ้าว อิอ้วนไหงพูดงี้ฟะ ให้ตรูมาช้อปปิ้ง แต่ให้เวลาแค่ 30 นาที ตดยังไม่ทันหายเหม็นตรูจะได้อะไรไหมเนี่ย และก็จริงดังคาด ยังส่องแว่นตาได้ไม่ถึงสองอันก็มีอันต้องโดนลากออกจากห้าง เพราะถึงเวลานัดหมายต้องไปทานข้าว สังสรรค์ กรรม กรรมเจงๆๆๆๆๆ เอาเข้าไป แต่ก็ยังดีที่มีคำปลอบใจจากสามี "อย่าเครียดน่าที่อเมริกาถูกกว่าเยอะไปช้อปที่นั่นก็ได้" เออเนาะ รอก็ได้ ช้าๆๆๆ ได้พร้าเล่มงาม

หลังจากที่ทานข้าวกันเรียบร้อย แทนที่จะพากันพักต่ออีกสักวัน แต่คุณชายไม่อยากเสียเวลาที่จะเดินทางให้ไปทันชมปลาแซลม่อนในตอนเช้ามืด เพราะต้องนั่งรถถึง 12 ชม. เราทั้งคู่จึงออกเดินทางออกจากเมืองแองกริตในเวลา 19.00 น. เฮ้อ ทัวร์กลางคืน

ถนนเลียบทะเลกว้างใหญ่

วันนั้นโชคดีเจอหมีสีน้ำตาลลงมาริมเขาข้างถนน ซึ่งผู้คนแถวนั้นบอกว่าไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก

ข้าวเหนียวอินเตอร์