Mt.McKinley-Alaska มุ่งสู่ยอดเขาแมคคินลีย์

Mt.McKinley ยอดเขาแมคคินลีย์ วันที่ 29 มิ.ย.2555

 

        หลังจากที่ดิฉันและสามีกลับออกมาจากอุทยานแห่งชาติเดลานี สามีก็เกิดความคิดอยากจะขึ้นไปบนยอดเขาแมคคินลีย์ ทั้งๆ ที่ตอนแรกบอกว่าราคาแพง ไม่มอง ไม่สน เชอะ แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจหลังจากที่ได้ยินชาวต่างชาติคุยกันว่าบนอยอดเขานั้นงามง๊ามงาม ถ้าได้ยลซักครั้งจะไม่เสียชาติเกิด เอาละสิ คราวนี้อิอ้วน เอ้ย คุณสามีเลยเกิดไอเดียบรรเจิด ในตอนที่นั่งรถกลับเต็นท์ พ่อก็ล้วง ควัก เปิดโบว์ชัวร์ก่อนจะรัวภาษาอังกฤษ โทรแล้วโทรอีก สุดท้ายจึงหันมาบอกภรรเมีย

 

“ที่รัก พรุ่งนี้เราจะขึ้นเขาแมคคินลีย์กัน”

 

เอ๋อสิค่ะ แต่เอาไงเอากัน ซึ่งบทสรุปไปตกอยู่ที่ Talkeetna Air Taxi ซึ่งอยู่เมือง Talkeetna ห่างออกไปจากเดนาลี เหตุผลก็คือค่าตั๋วถูกกว่าที่อื่น อีกทั้งยังเป็นทางผ่านที่จะเดินทางต่อไปที่ เมือง Seward ในวันถัดไปอีกด้วย เพราะเฮียแกจะไปตกปลาที่นั่น ถ้าจองที่เดนาลี ค่าตั๋ว $1,200 แต่ถ้าไปขึ้นที่ Talkeetna นั้นถูกกว่ามากมาย เหลือเพียง $900 เท่านั้น (ตรงไหนถูกย่ะ) แต่ตามที่ดิฉันคิด ที่เดนาลีแพงกว่าที่อื่นนั่นคงจะเป็นเพราะเป็นจุดรวมการท่องเที่ยว พอคนมาเที่ยวที่อุทยาน ล่องแก่ง เดินป่าแล้ว ก็จะถือโอกาสขึ้นเขากันเลย เรียกว่าบริการทุกระดับประทับใจไม่ต้องไปไกลให้เมื่อยน่อง

 

มาต่อที่ดิฉันกับสามี หลังจากที่โทรจองตั๋วเรียบร้อย เราทั้งคู่ก็กลับไปที่เต็นท์ ทำการรื้อ ถอน เก็บ กวาด ก่อนที่จะขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าสู่เมือง Talkeetna ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 6 ชม. (รวมหลงทางเรียบร้อยแล้ว) คืนนั้นเราพักกันที่โรงแรมนอกตัวเมืองเพื่อชมวิวของภูเขาแมคคินลีย์ ที่ทางโรงแรมบรรยายสรรพคุณสุดเริ่ดหรูว่าวิวที่ห้องพักนั้น จะมองเห็นยอดเขางามกว่าใครในหล้า แหมมันก็ท่าจะจริงท่าวันนั้นอากาศดีนะค่ะ แต่เผอิญว่าวันที่ดิฉันกับสามีไปนั้น ฝนตกปรอยๆๆๆ เมฆหมอกเต็มไปหมด จึงได้อดชมภาพภูเขางามๆ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ได้ชมภาพเมฆลอยผ่านภูเขาแทนละวะ คิดบวก คิดบวก    

 

 

Mt.McKinley เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน Denali แล้ว มักจะไม่พลาดกับการขึ้นสู่ยอด Mt.McKinley ซึ่งที่นี่จะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะขึ้นเครื่องบินชมวิวและลงจอดที่ยอดเขา การขึ้นไปปีน Glacier การขึ้นตั้งแคมป์พักแรมบนยอดเขา การขับรถลุยหิมะ ซึ่งการซึ่งการเดินทางขึ้นไปที่ยอด Mt.McKinley นั้น สามารถเดินทางขึ้นไปได้ทางเดียวคือเครื่องบินเล็ก ซึ่งจะมีจุดให้บริการหลายที่ ซึ่งราคาก็จะแตกต่างไปตามสถานที่และบริษัทฯ

 

การทัวร์จะต้องจองตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโทรจอง เพราะหากคุณเกิดคึกไปจองหน้าเคาท์เตอร์อาจจะต้องเสียเวลาเปล่าเพราะตั๋วเต็ม อีกทั้งถ้าหากสภาพอากาศท้องฟ้าไม่ปลอดโปร่ง เครื่องบินก็จะไม่ออกบินเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ เค้าบอกว่ามันไม่คุ้ม แหม๊เป็นพี่ไทยหน่อยไม่ได้เรื่องปลอดภัยไม่ห่วง ห่วงไม่ได้ตังค์ อุ๊บ และการเดินทางขึ้นไปชมยอดเขานี้จะเดินทางด้วยเครื่องบินเล็กที่บรรจุผู้โดยสารได้ไม่เกิน 12 คนรวมคนขับ อีกทั้งยังต้องจำกัดน้ำหนักด้วย เพราะตอนที่จองตั๋วนั้น เจ้าหน้าที่จะถามว่า “สูงเท่าไร น้ำหนักเท่าไร” และห้ามนำสิ่งของที่เกินความจำเป็นขึ้นไปบนเครื่อง โปรแกรมบินคือ 4 ชม. แต่คุณเชื่อไหมค่ะ ว่าได้ Landing หรือพูดง่ายๆ เอาเท้างามๆ ไปเหยียบหิมะบนยอดเขา ถ่ายรูปเล่นน้ำแข็งดี๊ด๊าได้มากสุดก็แค่ 20 นาทีเท่านั้น

 

อ้าว แล้วอีก 3.40 ชม. หายไปไหน???? สงสัยกันละสิ คำตอบคือ เวลาที่เหลือก็เริ่มตั้งแต่เตรียมตัว ขึ้นเครื่อง ออกทะยานขึ้นฟ้า บินข้ามป่าข้ามเมือง แม่น้ำลำธารกว่าจะไปถึงยอดเขาก็ราวๆ ชม. กว่าๆ แล้วก็วนเวียนให้ได้ยลความงามของภูเขาเต็มที่ ก่อนที่จะลงจอด 20 นาทีแล้วตีตั๋วกลับ เบ็ดเสร็จก็ 4 ชม.พอดี๊พอดี เพราะเค้าตรงเวลามาก

 

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมก็กล้องวีดีโอ กล้องถ่ายรูป เสื้อกันหนาว แว่นกันแดดเพราะถึงจะขึ้นบนเขาอากาศหนาว แต่บนยอดเขานั้นอยู่เหนือก้อนเมฆและอยู่ใกล้ดวงตะวันเต็มที่ ถึงแม้แสงตะวันจะไม่ร้อนแรง แต่ความสว่างจ้าของแสงตะวัน+หิมะ+น้ำแข็งที่ขาวโพลน มันบาดตายิ่งนัก และที่สำคัญอย่ากระแดะใส่ส้นสูงไปเชียว เพราะคุณไม่ได้ไปเดินแคทวอคแต่ไปเหยียบย่ำบนพื้นหิมะ ที่เวลาเดินแต่ละทีเท้าคุณจะจมไปจนมิด ที่สำคัญเค้าจะมีรองเท้าบูทสูงประมาณเข่าให้สวม เพื่อไม่ให้น้ำแข็งเข้าไปในรองเท้า ทำให้เกิดอาการหนาวเย็น อีกทั้งยังสะดวกในการตะลุยเดินชมวิวและกลิ้งเกลือกสัมผัสไปกับน้ำแข็ง กรี๊ดดดดดดดดดดด

ราคาค่าเสียหาย $745 ต่อคน 4 ชม.

 

วันที่ 29 มิ.ย.2555 หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยในตอนเช้าเราก็เดินทางไปตัวเมือง Talkeetna ซึ่งที่นี่นอกจากจะมีสนามบินเล็กสำหรับทัวร์ยอดเขาแมคคินลีย์แล้ว ยังมีสถานีรถไฟ Alaska Railroad อีกด้วย (ทัวร์ชมเมืองจาก Anchorage to Fairbank โดยรถไฟ) วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใสหลังจากฝนตกหนักมาสองวัน ทำให้มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่เพื่อรอขึ้นรถไฟท่องเที่ยว และรอขึ้นเครื่องบินชมยอดเขาจำนวนมาก เรียกว่าเศรษฐกิจรุ่งพุ่งแรง และวันนั้นดิฉันยังมีโอกาสได้พบกับคนไทยอีกสองคน ที่มาเปิดร้านอาหารอยู่ที่นั่น ซึ่งหลังจากทักทายกันพอสมควรทำให้รู้ว่าเธอทั้งสองมาอาศัยอยู่ที่เมืองหิมะนี้ได้เกือบ 18 ปีแล้ว ว้าวววววว  

 

ดิฉันและสามีไปถึงสนามบินตามเวลานัดหมาย 8.00 น.เป็นไฟล์แรกของการขึ้นเขาวันนั้น มีผู้โดยสารทั้งหมด 12 คน โดยคนขับเครื่องบินจะทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางไปในตัว ตำแหน่งที่นั่งภายในเครื่องบินทุกที่นั่งจะนั่งติดหน้าต่างที่ผ่านการขัดเช็ดอย่างเงางาม มันวับ เพื่อการถ่ายรูปที่สวยงาม หลังจากที่ขึ้นเครื่อง รัดเข็มขัดเรียบร้อย สวมหูฟัง สามีก็ยังหน้าทะเล้นหันมาถาม

 

“Are you ready????” เย้ มาถึงขั้นนี้เป็นไงเป็นกันละท่านจ๋า จากนั้นก็เหินฟ้าสู่จุดหมายปลายทาง

 

        ฟิ้ว....อากาศในวันที่ 29 มิย. ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุม ครึ้มไปหมด เพราะในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า ซึ่งหากสภาพอากาศแย่ทางบริษัทฯ ทัวร์จะไม่นำเครื่องขึ้นโดยเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย มาต่อกันที่สภาพท้องฟ้ากันค่ะ เพราะถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะมีเมฆมืดครึ้มในช่วงแรก แต่เมื่อเครื่องบินเริ่มบินในระดับเหนือก้อนเมฆ ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งสดใส มองเห็นเมฆลอยล่องตัดกับยอดเขาสีเขียวงดงามเหมือนกับภาพวาด และภาพของยอดเขาที่โผล่เหนือพ้นเมฆลิบๆ ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย นักท่องเที่ยวต่างก็พยายามถ่ายภาพกันอย่างตื่นเต้น ส่วนดิฉันนะเหรอ วุ้ย ถ่ายรูปอย่างเมามัน ถ่ายทุกจุดทุกช็อต ถ่ายมันทุกมุม ถือคติที่ว่า “ถ่ายเป็นร้อยอย่างน้อยต้องมีดีซักภาพ”

 

 

        สำหรับเส้นทางการบิน จะบินขึ้นจาก Takeetna airport อ้อมไปชมยอดเขา Mt.Foraker ก่อนที่จะวนมาผ่านยอดเขา Mt.Hunter และมาจบที่ยอด Mt.McKinley ซึ่งวันนั้นมีกลุ่มนักท่องเที่ยวขึ้นไปตั้งแคมป์และปีนเขาอยู่ด้วย แต่ว่าอยู่คนละฝั่งกับที่ดิฉันนั่งเลยอดได้ภาพงามๆ ฝั่งนั้น เพราะสามีมัวแต่ถ่ายวีดีโอเลยไม่ได้หยิบกล้องถ่ายภาพ ไอ้ครั้นดิฉันจะกระเสือกกระสนไปถ่ายภาพด้านนั้น ก็กลัวเค้าจะถีบลงจากเครื่องซะก่อน เลยอดใจเอาไว้รอถ่ายภาพตอนขากลับก็ได้ (กรรม ลืมไปว่าเค้าบินกลับอีกด้าน)

 

ไม่นานเราก็มองเห็นยอด Mt.McKinley ลอยล่องอยู่กลางท้องฟ้า ความรู้สึกในตอนนั้นมัน..ใช่เลย!!!! เพราะยอดเขาที่โผล่พ้นก้อนเมฆมันให้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แล้วพอมองลงไปที่พื้นดิน จะเห็นหิมะบนยอดเขา บ้างก็ละลายเป็นสายน้ำ บ้างก็ยังจับเป็นแผ่นเหมือนภาพวาด บางพื้นที่ก็มีสีฟ้าของน้ำที่อยู่บนเขาส่องแสงกระทบกับแสงแดดสวยงาม โอ้วววว อู้ววววว ว้าววววว

 

พอไปถึงที่หมาย เครื่องบินก็ร่อนลงจอด โดยใช้พื้นที่ของยอดเขากว้างๆ นั่นแหละเป็นรันเวย์ จากนั้นไกด์จะลงเครื่องสำรวจความเรียบร้อยเป็นคนแรก ว่าถ้าปล่อยนักท่องเที่ยวลงมาจะไม่ตกหลุมอากาศซะก่อน หุหุหุ จากนั้นก็ให้สัญญาณให้นักท่องเที่ยวได้ลงจากเครื่องบิน ออกเดินย่ำหิมะ สัมผัสบรรยากาศของยอดเขา ความเย็นของอากาศ และภาพวิวงามๆ รอบๆ ตัว ซึ่งตรงนี้เราจะได้ใช้เวลาทั้งหมดแค่ 20 นาที ก่อนที่เครื่องบินลำอื่นจะลงจอด (จะไม่มีการจอดเครื่องบินซ้อนกันเด็ดขาด)  

 

 

 

หลังจากที่เท้าแตะพื้นหิมะ ดิฉันก็เริ่มกดชัตเตอร์ถ่ายทุกกระเบียดนิ้ว รวมทั้งพระอาทิตย์ที่เห็นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ว่ากลับไม่มีความร้อนเลย หนำซ้ำอากาศบนยอดเขายังหนาวเย็นอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังกระดี๊กระด๊าแอบกินน้ำแข็งด้วย หุหุหุ รสชาติก็คือน้ำแข็ง เย็นเหมือนน้ำแข็ง สรุปมันก็คือน้ำแข็งนั่นแหละนะ สักพักสามีก็เรียกให้ไปทำรูปผีเสื้อ ซึ่งการทำรูปผีเสื้อคือภาพสุดฮิตของยอดเขา ด้วยการนอนหงายลงกับพื้น แล้ววาดขาวาดแขนขึ้นลง จากนั้นจะได้รูปผีเสื้องดงาม วุ้ย ดิฉันก็เห่อทำกับเค้าด้วย ทางไกด์เล่าให้ฟังว่าบางครั้งก็มีคู่รักขึ้นมาจัดงานแต่งงานข้างบนนี้ด้วย ว้าว เริ่ด แต่ดิฉันสิเริ่ดกว่า เพราะหอบบิกินี่สีส้มแปร๊ดขึ้นไปแร่ดท้าความหนาวตัดสีสันกับหิมะสีขาว บรื้ออออออ หนาว พร้อมกับถ่ายภาพกับหนังสือไว้เป็นที่ระทึก อิอิ

 

 

กลุ่มของดิฉันได้ทันที่จะเห็นภาพประทับใจของเห็นหิมะร่วงจากยอดเขาเล็กน้อย แต่เสียงตอนที่หิมะร่วงลงมานั้นกลับสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าเสียง...เสียงยางรถระเบิด เพราะมันดังสนั่นมาก ก่อนที่หิมะจะร่วงกราวจากยอดเขา (ถ่ายรูปไม่ทัน) และทันทีที่เครื่องบินลำถัดไปลงมาจอด ก็ถึงเวลาที่เครื่องของเราต้องออกเดินทางกลับ ซึ่งการบินกลับนั้นจะไม่บินกลับทางเดิมแต่จะไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเราจะได้เห็น The Great Gorge and Ruth Glacier ก่อนที่จะบินกลับสู่สนามบิน Takeetna

 

        มันเป็นความประทับใจที่ยากจะลืมเลือนกับครั้งหนึ่งในชีวิตของการพิชิตยอดเขา และยังได้ของแถมเป็นไข้หวัดกลับมาอีกด้วย 5555+ แต่ยังค่ะ ยังไม่จบ เพราะหลังจากที่เดินทางลงจากยอดเขาแล้ว เราทั้งคู่ก็ขับรถมุ่งสู่เมือง Seward เพื่อที่จะไปล่องเรือครูซชมสัตว์น้ำทะเลที่ Kenai Fjords National Park และชมน้ำแข็ง Glacier กลางท้องทะเลกัน

เข้าชมภาพทั้งหมดได้ที่อัลบั้ม

//www.facebook.com/#!/media/set/?set=a.317305511699901.70235.100002613656797&type=3

 

ข้าวเหนียวอินเตอร์

 




Create Date : 15 สิงหาคม 2555
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 19:16:47 น.
Counter : 3073 Pageviews.

3 comments
  
สวัสดีครับ
ไม่เห็นมีภาพบิกีนี่สีส้มเลย
โดย: จิรโรจน์ วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:12:59:33 น.
  
แหมน๊ะค่ะอิจฉาน้องข้าวเหนียวอินเตอร์ที่ได้ไปเป็นนางฟ้าบนยอดเขาสูงจริงๆค่ะแถมยังเอาภาพมาให้ยลโฉมความสวยของภูเขา..สวยมากๆ..แต่เอ่อ..ถ้าจะหนาวน๊ะค่ะกับบิกินี่สี้มเนี่ย..อิอิ
โดย: nat IP: 70.161.95.194 วันที่: 24 สิงหาคม 2555 เวลา:18:32:09 น.
  
55555+ คุณ จิรโรจน์ คุณ nat บิกินี่สีส้มนี่ เอาไว้ดูเองค่ะ กล้าถ่ายแต่บ่อกล้าโชว์ หุหุหุ

คุณ nat เอ่อ หนาวค่ะหนาว แต่ว่าเพื่อเงิน $2,000 เราทำได้ทุกอย่าง 55555+ แถมตั๋วเครื่องบินฟรีอีก 1 ทริป หหุหุ ไม่ได้งกนะค่ะ จริ๊งจริง
โดย: ข้าวเหนียวอินเตอร์ (LadyinterCrazyClub ) วันที่: 29 สิงหาคม 2555 เวลา:4:27:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LadyinterCrazyClub
Location :
Dubai   United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



...ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด...
ไม่ว่าการลอกเลียน ดัดแปลง ตัดทอนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใด ทั้งข้อความ รูปภาพใดๆ ใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งในการเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยทั้งนี้เจ้าของบล็อก จะดำเนินการตามคดี ที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
*****ขอบคุณค่ะ******
สิงหาคม 2555

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
18
19
20
21
22
25
26
27
28
29
30
31