Bloggang.com : เข็มขัดสั้น : 10(+5) เพลงที่เป็นที่สุดในรอบครึ่งปี 2012 (Jul

10(+5) เพลงที่เป็นที่สุดในรอบครึ่งปี 2012 (Jul - Dec) ของเข็มขัดสั้น

ครบปีแล้วก็ได้เวลาของการเปิดกรุเพลงที่เป็นที่สุดในรอบครึ่งปี 2012 ตั้งแต่เดือน ก.ค. ถึง ธ.ค. ที่ผ่านมาของเข็มขัดสั้นเช่นเคยครับ ซึ่งแน่นอนว่าเพลงเหล่านี้กว่าจะเลือกมาได้ลำบากแสนเข็ญมาก เพราะว่าในช่วงปีที่ผ่านมาศิลปินต่างๆ ก็ปล่อยของกันได้เต็มเหนี่ยวจริงๆ และถือเป็นอีกปีที่เพลงส่วนใหญ่ที่ออกมานั้นไม่ทำให้ผิดหวังเลย

ดังนั้น เมื่อรักพี่เสียดายน้องจนเลือกที่สุดมาได้แล้ว จึงขอเข้าสู่การ Review เพื่อแนะนำ 10 เพลงที่เข็มขัดสั้นคนนี้ปลาบปลื้มและอยากบอกต่อให้ได้ฟังกันเริ่มจาก 5 เพลงที่ขอพ่วงไม่สามารถตัดออกจาก List ได้ก่อนเลย คือ

Marina & the Diamonds – How to Be a Heartbreaker
“ถ้าผู้ชายจะคิดฟันแล้วทิ้งฝ่ายเดียว ขอโทษนะค้า สวยๆ อย่างชั้นก็หักอกพวกแกเก็บแต้มได้ไม่ต่างกัน” เรียกว่าแรดแบบมีระดับและรู้จักทำให้ตัวเองดูเหนือกว่า แถมมากับ Electropop ที่จังหวะชวนแดนซ์แบบกำลังดีแบบเก๋ๆ ก็ได้ใจแล้ว

Carrie Underwood – Blown Away
ท่วงทำนอง Country กับเรื่องราวผ่านเสียงเพลงที่พูดถึงความเก็บกดและเจ็บปวดจากความผิดเพี้ยนของคนเป็นพ่อ รวมถึงต้องการให้ทุกสิ่งที่เลวร้ายโดนพัดพาหายไปให้หมด ถ้าต้องการโลกสวยเชิญเพลงอื่น เพราะเพลงนี้ไม่มีให้แน่นอน

Labrinth ft. Emeli Sande – Beneath Your Beautiful
การเปิดใจสื่อให้เห็นภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ Perfect แต่ก็มีคนที่พร้อมจะรักสิ่งที่คุณเป็น ที่สำคัญแค่ได้ยินท่วงทำนอง RnB Ballad กับการ Duet ที่ไล่เรียงอารมณ์เพลงได้ฉกาจของทั้ง 2 ศิลปิน แค่นี้ก็ฟินแล้ว

Lawson – Standing in the Dark
Pop Rock กับวงหนุ่มๆ หน้าตาดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สำคัญที่ว่าเพลงนี้สื่ออารมณ์แบบหนุ่มระทมทุกข์จากการสูญเสีย ได้แต่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดมองคนรักที่กลายเป็นของคนอื่นได้ชัดเจน ดังนั้น มาหาสาวไทยแถวๆ นี้ อาจช่วยคุณได้

Muse – Madness
วง Rock ขั้นเทพ ที่มาด้วยเอกลักษณ์แบบ Electronic Rock ที่เด็ดดวง แถมได้อารมณ์การง้องอนเท่ห์ๆ “ใช่เฮียมันบ้า แล้วไม่ได้อะไรนักหรอกแต่กลับมาหาหน่อยเถอะ เพราะคนบ้าคนนี้ก็รักเธอนะ” เจ๋งไหมล่ะ?

จบไปแล้วกับ 5 เพลง ที่ขอพ่วงเพิ่มเติม เพราะไม่สามารถตัดออกไปได้จริงๆ และก็ได้เวลาของ 10 เพลงที่เป็นที่สุดในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา โดยทั้ง 10 เพลงนี้ไม่ได้เรียงตามลำดับความชอบแต่ประการใด เพราะทุกเพลงมีความดีงามสมที่ควรจะเป็นและทำให้ชอบเท่าเทียมกันในทุกเพลง ซึ่งถ้าต้องการฟังสามารถกดเล่นที่ Console เพื่อฟังไล่เรียงกันไปตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้ายได้ทันทีครับ

Lana Del Rey – Ride
สาวปากเบินสุดสวยช้ำรักคนนี้ ยังไม่ทิ้งลายของการชอกช้ำระกำใจ เพราะเพลงนี้ปลดปล่อยอารมณ์ของการเป็นสาวขี้เหงาที่ค้นหาชายอันเป็นที่รักที่พร้อมทำให้เธอนั้นมีความสุขและหยุดชีวิตที่โลดแล่นไม่เคยเจอกับคนที่รักจริง ยิ่งดู MV เพลงนี้ยิ่งสื่อตรงจุดมากมาย แม้ว่าจะออกแนวน้องออหรี่คนสวยต้องการความอบอุ่นจากชายหนุ่มสูงวัยไปทั่วก็เถอะ แต่มันเก๋ลากตรงที่เธอสื่ออารมณ์ผ่านเสียงยานคางเหมือนเบื่อหน่ายโลก แต่มันกระแทกเข้ากลางใจว่า "เธอเจ็บปวด เธอต้องการ และเธออยากมีที่พักพิง" ผ่านท่วงทำนอง Baroque Pop ที่ดูอลังการ ลื่นไหล และมีคลาส มันช่าง Mix & Match ที่สุด

Joe McElderry – Here’s What I Believe
จากที่ปลาบปลื้มเจ้า Joe อย่างมากในการฉีกตัวเองออกจากการเป็นแชมป์ที่มาจาก X Factor มาเดินตามเส้นทางที่ถูกที่ควรในแนวเพลง Classic และ Pop Adult Contemporary โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งบารมีเก่าเพราะมีความสามารถสูงอยู่แล้ว ทำให้พอมาเจอเพลง Ballad ที่ดูธรรมดาไม่ได้แตกต่างอะไรจากศิลปินชาวโลกคนอื่นมากมายนักก็เถอะ แต่เพลงนี้สื่อเทคนิคการร้องแพรวพราว พรสวรรค์ด้านเสียงจัดเต็ม ตามด้วยอินเนอร์จับต้องได้กับอารมณ์สุดมือสอยก็ต้องปล่อยไป อย่าเป็นคนรักชั่วคราวแบบนี้อีกเลย มันครบถ้วนทุกอารมณ์ที่เจ็บและปลงตก ที่สำคัญเชียร์เจ้า Joe ตอนแข่ง The X Factor แบบออกตัวแรงตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ดังนั้นชอบเพลงนี้มากแบบไม่แคร์สื่อทันที

Ellie Goulding – Figure 8
เริ่มที่ความหลอน โหยหวน แบบเบาๆ ไล่เรียงจัดระเบียบอารมณ์เพลงให้ค่อยๆ ไต่ระดับกับความเจ็บปวดจนมาพีคกับท่อนฮุคที่บาดลึก เจ็บจี๊ด จนควบคุมตัวเองไม่ให้ทรมานตามเพลงได้ลำบากมาก แล้วก็กระชากกลับมาที่ความเบาอีกครั้ง เหมือนเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ แต่พอไม่ไหวก็ปล่อยความเจ็บกระจายอีกดอกและวนกลับเข้าลูปเดิมนิดนึงจนพีคสุดๆ ในท้ายเพลงที่ให้ความอึดอัด ความเจ็บที่พุ่งทะลุเหมือนเสียงโปรแกรมมิ่งที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาจนแทบจะระเบิด ฟังจบเพลงนี้ให้อารมณ์ทั้งเหนื่อย ทั้งทรมาน ทั้งเจ็บปวดใจที่ยากจะทานทน ทุกสิ่งทุกอย่างในเพลงสอดประสานกันดีมากทั้งแนวดนตรีอย่าง Dubstep และเสียงร้อง+อารมณ์เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นขอยอมเป็นคนซาดิสต์ เจ็บซ้ำซากกับการฟังเพลงนี้วนไปวนมาต่อไป

Lana Del Rey – Summertime Sadness (Album Version)
เพลงนี้ใครฟังจะมี 2 แบบทันที คือ ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย เพราะมันจะยานคางย้ำไปย้ำมาเหมือนจะชวนหลับ แต่บังเอิญดันชอบและหลอนมากกับเพลงนี้ ขอยกดาวทั้งฟ้าให้เธอคนนี้เลย เธอกินขาดจริงๆ กับการเป็นสาวปากเบินสุดสวยช้ำรักที่ปล่อยน้ำเสียงที่เนือย เหนื่อยหน่าย แต่เสน่ห์จัดเต็มทุกดอก ทำให้ค่อยๆ ซึมลึกไปกับความชอกช้ำระกำใจกับการสูญเสียคนรักอย่างไม่มีวันหวนกลับ เหมือนใจตอนนี้มันพร้อมจะตายตามไปรอนๆ กับท่วงทำนอง Sadcore กลั้วความเป็น Trip Hop ที่ไล่เรียงอารมณ์เรื่อยๆ เศร้าสร้อย หลอนลึก เหมือนกำลังเป็นคนไข้ ICU ที่ใจมันไม่มีเหลืออะไรทำให้รอบๆ ตัวนั้นมืดมนลงได้ชัดเจน ฟังจบต้องฟังซ้ำไปซ้ำมาให้หลอนซึมลึกขาดใจไปข้างทุกที ไม่รู้ทำไม

Aiden Grimshaw – Curtain Call
อีกหนึ่งของผลผลิตจากเวที The X Factor ที่พิสูจน์ความสามารถของตัวเองออกมาได้ชัดเจนมาก จากการเป็น Aiden หมูแฮมที่ร้องเพลงไปตัวจะหงิกงอยังกับขับรถชนคนแล้วเส้นยึดทั้งตัวแบบเนียนๆ ซะงั้น ซึ่งดูไปอึดอัดไปแม้เสียงจะดีก็เถอะ แต่พอได้มีโอกาสทำเพลงไอ้ความอึดอัดที่มีที่เคยเห็นได้หายไป มาเป็นความเท่ห์และเก๋ในแบบที่หาตัวจับได้ยาก ยิ่งนำเสนอกับท่วงทำนอง Pop Soul ติดกลิ่น Rock กลั้วเสียงประสานที่หลอนเป็นฉากหลังและเสียงร้องท่อนฮุคของสาว Sherelle (น้องสาวของ Labrinth) ที่ให้อารมณ์ Contrast อย่างมีสไตล์ ตามด้วยอารมณ์เพลงแบบอังกริ๊ด อังกฤษ แต่แฝงไปด้วยความหมายที่บอกถึงการต้องการและปล่อยใจไปกับความรักที่ควรจะเป็น แค่นี้ก็ยิ้มได้กับฝีไม้ลายมือของหนุ่มคนนี้และอยากให้ประสบความสำเร็จมากๆ เลยทีเดียว

Ryan O’Shaughnessy – No Name
เพลงนี้เป็นทั้งเพลงที่แจ้งเกิดหนุ่มคนนี้บนเวที Britain’s Got Talent กับอันดับ 5 ของปี 2012 ที่ผ่านมา กับการแต่งเพลงนี้ถึงสาวเจ้าคนหนึ่งที่กระแทกใจและหลงรักมาก แต่ใจเจ้ากรรม ดันไม่กล้าที่จะสั่งให้บอกกล่าวหรือพูดออกไป ทำให้ต้องออกแนวรักเขาข้างเดียว ซึ่งเพลงนั้นน่ารักมากในแบบเด็กหนุ่มวัยขบเผาะที่มีความรัก รวมถึงเนื้อหาที่พร่ำพรรณนาถึงความรู้สึกที่ซื่อและตรงไปตรงมา มันทำให้เพลงนี้โดนใจแบบมาช้าๆ ค่อยๆ คืบคลานและกินไปทั้งใจในที่สุด ที่สำคัญการคลอเคลียเนื้อหาด้วยทำนองแบบ Acoustic มันยิ่งทำให้เกิดอาการน้อยนิดแต่เริ่มรู้สึกมหาศาลเข้าทุกๆ ครั้งที่ได้ฟัง แค่นี้ก็ Back to Basic อย่างน่าชื่นชมโดยไม่ต้องมีอะไรมาเยอะแยะแย่งซีนแต่ประการใด

Dia Frampton – Walk Away
ถ้าเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมามีเพลงที่ท่วงทำนองแนวชิลล์ๆ แต่เนื้อหาหนักแบบไม่แคร์สื่อกับการสะท้อนสังคมแบบถึงกึ๋นอย่าง Pumped up Kicks ของ Foster the People ที่โดนใจคนฟังทั่วโลกกันมาแล้ว Walk Away จึงเป็นภาคต่อของเพลงนี้ที่ช่วยตอกย้ำการสะท้อนสังคมที่โหดร้ายกับสถาบันครอบครัว ที่กลายเป็นสถานที่อันตรายและทำร้ายเราให้เจียนตายได้มากที่สุด จากเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านปากของเพื่อนของเธอที่เกี่ยวกับรักแรกของเขายามอายุ 11 ปี กับสาวน้อยวัย 9 ขวบที่ถูกผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าข่มขืน ตามด้วยโดนรุมโทรมจากเหล่าเพื่อนของพ่อเธออีกและตอนนี้เธอได้หายไปแล้วไม่สามารถตามตัวได้เจออีก Dia จึงได้เอาแรงบันดาลใจมาแต่งเพลงนี้ให้กับสาวน้อยคนนั้นผ่านท่วงทำนองที่ดูโลกสวย สดใส ชิลล์ๆ จาก Indie Pop ที่เคล้าเสียงผิวปากชิลล์ๆ แต่เนื้อหาเต็มไปด้วยการแก้แค้นผ่านเสียงเพลงที่ในโลกแห่งความจริงไม่สามารถจะกระทำ เปรียบเสมือนเป็นสิ่งที่เธอขอช่วยเหลือและมอบให้เท่าที่เธอพอจะทำให้ได้ แค่นี้ก็ขอยกดาวทั้งฟ้าให้กับเพลงนี้ไปเลย

Fun – Some Nights
เพลงนี้ฟังครั้งแรกนึกว่าจะชวนไปรบ เพราะทำนองฮึกเหิมได้ใจมากมีทั้งจังหวะแบบ Afrobeat ผสมกับการเป็น Power Pop ที่ชวนให้ใจกระตุกเร้าตามท่วงทำนองทุกครั้ง ที่สำคัญเสียงร้องที่เท่ห์ เก๋ แนว และบอกได้ถึงอารมณ์และความหมายของเพลงที่หลากหลายตามแต่การตีความของแต่ละตัวบุคคล เพราะถ้าจะตีความเพลงนี้เป็นเรื่องราวของทหารตาม MV ก็สามารถทำได้ หรือจะตีความเป็นลักษณะของที่มาของวงที่กว่าจะก้าวผ่านการฝ่าฝันบนถนนเส้นทางดนตรีนี้ขึ้นมาได้จนทุกวันนี้ว่ามันยากเย็นแค่ไหน มีเรื่องราวที่ทั้งสุขและทุกข์กับสิ่งที่พบเจอ ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่ล้ำลึกและมีมิติของการเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดชีวิตที่มีการเปรียบเปรยที่ขั้นเทพมากเลยทีเดียว จึงขอยกเป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเพลงนึงของปีนี้และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนฟังที่เข้าใจได้รู้ว่าชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป เพื่อไปถึงจุดมุ่งหมายที่เราต้องการ

Nelly Furtado – Spirit Indestructible
เพราะจิตวิญญาณของคนเรานั้นแข็งแกร่ง และไม่มีทางที่จะถูกทำลาย แม้ว่าอุปสรรคใดๆ จะเข้ามาสู่ชีวิตก็ตาม (ซึ่งไม่นับความอ่อนแอส่วนบุคคล) ซึ่งเพลงนี้ Nelly กับ Rodney Jerkins ได้ร่วมกันแต่งและทำขึ้นมาเพื่ออุทิศให้กับมนุษยชาติ ผ่านการสื่ออารมณ์ที่เข้มแข็ง แม้ว่าเสียงของเธอจะออกแนวแหลมเล็ก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพลงนี้ดูน่ารำคาญ แต่ดันให้ความรู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนึงที่ยืนหยัดสู้แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแทน ยิ่งท่วงทำนองแบบ Urban Pop ที่ใส่ความเป็น Worldbeat และ Electro-dance เข้ามา ทำให้เพลงนี้ยิ่งสร้างความเร้าใจ มันส์ในอารมณ์ และฮึกเหิม ที่สำคัญสิ่งที่ต้องขอซูฮกจริงจังเลย คือ เพลงนี้มีท่วงทำนองในแต่ละช่วงที่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ถือว่าเป็นการเรียบเรียงที่เด็ดขาดบาดจิตจริงๆ ในการทำเพลง และแม้ว่าเพลงนี้จะไม่ได้ดัง แต่ถือว่านี่เป็นอีกหนึ่ง Masterpiece ของ Nelly Furtado ที่ไม่ควรพลาดที่จะได้ฟัง

Girls Aloud – Something New
ถือเป็นวงสาวๆ ที่นำเสนอเพลงได้มีคลาส ให้อารมณ์คุณหญิง คุณนาย ไฮโซ และเก๋ไก๋ลงในเพลงได้เจ๋งจัดๆ มาตลอด (อันนี้เน้นเฉพาะเพลงเร็ว) ซึ่งหลังจากที่พวกเธอพักวงกันไป 3 ปีจนกลับมาปล่อยเพลงนี้ที่บ่งบอกถึงความเป็น Girl Power ที่จัดจ้าน สวย ร้องสลับได้อย่างมีมิติ และชวนแดนซ์ได้เก๋ตามแบบ Signature ของวงที่แทรกซึมอยู่ในทุกช่วงตัวโน้ตของเพลง และแม้ว่าดนตรีแบบนี้จะเริ่มเกร่อและเฝือ แต่ถ้าเบลนด์ออกมาดีๆ ใส่ความ Feminism ที่แตะความรู้สึกได้ง่ายแบบนี้ มันก็ทันสมัยได้ทุกโอกาสแน่นอน ที่สำคัญเจ้าของบล็อกชอบวงนี้มาก ดังนั้น เพลงนี้จึงไม่พลาดที่จะมาอยู่ใน List 10 เพลงที่เป็นที่สุดทันที จบข่าว

ก็เรียบร้อยแล้วครับ สำหรับ 10 (+5) เพลง ถือว่าเป็นที่สุดในรอบครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างที่ยิ่งที่ไม่เจอเพลงที่ฟังแล้วปวดตับจนอยากจะด่าไฟแล่บ และไม่เจอ MV ที่ทำให้ปวดอัณฑะต่อเนื่อง เลยไม่มีมานำเสนอให้ได้รับทราบกัน (เสียดายนะเนี่ย 5555) และที่สำคัญที่สุดเลย คือ

"เพลงที่ผมประทับใจชื่นชอบนั้น ไม่จำเป็นเสมอไปที่คนอื่นจะต้องปลื้มหรือชอบตามนะครับ เพราะนี่คือความเห็นของผมเท่านั้นเอง ถ้าเพลงไหนคุณฟังแล้วเกิดความรู้สึกว่ามันไพเราะและคุณชอบ ก็ถือว่าเพลงนั้นทำหน้าที่ของมันได้ลุล่วงแล้ว แต่ถ้าไม่ชอบหรือเฉยๆ ก็ตามแต่พิจารณาครับ เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และผมยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสมอครับ"

ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือใครก็ตามที่เข้ามาอ่านมีเพลงอะไรที่ชื่นชอบประจำครึ่งปีหลังของปี 2012 ที่ผ่านมานี้ เอามา Share กันได้เลยนะครับ ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ

ขอบคุณมากๆ เลยครับที่เข้ามาเยี่ยมเยียน อ่าน และฟังเพลงใน Blog นี้ ที่สำคัญมากเลย คือ Comment ของคนเข้ามาครับ เพราะมีค่ามากเลยสำหรับผม ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ

Create Date : 12 มกราคม 2556

Last Update : 12 มกราคม 2556 22:24:39 น.

3 comments

Counter : 2982 Pageviews.

Best musical act สำหรับปีนี้ มอบให้ Lana ไปเลยอย่างไม่ต้องสงสัย อิอิ

โดย: Unravel IP: 125.206.236.45 วันที่: 12 มกราคม 2556 เวลา:22:21:39 น.

Aiden Grimshaw – Curtain Call
ยกให้เป็นเพลงบาดทรวงของปีที่แล้วเลยค่ะ ตอนแข่งออกจะรำคาญเสียงและท่าทางหงิกๆงอๆของพี่แกอยู่หรอก แต่พอทำอัลบัมแล้วปลื้มมาก มากกว่าน้องเชอร์ที่เราเชียร์ซะอีก

Lana Del Rey – Summertime Sadness
ฟังแล้วอารมณ์พร้อมโดดหน้าผาตายได้เลย เพลงนางหลายเพลงฟังแล้วเตรียมใจตายยังไงไม่รู้ ชอบนึกภาพฟีลแบบสาวโลลิต้าแต่งชุดดำประมาณนั้นน่ะค่ะ

Girls Aloud – Something New
ตอนเพลงออกกรี๊ดมาก กว่านางทั้งห้าจะกลับมารวมตัวกันได้ แต่ไปๆมาๆฟังแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอฟังได้ หรือว่าเพราะเราหวังมากไปก็ไม่รู้เหมือนกัน

โดย: S-mild

วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:1:12:06 น.

I think this is one of the most vital information for me. And i'm glad reading your article. But should remark on some general things, The web site style is perfect, the articles is really great : D. Good job, cheers
louis vuitton sale //www.boano.com/form/img/nalv.asp

โดย: louis vuitton sale IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 สิงหาคม 2557 เวลา:10:59:03 น.