น้องเขาได้โอกาสเกิดจากการได้ไปแหกปากร้องเพลงอยู่ข้างร้านหนังสือ แถบบ้านเกิด ทำให้แมวมอง ถึงขั้นปลาบปลื้ม ว่าแหม อีหนูนี่มันมั่นว่ะ กล้านัก แถมเท่ห์อย่างบอกไม่ถูก เสียงก็ OK เลยเสนอตัวเป็นคนหางานให้ จนได้มีช่องทางสบโอกาสไปเสนอผลงานให้กลับค่าย Arista Records ผลปรากฎว่า ทางค่ายชื่นชอบในความมั่นใจเกินร้อยของหนู แถมหนูยังเก่งกล้าสามารถในการแต่งเพลงเองอีกด้วย เลยให้โอกาสทำเพลงสู่สายตาประชาชีซะเลย กับอัลบั้มแรกในชีวิต คือ Let go (2001)
Single แรกที่ปล่อยออกมาอย่าง Complicated ทำให้ทั่วโลกต่างแซ่ซ้องสรรเสริญเธอ ว่านี่แหละ ภาพลักษณ์ของเด็กมีสมอง และเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีมาเลียนแบบดารา นักร้องหน้าไหนทั้งสิ้น น้องเขามาในภาพลักษณ์แบบสาว Rock Punk อ่อนๆ ถูกใจวัยสะรุ่นอย่างผมสมัยนั้นมั่กๆ เอาไปเลยอันดับ 2 Billboard Chart แล้วตามด้วย Single ต่างๆ เช่น Sk8er Boi, I’m With You และ Losing Grip ก็ประสบความสำเร็จมากมาย
หลังจากการทำทัวร์ (ที่เล่นคอนเสิร์ตได้ทื่อมาก ไม่มี Entertain เลยอีหนู) มาจนปี 2004 เธอก็ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มที่ 2 Under My Skin ออกมา พร้อมกับ Single ที่ดังๆ ไม่ว่าจะเป็น Don’t Tell Me, My Happy Ending, Nobody’s Home, He Wasn’t และ Fall to Pieces ซึ่งแต่ละเพลงก็ได้รับการตอบรับอย่างดี แต่ไม่เท่าอัลบั้มแรก แม้ท่วงทำนองเพลงจะหนักขึ้นมาหน่อยก็ตาม ทำให้หนูเริ่มรู้ตัวว่า เฮ้ย งานเพลงไม่ค่อย OK ว่ะ ลองไปจับงานอื่นๆ ดูบ้าง ไม่ว่าจะพากษ์หนังการ์ตูน และแต่งงานกับหนุ่มปากเป็ด Deryck Whibley นักร้องนำวง Sum 41 (นี่มันเป็นงานเร๊อะ) ทำให้เธอดูอ่อนโยนลงมั่กๆ ไม่เปรี้ยว ซ่าส์ ก๋ากั่น เหมือนก่อนๆ ป๋าเซ็งนะจ้ะขอบอก
ครั้นมาในปี 2006 หนูได้ฤกษ์มาร้องเพลงอีกรอบกับเพลง Keep Holding on ประกอบภาพยนต์เรื่อง Eragon เท่านั้นแหละ โดนใจอีกแล้ว อัลบั้มที่ 3 เลยพร้อมเกิดขึ้นมา คือ The Best Damn Thing และแล้ว Single เปิดตัวของอัลบั้มล่าสุดก็ได้ออกมาสู่คนฟังแล้วครับ กับเพลงที่ชื่อว่า Girlfriend ครับ