keigolin
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog ของ keigo นะคะ ^^

blog นี้เป็น blog เก่าค่ะ ได้ย้ายบ้านไป thisiskeigo.wordpress.com แล้ว ไปติดตามกันได้ที่นั่นค่ะ ^^
หรือติดตามเพจกันได้ที่ http://www.facebook.com/thisiskeigo
ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ^^
New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add keigolin's blog to your web]
Links
 

 
Still in love, in Japan #3

สวัสดียามดึกอีกแล้วค่าาา~ ช่วงนี้อากาศในกทม.ยังร้อนมากกกกอยู่เลยนะคะ และคนที่รู้จักหลาย ๆ คนก็ตบเท้ากันไปญี่ปุ่นกันเยอะเลยเชียว ..


ความเดิมตอนที่แล้ว :-

ตอนที่แล้ว ทิ้งท้ายกันไว้อยู่ที่ Kobe Tower เนอะ .. จากนั้นเราก็ขึ้นรถบัสกันต่อค่ะ จุดหมายต่อไปคือ China Town จริง ๆ เคโกะว่ามันน่าจะเป็นแค่ China Street เหอะ มีอยู่ซอยเดียวอ่ะค่ะ ^^" แต่ก็เอานะ พอได้บรรยากาศจีน ๆ อยู่ค่ะ

ที่นี่ไม่ได้มีอะไรไฮไลต์มากมายนอกเหนือไปจากของกิน และของกิน .. ซึ่งไหน ๆ ก็มาโกเบเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อโกเบกันแล้ว ลองหาลองดูก็ไม่เสียหลายค่ะ

จัดไป~!



อันนี้เป็นเบอร์เกอร์ยักษ์ที่ร้านเค้าประดับไว้หน้าร้าน ก็จะขายจำพวกเนื้อเป็นหลักค่ะ สเต็กเนื้อ, ข้าวหน้าเนื้อ อะไรก็ว่าไป ส่วนตัวเราสองคนเองก็สั่งสเต็กเนื้อ และข้าวหน้าเนื้ออย่างละที่ในงบถูกสุดค่ะ >.<"

ชามนี้แหละ ข้าวหน้าเนื้อ



แล้วก็สเต็คเนื้อ ออกแนว ๆ เทปัน (tepan) มากกว่านะคะ ฮ่าาา..



ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมใจกลางย่านไชน่าทาวน์เลยค่ะ หาไม่ยากเลย และระหว่างที่เรานั่งชิมเนื้อโกเบอยู่นั้น ร้านข้าง ๆ ขายจำพวกขนมจีบ ซาละเปาค่ะ เคโกะก็เหล่แล้วเหล่อีก จนสุดท้ายสะกิดชวนสามีไปลองเสี่ยวหลงเปากัน

คนขายร้านนี้พูดจีนได้ด้วยนะเออ รู้สึกดีใจมากค่ะ เหมือนได้เจอเพื่อนร่วมชาติ (ฮ่าาาา .. ว่าไปนั่น - -" ) อารมณ์แบบได้เจรจาซื้อของในภาษาที่เราฟังแล้วเข้าใจซะที อะไรประมาณนั้น ^^"

เสี่ยวหลงเปาร้อน ๆ ค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกกก..



อิ่มแล้วก็เดินเล่นดูบรรยากาศไชน่าทาวน์ท่ามกลางสายฝนเบา ๆ และลมหนาวยะเยือกค่ะ



ดื่มด่ำกับบรรยากาศไชน่าทาวน์กันพอสมควรแล้วก็ไปต่อที่อีกจุดหมายถัดไปค่ะ ซึ่งก็คือ ย่าน Kitano หรือ Rhino House ค่ะ ตรงนี้จะมีบ้านทรงยุโรปสวย ๆ หลายหลัง ซึ่งมีค่าเข้าชมด้วย แต่ละหลังก็จะมีราคาที่แตกต่างกัน ถ้าจะเน้นประหยัดก็ซื้อตั๋วเข้าชมคอมโบบ้านหลาย ๆ หลังได้ค่ะ ก็จะประหยัดขึ้นเนอะ

ส่วนตัวเราสองคนแล้ว เลือกที่จะลงมายืนหนาวสั่น (เอ๊ะ เคโกะคนเดียวหรอ ? -- ได้ข่าวว่าเธอเอาเสื้อกันหนาวที่ใส่ในเมืองร้อนมาใส่ในหน้าหนาวของเมืองหนาวนะ Smiley ) เดินเล่นไปเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจไปต่อที่จุดหมายใหม่เลยดีกว่าค่ะ

นั่งรถลูปบัสเช่นเดิม ไปลงที่สถานี Sannomiya (จริง ๆ ก็จะเป็นสถานีหลักแหละ ไปต่อเมืองอื่น ๆ หรือจากเมืองอื่น ๆ มา ถ้าไม่ใช่ JR ก็จะมาที่สถานีนี้ค่ะ) แล้วก็จับรถไฟ Hanshinไปสถานี Mikage จากตรงนี้นั่งรถบัสสาย 16 ไปจนถึงสถานีรถรางขึ้นเขา Rokko ได้เลยค่ะ

และตรงนี้เองที่เคโกะถึงได้รู้ตัวว่า ดิชั้นซื้อพาสมาผิด !!! แอร๊ยยยยย TT_____TT เศร้า + เสียใจมากค่ะ จากที่จะได้ประหยัดค่าเดินทางขึ้นก็มาเสียไปเปล่า ๆ เลยค่ะ

แล้วก็มั่นใจมากขึ้นว่าซื้อพาสมาผิดแน่ ๆ (คุยกับคนขับรถบัสยังไม่ค่อยมั่นใจว่าซื้อผิด ฮาาา) ก็อีตอนที่ไปสอบถามตั๋วรถรางขึ้น-ลง Rokko ค่ะ เสียเวลาตรงนั้นไปเยอะ แล้วก็ต้องยอมรับความจริงที่ปวดร้าวว่า ซื้อพาสมาผิดจริง ๆ - -"

ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่ารถรางเพิ่มค่ะ

ภายในรถรางที่ว่างเปล่า .. แหงล่ะ ฟ้าปิด หมอกจัดซะขนาดนี้ใครเค้าจะขึ้นเขามาดูวิวกันฮึ Smiley



ขึ้นมาจนถึงยอดแล้วก็ขึ้นไปดูวิวบริเวณคาเฟ่เล็ก ๆ ในสถานีค่ะ (จริง ๆ ก็ต้องเดินออกจากสถานีไปนิดหน่อยอ่ะนะ) จากแผนที่ที่หยิบมา ถ้าจะไปที่นั่นที่นี่ต่อก็ต้องเสียตั๋วค่ารถบัสอีก (ซึ่งพาสที่ควรจะซื้อถูกเนี่ย รวมค่ารถบัสตัวนี้ไว้แล้วด้วย) ก็เลยไม่อยากเสียอะไรอีกแล้ว + หนาวมากกกกกกกกกก เลยขอคุณสามีเข้าไปหลบอากาศหนาว ๆ ในคาเฟ่ค่ะ สั่งชา + เค้กเป็นเซ็ทมา 1 เซ็ท



พอมีของหวาน (และไขมัน) ลงสู่ท้อง ก็พอจะสู้กับความหนาวได้อีกรอบ เลยออกไปดูวิว .. เอ๊ะ หรือหมอกดี ?



หมอกลงจัดมาก แทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยค่ะ T.T

แล้วเราก็ตัดสินใจกลับโอซาก้ากัน .. ตรงนี้เนี่ย เคโกะว่า ควรจะแบ่งให้ Rokko ไป 1 วันเต็มเลยน่าจะเหมาะกว่าค่ะ เพราะด้านบนนี่ก็ยังมีอะไรให้เที่ยวชมอีกนะ (หน้าหนาวมีลานสกีด้วยล่ะ .. แอบเสียดาย)

วิธีกลับก็กลับเหมือนเดิมค่ะ นั่งรถรางลงมา ก็วิ่งไปขึ้นสาย 16 ที่จอดรออยู่แล้ว ไปลงที่สถานีรถไฟ Mikage แล้วก็นั่งรถไฟเข้าโอซาก้าก็จะไปถึงสถานี Umeda เหมือนเดิมนะคะ

พอมาถึงโอซาก้าแล้ว ก็มองหาร้านกินข้าวเย็นกันต่อได้อีก เลือกได้มาร้านนึงค่ะ เคโกะก็ค่อนข้างอิ่ม ๆ อยู่ เลยสั่งของกินเล่นมา 1 จาน หน้าตาก็ประมาณนี้ (มีชื่อร้านติดอยู่ด้วยนะคะ เผื่อสนใจไปลองชิมกันดูเนอะ)



ของคุณสามีก็เป็นเซ็ทเนื้อค่ะ



ทั้งสองจานนั้นก็มีรสชาติไม่เลวทีเดียวค่ะ ^^

จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับโรงแรมที่พักค่ะ ก่อนที่จะเดินเข้าโรงแรม ก็แวะแฟมิลี่มาร์ทที่อยู่ตรง exit พอดีเลยน่ะค่ะ ซื้อของกินเล่นเข้าไปนั่งหม่ำต่ออีก >.<"

อันได้แก่ .. โอเด้ง (ไม่เอาน้ำซุป -- กลัวหกเลอะห้องค่ะ)



จริง ๆ เจ้าโอเด้งเนี่ย เคโกะเหล่ไว้ตั้งแต่ทริปที่แล้วแล้วค่ะ แต่สั่งไม่เป็น เลยไม่ได้ชวนคุณสามีทานกันซะที มาทริปนี้ภาษาญี่ปุ่นเคโกะแก่กล้าขึ้น (เหรอ - -") ก็เลยลองจัดดูค่ะ แล้วก็ค้นพบว่า .. มันอร่อยดีนะ ฮ่าาาา

ต่อด้วยซาละเปาไส้แกงกะหรี่ค่ะ ตัวนี้เฉยๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร ไม่ได้อร่อยว้าวมากค่ะ



ตบท้ายด้วยขนมหน้าตาแบบนี้ (ลืมชื่อไปแล้วอ่าาาา) กับโกโก้นมค่ะ -- เหตุผลที่ซื้อขนมหน้าตาแบบนี้มาเพราะอ่านโคนันมาแท้ ๆ เลยค่ะ มีคดีฆาตกรรมอยู่คดีนึงเกี่ยวพันกับเจ้าขนมตัวนี้แหละ ก็เลยซื้อมาชิมมั่ง .. ซะงั้น - -"



ขนมไม่ได้อร่อยมากค่ะ อารมณ์เค้กเนยธรรมดา ๆ อะ ส่วนโกโก้นั้นก็อร่อยได้มาตรฐานญี่ปุ่นอยู่ละ (มาตรฐานนี้เคโกะมโนเอาเองนะคะ ฮ่าๆ)


16-Jan-15
ตื่นเช้ามาก็รีบแต่งตัวลงมาจัดการกับอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ก่อนเลยค่ะ แต่ก็ต้องคอยสะกิดคุณสามีไว้ว่าอย่าทานเยอะ เพราะเดี๋ยวจะพาไปชิมซุชิที่ตลาดปลาตามลายแทงของคุณฟ้า Skybox ณ พันทิปค่ะ .. ขอบคุณมากนะคะ ^^

Pass ที่ใช้ในวันนี้ก็คือ Osaka Amazing Pass 1-day ค่ะ ตัวเดียวอยู่หมัดอ่ะ บอกเลย

วิธีการเดินทางไปร้านซุชิ Endou นั้นเคโกะไม่ได้ก๊อปปี้ลิ้งค์ไว้นะคะ (รบกวนหารีวิวอย่างละเอียดเองละกัน แหะ ๆ) แต่จะบอกไว้คร่าว ๆ ค่ะ คือ นั่งรถไฟไปลงที่สถานี JR Noda หรือ สถานี Tamagawa แล้วเดินย้อนลงทางใต้ประมาณ 700 เมตร เลี้ยวขวาตรงแยกก่อนขึ้นสะพานค่ะ (อย่าเลี้ยวก่อนเป็นอันขาดนะคะ เพราะจะหลง -- เคโกะหลงไปแล้วววววว 555)

อย่างที่บอกค่ะว่าเคโกะหลงทางล่ะ คือ คิดเอาเองว่าไอ้ที่บอกว่าให้เลี้ยวตรงแยกก่อนขึ้นสะพานเนี่ย คือก่อนซักแยกหรือสองแยกค่ะ ไม่ใช่ตรงแยกคอสะพานพอดี ก็เลยเลี้ยวไปก่อน ก็เลยหลงอ่ะ พูดง่าย ๆ

สุดท้ายเดินตามกลิ่น (><) มาโผล่อยู่บริเวณด้านหลัง (น่าจะนะคะ) ของตลาด แล้วก็ไปขอความช่วยเหลือหนุ่มญี่ปุ่นคนนึง เอาตัวภาษาญี่ปุ่นชื่อร้านให้เค้าดูเลยค่ะ มีประโยชน์มาก ๆ เพราะลำพังพูดแค่ชื่อร้าน เค้าไม่เข้าใจหรืออาจจะนึกไม่ออกค่ะ พอเห็นชื่อภาษาญี่ปุ่นปุ๊บ เค้าก็หันไปถามรปภ.แถว ๆ นั้น แล้วก็อาสาพาพวกเราไปส่งค่ะ ประทับใจอีกแล้ว ^____^

หน้าร้านค่ะ พวกเราตื่นเต้นดีใจว่าเจอร้านแล้ว พอหันมาอีกทีคุณญี่ปุ่นใจดีที่นำทางมาส่งก็หายวับไปซะแล้ว เดินเร็วมาก ๆ - -"



เข้าไปในร้าน พนง.ต้อนรับก็จะจัดที่ให้เรานั่ง ได้ที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าเชฟเลยค่ะ ได้เห็นเค้าปั้นกันสด ๆ เลยอะ จากนั้นพนง.ก็จะเอาเมนูมาให้ค่ะ สำหรับคนต่างชาติก็จะเป็นเมนูหน้าเดียวแบบนี้แหละ เลือกเอาว่าเซ็ทไหนก็บอกเค้าไปค่ะ



ในเมนูไม่มีราคาบอกนะคะ แต่เท่าที่จำได้ ก็เฉลี่ยเซ็ทละประมาณพันเยนอะค่ะ วันนั้นเนี่ย ถ้าจำไม่ผิด น่าจะจัดไปสามเซ็ท ล้มละลายกันไป แต่รสชาตินั้นคุ้มค่าคุ้มราคา อร่อยมาก ๆ ค่ะ

หน้าตาซุชิบางจานที่สั่งไปนะคะ



อันนี้หอยเม่นล่ะค่ะ ไม่คาวนะ อร่อยมากกกกก



ล้มละลายกับร้านนี้กันสะใจแล้วก็ออกค่ะ ออกจากร้านได้จังหวะมาก ๆ เพราะคนไทยเริ่มจะแห่กันเข้าร้านนี้หมดละค่ะ

ทีนี้ขากลับ ก็เลยกลับได้ถูกทางละ ถ้ามาถูกทาง จะเห็นด้านหน้าของตลาดเป็นหน้าตาประมาณนี้ค่ะ ร้านซุชิเอนโดจะอยู่ทางซีกซ้ายมือ (หันหน้าเข้าตลาด)




ไป ๆ มา ๆ ก็มีแต่ของกินเต็มไปหมดเลยนะคะเนี่ย >.<" เอาล่ะ ต่อไปก็จะไปตะลุยเมืองโอซาก้ากันค่ะ โดยอาศัยเจ้า 1-day pass ใบนี้แหละ แต่จะไปไหนกันได้บ้างก็ขอยกยอดไปต่อ blog หน้านะคะ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเยี่ยมชม blog ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^^



Create Date : 12 พฤษภาคม 2558
Last Update : 18 มิถุนายน 2558 15:29:19 น. 2 comments
Counter : 1234 Pageviews.

 
บล็อกนี้ของกินเพียบบบบบบบ ชอบๆ อิอิ


แหะๆ พี่เองก็ถือว่าตัวเองโชคดีที่ได้ไปจ้ะ มีความสุขมากจนไม่อยากกลับเลยแหละ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 พฤษภาคม 2558 เวลา:8:40:29 น.  

 
กรรม่ของแม่โมจริง ๆ เจอแต่ของน่ากิน เอ่อ


โดย: mariabamboo วันที่: 13 พฤษภาคม 2558 เวลา:12:45:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.