|
การเลื่อนคดี บัตรเครดิต และเช่าซื้อ |
|
การเลื่อนคดีบัตรเครดิตและคดีเช่าซื้อ ขอย้ำ เรื่องที่เขียนวันนี้ เป็นความเห็นนะครับ เป็นแนวทางเท่านั้น
คดีบัตรเครดิตและคดีเช่าซื้อ โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโจทก์ฟ้องคดีจะเป็นบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต อาจเป็นธนาคารหรือบริษัททั่วไปก็ได้ บางครั้งอาจเป็นบริษัทหรือสำนักงานทนายความที่รับซื้อมาบริหารต่อก็เป็นไปได้ คดีลักษณะนี้จะเรียกว่าคดีผู้บริโภค
คดีผู้บริโภค โจทก์ผู้ฟ้องคดีจะฟ้องจำเลยคือเรานี่แหละที่ศาลที่เรามีภูมิลำเนา
เมื่อศาลรับฟ้องแล้วจะกำหนดวันนัดกับโจทก์ วันนี้เรียกว่า วันนัดพิจารณา ซึ่งจะมีสิ่งที่ศาลต้องทำ ๓ อย่าง คือ ไกล่เกลี่ย ให้การ และสืบพยาน
ไกล่เกลี่ย คือ ศาลจะไกล่เกลี่ยให้ตกลงกัน ตกลงกันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้การ คือ ยื่นคำให้การต่อสู้คดี สืบพยาน คือ ฝ่ายจำเลยไม่มาศาลอาจจะให้สืบพยานไปฝ่ายเดียวนั่นแหละ
สำหรับเราที่ถูกฟ้อง จะเรียกว่า จำเลย อาจจะมีเราเพียงคนเดียวหรือเพื่อนเราก็ได้เช่น ผู้ค้ำประกัน
ย้อนกลับไป เมื่อศาลรับฟ้องแล้ว จะออกหมายเรียกจำเลยให้ไปศาลพร้อมกับส่งสำเนาคำฟ้องไปด้วย คำฟ้อง คือ สิ่งที่โจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นใคร เราเป็นใคร เกี่ยวข้องกันตามสัญญาอะไร เราผิดสัญญาอะไร อย่างไร โจทก์ติดตามหนี้จากเราไปอย่างไร แล้วสรุปตอนท้ายว่าให้เราชำระหนี้เท่าไร
คำฟ้อง จะส่งเอกสารไปด้วย ได้แก่ เอกสารการเป็นนิติบุคคลของโจทก์ สัญญาต่างๆ รวมทั้งสัญญาค้ำประกัน หนังสือทวงถาม บอกเลิกสัญญา เป็นต้น
พอถึงวันนัด ถ้าเราคิดว่า ช่างมัน ไม่เป็นไร คอยหนีหนี้กันไป คือไม่ใส่ใจนั่นแหละ เราไม่ไปศาลก็ได้ แต่เราจะแพ้คดี คดีแบบนี้เรียกว่าคดีขาดนัด แล้วศาลจะมีหมายแจ้งให้เรารู้เองว่าจะต้องชำระหนี้เท่าได
แต่ถ้าเราคิดว่า เรามีความรับผิดชอบ เป็นหนี้ต้องใช้ เราก็ไปศาล ให้ตรงเวลา ตรงวัน ตรงสถานที่ พอไปถึง ก็ดูเลขคดีในหมายที่ส่งถึงเรา แล้วไปดูที่บอร์ดติดประกาศ ว่าคดีของเราอยู่บัลลังก์ใหนแล้วก็ไปตามนั้น
เมื่อไปถึงห้องหรือบัลลังก์แล้ว ก็ถามหาหน้าบัลลังก์ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของศาล เขาอาจจะให้เราไปคุยกับทนายความของโจทก์ก่อน เราก็คุยกับเขา ถ้าคุยกันได้ เรามีเงินผ่อนต่อตามที่คุยกัน ทนายความเขาจะให้เราเซ็นต์สัญญาตามที่ตกลงไว้ แล้วไปบอกศาล ศาลจะพิพากษาตามที่เราตกลงกัน
ถ้าคุยกันไม่ได้ อาจจะเพราะเราไม่มีเงิน คือ เรายอมแล้ว ทนายความเขาอาจจะบอกว่าก็ให้ศาลพิพากษาไป ศาลก็จะสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไป แบบนี้จะคล้ายกับคดีที่เราไม่ไปศาล หรือเราจะต่อสู้คดีว่าไม่ได้เป็นหนี้ เราคงต้องให้การต่อสู้คดีไป ส่วนใหญ่ทนายความฝ่ายโจทก์เขาจะให้โอกาสเราไปหาทนายความต่อสู้คดี แบบนี้ เราต้องขอเลื่อนคดี เพื่อไปปรึกษาทนายความของเรา และยื่นคำให้การต่อสู้คดี เราก็บอกศาลไปว่าเราจะเลื่อนคดีไปก่อน ไปหาทนายความเพื่อต่อสู้คดี บอกไปตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ต้องกลัว ศาลท่านใจดีอยู่แล้ว พอเลื่อนคดีได้แล้ว ศาลก็จะนัดให้มาใหม่อีกที เราก็จำวันนัดหรือกลัวลืมจะขอคัดรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลท่านจดไว้ก็ได้ แล้วเราก็ไปหาทนายความแล้วพาทนายความไปศาลอีกทีในวันนัดครั้งใหม่
สรุปแล้ว วิธีการขอเลื่อนคดี คือ บอกศาลไปตรงๆ ว่าเราจะทำอะไร ไม่ต้องกลัว
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2559 13:20:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1291 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|