พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
11 พฤศจิกายน 2557

:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่ตาล ::




:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่ตาล ::




“สติ” กับ “สมาธิ” ทำเอาสับสนเช่นกัน

แล้วถ้าอย่างเช่น พี่ล้างจานไปเรื่อย ๆ แต่ใจไม่จดจ่อที่งาน(ล้างจาน)
แต่คิดเรื่องอะไรบ้างอยู่ จู่ๆ ก็คิดออก
กรณีนี้ คือ ล้างจาน ใช้ความเคยชินเพราะทำจนชำนาญ
แต่ “สติ” ไปจดจ่อเรื่องที่สนใจ จนตั้งมั่นเป็น “สมาธิ” และคิดออก
แบบนี้หรือเปล่าคะ

สรุปถ้าพี่ทำงานฝีมือ ปักครอสติช
พอสติเผลอ ปักด้ายผิดสี นี่คือไม่มีสติใช่ไหมคะ
พอทำไปแล้วจิตสงบเบิกบาน นี่คือสมาธิ

แต่การทำงานฝีมือจะไม่เกิดปัญญา
เพราะเราทำตามแพทเทิร์น
แต่หากมีไอเดียของตัวเอง นั่นคือ ปัญญา

แต่เป็นปัญญาทางโลก

ถ้าพี่จะให้เกิดปัญญาทางธรรม
ใช้งานฝีมือเป็นตัวกำหนดให้เกิดสมาธิได้หรือเปล่าค่ะ

( ประมาณว่าเป็นคนไม่ชอบนั่งสมาธิ
ไม่ชอบเดินจงกรม ไม่ชอบสวดมนต์ค่ะ)



คำถามโดย : ตาลเหลือง

















สมาธิ สติ ปัญญา

ทั้งสามคำนี้ตอนแรกผมสับสนมากว่ามันคืออะไร ต่างกันตรงไหน

หนึ่งในคำอธิบายที่ผมว่าเข้าใจง่ายก็คือ
ให้เราหลับตาแล้วลองนึกจินตนาการไปถึงสายน้ำแห่งหนึ่ง
ที่น้ำไหลเชี่ยวมากจนน้ำในสายน้ำแห่งนั้นขุ่นข้น

จิตใจเราเหมือนสายน้ำนี้ที่ถูกพัดพาไปยังที่ต่างๆ
ไปเก็บรับเอาสิ่งต่างๆทั้งดิน ทราย โคลน ขยะเข้ามาไว้ในตัว
จากน้ำใสๆ กลายเป็นน้ำสีขุ่น

การทำสมาธิโดยคิดว่าต้องหยุดทุกอย่าง
จึงเหมือนการเอาแผ่นหินไปกั้นสายน้ำเอาไว้
วิธีนั้นสำหรับผมมีแต่ยิ่งทำให้สายน้ำเอ่อท้นและยังขุ่นข้นเหมือนเดิม

วิธีทำให้น้ำใสของผมคือการใช้ภาชนะอะไรก็ได้
ตักนำนั้นขึ้นมาพักไว้
ให้มันนิ่ง นิ่งจนโคลน ทราย หิน ใบไม้ใบหญ้า
หรือแม้แต่ขยะทั้งหลายได้ตกตะกอนนอนก้น หรือลอยขึ้นมาเหนือน้ำ

“สมาธิ” เกิดขึ้นตรงจุดนี้
คือการพักวางสิ่งต่างๆที่ลากดึงเราไปทางนั้นทีทางนี้ที
ให้หยุดและนิ่งในชั่วขณะ










โดยธรรมชาติแล้ว “จิต” หรือ “ความคิด” ของคนเรานั้น
ทำงานเร็วมาก
เห็นปุ๊บ จำปั๊บ สมองทำงานทันที
ได้ยินเสียงก็รู้สึก สัมผัสร้อนหนาวก็รู้สึก
ได้กลิ่น ได้ชิม ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่
ขอเพียงมีสิ่งต่างๆกระตุ้น สมองของเราพร้อมทำงานทันที
การทำงานของสมองคือการคิด
คิดเสร็จคิดต่อว่าชอบ-ไม่ชอบ ใช่-ไม่ใช่
เกลียด-รัก อยากได้-ไม่อยากได้ ฯลฯ

แล้วสิ่งที่คิดจะถูกบันทึกลงไปในสมอง
เกิดเป็นความจำ เมื่อจำได้และเกิดความรู้สึก
หากถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเดิมๆ
ความคิดหรือจิตจะสนองตอบสิ่งนั้นไปตาม “ความเคยชิน”

เจ้า “ความเคยชิน” นี้เองที่ก่อให้เกิด “นิสัย”
“สันดาน” จนไปถึง “ตัวตน”










ระดับของ “สมาธิ” ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรใน “ความเคยชิน”
“ความเคยชิน” เหมือนสายน้ำหลากไหลและพัดพาทุกสิ่งอยู่ตลอดเวลา

น้ำขุ่นอย่างไรก็ยังขุ่นอยู่อย่างนั้น

แต่ “สติ” จะทำให้น้ำในภาชนะนั้นนิ่ง
นิ่งอย่างต่อเนื่องจนเกิดความสงบ
เมื่อสงบน้ำจะเริ่มหายขุ่น
ในภาชนะนั้นเราจะมองเห็นโคลน ดิน ทรายที่นอนก้น
จะมองเห็นขยะที่ลอยอยู่ด้านบนของผิวน้ำ

“สติ” จะทำให้เรามีเวลาพิจารณาว่าอะไรคือขยะ อะไรคือสิ่งสกปรก
ที่ควรนำออกไปจากน้ำนั้น
และจะนำมันออกไปได้อย่างไร


“สติ” คือ “สมาธิที่ต่อเนื่อง”
ทั้งสองสิ่งเป็นสิ่งเดียวกัน









เมื่อสมาธิเกิด สติมี
“ปัญญา” จะตามมา

“ปัญญา” นั้นมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน
มีมาแต่ดั้งเดิมเหมือนสัญชาตญาณในการใช้ชีวิตของมนุษย์
เพียงแต่เราหลงลืมไปเพราะไม่ค่อยได้ใช้
หรือสมองไปบันทึกวิธีการผิดๆเข้ามาแทนที่

เมื่อสมองถูกโปรแกรมใหม่หรือใส่ความเชื่อใหม่เข้ามาแทน
“ปัญญา” ที่เคยมีก็ถูกบดบัง ถูกกดทับจนไม่อาจใช้งานได้

“ปัญญา” นี้ไม่จำเป็นต้องแสวงหา
ไม่จำเป็นต้องหาวิธีเพิ่มเติมเพราะมันเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว

ไม่เหมือน “ความฉลาด” หรือ “ความรู้”
ที่เราเพิ่มเติมได้
ไม่รู้...อ่านจนรู้
ทำไม่เป็น...ทำซ้ำๆจนเป็น
ถามมาก ตอบมาก เขียนมากก็ทำให้ฉลาดขึ้น
แต่นั่นยังไม่ใช่ “ปัญญา”

“ปัญญา” เป็นเหมือนพระอาทิตย์ประจำตัวที่ทุกคนมีอยู่แล้ว
แต่ทุกคนก็มี “เมฆหมอก” ที่ตนเองสร้างขึ้นด้วยเช่นกัน
ความหลงผิด ความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
ทัศนคติในเชิงลบต่อทุกสิ่ง ความโกรธ เกลียด โลภ หลง ฯลฯ
กลายเป็นเมฆดำที่บดบังแสงสว่างในตัวเราไปเรื่อยๆ

ใครมีสิ่งนี้มาก “ปัญญา” จะถูกบดบังจนทึบแสง
ใครบดบังน้อย ย่อมใช้ปัญญาได้เต็มที่

ตัวอย่างของการใช้ “ปัญญา” ที่เด่นชัด
คือการคิดค้นทฤษฏีใหม่ๆของนักวิทยาศาสตร์
ส่วนใหญ่คนเหล่านั้นไม่ได้คิดได้จากการคิดด้วยหลักวิชาการ
แต่เป็นความคิดแบบ “ปิ๊งแว๊บ” ที่เกิดขึ้นมาในขณะที่ไม่ได้คิด

เหมือนนักร้องชื่อดังที่คิดงานเพลงห้าเดือนแต่เขียนเพลงไม่ได้เลย
พอเขาหยุดและทำใจให้ว่างจากการคิด
ขณะนั้นเกิดความคิดปิ๊งแว๊บขึ้นมา
แล้วเขาก็ใช้เวลาเขียนเพลง 15 เพลงรวดเดียวจนเสร็จ

ฯลฯ


ทั้ง “ความฉลาด” และ “ปัญญา” เป็นสิ่งเกื้อหนุนกัน
เหมือน “สติ” และ “สมาธิ” ที่ไม่จำเป็นต้องไปแยกว่าอะไรสำคัญกว่า
หรือสิ่งใดจะเกิดขึ้นก่อนกัน










ถ้า “สมาธิ” ทำให้น้ำในภาชนะนิ่ง
“สติ” ก็ทำให้น้ำนั้นหายขุ่น แยกขยะกับน้ำออกจากกัน
“ปัญญา” คือ กระบวนการในการนำขยะและโคลนทั้งหมดออกจากน้ำ




สมาธิ-สติ-ปัญญา

เป็นสิ่งเดียวกัน
เพียงแต่ทำหน้าที่คนละอย่าง

เหมือนเรากินข้าว
มองข้าวในจาน
ตักกับข้าว
ยกช้อนใส่ปาก
เคี้ยว
กลืน


เหมือนเราทำงานฝีมือ

มองด้าย
จำวิธีสร้างงาน
เริ่มถักทอ
เกิดลวดลาย ต่อดอก
ถักต่อไปจนเสร็จ
ได้ผลงาน




สมาธิ-สติ-ปัญญา

ผมว่ามันสามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้หมด
ขณะที่เราทำสิ่งหนึ่งๆนั้นอย่างตั้งใจ อย่างทุ่มเท
และไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการทำสิ่งนั้นอย่างดีที่สุด
ตามหน้าที่ที่ทำอยู่ในขณะนั้น










ตอนที่ อาร์คีมีดีส ค้นพบวิธีทดสอบมงกุฎทองคำของกษัตริย์
ว่าจริงหรือปลอม
เขากำลังอาบน้ำอยู่
เขาไม่ได้จดจ่อกับการอาบน้ำ
แต่ในช่วงที่สมองละวางจากการคิด
กลับได้รับคำตอบที่เกิดขึ้นจาก “ปัญญา” ว่า
ถ้าเขาสามารถหาปริมาตรของมงกุฎได้
ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่ามงกุฎนั้นมีโลหะอื่นเจือปนหรือไม่
การค้นพบนี้ทำให้เขาร้องตะโกนด้วยภาษากรีกว่า “ยูเรกา-eureka”
ซึ่งมีความหมายว่า “ฉันพบแล้ว” นั่นเอง


ขณะที่พี่กำลังทำงานฝีมือ
แล้วเกิดบังเอิญได้ค้นพบคำตอบอะไรบางอย่าง
นั่นก็เป็น “ยูเรก้า” ของพี่นะครับ

เหมือนพระบางรูปที่ขบคิดปริศนาธรรมเป็นเวลานาน
แต่ขบปัญหาอย่างไรก็ขบไม่แตก
วันหนึ่งขณะกวาดลานวัดด้วยจิตว่างๆ
กวาดพื้นดินแต่ทำก้อนหินกระเด็นไปโดนกอไผ่
เกิดเสียงดัง “แต๊ก”
แล้ววินาทีนั้นท่านก็ไขปัญหาธรรมนั้นจนหมดสิ้น
นี่ก็เป็น “ยูเรก้า” ในอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่ทางเซนเรียกว่า “ซาโตริ” หรือ “การบรรลุธรรม”











“บรรลุธรรม” สำหรับผมจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินขีดความสามารถของมนุษย์ทุกคน
“บรรลุธรรม” “ยูเรก้า” หรือ “ซาโตริ” สำหรับผม
คือการที่คนๆหนึ่งได้ค้นพบ “ความจริงที่จริงแท้”
ความจริงตามธรรมชาติที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมเสริมเพิ่มเติมโดยมนุษย์
เป็นความเชื่อ ความศรัทธาที่ใสสะอาด
ไม่ถูกเจือปนไปด้วยอคติใดไม่ว่าทางการเมือง การปกครองหรือศาสนา


“ความจริงที่จริงแท้” นี้มีอยู่ในทุกศาสนาโดยไม่แบ่งแยก

ถ้าใคร “ค้นพบ” ได้
เขาก็รู้ธรรมตามความเป็นจริง

โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติเหมือนกัน
ไม่ต้องนับถือศาสนาเดียวกัน
ไม่ต้องเชื่อและศรัทธาเหมือนกัน
ไม่ต้องใช้วิธีการหรือรูปแบบเดียวกัน

คนเรามีความแตกต่าง
การอยู่รวมกับความแตกต่างอย่างเข้าใจ
จะทำให้เราได้ค้นพบว่า
มีวิธีการมากมายในการเข้าถึงธรรมะหรือความเป็นจริงแห่งชีวิต

เมื่อไหร่ที่ค้นพบ
ก็ได้พบ
เมื่อพบแล้ว
ปัญหาที่เคยสงสัย...จะคลี่คลายหายสงสัย

เมื่อหายสงสัย
และได้รู้คำตอบอย่างแท้จริง

ความสุขสงบจะเกิดขึ้นที่จิต
เมื่อจิตสงบ มันจะไม่มีทุกข์หรือสุข
จะไม่ใช่สงบหรือฟุ้งซ่าน

จะมีแต่หน้าที่
มีการรับรู้ถึงความจริงที่เป็นอยู่
เกิดการยอมรับ เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น
สามารถอยู่ร่วมกับทุกสิ่งอย่างเข้าใจ
ไม่ฝืนธรรมชาติ ไม่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจตนเอง


ที่สุดแล้ว...
จากน้ำขุ่นกลายเป็นน้ำใส
จากน้ำใสกลายเป็นไม่มีน้ำ
ไม่มีแก้วน้ำ ไม่มีถังน้ำ
ไม่มีภาชนะใดๆรองรับน้ำ
ไม่มีแม้แต่สายน้ำ


ถึงตรงนี้แล้ว
แม้แต่ความใส และความขุ่นก็ไม่มี.








Create Date : 11 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 5:52:00 น. 32 comments
Counter : 1427 Pageviews.  

 
เจิมยามเช้า สวัสดีคะ่พี่ก๋า


โดย: sawkitty วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:15:19 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

เรื่อง สติ สมาธิ ปัญญา นี่

อ.เต๊ะ ให้ความสำคัญกับ สมาธิ มากเป็นพิเศษ

มีกิจกรรมหลายอย่างที่ อ.เต๊ะ ต้องการ สมาธิมาก เช่น

เวลาขับรถ ถ้าใครมาขบติ่งหู หรือ เกาพุง ทำปูไต่นี่

ไม่ได้เลย ห้ามเด้ดขาดครับ

เพราะ ใจมันจะสั่น
เนื้อตัวมันจะร้อน วูบๆวาบๆ

เดี๋ยวจะพาลเอารถไปจูบเสาไฟฟ้าข้างทางเอาง่ายๆ นะครับ อิอิ

จะเล่าอีกเรื่อง เป็นกิจกรรมที่ อ.เต๊ะ ต้องการ สมาธิเป็นอย่างมาก

คุณก๋าก็คงชอบ เราจะทำกันเวลาไฟดับ ฝนตก ฟ้าคะนอง
อยู่ในกระท่อมร้าง อะไรแบบนี้555

ก็กลัว พันติ๊ป จะมาแบนแต๊ดแต๋อีก

เพราะเป็นเรื่องที่ต้องมีสมาธิสูง ห้ามใครมารบกวนไม่ได้เหมือนกัน

เราต้องควบคุมทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ความแม่นยำ
โอ๊ย หลายเรื่องมากครับ 555

เอาแค่นี้ดีกว่า เดี๋ยวบลอกคุณก๋า จะติดเรท 36+ อิอิ





โดย: multiple วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:32:39 น.  

 
ไม่ได้แวะไปบล็อกคุณตาลเหลืองซะนานเลยครับ
ตอนเรียนเราก็ไล่ว่าศีล-สมาธิ-ปัญญา แต่ผมก็ไม่ค่อยรู้ความแตกต่างของสติกับสมาธิเหมือนกัน พี่ก๋าอธิบายได้กระจ่างทีเดียว
ภาพไก่ฟ้าชัดแจ๋วเลย ถ่ายจากทีไหนครับเนี่ย?


โดย: ชีริว วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:02:50 น.  

 
สวัสดีคะคุณก๋า ขอบคุณมากเลยคะ เข้าใจมากขึ้นถึงความแตกต่างระหว่าง สมาธิ สติ และปัญญาเลยคะ


โดย: Huda วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:31:31 น.  

 
สมาธิก่อให้เกิดสติและนำมาซึ่งปัญญา ใช่ไหมคะ

สวัสดีค่ะพี่ก๋า สบาดีนะคะ

เชียงใหม่หนาวหรือยังคะ ที่กทม.หนาวตอนเช้าและตอนเย็น

สว่นกลางวันโคตรร้อนเลยค่ะ


โดย: ลอยละล่อง บล็อกแกงค์ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:05:26 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 1

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พี่รี่+ต๊อก Travel Blog ดู Blog
ปลายแป้นพิมพ์ Food Blog ดู Blog
patthanid Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต
เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:16:09 น.  

 
หวัดดีค่าพี่ก๋า วันนี้ร้อนนะคะ
เพิ่งรู้สึกว่า สอน หรือทำ สงครามกันนี่ 555 เหนื่อยมาก ๆ


โดย: mariabamboo IP: 202.129.0.158 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:31:17 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ครบแล้วดีใจจัง
 
สาขา อันดับที่ ผู้เขียน Blog
Best of the blog 1 กะว่าก๋า
2 น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
3 เนินน้ำ
 
Best design 1 Rinsa Yoyolive
2 NET-MANIA
3 อสูรกายไทฟอน
 
Best friendly 1 ปลายแป้นพิมพ์
2 multiple
3 กิ่งฟ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:43:27 น.  

 




เอ่อ ..


เป็น สัน .. ขวาน .. เนอะ ..







บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น







โดย: foreverlovemom วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:57:50 น.  

 
รูปสวยตลอด เลือกไม่ถูกจะโหวตข้อไหนดี เอาอันนี้แล้วกัน

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:12:46:32 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


อธิบายได้กระจ่างมากค่ะพี่..


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:45:04 น.  

 
ทักทายยามบ่ายคะ


โดย: blog pu วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:51:38 น.  

 
สวัสดียามบ่ายๆค่ะก๋า

อืมมมม อ่านคำถาม อ่านไปเรื่อยๆ
มันก็ตรงกับพี่แระคะ แต่พอดีพี่ไม่มีคำถาม

หมายถึง ล้างจาน แต่ใจเรากับคิดถึงสิ่งอื่น
และเข้าใจในสิ่งที่เราคิด มองปัญหาต่างๆออก
จากการมีสติ มีสมาธิ นะเวลานั้นๆแหละค่ะ
แม้มือเราจะทำหน้าที่ต่างออกไป ...

อ่านคำตอบของก๋าก้ทำให้เข่้าใจมากขึ้นเลยค่ะ

.....

ขอบคุณที่โหวตบล็อกพี่นะคะ
เมื่อสักพักคุยกับเพื่อนคนนึง
เขาบอกว่า ทำไมเขียนกลอน เขียนงานออกมาในแนวผิดหวัง
ทำไมไม่มองอีกมุม คิดอีกมุม ที่มันมีแต่ความสุข
พี่เองก็ไม่เข้าใจเน๊าะ มันออกมาแนวนี้ตลอดๆ 555

ก๋า มาดาม หมิงหมิง มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:14:42:10 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า
ความสงบสุขจะเกิดขึ้นที่จิต
พยายามดำเนินชีวิตแบบมีสติค่ะ



โดย: AppleWi วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:14:49:31 น.  

 
สามอย่างนี้ ถ้าใจไม่นิ่งก็ยากจะเกิด
จุดที่ตั้งใจให้นิ่งเนี่ย ลำบาก แต่คนที่
พยายามทำบ่อยๆแล้วไม่สำเร็จก็ไม่ควรท้อ
บางคนก็ต้องฝึกนานเช่นพี่เป็นต้น ซึ่งก็
คือคนที่มีเรื่องต้องคิดต้องทำพัลวันไปหมด
คิดไม่ออกทำไม่ได้จนกว่าจะตั้งใจวางเสีย
บ้างนะพี่ว่า คุณเจ้าของปัญหาคิดออก
น่าจะเป็นเพราะในขณะนั้นไม่ได้คิดวุ่นวาย
แม้แต่ที่กำลังทำอยู่ก็ทำด้วยความเคยชิน
ไม่ต้องคิด สมองว่างสมาธิก็เกิด สติก็ตามมา
คิดอะไรก็ได้ผลคือปัญญา เวลาต้องตัดสินใจ
เรื่องอะไรก็ใช้วิธีนี้แหละ คุณก๋า อาจจะได้ผล
เฉพาะบุคคลก็ได้ ซึ่งก็เป็นวิธีคล้ายๆของคุณก๋า

โหวตข้อคิดให้ครับ ความจริงพี่โหวตงานของ
คุณก๋าตรงที่คุณก๋าทำงานนี้สม่ำเสมอและมี
ข้อคิดดีๆมาฝากกันเรื่อย เลยว่าจะรวมกันไป
โหวตเดอะ เบสต์ด้วย



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:34:57 น.  

 
เคยสับสนระหว่างสติกับสมาธิเหมือนกันค่ะ
ว่าคืออย่างเดียวกันรึเปล่า
เพิ่งกระจ่างจากคำตอบคุณก๋วันนี้ค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ดีจังบ้านคุณก๋าปลูกเศรษฐีน้ำเต้าทองด้วย
เราชอบดอกเค้ามากๆๆ เวลาออกหลายๆช่อสวยจับใจเลย
ขอบคุณโหวตด้วยนะคะ




โดย: mambymam วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:48:16 น.  

 
กลับมาใหม่ค่ะ อิอิ
ลืมบอกว่าภาพประกอบสวยมากๆๆๆ




โดย: mambymam วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:00:29 น.  

 






flower







โดย: foreverlovemom วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:49:44 น.  

 
แวะมาทักทายยามเย็นนะคะ พี่ก๋า

มีความสุขมากมากค่ะ


โดย: white in the dark วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:51:02 น.  

 
ขอบคุณนะคะก๋า

คำพูดของก๋า ทำให้พี่มองอีกมุมนึงเลยค่ะ
ตอนคุยกับเพื่อนเพื่อนหาว่า จิตพี่ยึดติดกับอดีต
ไม่ยอมปลดปล่อยสิ่งนั้นไป ...
มันทำให้พี่คิดว่า เอ! เราเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ
แต่พี่ก็แย้งว่า พี่ไม่ได้คิดอะไร และยึดติดอดีต
เพียงแต่อารมณ์ความรู้สึกมันออกมาแบบนั้นเอง

ขอบคุณนะคะก๋า ถ้าก๋าไม่บอกพี่แบบนี้
พี่ก็คงยังมีกังวลลึกๆนะคะ 555

จริงอย่างก๋าบอก

กลอนเศร้า คนเขียนไม่เศร้า
กลอนสุข คนเขียนเศร้าก็มีเยอะนะครับพี่ธัญ

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

ก๋า มาดาม หมิงหมิง คืนนี้ฝันดีนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:54:18 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า
ยกตัวอย่างประกอบคำตอบทำให้เห็นภาพชัดเจน
สติมา ปัญญาเกิดค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:49:14 น.  

 
กะว่าก๋า Dharma Blog

ผบ. ผป. เพื่อนร่วมงาน นร. เอกสาร นี่แร่ะค่ะ ครบล่ะ เอิ๊ก


โดย: mariabamboo วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:20:13:27 น.  

 
หวัดดีเจ้าอ้ายก๋า

น้องรินทำงานออฟฟิศเกี่ยวกับตัวเลข งบการเงินทั้งนั้น
ตัองใช้สมาธินัดขนาดเลยเจ้า
มะวานนั่งทำงานคนเดียวในออฟฟิศกลับบ้าน 5 ทุ่มโน่นแหละ
อยุ่คนเดียวสมาธิเกิดทำให้งานเดินนักขนาดเจ้า
แต่สมาธิก็ทำให้เราได้หยุดคิดสิ่งต่างๆ เพิ่ม
ใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำเจ้า


ขอบคุณสำหรับโหวตเจ้า ปีนี้ได้ไปเชียงใหม่ 3 รอบเลย อิอิ









โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:21:24:31 น.  

 
มาโหวตก่อนครับ
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:05:08 น.  

 
มารายงานตัวครับผมกลับมาแล้ว ^^

อ่านแล้วก็พยักหน้าตามไปด้วยนะครับ ทำให้เข้าใจได้ดีขึ้น
จากที่พอเข้าใจอยู่แล้วครับผม ยกตัวอย่างได้ดีมากๆเลยนะครับ

หลวงพ่อชาเปรียบเทียบสติเหมือนหยดน้ำที่หยดที่ละหยดจากก๊อก
พอมากๆเข้ามันกลายเป็นสมาธิเป็นสายน้ำ

ปัญญาส่วนใหญ่ในทางศาสนาหมายถึงการเห็นความจริงของกายและจิต เพราะเป็นส่วนที่ตั้งแห่งทุกข์ และการหลุดพ้นจากทุกข์

ส่วนปัญญาอื่นๆก็เกิดในขณะที่มีสมาธิได้ ในขณะที่มีสมาธิเราจะเห็นเข้าใจหรือถ้าจิตมีกำลังพอก็ปล่อยวางทุกสิ่งๆได้โดยไม่มีความคิดเกิดขึ้น เป็นปิ๊งแว๊บเหมือนแสงทีสองเข้ามา เราจะบรรยายมันได้ในขณะต่อจากนั้นด้วยความคิด ขออนุญาตแจมนิดนึงนะครับ ^^


โดย: วนารักษ์ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:33:56 น.  

 
อ้าวลืมไปโหวตธรรมะให้ด้วยนะครับ ^^


โดย: วนารักษ์ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:34:22 น.  

 
ชอบคำตอบค่ะพี่ก๋า เปรียบเทียบเห็นภาพเลย
นิคพยายามให้มีสติให้มากๆเหมือนกันค่ะ
โหวตข้อคิดให้ค่ะพี่



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
phunsud Food Blog ดู Blog
ชมพร About Weblog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:41:20 น.  

 
สวัสดีค่า พี่ก๋า ^^

วันนี้ชอบคำถามมากเลย
เพราะนุ่นก็เป็นอยู่ค่ะ
นุ่นลองนั่งสมาธิแล้วไม่สำเร็จค่ะ
แม่บอกว่าเป็นคนสมาธิสั้น
แต่ว่าเวลาทำอะไรก็จะจดจ่อกับสิ่งนั้น
แต่ถ้าให้นั่งสมาธิไม่ได้ ซะอย่างนั้นค่ะ
แปลกจัง หรือว่าต้องใช้เวลา อาศัยการฝึกฝนบ่อยๆก็ไม่รู้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่า


โดย: lovereason วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:32:16 น.  

 
ไอ้ความคิดแบบ “ยูเรก้า” นี่ผมอ่านหนังสือของคนญี่ปุ่นที่เขียนเรื่องนี้ เขาให้ความสำคัญกับมันมากนะครับ เพราะสิ่งที่เรารู้จากปรากฏการดังกล่าวมันจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล คือ เรารู้แล้วและจะไม่ลืมมันไปง่ายๆ ด้วย

พี่ก๋าเข้าใจอธิบายดี จะว่าไปบางครั้งผมก็ไม่ค่อยมีสมาธิเล่นบล็อกเหมือนกัน อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง เลยไปนอนซะเลย วันต่อมามาอ่านอีกที มันต่างจากวันวานมาก คงเพราะมีสมาธิกระมัง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:59:54 น.  

 
สวัสดียามดึกค่ะน้องก๋าป่านนี้คงหลับไปแล้ว พี่กิ่งหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแต่มาตื่นตอนดึกจึงรีบมาตอบเม้ยนท์เพื่อนๆก่อนค่ะ วันนี้คำตอบดีมากๆพร้อมภาพประกอบก็สวยค่ะไลท์ให้ก่อนนะคะ

หลับฝันดีค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:1:49:06 น.  

 
ภาพประกอบสวยค่ะ


พี่ปิ๊งบ่อย ตอนนั่งสบายๆ

พยายามมีสติกับกิจวัตรประจำวัน ได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:35:38 น.  

 
สวัสดีครับแวะมาเยี่ยมมาเยียนครับ...


โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2557 เวลา:10:07:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]