สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
14 สิงหาคม 2550

บันทึกนอกรอบ : เรียนไปทำไม ?





บันทึกนอกรอบ



เรียนไปทำไม ?
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
12 สิงหาคม 2550



เราเรียนไปทำไม ?

เราเรียนวิชามากมายร้อยแปดพันประการ
วิชาที่เรามักตั้งคำถามว่า
ให้ฉันเรียนไปทำไม ?

เหมือนกับที่ผมเคยตั้งคำถามว่า
เราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะ
วิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ไปทำไม ?

ไม่เห็นมันได้ใช้ในชีวิตจริงสักหน่อย
เวลาไปขายก๋วยเตี๋ยว 3 ถ้วย 60 บาท พิเศษก็ 90 บาท
ไม่เห็นต้องไปถอดสแควรูท หาค่าพาย
หาจุดทศนิยมปัญญาอ่อนอะไรนั่นสักหน่อย

หรือถ้าไปเดินป่ากลางเขา ไม่เห็นต้องใช้เคมีสูตรไหน
ก็รู้โดยสัญชาติญาณว่าถ้างูเห่าเลื้อยมา
ก็ตัวใครตัวมัน จะวิ่งหนีหรือจะหันหน้ามาสู้ ต้องเลือกเอาสักอย่าง



............................................



ผมเก็บคำถามนี้ไว้ในใจมานานโดยไม่มีคำตอบ
ว่านักการศึกษาจัดวิชาเหล่านี้ให้เราเรียนไปทำไม ?


............................................



โลกนี้มี 2 ด้านใช่ไหม ?

ด้านดี – ด้านชั่ว
กรรมดี – กรรมชั่ว
ขาว – ดำ
ซ้าย – ขวา
หน้า – หลัง
ฯลฯ


เราต้องเรียนรู้ทั้งสองฝั่ง เพื่อให้รู้ถึงความแตกต่างของชีวิต
ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองนี้ พยายามเหลือเกินในการผลักความดีเข้าหาเด็ก
แล้วผลักไสความเลวให้เด็กไม่ต้องรับรู้
ปิดหูปิดตา แล้วใช้วิธีคัดกรองด้วย “ความเชื่อ” ของตัวเองมาตัดสิน
ว่าเด็ก “ควรรู้” หรือ “ไม่ควรรู้” อะไร.....


เมื่อเด็กไม่มีภูมิต้านทานความเลว
มันต้องมีแน่ๆที่วันหนึ่งเขาจะหลุดเล็ดลอดสายตาจากเรา
แล้วได้เห็น ได้สัมผัสด้านมืดของชีวิต
ถามว่าเด็กที่ไร้ภูมิต้านทานความเลวจะรู้ทันความเลวไหม ?
โลกนี้มีความเลวร้ายในสันดานกมลเต็มไปหมด
เป็นโลกแห่งความสกปรก แปดเปื้อน
เป็นโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล ความเอารัดเอาเปรียบ
โลกแห่งตัณหาราคะ โลกแห่งการแย่งชิงแข่งขัน

เราสร้าง “คนดี” ที่ “ไร้ปัญญา” มาทำไม
สร้างขึ้นมาแล้วดำรงตนอยู่ในโลกเหม็นเน่าใบนี้ไม่ได้
ทำไมไม่ยอมรับความจริงอีกด้านของชีวิต
ว่าแท้ที่จริงแล้ว โลกนี้มีด้านมืด ด้านสว่าง
เพียงแต่เราต้องชี้ให้เด็กเห็นและแยกแยะด้วยปัญญาให้ได้ว่า
อะไรที่เป็นทางเจริญ อะไรที่นำไปสู่ทางเสื่อม
บางสิ่งถึงแม้ดูไม่ดี แต่ถ้าคุณเลือกมัน คุณก็ต้องรับผลแห่งการกระทำนั้น

บอกเขาสิครับ ว่าถ้าหากเขาเลือกเดินเข้าสู่ความมืด
เขาอาจจะต้องพบเจออะไร
บางที...นอกจากการตะโกนบอกปาวๆ ว่า “ไฟมันร้อน”
เขาอาจไม่มีทางเชื่อ...จนกว่าจะถูกไฟร้อนนั้นลามเลียมือของเขาเอง

หน้าที่เราคือ ปลอบโยน ไม่ใช่ซ้ำเติม
คนที่ไม่เคยทำผิด จะรู้ได้อย่างไรว่าการทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นอย่างไร


.............................................




เราเรียนรู้วิชาต่างๆไปเพื่ออะไร ?
ไม่เคยมีครูคนไหนบอกผมมาก่อนเลยในชีวิต
ว่าวิชาคณิตศาสตร์ที่เราเกลียดกลัวเป็นนักหนา
วิชาเคมีที่ต้องนั่งท่องนั่งจำสูตรบ้าบอมากมายมหาศาลนั้น

เขากำลังสอนให้เราเรียนรู้ที่จะ “แก้ไขปัญหา”

“ปัญหา” ทำให้เกิด “ปัญญา”

ปัญญาทำให้สมองรู้จักคิด
คิดหาหนทางและวิธีในการแก้ปัญหา

ทำให้เรารู้ว่าทุกปัญหา... “แก้ไขได้”
แก้ได้ด้วยระบบ ด้วยวิธีการคิดอย่างมีขั้นตอน
ด้วยวิถีทางต่างๆ

แล้วเมื่อออกไปเผชิญชีวิตจริง
จะได้รู้จักแก้ไขปัญหาต่างๆของตัวเองอย่างมีระบบและมีวิธีคิดที่ดี
คิดถูกก็แก้ไขปัญหาได้เร็ว
คิดผิด ล้มเหลวก็ไม่เป็นไร
ค่อยๆหาวิธี หาหนทางใหม่ เดี๋ยวก็แก้ไขปัญหานั้นๆได้


เหมือนเวลาใครสักคนบ่นว่า

“ฉันอยากวาดรูปสวยๆสักใบ แต่ฉันวาดไม่เป็น”

สิ่งที่เขาต้องทำ ไม่ใช่การอ่านหนังสือวิธีวาดรูปให้สวย 100 รอบ
อ่านได้ เรียนรู้ได้ จำได้ แต่ใช้เป็นแค่แนวทางในการเรียนรู้

สิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณต้อง “ลงมือทำ”

เรียนรู้ระบบการวางแผน
เรียนรู้ว่าหากอยากวาดรูปสักใบต้องเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน

เรียนรู้เรื่ององค์ประกอบของรูป เรียนรู้เรื่องแสงเงา น้ำหนักสี เรียนรู้เทคนิคในการผสมค่าสี
เรียนรู้แล้วก็ลงมือทำ
ทำบ่อยเข้าก็เกิดความชำนาญ
เมื่อชำนาญมากเข้า...จากเรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่าย



..........................................



เป้าประสงค์ของการศึกษาที่แท้จริง
จึงมีเพียงแค่นี้....

เขาไม่ได้สอนให้คุณจำแล้วลืม
ไม่ได้สอนให้ท่องจำแล้วสอบ


หากแต่ “การศึกษาที่แท้จริง”
จะฝึกให้เราเคยชินในการเผชิญปัญหาด้วยปัญญา
และหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ


การศึกษาที่แท้จริง....
จะไม่แบ่งแยกว่าใครโง่ ใครฉลาด
ทุกคนล้วนเท่าเทียมและสามารถเปล่งประกายความสามารถที่ตนเองมีอยู่

หนึ่ง ...ตัวเองต้องค้นหาให้พบ ว่าเรามีความสามารถอะไร ?
ชอบอะไร ? ถนัดอะไรเป็นพิเศษ ?
เรียนรู้เรื่องใดแล้วรู้สึกมีความสุขและสนุกไปกับการเรียนในวิชานั้น ?

สอง...ถ้าผู้เรียนค้นหาตัวเองไม่พบ
ครูต้องเป็นผู้กระตุ้นและดึงเอาความเก่งกาจของแต่ละคนออกมาให้ได้
นั่นจึงจะเป็น “ครูที่แท้จริง”



…………………………………………



โลกนี้แท้จริงแล้วไม่อาจแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน
การศึกษาที่แท้จริงจะทำให้เรารู้ว่า
เราไม่ได้รู้อะไรมากนัก
เพราะความรู้ในโลกนี้มากมายมหาศาลจนเราไม่อาจรู้ได้ไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

การที่เรารู้บางเรื่องมากกว่าผู้อื่น ไม่ได้หมายความว่าเราฉลาดหรือเก่งกว่าคนอื่น
เราแค่รู้มากกว่าเพราะเราสนใจมันมากกว่าคนอื่น
เราทำมันบ่อย จนเราเชี่ยวชาญ
แต่ไม่ได้หมายความว่า
เราจะเก่งที่สุดในโลกใบนี้


เหมือนการเล่นเป่ายิ้งฉุบ
คุณว่าคุณเก่ง....
ออกกรรไกรชนะกระดาษ
แต่กรรไกรก็แพ้ค้อน ค้อนแพ้กระดาษ


ชีวิตจริงก็ไม่ต่างอะไร
คุณอาจเป็นนักเขียนแบบที่เก่งที่สุด แต่คุณก็อาบน้ำหมาไม่ได้เรื่อง
คุณอาจทำกับข้าวอร่อย แต่คุณอาจเป็นผู้ชายที่ตัดหญ้าไม่เอาไหน
คุณอาจเป็นนักรักที่เก่งกาจบนเตียง แต่เป็นช่างตัดผมที่ห่วยแตก
ฯลฯ


คิดแบบนี้ มีใครยิ่งใหญ่กว่าใคร ....ไม่มี
มีใครที่อยู่เหนือใคร....ไม่มี


เวลาแพ้หรือล้มเหลว ไม่เห็นต้องไปเสียใจอะไร
แค่เรายังใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง
วิธียังไม่ถูกต้อง ก็หาวิธีใหม่
ค่อยๆแก้ไขปัญหาด้วยสติ ทำปัญหาให้มันมีขนาดเล็กลง
ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แต่คอยไปขยายขนาดของมันให้ใหญ่โตขึ้น


เวลาชนะอย่าไปฮึกเหิมลำพองใจ
เพราะคนที่เก่งกว่าเราก็ยังมีอีกมากมายบนโลกนี้....


...........................................



วันนี้....
ผมไม่สนใจเรื่องของการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปการศึกษา
อย่างที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย
พยายามเหลือเกินในการโฆษณาชวนเชื่อ
ว่าหากมีการปฏิรูปแล้ว การศึกษาในบ้านเราจะดีขึ้น
ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่า


“เป้าหมายและจุดประสงค์ในการศึกษาที่แท้จริงคืออะไร ?”


ให้เปลี่ยนระบบการศึกษาอีกหมื่นครั้งก็ไม่มีความหมาย
ให้เปลี่ยนชื่อปรัชญาการศึกษาอีกแสนรอบก็ไม่มีประโยชน์

เหมือนการเมืองที่เราด่านักการเมืองอยู่ทุกวัน
เหมือนที่เราพยายามยัดถ้อยคำสวยหรูลงไปในรัฐธรรมนูญ

ตราบใดที่คนของเรายังไม่รู้จัก “คิด”
ตราบใดที่คนของเรายังไม่มี “ปัญญา”

ตราบนั้น....ประเทศชาติคงไปไหนได้ไม่ไกลเกินกว่า “ส้นเท้า” ของตัวเราเอง.












Create Date : 14 สิงหาคม 2550
Last Update : 14 สิงหาคม 2550 7:14:17 น. 50 comments
Counter : 1793 Pageviews.  

 


คนที่ไม่เคยทำผิด จะรู้ได้อย่างไรว่าการทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นอย่างไร



โอ้ย...คือยาวแท้อ้าย ข่อยละวินหัวแต่เซ้า


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:46:05 น.  

 
ยาวจัง เดี๋ยวมาอ่านใหม่ค่ัะสมองยังไม่เเล่นค่ะ

PS ไม่จำเป็นต้องนอนพักค่ะ เพราะยัํงไม่เเก่เท่าไหร่
(เเก่กำลังดีค่ะ)


โดย: ELiiCA วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:15:12 น.  

 
ท่านอื่นเเม้จะเขียนยาวเเต่ก็รีบตอบทันทีค่ะ

เเต่สำหรับคุงก๋า ต้องนั่งมองเพดานเเล้วคิด
เเหมคนเเก่ๆเนี่ย ตื่นเช้ามาไม่อยากดิดอะไรทั้งสิ้นค่ะ -เเต่ขอตั้งตัวก่อนค่ะ


เเต่ต้องขอบคุณนะคะ อยู่ข้างนอก เครียด
มาที่นี่ ก็มีความรู้สึกดีขึ้น


โดย: ELiiCA วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:40:45 น.  

 
emo เราสร้าง “คนดี” ที่ “ไร้ปัญญา” มาทำไม <<<<< หนูดันคิดไปถึงฮิตเลอร์ทำไมไม่รู้ค่ะ


โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:46:16 น.  

 
ถ้าเป็นเรื่องนี้ เห็นทีจะคุยกันยาว

ตอนม.ต้นเคยอกหักเพราะแม่ไม่ให้เข้าช่างศิลป
เลยประชดเรียนสายวิทย์มานซะเลย เรียนไปเรียนมาสนุกเว้ย โดยเฉพาะชีวะนี่ชอบมาก
แต่พอจบม.6 ท่านแม่อยากให้ต่อหมอต่อพยาบาล เราก็ว่าไม่เอาไม่อยากเป็น
อยากเรียนศิลป จบมาจะทำอาชีพไรไม่รู้แต่อยากเรียน
เลยโดนเนรเทศออกจากบ้าน "แกอยากกินแกลบก็ออกไปเลย"
แม่น้องรันเลยกลายเป็นเด็กจิดกำที่ชอบนั้งอ่านแม๊ก
emoemo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:48:41 น.  

 
เป็นคำดีดี

"เราสร้าง “คนดี” ที่ “ไร้ปัญญา” มาทำไม
สร้างขึ้นมาแล้วดำรงตนอยู่ในโลกเหม็นเน่าใบนี้ไม่ได้
ทำไมไม่ยอมรับความจริงอีกด้านของชีวิต"

สิ่งที่ต้องมีในสังคมคือการสอนให้รู้จักแก้ปัญหา ด้วยปัญญา
คำสองคำที่เดินไปพร้อมพร้อมกันเสมอ
แต่เราถูกสอนให้เดินเลี่ยงปัญหา มากมากการแก้ไขปัญหา
สังคมจึงเป็นเช่นทุกวันนี้

เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน
แต่คุณเลือกที่จะสอนเพียงด้านใดด้านหนึ่ง
หรือ
สอนเพียงการมองด้านที่นิ่ง นิ่ง
ทำไมไม่สอนให้หาช่องที่ว่างระหว่างเหรียญที่หมุน

ผู้ใหญ่หน่อ ผู้ใหญ่
ให้โตแต่ตัวเลข ก็เท่านั้น


โดย: sysee วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:9:11:40 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณก๋า

"เรียนไปทำไม"
เป็นคำถามที่อยู่ในใจเรามาตลอดเหมือนกันค่ะ
เมื่อก่อนเถียงสุดใจขาดดิ้น
เพราะเห็นว่าคนสมัยก่อน ไม่เห็นจะต้องเรียนหนังสือเขาก็ยังอยู่กันได้

แล้วจะให้เราเรียนอะไรมากมายไปทำไม
เพราะงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาซักเท่าไหร่่
แต่จะให้บอกว่าไม่ได้ใช้เลยก็คงไม่ได้
เพราะทำงานเกี่ยวกับวิศวกรรมก็ต้องใช้ทั้งการคำนวณ
และคณิตศาสตร์อยู่แล้ว
นอกเหนือจากความมั่นคงแข็งแรงแล้ว
ก็ยังต้องการความสวยงาม
และความสะดวกสบายในการใช้งานประเภทต่าง ๆ
รวมไปถึงการมองข้ามขั้นไปถึงยามต้องซ่อมแซมแก้ไขอีกด้วย

"เขากำลังสอนให้เราเรียนรู้ที่จะ “แก้ไขปัญหา”

“ปัญหา” ทำให้เกิด “ปัญญา”

ปัญญาทำให้สมองรู้จักคิด
คิดหาหนทางและวิธีในการแก้ปัญหา

ทำให้เรารู้ว่าทุกปัญหา... “แก้ไขได้”
แก้ได้ด้วยระบบ ด้วยวิธีการคิดอย่างมีขั้นตอน
ด้วยวิถีทางต่างๆ "

เห็นด้วยอย่างที่สุดค่ะกับประโยคนี้
หลังจากทำงานมาหลายปี ..
ก็เพิ่งมา get เรื่องนี้ไม่นานนักหรอกค่ะ
ที่จริง .. เพิ่งมาเข้าใจและยอมรับอย่างถ่องแท้
ตอนมีโอกาสได้สอนการบ้านลูกนี่เองค่ะ
คำถามของลูกคือคำถามที่เราเคยตั้งกับตัวเองมาตลอด
เพียงแต่ว่า ..

ในเวลานี้
เรามีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ..


โดย: BFBMOM วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:9:14:07 น.  

 
ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันโง่
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว


โดย: เหงาเหงา IP: 125.24.57.172 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:9:17:02 น.  

 
ผมด่าอาจารย์ ทะเลาะกับเพื่อน โดนคณบดีเรียกเข้าพบ
.......................................
ฮาๆๆๆๆ แม่น้องรันเล่นมาครบแล้วเหมือนกัน emo
กะก๋าควรดีใจที่ไม่ได้เจอนักเรียนอย่างแม่น้องรัน

การที่จบสายวิทย์รับปริญญาจิดกำ มานทำให้แม่น้องรันคุยกะใครไปได้ทุกเรื่อง
(อ้อลืมบอกตอนม.ต้นอยู่ห้องคหกรรมด้วยน่ะเอ้อ)
ทุกวันนี้ซะมียังชอบว่า "เออ เธอมานยอดมนุษย์ "

ที่แม่น้องรันเรียนๆมาก็ชอบทั้งนั้น ทำอาหารไม่เป็นแต่ชอบดูคนทำอาหาร
ตัดเสื้อต้องมีสูตรในการวางแพ๊ทเทิ้น อันนี้มันส์มาก
แม่น้องรันเลือกที่จะนั้งออกแบบวางแพ๊ทเทิ้นให้เพื่อน เพื่อแลกกะการไปนั้งถีบจักร อิๆ
สายวิทย์นี่หมูมาก อ่านๆทำความเข้าใจจำ จบ
สายศิลปถึงฝีมือจะไม่ดี แต่ร่ำรวยคอนเซปต์ ก็ฉลุยมาได้

สรุป ถ้ารัก ถ้าชอบ ต้องวิวาห์เหาะก็ยอมทน (เกี่ยวมั้ยเนี้ย)
emoemo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:9:40:22 น.  

 
โห.. วันนี้คุณก๋าเขียนได้โดนจัยยยยยย...

ทุกวันนี้เด็กๆถูกปลูกฝังแค่ว่า..เรียนเก่งๆ กวดวิชาเยอะๆ เสาร์อาทิตย์ก็เรียนเสริมมันเข้าไป.. โตขึ้นจะได้เป็นหมอ เป็นวิศวะ..สมใจพ่อแม่

ไม่ได้ถามใจเด็กหรือตัวเด็กเองก็ค้นหาตัวเองไม่เจอว่า..จริงๆแล้วอยากเป็นอะไร..

การศึกษาบ้านเรา..เด็กระดับอนุบาลต้องมาติว เพื่อสอบเข้าสาธิต.. เพื่ออะไรหนอ..

โตขึ้นก็ต้องพยายามทำตัวให้เก่ง จะได้สอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ (เอ๊ะ..ทำไมพวกฝรั่งไม่มีสอบชิงทุนมาเรียนเมืองไทยบ้างนะ )
เด็กฝรั่งวันๆเรียนน้อย..เล่นกีฬา..กิจกรรมบ้าง.. ดูชิว ชิว แต่ประเทศเขากลับพัฒนากว่าเรานะ..


โดย: เอื้อมดาว วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:06:01 น.  

 
กระอักเลือดเลยค่ะคุณกะว่าก๋า โดนเต็มๆค๊า

......................................
V
v
v
v
v
v
v

เหมือนเวลาใครสักคนบ่นว่า

“ฉันอยากวาดรูปสวยๆสักใบ แต่ฉันวาดไม่เป็น”

สิ่งที่เขาต้องทำ ไม่ใช่การอ่านหนังสือวิธีวาดรูปให้สวย 100 รอบ
อ่านได้ เรียนรู้ได้ จำได้ แต่ใช้เป็นแค่แนวทางในการเรียนรู้

สิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณต้อง “ลงมือทำ”

เรียนรู้ระบบการวางแผน
เรียนรู้ว่าหากอยากวาดรูปสักใบต้องเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน

เรียนรู้เรื่ององค์ประกอบของรูป เรียนรู้เรื่องแสงเงา น้ำหนักสี เรียนรู้เทคนิคในการผสมค่าสี
เรียนรู้แล้วก็ลงมือทำ
ทำบ่อยเข้าก็เกิดความชำนาญ
เมื่อชำนาญมากเข้า...จากเรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่าย



โดย: รุ้งสีที่แปด IP: 125.24.155.100 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:24:19 น.  

 
ดีเนอะมีพ่อคอยกระแทกกลับ emo
ของแม่น้องรันมีแต่ตะเพิดส่ง

มาวันก่อนโดนครูสอนภาษาไทยของน้องรันเรียกตัวผู้ปกครอง
แม่น้องรันก็ต้องไปนั้งฟังไอ้ครูนั้นมานบ่นๆๆๆๆ
"ลูกคุณแม่ไม่ส่งงานผมเลยครับ อยู่ในห้องก็ไม่สนใจเรียน นี่ผมกะตัดหางปล่อยวัดแล้วน่ะ"
ดูมาน มานเห็นลูกรักฉันเป็นตัวอะไรที่มีหางไปซะล่ะ
แม่น้องรันก็ได้แต่ยิ้มรับกับผงกหัว "ค่ะ ค่ะ ค่ะ แล้วจะเตือนแกให้ค่ะ"
แต่ในใจก็ "@#@!!@I##อ้ายครูถึกทุย"

กลับมาบ้านเจ้ารันหน้าเหลือนิ้วเดียวเดินตัวลีบมาหา
"มี้โดนครูด่าเหรอ แฮะๆ"
แม่น้องรันก็ตบกะโหลกลูกรักไปที
"ชอบอังกฤษมี้ไม่ว่า แต่ช่วยรับผิดชอบภาษาไทยหน่อยได้ไหม
ส่งงานให้ครบก็พอ อย่าให้มานเรียกมี้ไปบ่นอีกน่ะ"
แล้วตบกะโหลกลูกรักอีกที เป็นอันปิดคดี
emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:32:52 น.  

 
โ ด น มากเลยๆค่ะเอนทรี่นี่กะว่าก๋า
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนสายวิทย์มา
เคมี ฟิสิกส์ ทำเอาข้าพเจ้าทรมานมายาวนาน
และพอข้าพเจ้าจบมาทำงานเจอกับนักการศึกษาตลอด
ข้าพเจ้าจึงรังเกียจคำว่าปฏิรูปการศึกษา บูรณาการฯลฯ
เป็นอย่างยิ่ง โอ้...ขอบคุณที่บอกความในใจแทนข้าพเจ้า


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:41:35 น.  

 
เรียนเพื่ออนาคตคะ การเรียนเปิดหูเปิดตาในด้านดีๆความรู้ดีๆเยอะคะ


โดย: mintny_n วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:47:05 น.  

 
มายืนยันว่า"สวย"กะ"อย่างแรก" emo

ครูดีๆมีเยอะ แต่ไอ้นี่มานจาตัดหางลูกฉาน emo

มานน่ะแหละไอ้หน้าซุปหางวัว emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:52:59 น.  

 
ต้องแอ่วหื้อนักๆดจ้า ตอนตี่มีแรงมีกำลังอยู่ เดี๋ยวแก่แล้วไปไหนบ่ไหวอจ้า ส่วนตัวชอบท่องเที่ยวเจ้า
เปิ่งได้มาอยู่ไกลบ้านแต้ว่าเนอะ


โดย: mintny_n วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:03:28 น.  

 
เราสร้าง “คนดี” ที่ “ไร้ปัญญา” มาทำไม
................
นั่นสิคะ อ่านประโยคนี้แล้วคิดถึงคำของพระพยอมที่ว่า
"บุคคลที่เรียกว่าผู้ดี ผู้มีความรู้ ถ้าทำความชั่วแล้ว ชั่วมากที่สุด"
นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายความล้มเหลวของระบบการศึกษา
เพราะการศึกษาของเรามุ่งเน้นแต่ให้ความรู้ด้านวิชาการ
แต่ไม่สอนการใช้ชีวิต ไม่ได้สอนให้เด็กรู้จักแยกแยะ ดีชั่ว
เหมือนที่คุณน้องบอกค่ะว่าเราเลือกที่จะปิดหูปิดตา ไม่ให้เด็กเห็นด้านมืด
พอวันหนึ่งที่เด็กได้เห็นได้รู้จักเข้าจริงๆ เขาจึงแยกไม่ออก
ว่าควรจะเดินเข้าไปหามัน หรือหนีห่างออกมา
................
ชอบบันทึกนอกรอบตอนนี้ค่ะ
เขียนได้โดนใจอีกกแล้ว



โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:15:13 น.  

 
บอกแล้วว่าเรื่องแบบนี้มานต้องว่ากันยาว

น้องรันเคยโดนไถหัวแหว่งกลับมาบ้าน โหเห็นแล้วมานเศร้าเข้าไปในใจ
แม่น้องรันก็พยายามฝืนหัวเราะ ให้ลูกรู้สึกว่ามานธรรมดา
แต่เจ้ารันบอกว่า "ครูเก็บ10บาทค่าแบ็ตฯ"
วีนเลยทีนี้ แม่น้องรันไม่ไปถึงตัวไอ้ครูหรอก
เพราะลูกเรายังต้องอยู่กะเค้า เราไม่ควรสร้างศัตรูไว้รอบตัวลูก
แต่ถึงตัวผอออแน่นอน ฟังดูเสียงผอออแกก็สุดทนกับเรื่องแบบนี้
แม่น้องรันเลยค่อยอุ่นใจ ไงเสาหลักก็ยังปักมั่นคง
ไอ้ครูคนนั้นโดนด่า วิ่งโล้เอาเงินมาคืนศิษ
"ครูก็คิดผิดๆ ทำผิดๆได้ รันต้องระวัง ใช้สมองกะคำสอนมี้ตัดสินเอง ว่าอะไรถูกอะไรผิด"
สอนลูก

ไม่รู้ไอ้ครูนั้นเอาสมองส่วนไหนคิด เนอะ (หาพวกอีกคน)

กินข้าวยัง
emoemoemoemo

ถามเฉยๆ ไม่คิดจะเลี้ยงหรอก emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:31:31 น.  

 
สวัสดีค่ะ.....
เรียนไปทำไม...เป็นคำถามทุกครั้งที่ไม่อยากไปเรียนแต่ก็ต้องไป....
....ขอเก็บเอาไปใช้นะ๋ค่ะ....emo


โดย: iamorange วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:56:21 น.  

 
การศึกษาในบ้านเมืองเราย่ำแย่มากครับ

ระบบการศึกษาจะไม่มีทางดีขี้นไปกว่านี้

ถ้ามนุษย์ที่เรียกว่านักการเมืองในกระทรวงฯ

มองมันเป็นเพียงแค่สองมิติที่ว่า

"โกง กับ กิน" ตามสองด้านที่คุณว่าล่ะครับ

ในบางที ... เราควรมองอะไรหลายๆอย่างในหลายมุม

และในบางทีก็ไม่ควรมองหลายมุมให้แก่ความขัดแย้งทางความคิดเช่นกัน

หลายครั้งผมฝันว่าผมเป็น รมต.ศธ
แต่ความฝันโง่ ๆ ก็เป็นความฝันโง่ๆ ล่ะครับ

คงต้องจ่ายด้วยความตาย

แลกกับมนุษย์คนอื่นที่ต้องการ

โกง - กิน เท่านั้นเอง ...


โดย: เราหล่อมาก วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:12:22:01 น.  

 
แปลว่ามาดามยังมีเยื่อใย ถึงยังทิ้งมาม่าไว้ให้ต้มกิน emo

ที่บ้านแม่น้องรันนั้งจิบกาแฟ "ป๊าหิวยังหิวแล้วหุงข้าวด้วย กับข้าวอยู่ในตู้เย็น เวฟเผื่อลูกๆด้วย ขอบใจ"emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:02:45 น.  

 
การศึกษาส่วนใหญ่ก็ต้องการให้ความรู้ ให้เด็กคิดเป็น...จะคิดได้เอง..หรือคิดตามคนอื่น...กาบว่ามันก็มีปัจจัยหลายๆด้าน...คงจะเอียงไปไหนทางเดียว ก็คงหนักข้างไปหน่อย
...........................
พ่อแม่ได้แต่ส่งลูกไปเรียน... ฝากความหวังที่โรงเรียน...ส่วนโรงเรียนก็ให้ความรู้ไป....ก็แล้วเวลาเด็กกลับมาบ้าน...พ่อแม่เคยถามไหมว่า...วันนี้ลูกคิดอะไรได้บ้าง จากความรู้ที่ได้มา หรือกับนิทานที่ครูเล่า...จะหยุดพักฟังเด็กเล่านิทานได้หรือเปล่า...อธิบาย...เสนอความคิดแลกเปลี่ยนกับลูกได้หรือเปล่า....เคยไปเห็นสังคมที่โรงเรียน นอกเหนือวันประชุมผู้ปกครองหรือเปล่า
...ส่วนใหญ่.....ชอบเพียงถามว่ามีการบ้านหรือเปล่า...เอาออกมาทำซะ
...........................
ปรับความคิดที่บ้านก่อนดีกว่า...ถึงแม้ จะปรับการศึกษา แบบฝรั่ง เรียนแค่ สิบโมง ถึงเที่ยง กิจกรรมเยอะๆ ออกไปเรียนรู้โลกเยอะๆ...ให้เด็กเห็นความจริงเยอะๆ ดำด้วยขาวน๊ำ สีลายๆ ลายจุดนิดๆก็เข้าที

...เดี๋ยวพ่อแม่ก็มาต่อว่าคนคิดอีก....ถ้าพวกเขายังคิดอยากให้ลูกตัวเอง เป็นไอยสไตย์กลับชาติมาเกิด....
มันก็คงหนี้ไม่พ้นโรงเรียนกวดวิชาต่างๆอยู่ดี...
.............................
เดี๋ยว เจ๊แม่น้องรัน ต้องมาว่า เดี๊ยนเขียนบล็อกตัวที่นี้แน่เลยemo


โดย: กาบชมพู วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:19:21 น.  

 
^
^
ของตัวเองไม่อัพ มาอัพอะไรแถวนี้ emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:21:12 น.  

 
^
^
^
^
ไปเขียนต่อแล้ว ไปเดี๋ยวนี้ล่ะemo


โดย: กาบชมพู วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:25:10 น.  

 
เรื่องเรียน คุยกันไม่รู้จักจบในระหว่าึงครอบครัว
"เรียนทำไม ในเมื่อไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา ทำธุรกิจ เิงินเดือนก็ไม่ได้เเตกต่างเท่าไหร่
ไม่มีการรับรองได้ว่าคนที่เรียนสูงๆจะเป็นคนดีเสมอไป คนจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวเรา"

ปะป๋าพูดเมื่อสองวันนี้เองตอนที่พี่สาวคิดกลับไปเรียนอีกครั้ง
เหตุผลคืองานที่โน่น(Jpn)เเละสวัสดิการก็ดีอยู่เเล้ว ลาเรียนนานนักก็ไม่ได้
เเต่ดูเหมือนถกเถียงกันอยู่เป็นประจำค่ะ น่าสงสารจริงๆ

ต่างประเทศดูเหมือนการทำงานวัดจากประสพการณ์มากกว่าปริญญา
บางคนได้ปริญญาสูง กลับถูกดูถูกจากลูกน้องเพราะไม่ได้ตำเเหน่งที่เหมาะสมกับปริญญาที่ได้รับ
ความสามารถไม่เท่ากับผู้มีประสพการณ์

เรื่องนี้พูดยากนะคะ เเล้วเเต่บุคคลก็เป็นได้


โดย: ELiiCA วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:47:09 น.  

 
โฮมสคูลน่ะบ้านแม่น้องรันนี้เลยแหละ
คือเอาลูกเข้าร.ร.ใกล้บ้าน ปล่อยให้เค้าได้เล่น ได้สังคม เท่านั้นเอง
วิชาความรู้กลับมาเอาที่บ้าน ตอนแรกกะจะโฮมสคูล100% เลยด้วยซ้ำ
แต่เจ้ารันมานอ่อนแอทางด้านจิตใจ คือขี้เกรงใจ ขี้ใจน้อย ขี้เหงา (มานลูกฉันไหมเนี้ย)
ก็เลยต้องปล่อยออกไปสังคมบ้าง ดีที่มีร.รใกล้บ้าน
เคยเอาไปเรียนร.ร เอกชนดังๆเหมือนกัน ไม่เห็นจะสอนอะไรที่มานเกินความสามารถเราเลย
ซ้ำยังต้องตื่นแต่เช้า(อันนี้เกียจสุด)กลับเกือบค่ำ ไม่ค่อยได้ออกลิง อ่อนแอลงไปอีก

แต่ถ้าเป็นนานาชาตินี่ ยอมเลยน่ะ
เพราะมานเกินกำลังเรา เราไม่สามารถสอนลูกให้ได้ทัดเทียมกับเด็กจากร.รนานาชาติเป็นแน่

สรุปแล้ว ความพร้อมของเด็กกับกระเป๋าตังค์ของผู้ใหญ่ คือหัวใจสำคัญของการเลือกที่เรียนให้กับเด็ก เนอะ
emoemoemo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:56:27 น.  

 
เรียนไปทำไมemo

ก็จริงว่าเรียนไปทำไม

แต่มันก็เปนการฝึกการคิดของเรานะ ฝนว่า


โดย: น้ำฝน (มณีไตรรงค์ ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:58:42 น.  

 
emoemo
สงบศึกแป๊ป


โดย: dekzin วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:54:44 น.  

 
สูญเสียสิ่งที่รักกระทันหัน


โดย: dekzin วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:22:07 น.  

 

ส่วนมากความคิดเห็นไม่ตรงกัน
ทั้งสองท่านจบโทเมกา เเต่มาม้าอยากให้เรียนจบเอก
ปาป้าบอกไม่ต้อง

เราเป็นลูกไม่ทราบจะเอาไงกัน? สรุปเเล้วทำอย่างที่เราตั้งใจดีที่สุดค่ะ
คุณก๋าไม่มีปัญหาทางบ้านเลยเหรอคะ?
เเสดงว่าท่านเชื่อเเละไว้ใจว่าเราต้องทำสำเร็จเเน่

ส่วนที่บ้าน พี่น้องทุกคนชอบเล่นมากกว่าเรียนค่ะ


โดย: ELiiCA วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:26:53 น.  

 
ลูกสองยินดีรับใช้ emo

เมื่อกี้ไปรับเจ้ารัน เจ้ารันบอกว่าวันนี้ครูภาษาไทยชมรันด้วย emo

เห็นม่ะ นั้งเข็นกันอาทิตย์เดียว ต่อหางติดแล้วลูกฉัน emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:04:24 น.  

 


รอบนี้อัพบล๊อกถี่หน่อย เพราะไม่ไหวอ่ะค่ะ ดองเป็นสิบ ตัวแล้ว อิ อิ


โดย: Jannyfer วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:14:41 น.  

 
ขอความกรุณาลบทิ้งค่ะ คำไหนเอ่ย ไม่สุภาพ?


โดย: ELiiCA วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:20:56 น.  

 
..ขอประทานโทษ...จานก๋า
ครั้งหน้าเดี๊ยน ขอเม้น...เคาะบรรทัด
แก้ตัวemo


โดย: กาบชมพู วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:32:20 น.  

 
ยัยกาบจอมถ่างงงงบล๊อก emo

เด็กอนุบาลถึงปอ6 ยังไม่เกินแรงเรา เราเข็นเค้าได้ดีกว่าร.ร เสียอีก
ช่วงนี้เลยต้องเข็นกันให้เต็มที่ จะได้สอบเข้ามัธยมดีๆอย่างที่แม่มานตั้งใจ
emoemo

อ้าวเกือบลืม จามาถามว่าตกลงข้าวโพดพัดที่เคยพูดถึง มานเป็นยังไง
emoemo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:57:41 น.  

 
ไม่เคยเห็น ไม่เคยกิน ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้จัก emo
ทั้งไข่ ทั้งเนย ทั้งทอด ทานเสร็จคงต้อง อัพแอนด์ดาว์ว กันเป็นชั่วโมง emo
รึทุกวันนี้ไม่สนใจปล่อยพุงไว้เป็นโลๆ emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:17:31:38 น.  

 
สำหรับหนู เรียนเพื่อเรียนรู้


แวะมาบอกว่า

พรุ่งนี้!!

อย่าลืมเข้าไปอวยพรวันเกิด

นักเขียนในดวงใจของหนูนะคะ



โดย: pangz วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:17:55:48 น.  

 
คิดเหมือนกันว่าน้องรันน่าจะชอบ แต่คิดว่าน่าจะชอบแบบใส่เนย
ถ้าไม่รบกวนเกินไปขออย่างละเอียดอีกทีน่ะ
- ข้าวโพดใช่แบบต้มแล้วรึยังไม่ต้ม
- ทอดยังไงไม่ให้อมน้ำมัน
- ไม่ต้องปรุงอะไรเลยเหรอ
- ทานกับซ๊อสมะเขือเทศดีไหม
ไม่แน่แม่น้องรันอาจได้เมนูกระชากใจเด็ก ก็เป็นได้
ทุกวันนี้ทำอะไรไปเด็กมานเดินหนีหมด emo

ฝากด้วยน่ะ จะออกไปหาของให้ลูกกิน (อีกล่ะ) emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:18:16:00 น.  

 
เปิ้นว่าปัจจุบันนี้พยายามยัดเยียดแต่ความรู้เข้าสู่สมองเด็ก
โดยที่ไม่สอนให้เด็กรู้จักคิด และแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
วันหนึ่งๆ เห็นแต่เด็กเรียน เย็นก็กวดวิชา
ท่องๆๆๆ เข้าไป สมองมีแต่ความรู้ แต่ไม่ยักจะมีกระบวนการแก้ปัญหาอยู่ในหัวสมอง
------------
คิดถึงเมื่อก่อน เรียนเสร็จก็เล่นหมากเก็บ เล่นโดดยาง
เล่นดีดเม็ดมะขาม รู้สึกชีวิตในตอนนั้นมีความสุขมาก
เปิ้นว่าสิ่งเหล่านี้ ทำให้เด็กสามารถแก้ไขปัญหามากกว่าด้วยซ้ำ
และทำให้เรารู้จักการเข้าสังคม(ในหมู่เด็ก) ไม่แข่งขันกัน ว่าข้าต้องเก่ง ข้าต้องทำให้ได้ดีกว่าเอ็ง
แต่มีแต่คำว่า... เราจะวางแผนร่วมกันยังไงให้ดีดเม็ดมะขามให้ลงหลุมได้หมด ฮา...

หนีไปอีกรอบดีกว่าเรา คิคิ


โดย: fonrin วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:18:16:35 น.  

 
หวัดดีค่ะ......

ชอบบทความบทนี้จัง

ตรงไปตรงมาดีค่ะ และก็ตรงกับความเป็นจริง

ที่เป็นอยู่ .........

----------------------------------------------------

เคยไปเที่ยวเกาะเกล็ด จ.นนทบุรี อยู่ครั้งนึง

ที่นั่นดังในเรื่องเครื่องปั้นดินเผา เดินไปเจอบ้านที่

ขายเครื่องปั้นดินเผา และก็เห็นพี่ผู้ชายนั่งแกะลายไทย

บนดินเหนียวที่ทำเป็นโหล สวยงามมากๆ

ถามพี่เค้าไปว่า .. "พี่เก่งจังเลย พี่เรียนศิลป์มาหรอ"

พี่ตอบกลับมาว่า .. "พี่จบ ม. 6 เองคับ"

หนูอึ้ง..... ในความเก่ง ของพี่เค้ามาก

ผลงานของพี่เค้าเคยได้ถวาย ในหลวงด้วย







โดย: หิมะสีดำ วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:18:44:24 น.  

 
ปัญหา ทำให้เกิด ปัญญา จริงๆ

เดี๋ยวนี้เป้าหมายของการ "เรียน" ในปัจจุบันมันเปลี่ยนไป
"เรียน" เพื่อให้ได้ปริญญา ไม่ได้ "เรียน" เพื่อให้รู้อย่างแท้จริง
เลยกลายเป็นปัญหาใหม่...ว่ายิ่งเรียน ยิ่งโง่


โดย: UnEdiTED วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:19:31:41 น.  

 
นอนตีลังกาคิดอีกรอบ บางอย่างเรียนไปก็ไม่ได้ใช้ เเต่เเก้ปัญหาได้ เมื่อเผชิญชีวิตจริง
อันนี้ดี เห็นด้วย

เชื่อว่าทางบ้านอาจเกรงใจ คุณก๋าไม่ได้บ้าอำนาจอย่างที่กล่าวไว้
เเต่คิดว่าคงเชื่อมั่นในตนเองมากกว่า ทำจริง เเละประสพความสำเร็จ
จึงทำให้เป็นที่ไว้วางใจ คิดว่าเช่นนั้นค่ะ


โดย: ELiiCA วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:19:43:07 น.  

 
เขาไม่ได้มาถ่างบล๊อกตัวนะemo
เขาจะมาชวนไปกินหนมกันemo

ไม่มีไข่ผัดดาวเทียม...ผิดผิด...ไข่ผัดข้าวโพดเด้อemo

กลัวอ้วน ก็ไม่ต้องมาเลยemo


โดย: กาบชมพู วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:19:44:02 น.  

 
เหมือนการเรียนจัดสวน แล้วรู้แต่ว่าต้นไม้ต้นนี้เรียกว่าอะไร รูปนี้คือต้นไม้อะไร

แต่ไม่รู้เลยว่ามันโตขึ้นมาได้อย่างไร ชอบแดดชอบน้ำชอบดินแค่ไหน

ขอเสริมแล้วกันครับ


โดย: fzero วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:21:41:41 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ


โดย: endeavour วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:23:23:10 น.  

 
เขียนได้โดนมากๆๆคะ เอ๋....งแล้วเราเรียนไปทำไมน้า


โดย: pasuta วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:5:41:15 น.  

 
หวัดดีเช้าวันพุธค่ะ
วันนี้กะไปด้อมๆเเถวนอกเมือง
เเล้วจะมารายงานเรื่องราวเเถวๆบ้าน(นอก)ให้ฟังนะคะ


โดย: ELiiCA วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:6:16:53 น.  

 


เน๊าะ....เรียนไปทำไม
แต่ดันไปนึกถึงเพลงของวงคาราบาวแทน
เรียนเข้าไปลูก.....ถึงลูกจะเรียนโรงเรียนวัด
พ่อไม่มีเงินยัดลูกไปโรงเรียนดีดี
อิอิอิ .......ไปทำงานต่อแล้ว


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:6:26:10 น.  

 
Hen duay kha...

Kid yoo ta-lord wa-lar wa'

Kon raol kuan tee ja roo kon wa' raol chob lae ruk tee ja raern roo

Mai chai suk tae tong jum laew kor mai dai a rai laer

Raern roo paer tee ja dai kao jai yang tong' tae' kha


โดย: CSULB@FineArt วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:18:21:13 น.  

 
อ่า

ดีมากๆเลยคับ


โดย: Pream IP: 118.172.94.136 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:02:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]