สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
4 สิงหาคม 2550

บันทึกนอกรอบ : ห้าช่องทางแห่งการรับรู้






บันทึกนอกรอบ


ห้าช่องทางแห่งการรับรู้
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ




เมื่อเธอถามฉันว่าช่องทางแห่งการรับรู้ทั้งห้านั้นมีสิ่งใดบ้าง ?
ฉันตอบเธอว่า…

มีตา หู จมูก ลิ้น กาย

ตา - ดู
หู - ได้ยิน
จมูก - ได้กลิ่น
ลิ้น - รับรส
กาย - สัมผัส

การรับรู้นำไปสู่การปรุงแต่ง
ปรุงแต่งที่ใด ?
ปรุงแต่งที่ใจ
ใจคืออะไร ?
ใจคือความคิด
คิดอะไร ?
คิดในสิ่งที่รับรู้ผ่านทาง 5 ช่องทางแห่งการรับรู้


เมื่อตามองเห็น วัตถุที่ถูกเห็น ถูกปรุงแต่งที่ใจ
สมองคิดทันทีว่านี่คืออะไร ฉันชอบหรือไม่ชอบ
ถ้าชอบ..อยากได้มาเป็นของตัวเอง
ถ้าไม่ชอบอยากผลักไสออกไป

หูได้ยินเสียง ใจปรุงแต่ง
ถ้าเป็นเสียงสรรเสริญเยินยอปลื้มเปรมไปกับถ้อยคำหวานหูนั้น
หากเป็นเสียงด่าทออันหยาบคาย ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้

จมูกรับกลิ่น กลิ่นจากเครื่องหอม...ชอบ
กลิ่นเหม็นบูดเน่าเสีย รังเกียจอยากเดินหนี

ลิ้นรับรส
รสชาติหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ชอบตามจริต
รสขม รสผะอืดผะอมอยากผลักไส
ไม่อยากชิมลิ้มรส

กายสัมผัสร้อนหนาว ซาบซ่าน อบอุ่น ตราตรึง ติดใจอยากครอบครอง
แต่พอความสุขจากการได้มาเริ่มลดน้อยถอยลง คิดอยากผลักไส


...................................


เราใช้ชีวิตท่ามกลางความเป็นคู่ตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา
ได้มา และ เสียไป
สุข และ ทุกข์
รัก และ ผิดหวัง
ขาว และ ดำ
ฯลฯ


..............................


ความทุกข์ในชีวิตมนุษย์ล้วนเกิดจาก
ทั้ง 5 ช่องทางการรับรู้ทั้งหมดทั้งสิ้น
เพราะตาเห็น หูได้ยิน จมูกรับกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัสร้อนหนาว

แต่นั่นย่อมไม่ใช่ความผิดของช่องทางการรับรู้ทั้ง 5
เขาทำหน้าที่รู้ของเขา
เป็นเราต่างหากที่ไป “ปรุงแต่ง” อาการต่างๆให้เกิดขึ้นที่ความคิด
คิดแล้วยึดติดในอาการนั้น
เห็นแล้วอยากได้มาเป็น “ของกู”
ได้ยินแล้วชอบอยากได้มาเป็น “ของกู”
รับกลิ่นหอมยึดติดในความหอมนั้น แล้วยึดความหอมนั้นว่าเป็น “ของกู”
รับรสชาติที่ถูกปากก็บอกว่านี่แหละรสชาติ “ของกู”
กายสัมผัสสิ่งที่พึงใจแล้วบอกว่า นี่แหละ “ของกู”


ยิ่งติดยึดในความเป็นกู ยิ่งทุกข์
เพราะยิ่งครอบครองไว้มาก
ยิ่งสูญเสียมาก

สิ่งต่างๆที่ยึดโยงไว้....ล้วนไม่เที่ยง
ถึงเวลามันเสื่อมไปทั้งสิ้น
จะเป็นหน้าตา วันหนึ่งก็เหี่ยวเฉาหย่อนยาน
จะเป็นความสุข ความทุกข์ มันมาเดี๋ยวมันก็ไป
ชื่อเสียง คุณงามความดี ที่บอกว่าคนจดจำยกย่องบูชา วันหนึ่งเขาก็ลืม
เงินทอง ตำแหน่งแห่งหน ยศถาบรรดาศักดิ์
คนรัก ครอบครัว ฯลฯ

เคยถามตัวเองบ้างไหมว่ามีอะไรที่เป็นของเราบ้าง ?

ที่บอกว่านี่คือบ้านของฉัน ที่ดินของฉัน เมื่อร้อยปีที่แล้วมันเป็นของใคร ?

ที่บอกว่านี่คือประเทศของฉัน เมื่อพันปีที่แล้วมันเป็นแผ่นดินของใคร ?

ตัวตนที่บอกว่าฉันคือนายก ฯ
ฉันคือผู้ยิ่งใหญ่ ฉันคือนายทหาร ฉันคือนายพล
ฉันคือศิลปิน ฉันคือแพทย์ ฉันคือคนสวย
ฉันคือดารา ฉันคือคนเก็บขยะ ฉันคือพ่อค้าปลา
ฉันคือคนไทย ฉันคือคนจีน ฉันคือฝรั่ง
ฉันคือคนผิวเหลือง คนคือคนผิวดำ ฯลฯ


มีอะไรที่เราต่างกัน ?
ทั้งจุดเริ่มต้นแห่งการกำเนิด
และจุดสุดท้ายแห่งการแตกดับ


...................................


ไม่อยากทุกข์ ไม่ใช่หยุดการรับรู้
ไม่ใช่การนั่งหลับตาไม่ไหวติงเพื่อให้ไม่ต้องรับรู้อะไร
ไม่ใช่ไม่อยากทุกข์ ก็หยุดการรับรู้ด้วยการ
ทิ่มตาให้บอด แทงหูให้หนวก ปิดจมูก เย็บปาก
หรือ เก็บตัวอยู่ในถ้ำเพื่อจะได้ไม่ต้องสัมผัสเนื้อหนังมังสา

หยุดใจไม่ให้คิดก็ไม่ได้
ในเมื่อเขาทำหน้าที่คิด ทำหน้าที่เห็น ฟัง รับกลิ่น รับรส รับสัมผัส

สิ่งที่เราต้องทำ...
คือการรู้เท่าทันอาการที่ใจเราปรุงแต่งขึ้น

รู้แล้วปล่อยวาง


.......................................


ปล่อยวางสิ่งใด ?
ปล่อยวางสิ่งที่รู้
รู้ว่าทุกสิ่งที่เรามีอยู่นั้นไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
ท้ายที่สุดแล้วก็ไปสู่สภาวะเดียวกัน คือ “ความว่าง”


เมื่อมาจากความว่าง
และกลับสู่ความว่าง
ยังจะมี “เขา” มี “เรา” ไปทำไม
ยังจะแบ่งเขา แบ่งเราไปทำไม


.....................................



เราต่างแสวงหา “ทางแห่งการหลุดพ้น” ด้วยวิธีต่างๆนานา
เราต่างแสวงหา “ปัญญา” จากสิ่งต่างๆที่อยู่เหนือธรรมชาติ

แท้จริงแล้ว “พุทธะ” ล้วนอยู่ในจิตของทุกผู้คน
ทุกสรรพสัตว์ และทุกสรรพสิ่ง
เพียงแต่จิตเดิมแท้ของเราถูกห่มคลุมไปด้วยกิเลสอันเกิดจากการปรุงแต่งและสร้างขึ้นของจิตใจ
ผ่านช่องทางการรับรู้ทั้ง 5
จนไม่อาจเปล่งแสงสว่างออกมาได้

ทางแก้ไข...
ไม่ใช่การเพิ่มแสงให้แก่หลอดไฟ
หากแต่เป็นการเดินขึ้นไปถอดหลอดไฟ
แล้วเอาผ้าสะอาดเช็ดฝุ่นที่เกาะกุมหลอดไฟนั้น
เพียงเท่านี้ “แสงสว่าง” ที่มีอยู่เดิม
ก็เปล่งแสงสว่างแห่งปัญญาออกมาได้โดยกระจ่างแจ้ง


..................................


ธรรมะที่แท้แล้ว
ไม่มีสิ่งใดที่ซับซ้อน
ธรรมะคือธรรมชาติ
ธรรมชาติ คือ สิ่งที่เป็นไปของมันเช่นนั้นเอง

ธรรมะมิใช่เรื่องยากเกินเข้าใจ
แต่มิใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าถึงความจริงอันเป็นสิ่งสูงสุด
เพียงการท่องจำมิอาจเรียกได้ว่าเข้าใจธรรมะ
เพราะธรรมะไม่ใช่การท่อง แต่คือการกระทำ
คือ การปฏิบัติซ้ำๆจนเกิดความเคยชิน


..................................


ธรรมะที่แท้จึงมิใช่การแสวงหา
หรือการสร้างขึ้นมาใหม่
หากแต่เป็นการปล่อยวางกิเลสที่มีอยู่
เพื่อให้ “จิตเดิมแท้” ได้เปล่งพลังของมันออกมาอย่างสมบูรณ์


...................................


และธรรมะที่แท้แล้ว
เป็นเพียงการทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ตามแต่สิ่งสมมติที่เราได้เป็นอยู่
เป็นพระก็เป็นพระที่ดี เป็นครูก็เป็นครูที่ดี
เป็นพ่อเป็นแม่คนก็ทำหน้าที่ให้ดี
เป็นลูกก็เป็นลูกที่ดี
เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง ต่างทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

เราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่
เมื่อหมดเวลาก็กลับคืนสู่สภาวะเดิมที่เรากำเนิดมา
มาก็ว่างเปล่า กลับก็ว่างเปล่า
เราไม่อาจครอบครองได้แม้แต่ความดี – ความงาม – ความเลว – ความชั่วใดใดด้วยซ้ำไป


...................................


เราต่างทำตามหน้าที่…
ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็ทำตามหน้าที่

นี่คือ ถ้อยคำที่ฉันอยากแบ่งปันให้เธอฟัง


...................................


ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ฉันอ่านโกอานเซน
แล้วสงสัยอย่างยิ่งยวดว่า
เหตุใด...ก้อนหินจึงเป็นพุทธะ

ด้วยความเพียรอย่างยิ่งยวด
ฉันเองมิได้รับคำตอบใดในตอนนั้น
นอกจากความงุนงงสงสัย

บัดนี้...ฉันศรัทธาในคำถามนั้น
ศรัทธาอย่างยิ่งยวด

ฉันสิ้นความสงสัยในคำถามนั้น
แต่ยังไม่ละความเพียร….
เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งความศรัทธา































Create Date : 04 สิงหาคม 2550
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 7:20:35 น. 43 comments
Counter : 1001 Pageviews.  

 
ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ ทำงานก่อน

อยากจองที่หนึ่ง เลยเขียนก่อนอ่าน


โดย: endeavour วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:7:45:52 น.  

 
ยังตัดกิเสส ไม่ได้.....


อิ อิ....ยังอยากได้อยากเป็นอยู่เลย

สวัสดียามเช้าค่ะ


โดย: endeavour วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:7:47:16 น.  

 
อ่านเข็มทิศชีวิต แล้วถึงได้เข้าใจว่า จิตคือตัวกำหนดการเิดินทางชีวิตค่ะ


คุณแม่ไม่ไ้ด้อ่านบล็อคค่ะ
แต่....ทุกปีจะมีไดอารี่เล่มเล็กที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง
แล้วส่งให้แม่ ในวันแม่จ้า

เรื่องที่เขียนในบล็อคตลอดเดือนนี้ก็จะส่งเป็นไดอารี่ให้คุณแม่อ่านเหมือนเดิม


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:8:16:14 น.  

 



...................................


เราใช้ชีวิตท่ามกลางความเป็นคู่ตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา
ได้มา และ เสียไป
สุข และ ทุกข์
รัก และ ผิดหวัง
ขาว และ ดำ
ฯลฯ


..............................


จริงค่ะ เราไม่อาจหยุดการทำงานของ 5 ช่องนั้นได้
ในความเป็นมนุษย์หยาบๆคนนึง ก้ออดเลือกที่จะเลือกเสพ
สิ่งดีดีเข้าตัว รักษาและปรุงแต่งให้อยู่ยาวนานด้วยจริตทั้งหลายที่มี
ส่วนสิ่งเลวร้ายที่ผ่านเข้ามา เราเลือกไม่ได้ กำหนดเองก้อลำบากเพราะมันอยากมาเยี่ยมเยือนกันเหลือเกิน
ก้อได้แต่ตั้งสติในการรับรู้สิ่งเหล่านั้น พยามไม่ฟูมฟาย แสดงความรังเกียจ เอามันมาเป็นบทเรียน ทบทวนศึกษา หาทางที่จะไม่รับรู้ช่องทางเหล่านั้น เพื่อความอยู่รอดที่สุขสบาย


ขอบคุณค่ะ ที่จัดให้
ยาวได้ใจจริงๆ สมแล้ว..ที่ชอบแนวๆนี้..



โดย: ดาวทะเล วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:8:43:31 น.  

 
อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ได้เลขเมนท์ตัวเดียว

... ห้าช่องแห่งการรับรู้
ป่วยหนที่แล้ว เหลือแค่สอง ...
จิตใจคงอดถูกปรุงแต่งไปมิใช่น้อย

p.s. กำลังจะไปทำงานล่ะ
(ทำงานแปลกกว่าชาวบ้านเค้า ทำวันหยุดสองวันเลย)

นี่จะหนีไปเที่ยว(แบบทำงานไปด้วย)คนเดียวต่างหาก
ยังหาเมล็ดดอกไม้งาม ๆ ที่อยากจะเอาลงดิน
อย่างคุณก๋าว่าไว้คราวก่อนไม่ได้
เลยรอให้ลมพัดมาละกัน
ตอนนี้ ก็ไปไหนมาไหนคนเดียวไปก่อน

p.s.s. นี่ ตื่นมาแผลชามแตกใส่ ไม่ได้อักเสบ เย้


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:8:46:29 น.  

 
ตา - ตาอ่านบลอก

หู - ได้ยินเสียงเด็กวิ่งอยุ่หลังบ้าน


จมูก - ได้กลิ่นกาแฟ แส๊นนนนชื่นบาน

ลิ้น - รับรสกาแฟ แซ่บแต้ๆ ..

กาย - ง่วงงัวเงีย จา..เคลิ้ม...หลาบ..หลับๆตื่นๆ ..



กาแฟ ไม่ช่วยอะไร ..


แล้วทำไมยังกินกาแฟ ....?.

ครูก๋ากินกาแฟ ป่าวคะ ?


โดย: ซซ วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:8:50:34 น.  

 
อีกแระ ทำมะ อีกแระ

ยังกะมาฟังพระเทศน์เช้าเลย
แม่น้องรันไม่ถูกกะวัด ไม่ถูกกะพระ ไม่ถูกกะธรรม

ไม่เคยเข้าใจหรือพยายามจะเข้าใจธรรม
ท่านแม่ของแม่น้องรันออกปากชมอยู่เสมอว่า "นังมารศาสนา"

กะก๋า ทำตัวเหมือนท่านแม่ของแม่น้องรันเข้าไปทุกทีแระ
อีกหน่อยแม่น้องรันก็คงได้รับคำชมจากกะก๋าอีกคนแหง่ ๆ

ให้เบอร์อะไรมาอ่ะ
กดไปหา คนรับเค้าบอกว่า " มีแต่ ประกิจ เจี๊ยก ๆ "


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:9:15:33 น.  

 
ภาพสวยจังค่ะจนหนูต้องพึงสำรวม


โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:9:19:41 น.  

 
ทางแก้ไข...
ไม่ใช่การเพิ่มแสงให้แก่หลอดไฟ
หากแต่เป็นการเดินขึ้นไปถอดหลอดไฟ
แล้วเอาผ้าสะอาดเช็ดฝุ่นที่เกาะกุมหลอดไฟนั้น
เพียงเท่านี้ “แสงสว่าง” ที่มีอยู่เดิม
ก็เปล่งแสงสว่างแห่งปัญญาออกมาได้โดยกระจ่างแจ้ง


วันนี้เดินกวาดลานกว้างของหัวใจ ให้คลายหม่น
ที่เคยรก ความคิดน้อยใจในชีวิต ให้สว่าง
ที่เคยเศร้า มองโลกแลยิ้มได้
ที่เคยหมอง ก็โสภาในทันดล

เหลือความรักจากกองน้อยน้อยที่แลไม่เห็น
เป็นกลุ่มก้อนกองใหญ่ใหญ่พอแบ่งปัน ??????
ดีไหมเอ๋ย

หลงมาถาม ตามคนที่หลงตอบ เดี่ยวจะว่าหลงมาข้างเดียว



โดย: sysee วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:9:38:36 น.  

 
ไม่ชอบเข้าถึงธรรม
แต่ชอบเข้าถึงธรรมชาติน่ะ
กะก๋า คิดไหมว่าแบบไหนถึงจะให้ความรู้สึกเข้าถึงธรรมชาติได้

แม่น้องรันรู้

เคยมีครั้งไปเดินป่ากะพวก พอถึงเวลาอาบน้ำที่น้ำตก แม่น้องรันดันกระโจมอกไม่เป็น
เลยรอให้คนอื่นอาบเสร็จก่อน แล้วแก้ผ้าลงแช่น้ำ

กะก๋าเอ้ย ธรรมชาติจริงๆ ซึ้งเลย ชอบมากกกก
นี่พูดจริงๆน่ะไม่ได้ทะลึ่ง


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:9:57:15 น.  

 
ถ้าอย่างกะก๋าว่า แม่น้องรันก็บรรลุธรรมมาตั้งนานแล้วน่ะซิ

เคยขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขา ดูม่านเมฆ ท้องฟ้าโอบล้อมรอบตัว อยู่ใกล้แค่เอือม แต่ก็ยังรู้สึกว่าสัมผัสได้ไม่ถึงแก่น
พอได้แก้ผ้าเล่นน้ำกลางป่าก็เข้าใจ (แต่อธิบายไม่ถูก)
มีอีกทีตอนดึกๆแก้ผ้าโดดทะเลที่เกาะสเม็ด เพราะอยากทดลองอีกครั้ง
ปลากดว่า....มันรู้สึกดีจริงๆน่ะ

กะก๋า เคยเข้าไปดูในห้องอัลบั้มของผม ของแม่น้องรันไหม จะมีภาพปันปัน น้องของเจ้ารัน แก้ผ้าลงทะเล
ปันปันเป็นเด็กอารมณ์ร้าย ยิ้มยาก
แม่น้องรันเลยใช้ปันปันเป็นหนูทดลอง
ปลากดว่า ปันปัน อารมณ์ดีชึ้นมากๆ หัวเราะร่าตลอด

เด็กมานโกหกไม่เป็น เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีมากเลย

เนอะ


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:10:33:02 น.  

 


โดย: weraj วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:10:41:56 น.  

 
ไม่ได้แวะเข้ามาสักระยะหนึ่งแล้ว จังหวะที่แวะเข้ามาก็เป็นบทกลอน บทกวี
อ่านแล้วไม่มีอารมณ์ร่วมเลยปิดไป มาคราวนี้จังหวะดีแฮะ

เราใช้ชีวิตท่ามกลางความเป็นคู่ตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา
คิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ ทุกอย่างเป็นทวิภาวะ มันเป็นอยู่อย่างนั้น ใจเราเองที่ไปปรุงแต่ง

พ่อเคยสอนมาแต่เล็กๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฟังผ่านๆ พ่อบอกว่า

บางอย่างก็อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมาก เพราะธรรมชาติของมันเป็นอย่างนั้นเอง

พอโตมา ได้ผ่านเรื่องราวดีเลวหลากหลายก็เลยได้เข้าใจ
ไม่ว่าคน ว่าเรื่องราว หรืออะไรก็แล้วแต่ การจะไปปรับเปลี่ยนธรรมชาติของเขานั้นยากที่จะทำได้
จัดการที่ตัวเรานี่สิ ถูกต้องตรงประเด็นที่สุด

หรือถ้าจัดการไม่ได้ ก็รับรู้ แล้วทำความเข้าใจซะ มันเป็นเช่นนั้นเอง
ไม่ว่าชีวิต หรืออารมณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

ปล. ชอบรูปในซีรี่ส์นี้มากค่ะ
ปล.2 แปลกดี ปกติเราเป็นคนห่างวัดนะ วันนี้พูดได้เป็นฉากๆ


โดย: นางสาวอาร์ต IP: 58.10.128.125 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:11:23:49 น.  

 
" ฉันคือคนสวย "
^
^
แม๊...ยังติดอยู่ตรงนี้แหละ ไปไหนไม่ได้ซักที อิๆ

ป.ล. มือถือรุ่นที่คุณก๋าทิ้งแล้วอ่ะ เรายังใช้อยู่เลย หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ แต่คนละสีเท่านั้นเอง ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะพัง555


โดย: พจมารร้าย วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:11:53:12 น.  

 
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อนะคะ...
...อากาศเปลี่ยนรักษาสุขภาพเด้อ..


โดย: Luk IP: 203.156.48.71 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:12:03:20 น.  

 
เคยได้ยินว่า
ถ้าใจไม่ไปผูกอยู่กับอะไร
ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เข้ามากระทบ
เราก็ไม่เป็นอะไร เพราะไม่ได้เอาใจไปผูกไว้กับอะไร
ใจเลยเป็นอิสระ ไม่เป็นทุกข์ และเศร้าหมอง

แต่ว่า

ในความเป็นจริง ทำยากเหลือแสน


โดย: ถ่านหินจำศีล วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:12:04:26 น.  

 
เมื่อกี้ท่านแม่โทรมา
แม่น้องรันบอกท่านแม่ว่ากำลังคุยเรื่องแก้ผ้าแช่น้ำอยู่กะเพื่อนทางเน็ต
ท่านแม่ว่า "ฉันนึกว่าแกจะไม่รู้จักเกรงพระเกรงเจ้าอย่างเดียว แต่นี่แกเล่นไม่รู้จักอายผีสางเทวดาด้วยเรอะ แกนี่มาน..." แล้วเทศน์อีกชั่วโมง
โดนเลย

อ้อ ท่านแม่ฝากมาบอกกะก๋าว่า "ขอบคุณ ที่ช่วยยัดเยียดธรรมมะให้มาน สู้ต่อไปทาเคชิ"
อันหลังเราเติมเอง


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:12:26:57 น.  

 

ยาวจัง

เขียนน่ะ ยาวดีแท้

วันนี้อ่านไม่ไหว

ตาลายยยยย

ได้ยินนกเขาเราขันแระ

อิอิ

คุณแม่น้องรันไปฟังดิ

นกเขาตากะว่าก๋า ขันอยู่ที่บล็อกอิ๋วแน่ะ


โดย: sunny-low วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:12:51:58 น.  

 
^
^
ไม่มาจะรู้ไม่เนี้ย
.............................

เอ้ากะก๋า แม่น้องรันเอาของฝากมาให้



โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:13:08:43 น.  

 
อ่านแล้วทำให้คิดถึง "สวนโมกข์"
คิดถึง ตัวกูของกู ของท่านพุทธทาส

อ้อ!
ใจ เป็นการรับรู้ด้วยปะคะ
ล้อเล่นนะคะ



โดย: pangz วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:14:23:54 น.  

 
ลงมาอ่านแต่ละคอมเม้นต์...โห...เจอนางมารศาสนา...ออกแนวจิ้งจอกสังคม
พี่แม่น้องรันรู้หรือเปล่า เดี๋ยวนี้เขาจัดเรด เด้อ...ใครๆก็อยากอยู่กลุ่ม ท.
....เจ๊ เข้ามาเม้น บล๊อกจานก๋า บล๊อกจานก๋ากลายร่างเป็น ฉ.
....นึกถึง ภาพแม่น้องรันแก้ผ้าโดดน้ำ...หนูกาบ สพึงกลัว...บรื๊อ

...........................

ทำไมจะทำได้...ในเมื่อ มองก็สวย...ดมก็หอม....
สัมผัสก็นุ่ม....เสียงทำก็เย้ายวน...สมองสั่ง..กินได้เสียที่...พิซซ่าแก จะโดดเจ้าเทียมแย่งกินหมดแล้ว...แฮะแฮะ
.....................

กาบยังคงกราบพระทุกวันก่อนนอน...มิใช้จะกลัวผีมาสิง..หรือมาลักหลับ....แต่เพื่อระลึกถึงความดี
...................
จานก๋า...หนูกาบ...มิกล้าคิดใดๆกับแม่น้องรัน...เพราะกลัวทรณีสูบมันจะยิ่งกว่าฟ้าฝ่า


โดย: กาบชมพู วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:14:52:00 น.  

 
ธรรมะมิใช่เรื่องยากเกินเข้าใจ
แต่มิใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าถึงความจริงอันเป็นสิ่งสูงสุด

""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เห็นด้วยคะ

..............................................

ชอบทุกภาพเลยคะ


โดย: goodpeople วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:14:53:16 น.  

 
อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะคุณก๋าและมาดามสุดสวย

เปิดคอร์สสอนถ่ายรูปเมื่อไหร่
เราสมัครคนแรกเลย

....


ได้ครูทีเดียวสองคน
แถมยังใกล้บ้านอีกด้วย 555+

ป.ล. วันนี้ชอบภาพนี้ค่ะ
เพราะดูคุ้นตา .. คิดว่าเป็นพระทางเหนือแน่นอน



โดย: BFBMOM วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:15:01:13 น.  

 
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
..
..
อ่ะ .. ไม่ลืมของฝากนะคะขอบคุณค่ะ
..
..


โดย: azamiya วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:16:32:18 น.  

 
ขืนเปิดสอน มีหวังพานักเรียนออกทะเลครับ 555

ครูก๋าเป็นประเภทไร้กระบวนท่าครับ
ไร้หลักการและเหตุผลโดยสิ้นเชิง

หุหุหุ

เดี๋ยว...อีกไม่นานจะมีกิจกรรมดีดีเกิดขึ้นที่เชียงใหม่
แล้วผมจะเอาบอกกล่าวให้ทราบกัน
บางทีเราอาจไปเจอกันที่งานนี้ก็ได้นะครับ

........

ปล. ภาพนี้มาจากวัดป่าเป้าครับ

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 4 สิงหาคม 2550 15:51:43 น.

^
^
ถ้าออกทะเลแล้วงามขนาดนี้ ก็ขออนุญาตติดเรือไปด้วยคนค่ะ 555+

รอฟังข่าวกิจกรรมดี ๆ ที่เชียงใหม่นะคะ
ตั้งกะมาอยู่เชียงใหม่นี่
ไม่เคยออกนอกเส้นทาง ช้างเผือก - ช้างคลานเลยค่ะ

ห่างหายจากกิจกรรมมานานมากแล้ว
ยิ่งถ้ามีโอกาสจะได้พบคุณก๋า และมาดามนี่ยิ่งอยากไปใหญ่เลยค่ะ

ว่าแล้วค่ะ ว่าภาพนี้จะต้องเป็นพระทางเหนือ
เพราะดูคุ้นตามาก
แต่เรายังไม่เคยเข้าไปวัดป่าเป้าเลยค่ะ
นั่งรถผ่านไปผ่านมา แต่ไม่เคยแวะแม้แต่ครั้งเดียว

ถ้าเป็นวัดกู่เต้าล่ะก็บ่อยค่ะ
อยู่หลังบ้านนี่เอง


โดย: BFBMOM วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:16:38:35 น.  

 
โห วันนี้วันหยุดไง
วันหยุดม่ามี๋อยู่บ้าน
ป่าป๊าเรียบร้อย ไม่แตะคอม อ่าน นสพ และดูทีวี
แต่เรียกลูกมาอ่านบันทึกถึงพ่อ
แถมยังให้อ่านเรื่องสัมผัสทั้งห้าที่บ้านนี้
จนลูกสาวเสียงแหบแห้ง

พ่อบอกว่า
พรุ่งนี้หรือวันจันทร์เจอกัน

ฮ่าๆๆๆ

อ้อ บีแวะมาบอกว่า
ไปที่โดมสิ
ความจริงปรากฏแล้วค่ะ


โดย: rendezvous (be-oct4 ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:16:46:02 น.  

 
ช่องทางทั้ง 5 ถ้าปิดๆซะบ้าง..ก็พอจะให้ปุถุชนได้พบกับความสงบบ้าง

มองมาก ดมมาก ฟังมาก พูด/กินมาก สัมผัสมาก ชอบมาก เกิดความอยากมาก ยิ่งหวงแหนมาก -- เกิดตายๆอยู่นั่นแหล่ะ ในเมื่อชอบก็อยู่กับมันต่อไป ทำใจเฉยๆเสียจะสบายใช่ไหมคะ

อิอิ คุณกะว่าก๋าถึงกับโหลดโดราเอมอน 555 เวลาใครโทรมาติดต่อธุรกิจก้อดีนะคะจะได้แบรบนึกถึงความสนุกในวัยเด็ก เราแก่ขึ้นแต่โดเรมอนยังไม่แก่ขึ้นเรยยย
โนบิตะยิ่งแล้วใหญ่ ยังไม่โตสักนิดนึง 555

แป้งหอมเคยโหลดเซเลอร์มูน ใช้อยู่พักนึงก้ออายตัวเอง

---

การมีคอมเมนท์นี่ดีมากเลยนะคะ แสดงว่าเราได้บริหารความคิด แป้งหอมชอบพยายามคิดเยอะๆก่อนจะเม้นท์

ความคิดไปเข้าท่าเข้าทางบ้างก็รู้สึกดีใจเหมือนทำข้อสอบผ่านเรยยยย

แต่จริงๆการที่เราต้องอ่านคอมเมนท์เนี่ยฝึกให้เราใจกว้าง แป้งหอมจะพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าคิดว่านี่บล็อคเราแล้วจะต้องมีเฉพาะเม้นท์ที่เราอ่านแล้วถูกใจ ต้องใจกว้าง

อิอิ คุณกะว่าก๋าเป็นผู้บริหารระดับสูงไปแระ แป้งหอมก้อเป็น CEO รุ่นเยาว์เหมียนกัน

เคล็ดลับในการเป็น CEO ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆก็คือ การกลับมาช่วยงานพ่อกะแม่นี่ล่ะ ปุ๊บปั๊บๆเป็นผู้บริหารระดับสูงแระ ฮ่าฮ่าๆๆ


โดย: floral_flory IP: 203.146.63.185 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:17:03:54 น.  

 
มาอ่านแล้วค่ะ

เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจตอนจิตว่าง ต้องใช้เวลา

สิ่งที่ทำได้ยากก็คือเรายังอยู่ท่ามกลางสิ่งเร้าต่าง ๆ

บางเวลาตัวกู ของกู ก็สละละทิ้งได้ แต่มันก็มักจะมีเหตุ คนอื่นทำเรื่องให้กูยุ่ง ต้องเข้าไปแก้ไขอีกแล้ว .....บรา บราบรา


โดย: endeavour วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:17:04:44 น.  

 
คิดถึงเฮียกะเจ๊นะคับ
เดี๋ยวคืนนี้ว่าจะอัพแล้วค้าบบบบ


โดย: Kurt Narris วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:17:27:34 น.  

 
สาธุค่าคุณก๋า

แวะมารับเรื่องดีๆ อีกเช่นเคย ปฏิบัติตามได้รึเปล่าอีกเรื่องนึงนะคุณก๋านะ


โดย: ฉุกละหุก วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:19:02:10 น.  

 
แหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอหายเมื่อยก็พาคุณมาดามออกโล้เลยนะคะ emoemoemo


อย่าหักโหมนะคะ เดี๋ยวปวดแขนแบบเมื่อวาน หุหุ emoemoemo



emoemoemo


โดย: Dory (conejodulce ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:20:00:15 น.  

 
เข้ามาลงชื่อเพื่อยืนยันว่า

อ่านจบค่ะ

อ่านจบจริงๆ

แบบซึมซับทุกถ้อยคำด้วย

ขอบคุณสำหรับเนื้องานดีๆมีสาระเต็มร้อย


โดย: ป้ากุ๊กไก่ IP: 124.121.61.91 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:21:27:53 น.  

 

สาธุ

วันนี้ก็ได้ฟังธรรมะดีๆมาเหมือนกัน
แถมได้หนังสือธรรมะมา 2 เล่ม เอาไว้อ่านเตือนสติ

(บวชวัดไหนมาคะท่านขา)


โดย: เอ๊กกี่ วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:21:29:24 น.  

 
ขอบคุณคะลุง

นาทีต่อนาที
ความสุขต่อความทุกข์
นาทีต่อนาที
ความทุกข์ต่อความสุข

สักวันจะสุขทุกนาที



โดย: sysee วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:21:55:24 น.  

 
ยังไม่สามารถตัดกิเลสได้หมด
แต่ก็พยายามจะไม่คล้อยตามการรับรู้ทั้งห้ามากนัก

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: fonrin วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:22:47:45 น.  

 
จานก๋าหลายใจมากวันนี้...จะอัพอะไรเป็นหน้าแรก..เดี๊ยนปรับรมณ์ ไม่ถูก....อ่านทางโลกอยู่ดีๆ..กลับมาทางธรรมอีกล่ะ...กิเลสเน้อ กิเลส


โดย: กาบชมพู วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:22:49:41 น.  

 
หยุดใจไม่ให้คิดก็ไม่ได้ในเมื่อเขาทำหน้าที่คิด ทำหน้าที่เห็น ฟัง รับกลิ่น รับรส รับสัมผัสสิ่งที่เราต้องทำ...คือการรู้เท่าทันอาการที่ใจเราปรุงแต่งขึ้นรู้แล้วปล่อยวาง
เราพยายามปล่อยวางแล้วหลายครั้ง แต่ก็สมองก็ยังมีคิดอยู่ตลอดเวลาคิดเรี่องนั้นเรี่องนี้ เรายังตัดกิเลสไม่ได้สักที


โดย: สุดที่รัก (กิ๊กจ้าจุ๊บๆ ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:23:10:13 น.  

 
ชอบภาพพระพุทธรูปมาก
งามสง่าและสงบนิ่ง
..
นั่งมองเพลินเลยค่ะ


โดย: ระเบียงดอกไม้ วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:4:31:51 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าที่ญี่ปุ่นค่ะ

มีความสุขกับวันหยุดวันอาทิตย์นะค่ะ
.......................................
อ่านแล้วเห็นจริงตามนั้นแล


โดย: samelaa (samelaa ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:6:30:39 น.  

 
คิดได้อย่างไร..เป็ดหายเซ็ง 5555 ชอบใจ...
ทุกคนมีหนามอยู่รอบตัวไปหมดเลย..อยู่ที่จะคมมาก..หรือคมน้อย...


โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:9:19:07 น.  

 
เคยถามตัวเองบ้างไหมว่ามีอะไรที่เป็นของเราบ้าง ?

ไม่มีอะไรเป็นของเราค่ะ
แม้แต่ร่างกาย เซลล์ทุกเซลล์ เลือดทุกหยดในร่างกาย
ที่เราบอกว่า เป็นร่างกายของเรา
เราก็ยังต้องเอามาจากพ่อครึ่งนึง แม่ครึ่งนึง
ไข่ของแม่ปฏิสนธิกับสเปิร์มของพ่อ จึงจะเกิดการแบ่งเซลล์เป็นตัวเรา
แม้กระทั่งตัวเราเองยังไม่ใช่ของเราเลยนะ
ถ้าคิดให้ลึกๆแล้วตัวเราเป็นของพ่อและแม่ต่างหาก
รู้แบบนี้แล้วเราจะ ไขว่คว้า ยึดติดอะไรเป็นของเรากันให้มากมายนักหนา
ถึงเวลาที่ตาย ถ้าหากเอาไปเผา เราก็เป็นเพียงเถ้าถ่าน
ถ้าหากเอาไปฝัง ร่างกายก็ผุพังเป็นกลายเป็นเหยื่อหนอน
แล้วเราจะยึดติดอะไรกันมากมายให้ใจมันเป็นทุข์
อย่าโลภ อย่าเบียดเบียนกันนักเลยค่ะ มนุษย์ทั้งหลาย
เวลาที่เราตาย แม้แต่เหรียญที่เขาใส่ปากให้
เรายังไม่มีปัญญาเอาไปเลยนะ


โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:11:46:16 น.  

 
ขอน้อมรับและจะเพียรพยายามปฏิบัติค่ะ (ยากเหมือนกันนะคะ)


โดย: รุ้งสีที่แปด (รุ้งสีที่แปด ) วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:9:33:50 น.  

 


Thank you so much kha P'Kit

Feel way better than earlier kha.

Mai Pid Hwung jing jing kha...Tee kao mar

Roo suk Sa hngob took Krung jing jing kha

Tee dai mar aan



โดย: CSULB@FineArt วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:15:00:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]