:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 281 ::
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 281 ::โจทย์ --- รังแกผู้คิดโจทย์ --- toor36
:: Miracle in Cell No.7 ::
ช่วงโควิดอันยาวนาน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมผ่านวันอันแสนเบื่อหน่ายไปได้ คือ การนั่งดูหนังใน Netflix ส่วนใหญ่ผมเลือกดูหนังแอคชั่นเป็นหลัก ดูไปเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกว่าไม่มีหนังอะไรให้ดูแล้ว บังเอิญเปิดไปเห็นหนังเรื่องหนึ่งชื่อ Miracle in Cell No.7 เป็นหนังสัญชาติตุรกี โดยที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องอะไร ใครเป็นนักแสดง
ผมนั่งดูไปเรื่อย ๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาในขณะนั่งดู นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ร้องไห้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมร้องไห้ถึงสามสี่ฉาก เศร้าจากฉากสะเทือนใจระหว่างพ่อกับลูก
Miracle in Cell No.7 เวอร์ชั่นนี้ รีเมกมาจากต้นฉบับหนังเกาหลี โดยมีบางส่วนสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง โดยเจ้าของร้านขายการ์ตูนชื่อ จอง วอนซอบ ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 9 ขวบ เขาถูกศาลตัดสินจำคุก 15 ปี โดยจอง วอนซอบพยายามเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้ตัวเองมาโดยตลอด เขาบอกว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมและบังคับให้สารภาพ เพราะคดีนี้ถูกเร่งรัดจากผู้มีอำนาจ เนื่องจากเด็กสาวที่เสียชีวิตเป็นลูกสาวของหัวหน้าสถานีตำรวจรัฐบาลเกาหลีใต้ในขณะนั้น สุดท้ายศาลยุติธรรมยอมพิจารณาคดีใหม่ และทำให้เขาได้พบกับอิสรภาพอีกครั้ง หลังต้องใช้ชีวิตในเรือนจำนาน 15 ปี
ผมไม่ได้ดู Miracle in Cell No.7 เวอร์ชั่นเกาหลี ดูเพียงเวอร์ชั่นตุรกี ซึ่งเปลี่ยนเนื้อหาให้กลายเป็นเรื่องราวของ “เมโม” ชายเลี้ยงแพะผู้มีความพิการทางสมอง กับ “โอวา” ลูกสาวผู้รักพ่อสุดชีวิต เมโมถูกจับในคดีฆาตกรรมลูกสาวนายทหารเสียชีวิต ทั้งที่จริงแล้วเด็กหญิงพลาดเกิดอุบัติเหตุด้วยตัวเอง เขาถูกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้ยอมรับสารภาพ
กฎหมายถูกใช้เป็นเรื่องมือรังแกคนบริสุทธิ์ อำนาจในมือเผด็จการทำให้ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก
ในที่สุดเมโมถูกจับไปขังในห้องขังหมายเลข 7 และได้เรียนรู้ทั้งความเจ็บปวดจากการถูกเพื่อนร่วมห้องขังทุบตีทรมานด้วยความเข้าใจผิด เพราะคิดว่าเมโมเป็นผู้ฆ่าเด็กสาวอย่างโหดเหี้ยม ได้รู้สึกถึงการสูญสิ้นอิสรภาพจากกฎหมายที่ไร้ความยุติธรรม รู้จักความทรมานจากการรอคอยที่จะได้พบลูกสาวสุดที่รัก
แม้ท้ายที่สุดทุกคนจะรู้ความจริงว่าเมโมไม่ได้เป็นคนฆ่าลูกสาวนายทหาร เพราะมีพยานเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พยานปากเอกก็ถูกพ่อของเด็กสาวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นนายหารคนสำคัญฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็น เพื่อทำให้เมโมต้องกลายเป็นผู้ต้องโทษประหารตามเดิม
ฉากที่ผู้คุมเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำ เพื่อนร่วมห้องขัง และครู พยายามช่วยเหลือนำโอวาลูกสาวของเมโมเข้าไปพบพ่อในเรือนจำนั้น อาจเป็นไปไม่ได้เลยในโลกแห่งความเป็นจริง แต่กลับเป็นฉากที่สวยงามและสะเทือนใจที่สุดฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้เลย
Miracle in Cell No.7 อาจเป็นเพียงหนังดราม่าเรียกน้ำตา แต่หากมองลงไปให้ลึกขึ้น เราจะเห็นโครงสร้างอำนาจอันบิดเบี้ยว และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเลวร้ายเลวทรามของผู้มีอำนาจ ซึ่งกระทำกับคนที่ตัวเองเกลียดชังอย่างไร้เหตุผลโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง
“เมโม” จึงไม่ต่างอะไรจากประชาชนที่ถูกกดขี่จากเผด็จการ เรือนจำของเขาไม่ต่างอะไรกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เขียนไว้เพื่อช่วยเหลือทรราช
สัปดาห์ก่อน ข่าววุฒิสภาจับมือกับ สส. ฝ่ายรัฐบาลโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข เป็นข่าวที่ทำให้ผมรู้สึกสิ้นหวังกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ รู้สึกหมดศรัทธากับนักกฎหมายสำคัญสองคนที่ช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ขึ้นมา แล้ววางกับดักไม่ให้มีการแก้ไขได้โดยง่าย
เคยมีนักข่าวไปถามนักโทษการเมืองคนหนึ่งของพม่าว่า คุกที่พม่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาตอบว่า
“คุณหมายถึงคุกที่มีกำแพงหรือคุกที่ไม่มีกำแพงล่ะ ?”
กำแพงที่ประชาชนคนไทยกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้คงไม่ต่างกัน เราถูกล้อมให้อยู่ในกรงขัง มีโรคร้ายอย่างโควิดคอยซุ่มโจมตี มีรัฐบาลที่ล้มเหลวในการบริหารงานคอยแก้ปัญหา แถมยังคิดอยู่ยาวเพื่อคุมเกมอำนาจการเมือง โดยแทบไม่สนใจชะตากรรมของประชาชนที่กำลังลำบากยากเข็ญถึงขีดสุด
ในภาพยนตร์ “เมโม” รอดตายได้ด้วยปาฏิหาริย์ ได้กลับไปใช้ชีวิตกับลูกสาวสุดที่รัก จากการช่วยเหลือของเพื่อน ๆ และ คนที่เลือกยืนอยู่ในฝั่งที่ถูกต้อง
แต่ชีวิตจริงของเรา...อาจไม่ง่าย และไม่มีปาฏิหาริย์ใดหลงเหลืออีกต่อไป ผลของการถูกรังแกจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรม จะนำไปสู่การต่อต้านและเรียกร้องอย่างรุนแรง จำเป็นด้วยหรือที่ประเทศชาติจะต้องเดินไปสู่จุดนั้น หากเพียงแค่ผู้นำและนักการเมืองจะมีจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง เห็นความสำคัญของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่
“ความเสียสละ” ไม่ได้แปลว่าคุณพ่ายแพ้ แต่อาจหมายความว่า เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ต่อไปแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น ก็ควรให้โอกาสคนอื่นหรือคนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตด้วยความหวาดหวั่น และเหมือนถูกรังแกย่ำยีจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรมตลอดเวลา
Create Date : 09 กรกฎาคม 2564 |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2564 6:12:32 น. |
|
20 comments
|
Counter : 1200 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณเริงฤดีนะ, คุณNior Heavens Five, คุณทนายอ้วน, คุณmultiple, คุณkae+aoe, คุณตะลีกีปัส, คุณThe Kop Civil, คุณnonnoiGiwGiw, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณblue_medsai, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณkatoy, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse |
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:7:14:14 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:8:04:33 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:8:35:48 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:8:43:09 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:8:49:31 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:9:52:33 น. |
|
|
|
โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:14:02:32 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:19:43:25 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:20:54:38 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:23:28:17 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 9 กรกฎาคม 2564 เวลา:23:43:20 น. |
|
|
|
| |
ให้ผ่านๆไปเวลา เช้าตรู่นี้ส่งแม่ที่ห้องฟอกไต ดันมีผู้ป่วยติดเชื้ออีก
โรคบ้าโรคบออะไรป่วนไปหมดทั่วโลก เอาเวลาส่วนใหญ่อยู่กับต้นไม้
แบบบ้าคลั่งสลับกับหาเห็บหมาชีวิตช่วงโควิด เดินตลากสดนานก็ไม่
ได้ สภาพแวดล้อมช่วงนี้ระแวงจนประสาทจะรับประทาน