พฤษภาคม 2562
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
4 พฤษภาคม 2562

: สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน :



: สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน :

ภาพและคำ : กะว่าก๋า









สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน
คือเธออาจเรียนเก่ง
ศึกษาวิชาอย่างคร่ำเคร่ง
เร่งเรียนรู้ทุกสรรพวิชา


สอบครั้งใดได้ที่หนึ่ง
จึงจะเรียกว่าเป็นเลิศ
เด็กเอ๋ย...เด็กประเสริฐ
เกิดมาเพื่อเรียนเท่านั้นเอง


เรียน เรียน เรียน แล้วก็สอบ
ตอบคำถามมากมายไม่รู้จบ
เก็บหน่วยกิตไปจนครบ
จบแล้วจึงเป็นบัณฑิตได้สมใจ


แต่สิ่งหนึ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน
คือชีวิตจริงนั้นยอกย้อนซ่อนเงื่อน
โลกแห่งความเป็นจริงนั้นฝืดเฝื่อน
บัณฑิตเกลื่อนกล่นเต็มเมือง


การแข่งขันนอกตำรา
เป็นสิ่งที่ท้าทายความคิดอ่าน
ไม่แน่จริง ย่อมแหลกลาญ
พานพบความผิดหวังได้โดยง่าย


เพราะโรงเรียนไม่เคยสอนเรื่องชีวิต
ไม่เคยให้เธอได้คิดเรื่องอื่นใด
มีแต่เรียน ท่องจำ แล้วสอบไล่
ไม่ได้สอนให้คิด ให้พลิกแพลง


อีกยังไม่เคยสอนให้รู้จักแพ้
ไม่เคยตั้งข้อแม้หากแพ้พ่าย
ว่าต้องลุกหยัดยืนกันอย่างไร
ทำยังไงให้ใจสู้กับความทุกข์ !


เราจึงมีแต่บัณฑิตใจฝ่อ
ผิดหวังอะไรนิดหน่อยก็ท้อถอย
ไม่รู้จักอดทนและรอคอย
ไม่รู้จักปล่อยวางตัวตนที่ยึดติด


โรงเรียนจึงสร้างได้แต่คนเก่ง
แต่ไม่อาจคิดเองเพื่อแก้ปัญหาได้
แล้วบ้านเมืองจะพัฒนาได้อย่างไร
เห็นการศึกษาของไทยใจฝ่อเอย !!!










































 



Create Date : 04 พฤษภาคม 2562
Last Update : 4 พฤษภาคม 2562 6:19:57 น. 20 comments
Counter : 2319 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณSakormaree, คุณInsignia_Museum, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณmelody_bangkok, คุณhaiku, คุณmcayenne94, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณmultiple, คุณNior Heavens Five, คุณตะลีกีปัส, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณJinnyTent, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณKavanich96


 
การศึกษาที่เพาะปลูกบัณทิต เพียงแค่ความรู้เพื่อไปสอบให้ผ่านในห้องเรียน ไม่สามารถเอาไปใช้ทำข้อสอบในชีวิตได้จริงค่ะ... เด็กจบใหม่แทบทุกคนก็เลยชอบพูดว่าโรงเรียนไม่ได้สอนมานี่น่า จะไหนหนูทำไง (555)

"การศึกษาไทยใจฝ่อ" ที่พี่ก๋าเขียน เป็นคำที่อธิบายสภาพปัจจุบันได้ชัดเจนจริงๆ...คงต้องใช้เวลาพัฒนาอีกสักพักใหญ่ๆ ถ้าหากเรายังดำเนินตามทางที่เขาเขียนไว้ บัสก็ยังไม่เเน่ใจว่าชาตินี้จะมีโอกาสเห็นไหมทางรอด

บัสนึกถึงตอนที่ได้สมุดกับดินสอพระราชทานค่ะพี่ นึกถึงโอกาสดีๆ เพียง 1% วันนั้น บัสคิดว่ามันจะเป็น 100% ได้ ถ้าครอบครัวช่วยกันสร้างแนวทางหลักสูตรขึ้นมาสอนเด็กๆ ให้รับมือกับบททดสอบของชีวิตจริงๆ ค่ะ

"ถึงโรงเรียนไม่ได้สอนก็ช่างมัน"
"ให้คนในครอบครัวสอน" ก็น่าจะเพียงพอช่วยให้เด็กๆ ของเราผ่านบททดสอบไปได้



โดย: Sakormaree วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:7:22:16 น.  

 
จริงครับ เด็กๆสมัยนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน นอกจากการเรียนแล้ว ประสบการณ์อื่นแทบไม่มี


โดย: Insignia_Museum วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:9:59:18 น.  

 
เก่งแต่ทฤษีแต่ตกปฏิบัติกับชีวิตจริงก็เหมือนสอบตกซ้ำชั้นจ้า

โรงเรียนและครูคนแรกของชีวิตสำคัญที่สุด คือ พ่อกับแม่และบ้าน

.....................

สวัสดีค่ะคุณก๋า



โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:18:14 น.  

 
อ่านแล้วชอบมากๆเลยค่ะ จริงด้วยค่ะ มีหลายอย่างเลยค่ะที่โรงเรียนไม่ได้สอน
และก็จริงที่โรงเรียนสอนให้แข่งขัน แต่ไม่ได้สอนให้จัดการกับความพ่ายแพ้
มีเพื่อนในรุ่นเลือกที่จะจบชีวิตลงไปเพราะไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้เมื่อธุรกิจขาดทุนและคู่แข่งเริ่มก้าวไปไกลกว่า
พวกเรามองว่าเค้าเป็นคนเก่ง ประสบความสำเร็จ ไม่น่าจะมีเรื่องทุกข์ใจกับปัญหาเรื่องงาน
แต่เพราะเก่ง เลยไม่มีภูมิต้านทานความผิดพลาด ก็หลุดไปเลยได้เหมือนกันค่ะ

สวัสดีตอนสายๆนะคะ



โดย: melody_bangkok วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:53:51 น.  

 
โรงเรียนไม่ได้สอนทุกเรื่องค่ะ
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ชีวิตควรมี
แต่โรงเรียนก็ไม่ได้สอน
อย่างหนึ่งถ้าสอนมากกว่านี้
เด็กๆและผู้ปกครองอาจว่าเยอะเกินอีก
ต่างคนต่างใจ สารพัดความเห็น

ที่จริงแล้วครอบครัวเป็นพื้นฐานที่สำคัญสุด
สำคัญยิ่งกว่าครูของโรงเรียนชั้นไหนๆ
เด็กมีพ่อแม่เป็นครูคนแรกอยู่แล้ว
และเป็นครูตลอดไป
ถ้าเด็กมีครอบครัวที่ดี
ก็จะได้รับการอบรมสั่งสอน
ให้ครบถ้วนทุกด้านไปได้
ในสมัยโบราณคนไทยเราก็ไม่ได้เข้าโรงเรียน
มีเพียงคนบางกลุ่มที่ได้เรียนในโรงเรียน
แต่ก็พัฒนาประเทศมาได้เรื่อยๆ
ทั้งจากประเพณี วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมฯ
บางครั้งต้องบอกว่าแล้วแต่บุญวาสนาของเด็กด้วย
บางคน ไม่มีทั้งพ่อแม่ครอบครัวที่เพียบพร้อม
ไม่มีโอกาสได้เข้าโรงเรียนที่ดี
แต่เขาก็ฝ่าฟันสู้ชีวิต นำพาไปได้ถูกทาง
กลายเป็นบุคคลผู้มีบทบาทต่อสังคม
เราก็พบเห็นกันได้ อย่ากังวลใจไปเลยค่ะ



โดย: mcayenne94 วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:11:46:37 น.  

 
สวัสดียามบ่ายครับคุณก๋า

ระบบการเรียนของเราตั้งแต่เด็กมา เป็นระบบการแข่งขัน
เราแข่งขันมาตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม จนมาถึงมหาวิทยาลัย
มุ่งเน้นวิชาการ เน้นวัดผลจากคะแนนสอบ
เป็นค่านิยมฝังรากลึกไปซะแล้ว พ่อแม่ทุกคนก็ให้ลูกไปเรียนพิเศษกัน
พอเรียนจบ เข้าสู่การทำงานก็ยังดูกันว่าจบมาจากมหาลัยไหน
ตัวผมเองก็วิ่งอยู่ในลู่ ในระบบแบบนี้มาเหมือนกัน

ระบบการศึกษามันค่อนข้างใหญ่เชื่อมโยงผลประโยชน์ต่างๆ
รวมถึงการเมืองด้วยอีกต่างหาก
การแก้ไขนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ

คงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ครับคุณก๋า ที่จะต้องสอนในสิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน

เด็กฆ่าตัวตายเพราะถูกกดดันเรื่องการเรียนจากพ่อแม่ก็มีมาแล้ว

โรงเรียนสอนวิชาการทางโลก พ่อแม่สอนวิชาการทางธรรม
ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป คู่ขนานไปตามลู่วิ่งนั้นนะครับ



โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:13:55:56 น.  

 
สวัสดีอีกรอบค่ะ แหะๆๆ

จริงค่ะ เห็นเด็กเดี๋ยวนี้เรียนแล้วเหนื่อยแทน
เป็นนักเรียนนี่ยุ่งมากกว่าคนทำงานเสียอีกค่ะ

เดี๋ยวนี้เห็นมีโรงเรียนระบบใหม่ที่บอกว่าจะไม่เน้นเรื่องวิชาการ แต่เน้นเรื่องศีลธรรมและการใช้ชีวิต แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นยังไงบ้างนะคะ


โดย: melody_bangkok วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:14:46:57 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

"สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน" โรงเรียนเพียงแต่เป็นสถานที่
ที่ให้นักเรียนมาใช้เป็นที่เรียน โดยมีครูและบุคลากรในโรงเรียนที่จะ
ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวกต่าง ๆ จ้ะ

การศึกษาของไทยเรา ที่จริง ช่วงที่ครูยังสอนอยู่ ผู้ใหญ่ที่
มีอำนาจทางการศึกษา เขาก็พยายามที่จะสอน ให้นักเรียน คิดเป็น
ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น นะ ไม่ใช่ให้ท่องแต่ตำราแล้วไปสอบ

ทฤษฎี "สอนให้ คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น" ครูเห็น
ด้วย และได้นำไปปรับใช้และออกข้อทดสอบอยู่เสมอ แต่บางครั้ง
ครูผู้สอนที่รับทฤษฎีไปแล้ว อาจจะไม่ได้นำไปใช้เท่าที่ควร หรือ
ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย ปัญหาเรื่อง ครูมี
จำนวนน้อย ต้องไปช่วยทำงานด้านอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การเรียนการ
สอนก็มาก ยิ่งปัจจุบัน ยิ่งเห็นได้ชัด เป็นอีกปัญหาหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง ก็มาจากปัญหาครอบครัว ก็เป็นปัญหามาก
ไม่มีเวลาให้กับลูก กลายเป็นปัญหาของสังคม แล้วให้มาอาศัย
คำสอน กลายเป็นให้ครูช่วยแก้ปัญหา ก็มีไม่น้อย ก็โทษกันไป
โทษกันมา กลายเป็นปัญหาทางการศึกษา ปัญหาของสังคม ฯลฯ
มากมาย จนแก้กันไม่หมด ไม่ไหว เฮ้อ !

คนที่อยู่ในวงการศึกษามานานเท่านั้น ที่มองปัญหาได้
ชัดเจน ครูก็เป็นตัวเล็ก ๆ แก้ไขได้เพียงกำลังความสามารถที่มี
อยู่น้อยนิด เนาะ อิอิ

สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน ถ้าหมายถึง เรื่องของประสบการณ์
ชีวิต คงสอนไม่ได้หรอกจ้ะ ครูได้แต่แนะนำ ให้ข้อคิด ผู้เรียน
ทุกคนต้องหมั่นสังเกต หาประสบการณ์ตรงเอง เรื่องของประสบ
การณ์ ไม่มีใครสอนใครได้ ต้องอาศัยตัวเองทั้งนั้น สั่งสมเอาเอง
เพื่อแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเอง เป็นดีที่สุด จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:15:03:29 น.  

 
สวัสดียามเย็นค่า พี่ก๋า

รัฐบาลกี่ยุคกี่สมัยก็แก้ไม่ตกจริงๆ ค่ะ ปัญหานี้
จะขึ้นภาษีอีกกี่ครั้ง ก็ยังไม่วายเมาแล้วขับกันได้อยู่ดี
จะตั้งด่านเยอะขนาดไหน ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่

เหม่งชอบที่คุณจั๊ด พิธีกร รายการ จั๊ด ซัดทุกความจริง
เอามาอธิบายให้ฟังมากค่ะ หัวคลิป ชื่อ
"44 ปี ญี่ปุ่นถอดบทเรียนลดอุบัติเหตุบนถนน"

เห็นชัดว่า ไทยเราก็ทำตามหลายอย่างแล้วนะคะ
มีลดลงบ้างในบางพื้นที่ แต่หลายที่ก็ไม่ลดเลยค่ะ 5555


โดย: Princezz Matcha Latte วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:17:14:06 น.  

 
ถ้าเป็นเด็กยุคเก่า อาจจะใช่นะครับ

แต่เด็กรุ่นใหม่ เด็กเจ้าเล่ห์2019 นี่ ไม่ใช่แล้วนะครับ 555

ทั้งรัฐบาล ทั้งเอกชน นี่เหมือนกันหมด ตั้งแต่ลอกการบ้าน โกงข้อสอบ ไหวพริบดีในเรื่องทุจริต แต่ขี้เกียจอ่านหนังสือ555

อ.เต๊ะ ยังมั่นใจว่า เด็กเจ้าเล่ห์2019 นี่ ยังเอาตัวรอดในสังคมได้ แต่อาจจะออกแนว 18 มงกุฎหน่อยๆ

ก็แล้วแต่ว่า เจ้าทุกข์จะเอาเรื่อง หรือแจ้งจับทันหรือเปล่า แค่นั้นเอง นะครับ เย้ย 555



โดย: multiple วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:17:20:23 น.  

 
สวัสดียามค่ำครับพี่ก๋า
ยังมีอีกหลายอย่างในชีวิตที่โรงเรียนไม่ได้สอนครับ
โหวตครับ


โดย: Nior Heavens Five วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:19:02:00 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

คิดว่าหากร.ร.สอนแต่การใช้ชีวิต
แต่อย่างเดียว ผู้ปกครองจะพาลูกหลาน
ไปเข้าเรียนมั๊ยคะ..แม่ตะลีว่าไม่นะคะ
คงไปหารร.เน้นวิชาการมากกว่า
ประสบการณ์ชีวิต รู้ผิดถูกชั่วดี
ครูสอนค่ะ แทรกทุกรายวิชา
เปรียบเด็กเป็นพืช
พืชจะงอกงามก็จากปุ๋ยจากน้ำ
ส่วนจะได้พันธุ์ดีหรือไม่นั้น
ก็แล้วแต่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์
ครูเป็นผู้รดน้ำพรวนดินและให้ปุ๋ย
ให้ยากำจัดแมลงและวัชพืช
ก็มีอยู่บ้างที่เกิดการแตกจากเผ่า
แต่นั่นก็เป็นที่ตัวพืชเกิดการกลายพันธุ์เอง
ทั้งดีและไม่ดีค่ะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:20:12 น.  

 
ในตำรากับชีวิตจริงมันแตกต่างกันเยอะ บางครั้งสิ่งที่เรียกว่าผิด กลับถูกต้องในชีวิตจริง นี่คือสิ่งที่ในตำราไม่มี มันมีเยอะที่คนทำในสิ่งที่ถูกต้องแต่กลับผิด ซึ่งจริงๆ มันไม่ถูกต้องหรอก


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:21:55 น.  

 
เห็นตวยกับบทความวันนี้ทุกอย่างเจ้า
ปริญญาห้องเรียน กับ ปริญญาชีวิต เป็นคนละฉบับกั๋น
สำคัญทั้งสองอย่าง ปริญญาห้องเรียน
ได้มาเพื่อเป็นบรรทัดฐาน เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิต
แต่ปริญญาชีวิตต้องเรียนรู้บะฮู้จักจบจักสิ้น

ปริญญาในห้องเรียนต้องอาศัยครูที่มีความรู้เฉพาะทาง
แต่ปริญญาชีวิต เริ่มจากป้อแม่สอน นอกนั้น
ประสบการณ์ส่วนตัวของลูก ๆ ที่จะต้องเรียนรู้ในแต่ละวัน
โดยมีครูและป้อแม่คอยเสริม

วิชา สปช. บะฮู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า
ปี้ว่าวิชานี้ ปูทางหื้อละอ่อนได้เรียนรู้โลกภายนอกห้องเรียน
ก่อนที่เขาจะออกไปสู่โลกกว้างจริง ๆ ที่บะใช่แค่ในตำรา

ปิดฮ้านแล้ว เม้าธ์ได้แค่นี้ ฮ้อนจะละลายละ
อยู่กับพัดลมไอน้ำที่เย็นระดับพัดลมธรรมดาวันค่ำ
ส่วนพัดลมธรรมดา กลายเป็นพัดลมร้อน 5555


โดย: JinnyTent วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:53:45 น.  

 
ลืมบอกวันนี้ดอกงามมาก
ขนาดแต่งรูป ยังงามเลยอ่ะ


โดย: JinnyTent วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:54:58 น.  

 
ทักทายดึกๆครับ คุณก๋า
ดูข่าวนสพ. เน็ต เวลามีเรื่องราวอะไร
ถามไปที่พ่อแม่ที่บ้านก็บอกลูกเป็นคนดี ถามคุณครู เป็นศิษย์ที่ดี
แต่อยู่นอกสายตาพ่อแม่+ครู นักเลงอันธพาลตัวพ่อเลยครับ
เรื่องไม่ดีไม่มีใครสอนใครสั่ง แต่กลายเป็นอันธพาล
ชั่ว ดี เลว อยู่ที่ตัวเองล้วนๆ






โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 4 พฤษภาคม 2562 เวลา:23:53:36 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า

หน้าหนาวที่นี่ หนาวจริงๆ ถ้าย้ายมาเมืองไทย ต้องแก้ระบบเยอะเลย
บ้านต้องมีฮีสเตอร์ ถนนเวลาหิมะตก ต้องลงทุนซ์้อเกลือมาโรย รถทำงานกันทั้งคืน .. ค่าใช้จ่ายสูงมาก เราจ่ายภาษีกันเดือนละ เกิน 1,000 เหรียญ
ขณะที่อยู่เมิองไทย ภาษีบ้านน้อยมาก เอามาเป็นค่าแอร์คุ้มกว่า...


โดย: newyorknurse วันที่: 5 พฤษภาคม 2562 เวลา:2:06:49 น.  

 
จริงๆ แล้ว หลายครูหลายโรงเรียนมองเห็นปัญหานี้ค่ะ

ทำให้มีกิจกรรมมากมายเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้รู้จักตัวเองเพิ่มขึ้น แต่เพราะห่วงว่าเด็กจะได้อะไรไม่ครบถ้วนกลายเป็นยัดเยียดกิจกรรมซะจนวิชาการหายไปก็มี การวัดผลการเรียนก็ไม่ได้เน้นแต่วิชาการอย่างเดียวกันมานานแล้ว คะแนนกิจกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มให้ในผลการเรียน

ที่น่าเสียดายคือเมื่อมีกิจกรรมมันจะมาพร้อมกันการแข่งขัน ทำให้เด็กๆ ที่ไม่ได้เก่งกาจพลอยพลาดทั้งโอกาสร่วมกิจกรรมและการเรียนไป

วิชาที่ช่วยส่งเสริมประสบการณ์ชีวิต การรู้จักตนเอง การรู้จักโลกโดยตรง คือวิชาแนะแนว บางโรงเรียนอาจจะมีวิชาเพศศึกษา จริยธรรม หรืออื่นๆ ตามบริบทโรงเรียน คนสร้างหลักสูตรแนะแนว พยายามออกแบบการสอนมาให้ครอบคลุมและเอื้อประโยชน์ต่อนักเรียนค่อนข้างมาก แต่สำหรับโรงเรียนเล็กๆ แล้ว กลับกลายเป็นว่าวิชาแนะแนวถูกเบียดบังไปมากที่สุด เอาไปใช้ทำกิจกรรม ฝึกซ้อม แข่งขัน ครูผู้สอนเองก็น้อยมากที่จะเป็นครูแนะแนวโดยตรง และยิ่งน้อยลงไปอีกที่ใส่ใจต่อการสอนแนะแนวจริงๆ

การเรียนรู้ที่จะเข้าใจตนเอง สังคม และโลก จึงยังคงเป็นสิ่งที่หายากเย็นในโรงเรียนอยู่


โดย: เพรางาย วันที่: 7 พฤษภาคม 2562 เวลา:18:04:28 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 พฤษภาคม 2562 เวลา:2:24:34 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน เรื่อราวดีๆครับ


โดย: เครื่องรางมหาเสน่ห์ (thaiamulets ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2562 เวลา:12:47:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]