พฤษภาคม 2550
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
3 พฤษภาคม 2550

แววตาคู่นั้น

นั่งคุยกับตัวเอง : แววตาคู่นั้น
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
3 พฤษภาคม 2550



เธอกำลังจากไปด้วยโรคร้ายที่สุมรุมเต็มร่างกาย
ผมนั่งเงียบๆอยู่ข้างกาย
แววตาคู่นั้นจ้องมองผ่านม่านความเงียบ
พร้อมรื้นน้ำตาที่เอ่อท้น


...........................


เธอเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ มีอำนาจและชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ
ในระดับจังหวัด...สามารถต่อสายตรงถึงผู้ว่าราชการได้เลยโดยไม่ต้องผ่านเลขาหน้าห้อง

ส่วนผมแค่เด็กเมื่อวานซืน
ครั้งมีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน ผมแทบรองรับอารมณ์เกรี้ยวกราด
เอาแต่ใจของแกไม่ไหว
ถ้าต้องการอะไร ต้องได้เดี๋ยวนี้....
ผมไม่ใช่ม้าเชื่องๆให้ใครมาลากจูงนี่หว่า
ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องกระทบกระเทียบกันบ่อยครั้ง
และด้วยความเป็นเด็ก....ผมผิดเสมอในสายตาผู้ใหญ่

ครั้งที่แรงที่สุด…
ผมดื้อเงียบ แกสั่ง...แล้วผมไม่ทำตาม
แกโทรกลับมาด่าที่ร้าน ผมยกโทรศัพท์แล้วพูด
“ครับ..ครับ...ครับ”
ไม่ว่าแกจะพูดอะไรออกมา ผมก็แค่..
“ครับ...ครับ...ครับ”
สุดท้ายแกวางสายโครม....ผมยิ้มอย่างสะใจ
เรื่องราวบานปลายใหญ่โต
พ่อผมต้องมาขอโทษแกเพราะมีผลทางธุรกิจ
อย่าถามว่าผมรู้สึกเสียใจหรือไม่
จนถึงวันที่แกตาย ผมก็ไม่เคยเอื้อนเอ่ยคำว่า “ขอโทษครับ” สำหรับเหตุการณ์นี้


....................................


หลายปีผ่านไป…
การได้เรียนรู้การทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด
กลับทำให้ผมมีภูมิต้านทานบางอย่างในการทำงานกับมนุษย์
เข้าใจอารมณ์มนุษย์ขี้เหม็นมากขึ้น
ผมใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด
และยิ่งผมนิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ แกยิ่งเปิดใจกับผมมากเท่านั้น
เพราะเมื่อเทียบกับผู้ร่วมงานทุกคนของแก
ซึ่งล้วนเข้ามาทำงานร่วมกันเพื่อ “ชื่อเสียงและผลประโยชน์” เท่านั้น
มีแต่ผมที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร
สั่งอะไรมา สิ่งใดที่ผมพอมีความสามารถที่จะทำได้
ผมไม่เคยปฏิเสธเลย
ผิดกับหลายคนที่ถ้าไม่มี “ผลประโยชน์” ไม่มีวันทำ
นอกจากไม่เป็นฝ่ายให้แล้ว หลายคนยังฉกฉวยเอาอย่างไร้ยางอาย


......................................


ตำแหน่งสูงสุดทางด้านธุรกิจฯของจังหวัด
ทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจ
หลายคนอยากโค่นอำนาจที่แกครอบครองอยู่
ผมอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งและเห็นความละโมบโลภหวังอย่างถึงขีดสุดของคนที่เรียกว่า “เพื่อนร่วมงาน”
“เพื่อน” ที่เคยไว้ใจ กลับเลื่อยขาเก้าอี้ของแก
เพื่อหวังสวมแทนในตำแหน่งใหญ่ที่เอื้อทั้งอำนาจ เงิน และชื่อเสียงเกียรติยศ


………………………………..


“น้องจำไว้นะ คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้” น้ำเสียงแหบเครือของแกเอื้อนเอ่ยกับผม ในวันที่ผมไปเยี่ยมที่บ้าน
น้อยคนมากที่จะแวะมาเยี่ยมเยือน
นับจากวันที่แกต้องลงจากตำแหน่งซึ่งครอบครองมาอย่างยาวนานหลายสมัยโดยไร้คู่แข่ง
เป็นการเดินลงจากบัลลังก์อย่างไม่สวยงามนัก
โดนหักหลัง โดนกลั่นแกล้ง
และแน่นอน.......
เป็นการลงจากหลังเสือด้วยสภาพที่บอบช้ำปางตาย

ความถดถอยของชีวิต….เป็นการเปิดช่องให้คนที่มีรอยแผลในใจกับแก ได้เวลาคิดบัญชีแค้น
(สมัยเรืองอำนาจ แกก็ฟาดงวงฟาดงาใส่คนอื่นมาไม่น้อย)
หลังลงจากตำแหน่งไม่ถึงสองเดือน แกป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล
จากหญิงสาวที่หนักเกือบหกสิบกิโล กลายเป็นคนแก่ร่างงุ้มงอผอมแกนด้วยโรคร้ายที่รักษาให้หายได้ยากมาก

ยิ่งป่วย ยิ่งผอม ร่างกายยิ่งทรุดโทรม
บวกด้วยจิตใจที่ซึมเศร้าห่อเหี่ยวจากน้ำมือคนใกล้ชิด
อาการป่วยยิ่งลุกลามกว้างขวาง


ผมไปเยี่ยมสองสามครั้งก่อนที่แกจะเสียชีวิต
ทุกครั้ง....ผมเลือกนั่งเงียบๆ
พูดให้กำลังใจด้วยถ้อยคำสั้นๆว่า
“เดี๋ยวก็หายครับ”
“พี่แข็งแกร่งอยู่แล้ว สู้ได้สบายมาก”
แต่ใจคนที่ว่าแข็งแกร่งย่อมมีช่วงอันเวลาอ่อนแอ เปิดช่องให้โรคร้ายได้รุกรานโจมตี


……………………………….


ผู้คนที่เคยแวดล้อมพากันหายหน้าหายตาไปจนหมดสิ้น
เมื่อวันที่ไร้ผลประโยชน์ให้รุมทึ้งกัดกิน....

เรื่องราวที่ตามมาย่อมสร้างความสะเทือนใจใหญ่หลวง
วันที่คนที่เคยมีอำนาจ ต้องสูญเสียอำนาจที่ตัวเองมีทั้งหมด
ย่อมเป็นวันที่โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาอย่างถึงที่สุด


.................................


“พี่ครับ ป้า...เค้าเสียแล้วครับ”
ค่ำนั้น หลานชายของแกโทรศัพท์แจ้งข่าวให้ผมทราบ
ผมนิ่งเงียบคนเดียวในห้อง…
คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่แกประกาศให้ทุกคนทราบว่าแกเกลียดผม
จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตที่แกสั่งเสียไว้ว่า
หากแกตาย ให้หลานชายโทรบอกผม กับคนในครอบครัวอีกสองคนเท่านั้น
สั่งไว้ด้วยซ้ำว่าไม่ให้เชิญใครมาในงานศพของแกบ้าง
คนที่เคยพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นในวันที่แกเรืองอำนาจ
ใช่...เป็นคนกลุ่มเดียวกันกับที่หักหลัง เพื่อโค่นอำนาจของแก
และเหยียบแกจนจมลงดินด้วยความคลั่งแค้นสะใจ


................................


แกจากไปหลายปี....
และผมไม่เคยลืมบทเรียนชีวิตที่แกสอนให้เป็นครั้งสุดท้าย
เป็นบทเรียนที่ขีดเขียนด้วยชีวิต
ชีวิตที่เคยยิ่งใหญ่
ชีวิตในวันที่ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง
ชีวิตในวันที่หัวใจเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
ชีวิตในวันที่ใครก็เพิกเฉยลืมเลือน

ผมกลับได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ
ได้นั่งคุยกันผ่านม่านความเงียบ
และผมไม่เคยลบเลือนแววตาที่เจ็บปวดคู่นั้น

หลังแกเสีย
ผมลาออกจากสมาคมฯ
ลาออกจากตำแหน่งแห่งหนทางสังคมทุกอย่าง

ไม่ต้องให้ใครถาม
ไม่ต้องรอใครบอก
ชีวิตของแกเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิตของผมอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างน้อยที่สุด...
ณ วันนี้ ผมก็รู้แล้วว่าผมต้องใช้ชีวิตอย่างไร
ทั้งวันที่ขึ้นขี่อยู่บนอำนาจ
และวันที่ต้องเดินลงมาจากมัน
โดยไม่ต้องให้ใครมาเหยียบย่ำซ้ำเติมชีวิตของเรา.









Create Date : 03 พฤษภาคม 2550
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 7:41:44 น. 26 comments
Counter : 1022 Pageviews.  

 
สวัสดีค่ะ คุณครูก๋า

วันนี้สมองปรอดโปร่งแต่เช้า มารับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ

เป็นบทเรียนชีวิตที่ดีมากเลยค่ะ

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ได้มาอ่านคงได้อะไรดี ๆ กลับไปอย่างแน่นอนค่ะ


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:08:43 น.  

 

สังคมที่พี่อยู่ยิ่งเห็นได้ชัดมาก

เมื่อหมดยศฐาบรรดาศักดิ์
ก็ไม่มีอำนาจวาสนา
และประโยชน์อีกต่อไป

จากผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูง
ผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง
ก็จะกลายเป็นแค่คนชราคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อถึงวันหนึ่ง

ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะยิ่งใหญ่ไปทำไม

เวลาฟังเพลง ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน
พี่มักจะนึกถึงพวกทำตัวใหญ่โตเหล่านี้


โดย: sunny-low วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:10:19 น.  

 
สำหรับท่านใดชอบสี่เต่าทอง
The Beatles รอท่านอยู่ที่ห้องฟังเพลงเก่าครับ


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:16:55 น.  

 
สวัสดียามเช้า..(ตอนสายๆๆคะ..อิอิ.)
แวะมาทักทายและอ่านบทเรียนของชีวิตคะ..
อืมๆๆ..ชีวิตเราเหมือนละครนะคะ..มีไว้ให้ทุกคนเรียนรู้แล้วแต่ว่าคนเรียนรู้จะเก็บเกี่ยวและนำมาปรับใช้กับตนเองได้มากน้อยเพียงไร..( แฮะๆๆ..เขียนจริงจังกับเค้าก็เป็นเน้อะ..)
ขอบคุณนะคะ..


โดย: พิจักษณา วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:24:10 น.  

 
อ่านไปเจ็บปวดไปคำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวสมองน้อย ๆ ตอนกำลังเคี้ยวแฮมตุ้ย ๆ ๆ " กงสี " (ไม่เกี่ยวแต่คิดค่ะ)


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:29:07 น.  

 
คุณครูก๋าคะ

ทำให้ลูกศิษย์แอบเขินอมยิ้มแก้มป่องแต่เช้าเลยค่ะ 555

เป็นคอมเม้นท์ที่น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:30:11 น.  

 




บทเรียนจากหนึ่งชีวิตที่จากไป
สู่การเรียนรู้ของอีกหลายหลายชีวิต

ดี.เป็นหนึ่งในหลายนั้น
ขอบคุณมากมากค่ะ





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:43:21 น.  

 
มีเพลงอยู่เพลงหนึ่ง ที่พี่แอ๊ด คาราบาว ร้องไว้....ชื่อเพลง
"ความหมาย"........ลองไปฟังดูนะคะ...

จะได้คำตอบในทุกความหมาย อย่างการอยู่กับคนที่ใจร้อน ก็จะทำให้เราใจเย็นขึ้นนั่นแหละค่ะ


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:48:16 น.  

 
กลายมาเป็นแฟนคอลัมภ์ไปแล้ว...

ท่านอาจารย์พุธทาสสอนไว้ว่า ใครมีตัวกู ของกูมาก ก็ทุกข์มาก เช่นนั้น....


โดย: viji (viji ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:41:17 น.  

 
ชักชอบอ่านเนื้อหาคุณแล้วสิ..

อ่านไปก็สดุดใจเลยค่ะ..ว่าเราจะเหมือนเธอคนนี้ไหม???
เราชอบผู้หญิงเก่งค่ะ..มีความรู้สึกสบายใจนะค่ะ
พอรู้ประวัติคนเก่งๆๆ..แต่เธอน่าสงสารนะค่ะ
นี้แหละค่ะคือความไม่แน่นอน

แต่ก่อนเราทำธุรกิจไม่ค่อยใส่ใจสภาพแวดล้อมและการเมืองนะ
เพราะธุรกิจเราเล็กๆๆ..ไม่น่ากระทบได้
เรามองว่าไม่น่ามีผลกระทบอะไรกับเรา..ยอมรับประมาทนะ

แต่ตอนนี้ต้องมองหลายซอดดดดดเลยค่ะ
ว่าตอนไหนจะกระทบมากที่สุด..
และต้องมีการคาดเดา..หลายชั้น..
แม้แต่การเปลี่ยนแปลงนายก..ก็สามารถกระทบได้
ยอมรับเหนื่อยนะ..แต่สู้เสมอค่ะ

เรื่องความมี..ความเสื่อม..ในอำนาจ..
เราว่าคือวัฎจักรโดยแท้เลยละ...
เราถึงไม่ชอบสร้างอำนาจให้เกิด..ด้วยภาพค่ะ
เราชอบสร้างความศรัทธาให้คนยอมรับ
ด้วยตัวตนของเขาเองค่ะ...

เพราะ..เราจะได้รับความจริงใจแน่นอนค่ะ
เราถึงบางครั้งไม่ใส่ใจอะไร..ดูออกเย็นชา..
แกมหยิ่งมัง..แต่เราคนง่ายๆๆค่ะ..ถ้าใครคบกับเรา

เหมือนกับที่คุณมีให้คนเจ้าของแววตาคู่นี้เสมอไงละ
ความศรัทธาที่ถูกหล่อหลอมเข้าไปในจิตใจ
โดยเราไม่รู้ตัวไงค่ะ..เพราะเธอสร้างศรัทธา..

ทุกวันนี้..เราปลงหลายอย่างเพราะอายุเริ่มมีประสบการณ์นะค่ะ
บางครั้งเราว่าเราอาจไม่เหมาะกับโลกไซเบอร์นะ
เราเคยคิดว่าไร้สาระ..
แต่พอเข้ามาสัมผัส..ถ้าเราใฝ่หาดีๆๆมีสาระมากเลยค่ะ

ว่างงานแล้วนะค่ะ..เขียนซะยาว
ชอบบทความนี้ค่ะ..ได้ความรู้สึกดีมากค่ะ
คุณคนมากด้วยความรู้จริง..นับถือค่ะ




ปล..กทม..ฝนตกมาหลายวันแล้วค่ะ..
มีคนบอกว่า..มรสุมเข้ามาในรอบ..40..ปีนะค่ะ
มีความสุขนะค่ะ

เราจะต้องได้เห็นพระจันทร์ทรงกลดค่ะ..
ผู้ไม่เคยยอมแพ้ค่ะ


โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:42:03 น.  

 
อ่านแล้วทำให้นึกถึง...คำที่เค้าว่าไว้ว่า
"คนที่ยิ่งใหญ่นั้น..มันมิใช่ว่าเค้าเป็นอะไร
แต่ที่สำคัญ...คือเค้ากำลังทำอะไรต่างหาก"
............
ชอบที่คุณเขียนค่ะ...หลอกหลานสำเร็จหรือยังค่ะ


โดย: กาแฟดำไม่เผ็ด วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:05:20 น.  

 
แง๊ แง แง ย่าน บ่ มัก............


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:47:54 น.  

 
เราว่าทุกอย่างมักจะมีปัญหาให้แก้เสมอค่ะ..
ก็เราเป็น.** คน ** นิ..
มันจะถูกกวนไปกวนมาให้สับสนเสมอ..

คนยิ่งเก่งย่อมมีคนต้องการพึ่งพา..
เลยมักจะให้มีเรื่องแก้ไขมากขึ้นเสมอ
เราเชื่อคุณค่ะ.บางครั้งคนเก่ง..ก็แก้ปัญหาไม่ตก
จึงทำให้เขาเกิดทุกข์หนักยิ่งกว่าเราค่ะ

และทุกคนไม่มีใครปฎิเสธ..ความรวย..จริงค่ะ
และความรวยก็ไม่ช่วยให้เราได้ทุกอย่าง..ใช่ค่ะ
อย่าว่าแต่จะตอบคำถามเราเลยค่ะ..
แม้กระทั้งความสุขที่จอมปลอม
แต่คนก็มักจะแสวงหาอยู่ดีนะค่ะ

เราชอบพระราชดำรัส..ของนายหลวงท่านค่ะ
**เราควรทำเศรษฐกิจแต่พอเพียงค่ะ**

เรามีชีวิต..ที่พอเพียงนะตอนนี้..
แต่นิสัยเราค่อนข้างทะเยอทะยาน
กล้าได้กล้าเสียยยย...แต่เบาไปแยอะแล้วละ
เพราะความโลภหรือ..ความอยากดีละ
หรือต้องการมองดูว่าตัวเองเป็นคนเก่งหรือเปล่า???

แฮะๆๆๆวันนี้เรามีมีสาระจัง
มาบล็อกคุณเราเลยมีสาระไปเลย
ปกติโลกแห่งนี้เราบ้าบอค่ะ..เพ้อเจอ

เนื้อหาคุณเราชอบนะ..มายได้ชม..
มันรู้สึกเวลาอ่านแล้วเราเกิดอารมณ์ร่วมไงละ
เราใช้ภาษาผิดไหมนิ...

เราเป็นคนไม่เก่งหลายอย่าง???
เลยมักจะชื่นชมคนเก่งเสมอค่ะ

เราว่าทุกอย่างเราสามารถเรียนรู้ได้
โดยไม่ต้องรอเวลา..อายุ..แม้กระทั้งสถานที่..ค่ะ
การเรียนรู้ในทุกโลกทุกที่..ไม่มีคำว่าสิ้นสุดค่ะ

ขอบคุณที่แวะหาเสมอ..เราชอบอ่านที่คุณคอมเมนต์ค่ะ



โดย: catt.&.cattleya IP: 58.9.231.84 วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:50:26 น.  

 
ตามมาจาก blog พีทคุงอ่ะค่ะ....

ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าคะ....อ่านไปก็..อืม...พยักหน้า...เห็นด้วยๆ พร้อมกับขมุมขมิบ ปากไปมา

ใจก็พาลนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับงาน เพื่อนร่วม เจ้านาย...แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

เพราะทุกครั้งที่รู้สึกหดหู่กับการทำงาน เรามักจะต้องแหล่งพักพิงใจ เพื่อให้ฟื้นกลับมาต่อสู้กับมันอีกครั้ง....แต่เรากลับไม่มี....มันว่างเปล่าอย่างเหลือเชื่อ

สิ่งที่ดีที่สุดคือ ปล่อยวาง เมื่อไหร่ก็ตามที่ก้าวออกมาจากบริษัท เราจะพยายามทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เพื่อใช้เสี้ยวเวลาเล็กกับที่บ้านแลครอบครัวอย่างเต็มที่...เนี่ย คือแหล่งที่มาของพลังที่เหลืออยู่ สำหรับการต่อสู้ในวันถัดไป...

ยินดีที่รู้จักอีกครั้งนะคะ....ว่างๆก็แวะไปเที่ยวบ้างนะคะ


โดย: วิตามินโซดา วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:02:53 น.  

 
เขาถึงบอกว่า "ชีวิตคือโรงเรียนที่เราต้องเรียนรู้ตลอดไป"


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:04:31 น.  

 
...ความยิ่งใหญ่ที่ได้มาจากการแก่งแย่งแข่งขันมันไม่จีรังเลยนะครับ


โดย: พีทคุง (redistuO ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:22:29 น.  

 
นี่ใช่ไหมคะที่เขาเรียกว่า มหาลัยชีวิต



โดย: รุ้งสีที่แปด วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:29:50 น.  

 
บทเพลง "ความหมาย" อยู่ในชุด ซึม เศร้า เหงา แฮงค์ (ถ้าจำไม่ผิด)....

ลองเข้าไปฟังได้ที่บล๊อค กว่าจะเป็น...ครอบครัวอุ่นรัก (2)


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=natentertain&month=03-2007&date=31&group=2&gblog=4

ลองฟังดูนะคะ


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:33:37 น.  

 
เมื่อเช้าเข้ามาอ่านแล้วนะคะ
ตั้งท่าอยู่หลายทีว่าจะฝากคอมเม้นท์ไว้
แต่จนแล้วจนรอดก็ยุ่งซะจนไม่ได้ฝากค่ะ
อ่านแล้ว..นอกเหนือจากความรู้สึกที่ว่า
เขียนได้ดี เรียงลำดับความคิดได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
อีกหนึ่งที่ทำให้รู้จักเจ้าของบล็อกมากขึ้นก็คือ
คุณรู้จักและเข้าใจชีวิตดีนะคะ
คนอายุแค่นี้ เข้าใจชีวิตได้ขนาดนี้ น่าเคารพค่ะ


โดย: ฝากเธอ วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:11:31 น.  

 
อยากรู้จังว่าพี่กะว่าก๋า ...อ้าว ลืมแระ โห้...ว่าจะถามหยังหว่า ลืม ๆ ๆ เดี๋ยวไปตามเก็บก่อนค่ะ หล่นบล๊อคใครก็ไม่รู้ (ลืมจริง ๆ ๆ)


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:03:08 น.  

 
เขียนได้เป็นการเป็นงานมากเลย

ไว้จะเข้ามาอีกน๊า


โดย: อย่างร้ายกาจ วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:03:21 น.  

 


โดย: September rain (September rain ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:44:31 น.  

 
อ่านแล้วสะเทือนใจค่ะ
แต่เรื่องที่จะเล่าอาจไม่เกี่ยวกับเรื่องข้างบนของจขบ. นะคะ

เราเคยไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ฝรั่ง
อารมณ์เขาเรียกว่าขึ้นลงเป็นสิบในแต่ละวัน
อยู่ด้วยยากน่ะค่ะ เพื่อนเรารู้จักเขาบ้างก็บอกว่าเป็นใครคงไม่มีใครอดทน
แถมต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ปัญหาเยอะมาก
แต่เราคิดว่า คนเหมือนๆ กันจะยากแค่ไหนกันเชียว
แค่เปิดใจและคิดดีกับเขา ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันได้
กว่าจะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจใช้เวลาอยู่ครึ่งปี
แล้วก็อยู่ด้วยกันจนครบตามสัญญาของการว่าจ้าง
เขาอยากให้เราทำงานต่อ เราเองก็อยากอยู่ต่อ
แต่ว่าเราก็มีอะไรอย่างอื่นที่อยากทำ
คือ ณ ตอนนี้ยังไม่เคยเจอใครที่อารมณ์ขึ้นลงได้เท่าเขาเลย
บางทีเลยคิดว่าโชคดีที่อยู่ร่วมกับคนยากๆ มาได้ ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่างดีขึ้น
ว่าเพราะอะไร ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น
นับจากสิ้นสุดสัญญาก็ไม่เจอกันสองปีแล้วค่ะ
แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เราอีเมลไปปรึกษาและพูดคุยกับเขาอยู่เสมอๆ
นึกย้อนไปแล้วรู้สึกดีใจที่เราเลือก อดทนและเปิดใจ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:23:32 น.  

 
เขียนได้น่าสะเทือนใจดีครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ


โดย: fzero วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:06:02 น.  

 
แวะมาอ่านบทความดี ๆ เหมือนเดิมค่ะ ^_^

น่ากลัวจังเลย เฮ้อออ งาน และ ธุรกิจก็ย่อมเป็นอย่างนี้แล


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:24:45 น.  

 
It called life ka, but...


I don't know why I want to cry.


โดย: CSULB@FineArt วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:16:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]