:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณ Pimpim Cheaw ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณ Pimpim Cheaw ::
ถ้าทัศนคติไม่ตรงกันจะแก้ไขให้คุยกันได้ยังไงคะ
คำถามโดย : Pimpim Cheaw
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบการเมือง ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำว่า ปรับทัศนคติ แน่ ๆ และรู้สึกไหมครับว่าคนที่ถูกเรียกตัวเข้ากรมทหาร เมื่อกลับออกมา ทัศนคติ ของคน ๆ นั้นก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ยังคงคิด พูด และทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลต้องการ
ทัศนะ แปลว่า การเห็น ความเห็น คติ แปลว่า หลักการ วิถี แนวทาง
ปรับทัศนคติ คือ การปรับวิธีคิด หรือแนวทางความคิดเห็น ให้มองหรือคิดไปในทางเดียวกัน
คิดให้เหมือนกัน คำนี้น่าสนใจมากเลยนะครับ เพราะอะไร ?
เพราะเรามักคิดว่าการทะเลาะเบาะแว้ง ความเกลียดชัง การเห็นต่าง การคิดไม่ตรงกัน ความขัดแย้ง มักเกิดจากการคิดไม่เหมือนกัน ถ้าอยากเห็นความสมานฉันท์ต้องทำยังไงก็ได้ ให้ทุกคน คิดเหมือนกัน
คำถามคือ....แม้แต่คู่รักยังไม่สามารถคิดเหมือนกันได้เลย ในครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ลูกอาจคิดเห็นไปคนละทาง แต่ทำไมยังอยู่กันได้โดยไม่ทะเลาะเบาะแว้ง
ทำไมในห้องเรียนห้องหนึ่ง มีนักเรียน 30 คนที่คิดไปคนละอย่าง แต่กลับอยู่ร่วมกันได้ทั้งที่ไม่มีอะไรชอบหรือคิดเหมือนกันเลย
สิ่งที่ยึดโยงคนทั้งหมดไว้ด้วยกันได้โดยไม่ต้องทะเลาะกัน นั่นคือ การรับฟัง
........................................
การสั่งให้คนคิดและเชื่ออย่างที่เราต้องการ ด้วยกำลัง ด้วยคำสั่ง ด้วยอาวุธ ด้วยการบังคับ ด้วยกฎหมาย ไม่มีวันสร้างความสงบที่แท้จริงได้ มีแต่การรับฟังเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่ความสันติอย่างแท้จริง
พ่อที่ฟังลูกชายพูดถึงความต้องการในการเลือกสาขาวิชา แล้วให้ลูกตัดสินใจเลือกเรียนเอง ย่อมดีกว่าพ่อที่ตัดสินใจให้ลูกทุกอย่าง
สามีภรรยาอาจมีนิสัยหรือความชอบต่างกันสุดขั้ว แต่อยู่ด้วยกันได้ด้วยการยอมรับ เข้าใจและรับฟังอีกฝ่าย ยอมที่จะถอยและคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
เพื่อนที่มีอะไรก็พูดบอกกันตรง ๆ ชอบไม่ชอบอะไรบอกออกไปตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม ไม่พูดด้วยอารมณ์ ด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่พูดด้วยเหตุด้วยผล มีหรือจะจบลงตรงการแตกหัก
รัฐบาลที่เดินเข้าหาประชาชนอย่างจริงใจ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แล้วนำปัญหานั้นไปแก้ไขอย่างตั้งใจ มีหรือประชาชนจะรังเกียจ มีหรือประชาชนจะขับไล่ไสส่ง
แต่ทุกวันนี้ที่บ้านเมืองยังมีปัญหา เพราะรัฐบาลไม่จริงใจในแก้ปัญหา ลุแก่อำนาจ และใช้แต่กฎหมายทำร้ายคนคิดเห็นต่าง ความสมานฉันท์จึงไม่เคยเกิดขึ้น
เหมือนคนรักที่ไม่เคยฟังกัน คอยคิดแต่จะควบคุมอีกฝ่าย คอยหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง เวลาคุยกัน ไม่มีใครฟังใครเลย มีแต่คิดว่าฉันจะเอาแบบนี้ เธอต้องคิดแบบที่ฉันคิด เธอต้องทำแบบที่ฉันอยากให้ทำ ฉันจึงจะรักเธอ นี่คือ ได้ยิน...แต่ไม่ได้ฟัง อยู่ด้วยกัน...แต่ไม่ได้ใส่ใจ รัก..แต่พยายามควบคุม
ทำแบบนี้อีกฝ่ายย่อมอึดอัด เมื่ออึดอัดมากเข้าก็รำคาญ รำคาญ พาล ไม่อยากคุย ไม่อยากฟัง ที่สุดก็ทะเลาะกัน วนไปวนมาไม่จบสักที
..................................
จะกลับมาพูดคุยกันได้ ใช่ว่าต้องปรับทัศนคติให้ตรงกัน เห็นต่างได้ เชื่อไม่เหมือนกันได้ คิดไม่เหมือนกันก็ได้ แต่ต้อง รับฟัง ครับ ต้องฟังอย่างตั้งใจ ให้เขาพูดสิ่งที่คิดออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ฟังเขาพูดให้จบ แล้วค่อยหาเหตุผลมาคุยกันต่อ
ทุกวันนี้คนเรา ฟัง กันน้อยมาก และฟังอย่างไม่ตั้งใจ คอยแต่จะหาจังหวะสวนกลับ คอยแต่หาประโยคประชดประชัน ด่าทอกัน
การกลับมาฟังอีกฝ่ายพูดอย่างตั้งใจ เปิดโอกาสให้ได้รับรู้สิ่งที่อยู่ในใจของเขา เมื่อฟัง --- ย่อมได้ยินสิ่งที่เขาต้องการบอกออกมา ฟังแล้วเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร แต่ต้องฟังและฟังให้จบ ให้เขาพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาให้หมด อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินว่าถูกหรือผิด ฟังไปเรื่อย ๆ อย่างตั้งใจจนเขาพูดจบ แล้วค่อยใช้โอกาสเป็นผู้พูดบ้าง ถ้าทั้งสองฝ่ายตั้งใจฟังกันและกัน ความโกรธเกลียดไม่มีทางเกิดขึ้นเลยครับ
ทุกสงครามบนโลกนี้ สุดท้ายจบลงตรงโต๊ะเจรจา เช่นกัน...ทุกความสัมพันธ์ ก็จบลงตรงการพูดคุยและรับฟัง
แต่ถ้าไม่คิดจะฟังกัน เริ่มต้นคำแรกก็ด่ากันก่อนแล้ว แบบนี้ยากครับที่จะคุยกัน
ถ้าไม่คุย ไม่ฟัง มันไม่มีหนทางปรับทัศนคติได้เลย
.................................
คนเราเกิดมา ร้อยพ่อพันแม่ ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน จะให้คิดเหมือนกันทุกอย่าง ทำเหมือนกันทุกแบบ เชื่อเหมือนกันทุกสิ่ง ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ให้เขาเข้าใจเราทำได้ยาก แต่เราเข้าใจเขาก่อน อันนี้ทำได้ง่ายกว่า และทำได้ทันที
ถ้าเราเปิดใจยอมรับความจริงที่ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบบนโลกนี้ เราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบ แต่จะหาวิธีอยู่กับความไม่สมบูรณ์แบบนี้ได้อย่างไร โดยที่ทุกฝ่ายไม่ต้องอึดอัดใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
สุดท้ายคำถามนี้ก็มาจบลงตรงคำว่า รับฟัง ฟัง --- เพื่อจะได้เข้าใจและยอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เขาเป็น
คำว่า ปรับ ควรเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคาดหวังและเรียกร้องไปคนเดียว โดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย
ทุกความสัมพันธ์ เปลี่ยน จากร้ายให้กลายเป็นดีได้ อยู่ที่เรากล้าเปลี่ยนตัวเองหรือเปล่า กล้าที่จะให้โอกาสใครคนนั้นพูดในสิ่งที่เขาคิดหรือเปล่า กล้าที่จะให้อภัย กล้าที่จะขอโทษ กล้าที่จะนั่งรับฟังเขาบ้างหรือเปล่า
ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องใช้ความกล้า และต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนจริง ๆ ครับ
Create Date : 27 เมษายน 2561 |
Last Update : 27 เมษายน 2561 6:12:08 น. |
|
23 comments
|
Counter : 633 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณmambymam, คุณkae+aoe, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณJinnyTent, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณThe Kop Civil, คุณNior Heavens Five, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณสองแผ่นดิน, คุณtuk-tuk@korat, คุณนักผจญภัยมือใหม่, คุณหอมกร, คุณชีริว, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณtoor36, คุณmelody_bangkok, คุณhaiku, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณRain_sk |
โดย: mambymam วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:8:04:25 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:8:28:56 น. |
|
|
|
โดย: blog pu วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:9:12:23 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:11:39:42 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:13:05:35 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:13:37:42 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:13:59:21 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:16:04:03 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:16:58:24 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:18:52:38 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:21:06:02 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:22:51:37 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:23:14:23 น. |
|
|
|
โดย: toor36 วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:23:25:37 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 27 เมษายน 2561 เวลา:23:27:34 น. |
|
|
|
| |
แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้จัก รับฟัง ปัญหาความขัดแย้งก็ไม่เกิดนะคะ
ที่วุ่นๆทุกวันนี้ก็ตรงไม่รับฟังนี่ล่ะค่ะ