เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
20 เมษายน 2550

หลายปีต่อจากนั้น...


นั่งคุยกับตัวเอง : หลายปีต่อจากนั้น...
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
20 เมษายน 2550



สิบปีที่แล้วผมทำหนังสือทำมือ 100 เล่ม
แจกอาจารย์และเพื่อนๆ
หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า “สองปีที่ฝันร้าย”
วิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ซึ่งผมได้ใช้ชีวิตที่นั่นสองปีเพื่อแลกกับปริญญาตรี

เนื้อหาในหนังสือ...
เต็มไปด้วยถ้อยคำรุนแรงที่วิพากษ์ระบบการศึกษาที่ล้มเหลว
(ในความรู้สึกของตัวเอง ณ เวลานั้น)
ด่าทอเพื่อนฝูง ที่ไม่เป็นไปอย่างที่ตนเองคาดหวัง

หนังสือเล่มนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
ทั้งกับอาจารย์ที่มีปัญหากับผม คณบดี เพื่อนฝูง รุ่นน้อง
คนที่ชอบแนวความคิดนี้ก็จะยืนข้างผม ชอบและศรัทธากัน
ส่วนคนที่ถูกตำหนิ แน่นอน...ย่อมเกลียดชังและไม่พึงพอใจ


......................................


ผมเชื่อมั่นใน “ความถูกต้อง” ตามมาตราฐานของผมอยู่นานหลายปี
ก่อนจะค้นพบความจริงที่ว่า เรื่องราวบนโลกนี้มันยอกย้อนซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายเพียงไร
“ความจริง” ที่เราเชื่อ มันไม่จำเป็นต้องเป็นไปอย่างที่เราคิด
“ความคิด” ที่เราเชื่อ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่คนอื่นต้อง “เชื่อ” และ “คิด” เหมือนกันกับเรา.....

กว่าจะย่อยความคิดแบบนี้ได้
กว่าจะมองโลกตามสภาพที่มันเป็นจริง
ก็ใช้เวลาเนิ่นนาน
แถมยังต้องประคับประคองความคิดของตัวเองให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย.....


.........................................


หลายวันก่อนนั่งคุยกับรุ่นน้องคนหนึ่ง
อยู่ๆเขาก็ย้อนกลับไปชวนคุยถึงหนังสือที่ผมเคยเขียนไว้
“ผมชื่นชมพี่มากเลยครับ หนังสือเล่มนี้ผมชอบมาก” รุ่นน้องว่า
“ชอบอะไร” ผมถาม
เขาบอกเล่าถึงความแรงในความคิดของผม ณ เวลานั้น
ชอบที่ผมวิพากษ์วิจารณ์การศึกษาอย่างตรงไปตรงมา
ชอบที่สุดตอนที่ผมด่าอาจารย์ได้อย่างถึงใจ
ผมนั่งฟังเขาเงียบๆ....
“เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว” ผมรอดูปฎิกริยาจากรุ่นน้อง
เขาทำหน้าประหลาดใจในคำพูดของผม
ผมพูดต่อไป ....
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมอาจไม่เขียนหนังสือเล่มนี้
เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรกับคนอื่นเลย
นอกจากตัวผมที่ได้รับความสะใจเพียงคนเดียว”
เขาทำหน้าอึ้ง....
“ถ้าเลือกได้ ผมอยากทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้
อาจเลือกเข้าไปคุยดีดีกับอาจารย์ที่ผมมีปัญหาด้วย
หรือไม่ก็ขอเข้าพบคณบดีเพื่อพูดคุยกับท่าน
ไม่ใช่ไปนั่งทำนิทรรศการประจานตัวเองและคณะแบบนั้น”
ท่ามกลางบทสนทนาที่เงียบงัน ผมพูดต่อ
“ผมแค่คิดว่าตอนนั้นเราเด็กและแรง ทำอะไรด้วยอารมณ์ มากกว่าเหตุผล
แต่อย่าถามผมว่า ผมเสียใจหรือเปล่า ?...
ผมคิดว่า ณ เวลานั้น นี่คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับผม
หวังว่าคุณและเพื่อนๆคงเข้าใจ”


................................................


หลายปีต่อจากนั้น
หลังจากที่ “สองปีที่ฝันร้าย” ติดค้างอยู่ในใจมาหลายปี
ผมพบว่าเมื่อตัวเองเปลี่ยนวิธีคิด
“ฝันร้าย” นั้น นอกจากหายไปแล้ว
ยังมอบ “ปัญญา” และ “วิธีคิด” กลับคืนมาสู่ตัวผมอีกครั้ง








Create Date : 20 เมษายน 2550
Last Update : 20 เมษายน 2550 7:29:52 น. 32 comments
Counter : 605 Pageviews.  

 
สำหรับผม มันเป็น 5 ปี ที่สูญเปล่า มากๆเลย


โดย: " คุณชายช่างฝัน " วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:7:38:46 น.  

 
มาต้อนรับกลับสู่บ้านค่ะ

อ่านเรื่องนี้แล้วอึ้งค่ะ ....ได้อะไรมากมาย
เราเองก็เคยเป็นแบบนี้ แต่ยังไม่เคยมานั่งพิจารณาตัวเองอย่างนี้เลย
ขอมีส่วนร่วมในความคิดนี้ด้วยนะคะ


โดย: ชิงดวง วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:8:05:41 น.  

 
ความคิดจะเปลี่ยนไปตามอายุค่ะ

อิ อิ เพิ่งไปลงชื่อเฝ้าบ้านในคำประกาศ

555 จขบ.กลับมาแล้ว มีขนมรึเปล่าคะ????


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:8:16:04 น.  

 
เวลาเปลี่ยน เหตุการณ์เปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน ประสบการณ์และกาลเวลาจะหล่อหลอมความคิดใหม่ ๆและการปรับตัวได้เสมอค่ะ


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:8:38:19 น.  

 

วัยหนุ่มเลือดร้อนเด็ดขาดจริงๆ น้องเรา

พี่ว่าดีนะ...

การแสดงออกแบบนั้นมันบ่งบอกว่า
เราสุดๆ แล้วกับสิ่งที่ได้รับ
ดีออก...

โชคดีที่มาเบื่อเรื่องการศึกษาตอนแก่แล้ว
ทำให้เลิกคิดจะเรียนอะไรเพิ่มเติมอีกไปเลย
เซ็งระบบการวัดผล

เรียนรู้ด้วยตนเองดีก่าเยอะเลย


โดย: sunny-low วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:8:58:03 น.  

 
ตอนเรียน ป.ตรี เคยทำจุลสารเหมือนกันค่ะ จุดเริ่มต้นตอนนั้นคือ อยากจะมีช่องทางเสนอความคิดที่อิสระ แต่ของแป้งหอมออกแนวพูดหวาน เรียบร้อย อ่าค่ะ อิอิ

บางเรื่องที่ทำไป พอเวลาผ่านมามันก้อทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง แต่ถ้าไม่มีวันนั้น เราอาจไม่มีวันนี้ก้อได้นะคะ


โดย: floral_flory วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:9:17:50 น.  

 
พอยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งแก่ประสพการณ์คับ


โดย: frank3119 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:9:32:01 น.  

 
ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมค่ะ

เข้ามาอนุญาต...ให้เอาคำถามของป้าไปเขียนเรื่องได้เลยค่ะ...

ไอ้ลิขสง..ลิขสิทธิ์อะไรเนี้ยช่างมันเถอะ

ของป้ามีเรื่องการบริการวิชาการแด่สาธารณะชน...เป็นข้อกำหนดหนึ่งของการเป็นครูอยู่แล้ว...อุอุอุอุ...


โดย: nong_taky วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:9:42:39 น.  

 
เวลาเปลี่ยน

คนก็เปลี่ยน


โดย: fonejank วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:10:22:45 น.  

 
เวลาเปลี่ยน ใจคนก้อเปลี่ยนได้ค่ะ ตอนนั้นเราอาจคิดอย่างนั้น แต่พอเวลาผ่านไปเราอาจจะเปลี่ยนแปลงความคิดได้
เหมือนอย่างกับที่เราโกรธใครมากๆ เราควรจะเลี่ยงอยู่คนเดียวไปก่อน เดี๋ยวพอเราอารมณ์ดีขึ้นมาความโกรธก้อจะน้อยลงไปเอง
ถ้าเราไปต่อล้อต่อเถียงอาจทำให้เป็นเรื่องราวได้ในอารมณ์โกรธนั้นได้ เพราะเหตุนี้ทำให้มีการทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้ง


โดย: jeab (annyjeab ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:10:24:43 น.  

 
ตอนเรียนคนเราก็มีอุดมการณ์กันมากมาย

แต่พอจบมาแล้วมันไม่ใช่อ่ะ ปากท้องครอบครัวต้องมาก่อน เพราะยังงี้ เราถึงต้องดำเนินชีวิตไปตามทางของสังคม ว่ามั้ยเอ่ย


โดย: W-i-W-a-N@NeMeSiS วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:10:28:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

มันเป็นประสพการณ์อย่างหนึ่ง..

บอกไม่ได้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร

มันก็ต้องมีการลองผิด-ลองถูกกันบ้างล่ะ...

นี่คือการพัฒนาขั้นหนึ่งของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง

การที่วันเวลาผ่านไปแล้วเรามองย้อนกลับไปในอดีต

อาจจะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราอยากจะแก้ไขและ

ไม่แก้ไข..ถ้าทำอย่างงี้ก็จะไม่เป็นอย่างงี้

ถ้าทำอย่างโน้นแล้วจะไม่เป็นอย่างงี้ ...นี่คือชีวิตแหละ

ต้องมีการเรียนรู้ พัฒนาไปเรื่อยๆ พูดไปก็งงไป ฮิๆฮ่าๆ


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:10:40:47 น.  

 
mทานหมดแล้วก็ไม่ว่า

อย่ามาตอกย้ำให้ช้ำหัวจายยยย

อิ อิ ขนมกงเราไม่รู้จัก 555 แปลว่าเราม่ายแก่


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:11:05:03 น.  

 
เวลาผ่าน ความคิดเปลี่ยน เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น เนอะ


โดย: พีทคุง (redistuO ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:11:15:05 น.  

 

อืม....ในขณะที่เราอายุเท่าคุณ
เราก็เลือดร้อนเช่นกัน
และอยากตะโกนบอกใครๆว่า ฉันสะใจนะ
แต่เวลาและประสบการณ์ ก็เป็นครูที่คอยสอนให้เรามองอะไรๆกว้างขึ้น ถี่ถ้วนขึ้น รอบคอบขึ้น


โดย: รุ้งสีที่แปด วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:11:18:30 น.  

 
จริงๆ ถ้ามองดีดี ไม่ได้มีช่วงเวลาไหนที่สูญเปล่า....
กับการคิด การตัดสินใจในช่วงเวลาหนึ่ง แม้จะดูไม่ถูกต้องในเวลาต่อมา...แต่ก็เป็นแนวทางที่จะสร้างวิธีคิดที่ดีขึ้นกว่าเดิม...ในปัจจุบัน...นั่นคือสิ่งได้ได้ตอบแทนกลับมา

ไม่ควรเสียใจกับสิ่งที่เคยตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะผิดพลาด หรือถูกต้องก็ตาม....


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:11:23:26 น.  

 
มาอ่านคอมเม้นท์ค่ะ ชอบอ่านความคิดเห็นคนอื่น 5 5 5


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:11:52:00 น.  

 
ตอนเรียน เราก็แรงมะช่ายเล่น ( ในสายตาคนอื่นนะ ) เราก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อเท่านั้นเอง
ตอนนี้ก็ไม่เคยนึกเสียใจที่ได้ทำลงไปเลย ถ้าจะเสียใจก็คงเพราะไม่ได้ทำซะมากกว่า อิอิ




โดย: เสี่ยวเอี้ยน (เสี่ยวเอี้ยน ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:13:05:17 น.  

 
คิดว่าเข้าใจนะคะ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าเวลาจะช่วยหล่อหลอมความคิดของคนเสมอ เราเองก็เหมือนกันค่ะ ตอนที่เด็กกว่านี้เราก็เคยทำในสิ่งที่เมื่อย้อนกลับไปดูจากวันนี้ที่เรายืนอยู่ เราก็อดถามตัวเองไม่ได้เหมือนกันนะคะว่า "เอ๊ะ! ในตอนนั้นเราทำเรื่องโง่ๆอย่างนั้นลงไปได้อย่างไร" (อันนี้ไม่ได้ว่าสิ่งที่จขบ.ทำเป็นเรื่องโง่ๆหรอกนะคะ)

เข้าใจว่าสิ่งที่คุณคิด ณ.วันนี้ถูกต้องแล้วหละค่ะ ผ่านแล้วก็ให้แล้วไป เก็บไว้เป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ความผิดพลาดดีกว่าค่ะ


โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:13:32:06 น.  

 



ดี.แวะมาทักทาย และ ส่งความสุขก่อนน๊า
ค่ำๆจะเข้ามาอ่านนะคะ....ถ้าได้เข้ามา






โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:13:38:44 น.  

 
นึกถึงตัวเองเวลาที่ไม่ชอบใจอะไร
แล้วก็พานสงสัยว่าเราจะเป็นคนเลือดเย็นมากกว่าเลือดร้อน
เพราะใช้วิธีแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ เป็นน้ำค่อยๆ ไหล
โต้ตอบแบบค่อยเป็นค่อยไปจนอีกฝ่ายแทบไม่รู้สึก
เคยมีเพื่อนฝรั่งคนนึงโกรธกับการเป็นคนนิ่งๆ ของเราแบบนี้
เขาบอกว่า
เราเป็นพวก passive aggressive
แปลตั้งนานว่าอะไร
พอไม่ได้ดั่งใจแทนที่จะด่าว่าหรือแสดงอาการโกรธตรงๆ
แต่จะใช้วิธีไปแสดงความโกรธกับเรื่องอื่นๆ แทน
เช่น โกรธที่เขาพูดจาไม่เข้าหู แทนที่เราจะบอกเขาว่าเราไม่ชอบ
เราก็จะใช้วิธีเดินเหยียบเท้าเขาแทน แล้วก็บอกว่า อุ๊บ ขอโทษ
อ้อ พวกชอบประชดนั่นเอง
เราเถียงขาดใจว่าเราไม่เป็น

เอ เรื่องนี้เกี่ยวกับวิธีคิด กับ ปัญญา ยังไง
เกี่ยวหน่อยเดียวตรงที่
เป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายปีแต่เรายังนึกถึงอยู่นั่นเอง

สดชื่น ชื่นบานดีหรือเปล่าคะ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:14:03:16 น.  

 
ม่ายช่ายเช่นนั่นค่ะ รอบแรกอ่านเนื้อหาจขบ. เขียน รอบสองอ่านคอมเม้นท์ รอบสามมาป่วน (5 5 5 ต่างหาก) เอิ๊กกกกก


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:14:28:31 น.  

 
กำลังฟังเพลงที่ตัวเองลอง post ใน ijigg.com
ทำตาม link ที่คุณแนบไปให้
work มากค่ะ ดีใจ.... หลังจากที่แอบงงอยู่นาน
ขอบคุณจริง ๆ เลยในน้ำใจที่อบอุ่น (ในความกระตือรือร้นที่อยากจะช่วย)


โดย: ชิงดวง วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:14:32:32 น.  

 
กลับมาแล้วครับ

ผมก็เลือดร้อนแฮะ

แต่อาจจะไม่แรงเท่าคุณอ่ะครับ

วีรกรรมก็ค่อนข้างจะแยะ แต่ภาพพจน์ดี

แล้วก็ผมยังวนเวียนอยู่กับวงการการศึกษาอยู่

บางอย่าง อย่าไปแตะเลยครับ

พูดยาก ทำลำบาก มือเราทำได้เท่าไหร่ก็สุดความสามารถแค่นั้นครับ



โดย: DekChaiDam วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:14:40:04 น.  

 
โอ้ว กล้ามากๆ กล้าที่จะคิด+กล้าที่จะทำ 555
นับถือๆ ถึงแม้มันจะได้แค่ความสะใจ แต่เราว่า
มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิค่ะ ไม่งั้นรุ่นน้องไม่ชื่นชมหรอก /me แม้จะคิดอะไรแบบไหน แต่ก็ไม่เคยแสดง
ออกมาแบบโต้งๆ เมื่อเวลาผ่าน ก็เสียดายที่ไม่ได้ทำเหมือนกันน่ะค่ะ


โดย: li_goro วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:14:59:47 น.  

 
ครั้งหนึ่งเราก็เป็นคนหัวรุนแรง...เมื่ออาจารย์เปิดโอกาสให้วิจารณ์ ตัวอาจารย์ผู้สอน...เราใส่แลก...ถึงแม้จะไม่ด่าท่อก็ตามที ...แต่เรื่องความลำเอียงให้กับเด็กเรียนดีกับเด็กเรียนไม่ดี....แต่ซ้ำร้ายอาจารย์ไม่อ่านเองกลับให้มาอ่านในห้องเรียน...โดยเราเป็นคนอ่านของทุกคนในห้อง..พอถึงฉบับของตัวเอง...โอโห ..เราสอดแทรกอารมณ์เข้าไปน้ำเสียง....เพื่อน ๆ บอกว่าอาจารย์นั่งหน้าเขียวเลยล่ะ




โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:19:17:04 น.  

 
หลังจากวันที่เราจบการอ่านวิจารย์...เราไม่เคยถูกอาจารย์เรียกถามอีกเลย...แต่เพื่อน ๆ ได้รับความสนใจจากอาจารย์มากขึ้น...จะว่าเสียใจหรือดีใจ ก็พูดไม่ถูก


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:19:48:41 น.  

 
..

หายไปไหนมาเอ่ย ตกข่าวค่ะ
ข่าวว่าจ.เชียงรายเกิดพายุฤดูร้อนถล่มบ้านพังไปหลายหลังคาเรือน น่ากลัวจัง จะว่าไปแล้ว เกิดที่ไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้น

ช่วงนี้อากาศร้อน(จัด)รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: printcess of the moon วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:20:22:47 น.  

 
ลป.ทราบแล้วค่ะว่าหายไปไหนมา


โดย: printcess of the moon วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:20:26:18 น.  

 
อ่านจบแล้วสรุปได้ว่า

คุง กะว่าก๋า ต้องอายุ 30+ แน่ ๆ เยย อิอิ


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:2:31:24 น.  

 
อยากให้คนบางคนได้เข้ามาอ่านบล็อกนี้จังเลย เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะคนบางคนในวัยหนึ่งก็เชื่อมั่นตัวเองเสียเหลือเกิน ใครพูดใครทัดทานอะไรก็ไม่ฟัง ยึดมั่นแต่ว่าตัวเองมีเหตุผลตลอด ก็ต้องปล่อยไป เพราะสักวันเขาก็คงคิดได้แบบที่ จขบ. นี้เขียนนั่นแหละ ขออนุญาตอ้างอิงนิดนะ

ผมเชื่อมั่นใน “ความถูกต้อง” ตามมาตรฐานของผมอยู่นานหลายปี
ก่อนจะค้นพบความจริงที่ว่า เรื่องราวบนโลกนี้มันยอกย้อนซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายเพียงไร
“ความจริง” ที่เราเชื่อ มันไม่จำเป็นต้องเป็นไปอย่างที่เราคิด
“ความคิด” ที่เราเชื่อ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่คนอื่นต้อง “เชื่อ” และ “คิด” เหมือนกันกับเรา.....


ขอบคุณที่เขียนentryนี้ขึ้นมาอ่ะ


โดย: nongmod's book วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:12:04:38 น.  

 
“ความจริง” ที่เราเชื่อ มันไม่จำเป็นต้องเป็นไปอย่างที่เราคิด
“ความคิด” ที่เราเชื่อ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่คนอื่นต้อง “เชื่อ” และ “คิด” เหมือนกันกับเรา.....

ชอบประโยคนี้จังเลยค่ะ

สิ่งที่เราคิดไม่จำเป็นที่คนอื่นต้องมาคิดเหมือนเราทั้งหมด ขอแค่มีความสุขกับความคิดนั้น และไม่ได้ไปทำร้ายใครก็พอแล้ว

อ่านเล้วก็นึกถึงความคิดเก่า ๆ อย่างเรื่องความผิดพลาดในเรื่องงาน เริ่มต้นด้วยความคิด ความเชื่อ ความหวัง ว่าจะไปได้ดี แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

แต่ไม่เคยเสียใจ หรือรู้สึกเสียดายเวลาเลยนะคะ กลับรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็ยังอยากให้มีช่วงเวลานั้นอยู่ค่ะ


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:49:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]