มีนาคม 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
21 มีนาคม 2550

บนหอคอยสูงแห่งนั้น

นั่งคุยกับตัวเอง : บนหอคอยสูงแห่งนั้น
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
21 มีนาคม 2550





ถ้าความตาย คือ ความเงียบสงบ
การฆ่าตัวตาย คือ ทางเดินไปสู่เส้นทางอันสงบเงียบอย่างนั้นหรือ ?


.....................


ฉันเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ใครได้มองเห็น
ต้องพากันพูดว่าฉันช่างโชคดีเสียนี่กระไร
พ่อฉันรวย...รวยจนเกินกว่าคำจำกัดความของคำว่า “เศรษฐี”
แม่ฉันก็รวย...รวยชนิดความจนทุกรูปแบบบนโลกนี้ใฝ่ฝันถึง
คนรวยมีความสุขแบบคนรวย...
เป็นความสุขในรูปแบบที่คนจนทุกคนหลับตาฝันถึง
ฉันคือผลผลิตที่เกิดจากความร่ำรวย


.....................


แต่ความร่ำรวยกลับช่วยอะไรฉันไม่ได้เลย
เพราะฉันรักที่จะปล่อยตัวเองให้จ่อมจมอยู่กับความทุกข์ระทม
ฉันฝังหัวใจของตัวเองไว้ใต้ต้นไม้แห่งความเศร้าสร้อย

ฉันปรารถนาโอบกอดอุ่นๆสักครั้งจากพ่อและแม่
มากกว่าเศษเงินสามสี่หมื่นบาทที่ใช้เป็นค่าขนมประจำสัปดาห์
ฉันอยากให้พ่อแม่พี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาบ้าง
มากกว่าการซื้อรถคันงาม บ้านหลังใหญ่
และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย
แต่คนในครอบครัวกลับไม่มีเวลาได้ใช้มันร่วมกันสักครั้ง
พ่อกับแม่ซื้อๆๆๆๆๆ....ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างให้
โดยไม่ถามฉันสักคำว่าเคยต้องการมันหรือเปล่า

พ่อแม่ยิ่งร่ำรวย
ช่องว่างระหว่างฉันกับเขายิ่งถ่างถอยออกไปเรื่อยๆ
มันเป็นหลุมดำที่ไม่อาจถมให้เต็มได้ ด้วยเงินทอง ทรัพย์สิน เสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาเรือนแสน
หรือวัตถุข้าวของใดใด

ฉันแค่อยากได้รับความอบอุ่นในครอบครัว
อยากได้ความรักที่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจรู้สึก
ไม่ใช่ความรักชนิดที่ต้องซื้อหาด้วยเงินตรา

พ่อแม่เลี้ยงฉันด้วยเงิน
ฉันจึงเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่ง
ที่มีชีวิต---แต่ไม่มีจิตใจ


.................................


ลมหายใจสุดท้ายของฉันพลันสิ้นสุดลง
แทนที่จะพบกับความมืดดำ
ฉันกลับได้เห็นแสงนวลอ่อนหวานละมุนละไมตา
นี่คงเป็นสถานที่ ที่ฉันควรอยู่


...................................



คนใกล้ชิดโทรศัพท์ไปบอกพ่อกับแม่เรื่องข่าวการฆ่าตัวตายของฉัน
ทั้งสองตกใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึง
พ่อบอกกับคนใกล้ชิดว่า
จัดการเรื่องต่างๆให้ด้วย
ทั้งคู่จะนั่งเครื่องบินกลับขึ้นไป
หลังตกลงเรื่องธุรกิจการค้าให้เสร็จก่อน


.....................................


บนหอคอยสูงแห่งนั้น
มันเปลี่ยวเหงาและหนาวเหน็บจริงๆ

เมื่อฉันหลับตาลง
กลั้นลมหายใจสุดท้าย
ก่อนชีวิตขาดห้วง
ฉันก็พบว่าตนเองยืนย่ำอยู่ตรง ณ ที่นั้น
ที่ที่ฉันควรอยู่.


6 กรกฎาคม 2543


...........................................


ผมเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้หลังทราบเรื่องราว
ว่าลูกสาวเจ้าของร้านจิวเวลรี่ผูกคอตายที่ซี่ลูกกรงระเบียงบ้านชั้นสอง.....
เด็กสาวซึ่งน่าจะเพียบพร้อมไปด้วยความสุขแวดล้อมในชีวิต
เงินทอง วัตถุข้าวของเครื่องใช้ โอกาสทางสังคม
ชีวิตอันสุขสบาย ฯลฯ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมี ยังไม่อาจเติมเต็มความต้องการในชีวิตอีกหรือ ?
ท่ามกลางเสียงด่าทอไล่หลัง
“ดี...ตายได้ก็ดี มีมากขนาดนี้ยังโง่ฆ่าตัวตายอีก”
“เป็นฉันก็สบายไปแล้ว เงินก็มี อยากได้อะไรก็ได้”
......ความรวย กับ ความสุข มันคนละเรื่องกันไม่ใช่หรือ ?
ผมไม่คิดด่าทอเธอเหมือนคนอื่นๆ
แต่พยายามตั้งคำถามในใจ
เพื่อนำไปสู่เหตุผลของการจบชีวิต

มันช่วยตอกย้ำให้ผมยิ่งเห็นว่า
คนเราต่างมีความทุกข์เป็นสมบัติติดกาย
ต่างคนต่างทุกข์ ต่างหาวิธีดับทุกข์แตกต่างกันไป
เราไม่อาจล่วงรู้ถึงวินาทีที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของคนๆหนึ่ง
เขาทุกข์เพียงไร ถึงเดินเลยไปสู่เส้นทางแห่งความตาย
ความเศร้าประเภทใดหนอ
ที่ดึงรั้งคนมากมายให้หลงเข้าไปสู่วังวนอันมืดมนอนธกาลเยี่ยงนี้


นอกจากด่าทอความผิดพลั้งที่หญิงสาวทำขึ้น
เราไม่นึกย้อนมองกลับไปสู่เบื้องหลังครอบครัวบ้างหรือ
ว่าการเลี้ยงดูแบบไหนที่ก่อให้เกิดโศกนาฎกรรมแบบนี้
ไม่ย้อนมองบ้างหรือ ว่า “ความรัก” ประเภทไหนที่ไม่อาจถมเต็มความอบอุ่นในใจให้ดำรงคงอยู่ได้

ไม่อยากรู้จริงๆหรือ
ว่าบนหอคอยแห่งนั้นมันหนาวเหน็บเพียงใด ?









..................................


ภาพวาดด้วยสีโปสเตอร์
28 มกราคม 2534


Create Date : 21 มีนาคม 2550
Last Update : 21 มีนาคม 2550 7:33:39 น. 6 comments
Counter : 1083 Pageviews.  

 
ต่างคนก็ต่างมีเหตุผล ในการกระทำ และการดำเนินชีวิต ให้ดำรงอยู่ได้...ถ้าแต่ละคนเกิดมา มีความทุกข์เป็นสมบัติติดกาย...แล้วทำไมจะมีความสุข เป็นสมบัติที่ติดอยู่ในใจไม่ได้เล่า...


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:8:00:38 น.  

 



เรื่องเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
เมื่อวานได้คุยกับคนที่ดี.รักมากมาก
เราพูดกันถึงเรื่องนี้
ดี.บอกว่า
คนอย่างดี.ตายได้ถ้าดี.อยากจะทำ
และดี.ก็จะตายแบบเย็นเย็น
ตอนที่คุยกัน
เป็นอารมณ์ผ่อนคลาย แบบขำขำ

แต่คำตอบที่ได้มาขำไม่ออกเลย
ใครคนนั้นพูดเรื่องความตาย
วิธีการตาย
วิเคราะห์แบบฟังแล้วอึ้ง อึ้ง อึ้ง

เราคุยโทรศัพท์กัน
ดี.นี่เงียบไปนานจนเขาต้องถามว่าเงียบทำไม

นึกไม่ถึงว่ามุมหนึ่งของความรู้สึกของคนที่เรารัก
จะคิดเรื่องแบบนี้ได้ลึกซึ้ง

บอกตรงตรงเลยว่ากลัว
อยู่อยู่ก็กลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลย

ไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้น
เพราะคิดว่าเขาคงมีสติพอที่จะไม่ทำ
แต่ที่กลัวก็คือ
ทำไมเขาถึงคิดอะไรได้แบบนั้น

ทำให้รู้สึกเลยว่า
เอาเข้าจริงจริง
คนที่เราคิดว่ารู้จักและเข้าใจที่สุด
จริงจริงแล้วกลายเป็นคนแปลกหน้า
ที่เราไม่รู้จักเขาเลย


ดังนั้น ถ้าใครคิดจัดการอะไรบางอย่างกับชีวิตตัวเอง
สิ่งที่เราทำได้
ก็คงเพียงแค่เคารพกับการตัดสินใจนั้นนั้น

ถ้าเราไม่รู้จักใครจริงจริง
ก็คงพิพากษาอะไรไม่ได้






โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:8:05:35 น.  

 

ในความคิดส่วนตัวนะ
เมื่อคนเราเกิดมาแล้ว
ชีวิตหนึ่งนั่นย่อมเป็นของพ่อแม่
และเมื่อผ่านห้วงเวลาหนึ่ง
ชีวตจะค่อยๆ เป็นของเรา
เราต้องประคับประคองมันให้ผ่านไปให้ได้
ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไรก็ตาม

คนจิตใจเข้มแข็งและมีควาอดทนสูงเท่านั้น
ที่จะสามารถดูแลประคองชีวตตัวเองได้ไปยาวนาน
จวบจนถึงเวลาต้องไปจริงๆ
ไม่ใช่ไปก่อนถึงเวลา

คนหลายคนพยายามดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่
และส่วนมากนั้น คือ คนที่ฐานะไม่ดี
ประมาณว่า หากินพอปะทังชีวิตแต่ละมื้อเท่านั้น

แต่ก็มีคนบางกลุ่มพยายามจบชีวิตตัวเอง
ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
ทั้งๆ ที่หากใคร่ครวญดีๆ
ปัญที่เขาได้เผชิญอยู่นั้น
อาจน้อยกว่าคนกลุ่มแรกเสียด้วยซ้ำ

แต่ก็นะ กรณีแบบนี้
ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้
แต่ถ้าใครเจอเพื่อนแบบนี้
แนะนำใหอยู่เป็นเพื่อนเขานะ


โดย: s (sunny-low ) วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:8:14:11 น.  

 
ต่างกันที่มุมมอง

บ้างว่าอ่อนแอ พ่ายแพ้กับชีวิต
ขาดไร้ที่ยึดเหนี่ยวจนไม่อาจพยุงจิตใจต่อไปได้

บ้างว่าเข้มแข็งกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
ยามตัดสินใจทำอะไร...ก็ทำไปโดยเด็ดขาด

ตายอย่างไร เมื่อใด วิธีใด โดยสิ่งใด เพราะอะไร
ก็ตามแต่............

แต่การตายเพื่อลงโทษคนที่ยังอยู่นั้น
บางที อาจเป็นวิธีการคิดที่ผิดก็ได้....(ใช่มั๊ยคะ)


โดย: มั บ เ มี ย ง (todayd ) วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:18:08:56 น.  

 
การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ดีนะ


โดย: กายแก้ว วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:21:37:29 น.  

 
อืม ความตายเป็นเรื่องไม่น่ากลัว

การตายคือการกลับบ้าน

แต่การฆ่าตัวตาย เป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เขากลับบ้านไม่ได้

เห็นด้วยคับ ความรวย กับความสุข มันไม่ได้เกี่ยวกันสักนิด

ความรักต่างหากคือคำตอบ สำหรับทุกอย่าง


โดย: DekChaiDam วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:7:15:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]