มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
4 มีนาคม 2551

คำถามจากคุณปุ๊ก.....






แวะมาส่งคำถามค่ะเกี่ยวกับ "ธรรมกาย" ให้กรณ.ช่วยขบคิดค่ะ




1. การซื้อบุญด้วยจำนวนเงินมาก แนวคิดคล้ายแชร์ลูกโซ่
อย่างที่เค๊าทำ กรณ. คิดเห็นยังไงกันคะ


2. แนวคิดที่ว่าต้องยิ่งใหญ่ให้โลกประจักษ์ศาสนาจึงจะเจริญเหมือนจรวดทะยานขึ้นอวกาศ มันจะยั่งยืนจริงป่ะ


3. หลักธรรมดั้งเดิมของพุทธศาสนากับแนวทางที่นี่ มันสวนทางกันหรือเปล่า?


4. หลักการจัดการกับจำนวนคนหลักแสนขึ้นให้มีระเบียบวินัยและเชื่อผู้นำอย่างแน่วแน่อย่างนี้
กรณ. คิดว่า "ม๊อบ" ควรจัดคลาสไปดูงานที่นี่ดีมั๊ยคะ


5. ที่นี่เค๊าคัดคนป่ะคะ มีทั้งผู้ทรงภูมิปัญญา บารมี มากด้วยทรัพย์ศฤงคาร

6. การหลงมัวเมา กะ ความศรัทธา แตกต่างกันอย่างไร?


7. เงินเดือนครึ่งต่อครึ่ง โบนัสทั้งเดือน เงินเก็บทั้งก้อน
กับความคิด “ทำมากได้มาก” ถูกต้องหรือเปล่า


ส่งแค่นี้ค่ะ
ปล. ไม่มีตังค์ในไหจะส่งไปลัดคิวนะคะ
ขึ้นกะการพิจารณาของ กรณ. แต่เพียงผู้เดียว



คำถามโดย : ดาวทะเล
วันที่ : 27 กุมภาพันธ์ 2551
เวลา : 12:17:35 น.











*************************************




สวัสดีครับคุณปุ๊ก


รับคำถามคุณดาวมาครั้งแรก
ผมลังเลอยู่นานสองนานว่าควรตอบคำถามนี้ดีหรือไม่ ?
เพราะมันเกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนหมู่มาก

ขึ้นชื่อว่า “ความเชื่อ” มันไม่มีถูกผิดนะครับ
เพราะ “ความเชื่อ” นำไปสู่ “ศรัทธา”
“ศรัทธา” นำไปสู่การเลือกเส้นทางเดินของชีวิต

การที่เราชอบทานเผ็ด ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งโลกจะต้องชอบแกงเผ็ดเหมือนเรา
เขาอาจชอบแกงจืด ผัดฉ่า หรือ บะหมี่หมูแดง

อาหารที่เราว่าอร่อยลิ้น อาจเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นลิ้นสำหรับใครหลายคน











.....................................




เมื่อสักประมาณอาทิตย์ที่แล้ว
มีไกด์นำลูกค้ามาที่ร้าน ผมออกไปทักทายตามปกติ
อยู่ๆไกด์คนนี้นั่งหลับตาแล้วพูดขึ้นมาว่า

“คุณมีพื้นฐานทางธรรมที่ดีเลยน่ะ แต่คุณไม่ได้เชื่อเหมือนที่ผมเชื่อ”

ผมรู้สึกแปลกใจ เพราะเราไม่เคยคุยกันเรื่องธรรมะหรือความชอบส่วนตัวอะไรใดใดของผมมาก่อน
ไกด์คนนี้พูดต่อ

“คุณเป็นคนไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ใดทั้งสิ้น”


ผมยิ้มๆและไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร


ไกด์คนนี้เขาบอกว่าเขาชอบไปเรียนวิปัสสนาและตะลอนไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
เพื่อไปพบและกราบไหว้พระเกจิอาจารย์ดังๆทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่แหวน
หลวงปู่ขาว หลวงปู่พูล หลวงพ่อคูณ ฯลฯ
เรียกว่าเกจิอาจารย์องค์ไหนดังไกด์คนนี้ไปพบไปกราบไหว้มาแล้วทั้งสิ้น

“ผมนั่งสมาธิตลอด แต่คุณมีสมาธิโดยที่ไม่เคยนั่ง
ถ้าคุณฝึกอีกหน่อย ไปโลดเลย”

ไกด์อาวุโสบอกกับผมไว้อย่างนั้น....












...........................................




คุณปุ๊กครับ
ถ้าผมบอกว่า “ผัดเผ็ดหมูป่า” เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก
คุณจะเชื่อผมมั้ยครับ ?.....

แน่นอนถ้าคุณทานเผ็ดเก่ง ผัดเผ็ดหมูป่าจานนี้อาจเป็นอาหารที่อร่อย

แต่ถ้าคุณปุ๊กทานมังสวิรัติ..... "ผัดเผ็ดหมูป่า” จานนี้คงไร้ค่าในสายตาคุณ....











...........................................



บุญที่ต้องใช้เงินซื้อ ผมเรียกว่า “บุญวาสนา”
เป็นบุญที่ทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทน
เช่น บริจาคเงินสร้างพระ เพื่อร้องขออ้อนวอนให้ได้รับพรหรือสิ่งดีดีตอบกลับมา

บุญแบบนี้เป็นเหมือนการสะสมเงินในธนาคาร
ให้ไปเท่าไหร่ ก็คืนกลับมาเป็นสิ่งดีดีต่อเนื่อง
แต่ “บุญวาสนา” แบบนี้ก็ส่งผลทำให้เรายึดติดใน “ความดี” ที่เราทำ
"ทำบุญหวังผล" ---- วิธีคิดแบบนี้ทำให้เรายึดติดใน “บุญ”
ยึดติดใน “ความดี” ที่ตัวเราทำ

มันทำให้เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบจักสิ้น
และหวังว่าชาติต่อไปจะเกิดในภพภูมิที่ดี ร่ำรวย มีชาติตระกูลที่ดี
มีความสุขสบาย

แต่ในความจริงต่อให้คุณเกิดเป็นกษัตริย์ คุณก็ต้องพบเจอกับความทุกข์อันหลีกหนีไม่พ้น
ทุกข์จากการเกิด ทุกข์จากการแก่ ทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ
ทุกข์จากความตาย และทุกข์จากการพลัดพรากจากทุกสิ่งอันเป็นที่รัก


“บุญวาสนา” จึงแตกต่างจาก “บุญกุศล”

“บุญกุศล” ไม่จำเป็นต้องควักเงินจ่าย
การให้จากใจเป็นการลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจของเรา
ไม่ใช่ยิ่งให้ ยิ่งหวังผลตอบแทน

บุญกุศลจะทำให้การให้ของเราเป็นการฝึก “จิต” ของตัวเราเอง
ให้รู้แจ้งว่าทั้งเราและเขาต่างเกิดมาจาก “ธรรมชาติ” อันเป็นหนึ่งเดียว
เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ทำหน้าที่ตามแต่ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นหมา เป็นคน เป็นก้อนหิน ต้นไม้ ใบหญ้า ฯลฯ
มีอายุที่ต้องเสื่อม มีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเสื่อมสลาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

บุญกุศลจึงสร้างได้ด้วยการทำ “ปัญญา”ให้รู้แจ้งถึงความจริงข้อนี้
รู้ความเท่าเทียมกันของสรรพชีวิต
รู้ว่าเราเขาล้วนไม่ต่างกัน
ต่างต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น



“บุญ” สำหรับผม....คือการสร้างบุญกุศลที่จิตใจของเราเอง
ส่วนใครจะให้ยังไง เท่าไหร่ ผมไม่รู้
ผมรู้แต่ผมให้ด้วยใจที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ให้เพื่อลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจของผมเอง












..........................................



สวรรค์ และ นรก สำหรับผม
เป็นเพียง “จินตทัศน์”
หรือสิ่งที่มนุษย์เราอธิบายไว้
เพื่อให้คนหมู่มากซึ่งมีความแตกต่างในการรับรู้
เข้าใจภาพของสภาพจิตใจได้ดียิ่งขึ้น

เป็นเพียงการสมมติของจิต...

แบ่งแยกสวรรค์เป็นลำดับชั้นเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
แบ่งแยกนรกเป็นขุมเพื่อให้คนมองภาพตามได้และมีความเกรงกลัวในการคิดจะทำบาปเวร

ส่วนใครจะเชื่อหรือยึดมั่นใดใดนั้น
ผมไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี้ครับ
เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการถามตัวผมเองว่า

“ไปเชียงใหม่ไปยังไงดี ?”
เพราะวิธีเดินทางมันมีร้อยแปดพันประการ
สุดแต่ “จริต” และ “ความชอบ” ของใครจะเลือกทำ











.................................................



การทำบุญแบบไม่ยั้งคิด
ให้หมดไม่เหลือจนครอบครัวเดือดร้อน
เพียงเพราะเชื่อว่า “บุญ” จะนำพาเราไปสู่สวรรค์
เป็นวิธีคิดแบบใช้ธรรมะบังหน้าเพื่อทำการค้า
หากินบนความเชื่อของมนุษย์

สวรรค์ที่แท้จริงอยู่ในตัวเรา
เมื่อเราทำความดี จิตใจเราก็เบิกบานมีความสุข
นั่นต่างหากคือ การทำความดีอย่างยั่งยืนและไม่เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด


ผมเชื่อในการปฏิบัติเพื่อความ “รู้แจ้ง”
และ “ตื่นรู้” ในความเป็นจริงของชีวิต

ผมไม่รู้ว่าผมอยากมีตาทิพย์ หูทิพย์ไปทำไม
ผมไม่ได้อยากสอนใคร หรือบอกใครว่าผมบรรลุธรรม

ของแบบนี้
ใครรู้ ใครทำ ใครได้
เหมือนคนใบ้กินน้ำผึ้ง
ซึ่งไม่อาจอธิบายความรู้แจ้งนี้ได้ด้วยถ้อยคำ


“ความเชื่อ” “ความศรัทธา” และ “ความงมงาย”
ล้วนป่ายปีนอยู่ในหลุมบ่อเดียวกัน
เราเองต้องเป็นผู้เลือกหนทางสู่การปีนขึ้นจากบ่อโคลนตมนี้ให้ได้
ด้วยตัวเราเอง....

เหมือนที่ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า

“ศรัทธาของท่าน ก็เป็นของท่าน
ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา”




กรณ.

(ก๋าราณี มาจากความว่างและจะกลับสู่ความว่าง)







 

Create Date : 04 มีนาคม 2551
61 comments
Last Update : 4 มีนาคม 2551 7:07:17 น.
Counter : 935 Pageviews.

 

 

โดย: Prettymaew 4 มีนาคม 2551 7:13:56 น.  

 

emoemo

emoemo

 

โดย: คนไม่เจียม.. 4 มีนาคม 2551 7:20:28 น.  

 

“บุญ” สำหรับผม....คือการสร้างบุญกุศลที่จิตใจของเราเอง
ส่วนใครจะให้ยังไง เท่าไหร่ ผมไม่รู้
ผมรู้แต่ผมให้ด้วยใจที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ให้เพื่อลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจของผมเอง

emoemoemo
ชอบบทนี้ขนาดเจ้า
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

ถามว่าไปเจียงใหม่
ไปจะไดดี

ตอบว่า,,,,

ไปวันทูโกดีกว่าเจ้า
ถูกและก็สบายดี
อิอิอิอิ
emoemoemo

 

โดย: Prettymaew 4 มีนาคม 2551 7:21:38 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณครูก๋า

คำถามวันนี้ค่อนข้างหนักนะคะ
แต่น่าคบคิด...

"บุญบอดบุญ คือ การเจริญสมาธิ วิปัสนา"

ขออนุโมทนากับคำถามและคำตอบนะคะ


..............................


*วันนี้มาแต่เช้าเลยค่ะ
อากาศดีๆ ต้องไปฟัง รางวัลแด่คนช่างฝัน
(เพลงชอบเลยนะคะเนี้ย)

 

โดย: ~Baan_Ohana~ 4 มีนาคม 2551 7:23:32 น.  

 

จิ้ม แล้วรีบไปส่งลูก emo

 

โดย: แม่น้องรัน (runch ) 4 มีนาคม 2551 7:24:46 น.  

 

ขออภัยค่ะครู หวานพิพ์ผิด

จาก "บุญบอดบุญ คือ การเจริญสมาธิ วิปัสนา"

ขอแก้เป็น "บุญยอดบุญ คือ การเจริญสมาธิ วิปัสนา"

 

โดย: ~Baan_Ohana~ 4 มีนาคม 2551 7:26:02 น.  

 

ถ้าผมอ่านต่อไปเรื่อยๆ คงต้องออกบวชแน่ครับ...

ตอบได้ยอดเยี่ยมครับ...ไม่มีใครเดือดร้อน...

 

โดย: Flying Dragon of WDC 4 มีนาคม 2551 7:37:21 น.  

 

อ๊ะ....มาฟังเทศน์ เอ หรือ ว่า ฟังธรรม

จาก หลวงปู่ก๋า....ขอให้บุญกุศลจงเกิดกับผู้ให้และผู้รับ ค่ะ

 

โดย: nu-an 4 มีนาคม 2551 7:40:48 น.  

 

เข้าสู่โหมดธรรมะห้านาที ออกไปก่อนนะคะ ไปสูดอากาศหน่อย อิอิ

 

โดย: thaispicy 4 มีนาคม 2551 7:43:08 น.  

 

“ศรัทธาของท่าน ก็เป็นของท่าน
ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา”
emoemoemoเพนกวินน้อยเห็นด้วย

ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธรรมะมากนัก ใช้ชีวิตแบบมีสติบ้างไม่มีสติบ้าง รู้เท่าทันตัวเองบ้าง...บางทีก็ไม่รู้
แค่มีความตั้งใจดีเป็นที่ตั้ง ทำได้หรือไม่ต้องดูอีกที
ท้ายสุด...เมื่อทำไปแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร...ถือเป็นประสบการณ์เป็นบทเรียนทั้งสิ้น

....คุณไม่ได้เชื่อเหมือนที่ผมเชื่อ....
emoemo คุณไกด์ก็ไม่ได้เชื่อว่าลุงก๋าหล่อใช่ปะ
5555 เหมือนข้าพเจ้าเล้ยยย

 

โดย: D*U*A*N (thisisduan ) 4 มีนาคม 2551 7:48:13 น.  

 

สาธุค่ะครู
วันนี้ฟังบรรยายธรรมก่อนไปทำงาน

ตั้งสติก่อนไปค่ะ emo

 

โดย: BeCoffee 4 มีนาคม 2551 7:49:28 น.  

 

สวัสดีเช้าวันใหม่ครับ

 

โดย: พฤกษาริมน้ำ 4 มีนาคม 2551 8:09:58 น.  

 



“ศรัทธาของพี่ก๋า ก็เป็นของพี่ก๋า
ศรัทธาของดีดี ก็เป็นของดีดี”

เนอะ พี่เนอะ

อ่านอย่างเดียวค่ะ
ไม่มีความเห็น
มีแต่เรื่องเล่า

มีพี่คนหนึ่ง สวย
ย้ำ....สวยมากๆ
ชาติตระกูลดี พ่อแม่รวย
พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก
มีพ่อเลี้ยงในเวลาต่อมา
พ่อเลี้ยงรักดั่งแก้วตาดวงใจ
เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆ
ปัจจุบัน เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท

ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเธอ
เธอไปวนเวียนอยู่ที่วัดดังแถวๆคำถามนั่นแหละ

เธอเริ่มทำบุญ มากขึ้นและมากขึ้น
และวันหนึ่งเธอก็ไปบอกบุญกับแม่และพ่อเลี้ยงของเธอ
จำนวนเงินทำบุญ...หลักหลายแสน
เธอต้องการให้ครอบครัวของเธอทำบุญมากขนาดนั้น
(มันเป็นความปรารถนาของเธอที่อยากทำบุญด้วยตัวเลขแบบนี้)
ถามว่าเงินเยอะไหมกับครอบครัวนี้
ไม่เยอะหรอกค่ะ เพราะรวยจริงๆ

แม่น่ะตามใจลูก อยากทำอะไรก็ทำ
แต่พ่อเลี้ยงไม่ยอม บอกว่ามันมากเกินไป
เอาเงินไปทำบุญแบบนี้ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า

และแล้วสิ่งที่พ่อเลี้ยงได้ยินจากแก้วตาดวงใจก็คือ


"ถ้าคิดอย่างนี้ อย่าเป็นพ่อเป็นลูกกันดีกว่า"

.
.
.


.
.
.
.
อยากรู้ต่อมั้ยน๊า
แล้วยังไงต่อไป
.
.
.
.
แว๊บบบบดีกว่า อิอิ







 

โดย: fufu (มัชชาร ) 4 มีนาคม 2551 8:10:01 น.  

 

ส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่า ...

"มีมากให้มาก ... เหมือนให้น้อย
มีน้อยให้น้อยและให้ด้วยใจ ก็เหมือนให้มากๆ "



เชื่อแน่ว่า การให้แล้วต้องการหวังผลตอบแทนบ้าง
มันก็มีกันทุกคนล่ะคะ เพียงแต่ว่าสำหรับบางคน
มันอาจจะไม่หนักแน่น มันอาจจะไม่ใช่ Main
ทั้งหมดของการช่วยเหลือ แต่ แต่ การให้เรื่องการ
ทำบุญ ส่วนตัวแล้วก็อยากให้ อยากทำ เพราะว่า
อย่างน้อยๆ ทำเพื่อสบายใจ ...

การให้แบบต้องให้คนอื่นมาไกด์ บอกต้องจ่ายนั่น
ต้องทำนี่ ... ไม่เอาอ่ะค่ะ เพราะเชื่อว่า ยังไง
การไกด์ ถ้าหากว่าให้บ้าง เล็กๆ น้อยๆ มันก็โอเค
แต่ว่าการถูกไกด์ ถูกสั่ง ถูกบังคับ ต้องให้ทำ
ยิ่งให้มาก ยิ่งได้บุญมาก และก็จะยิ่งเศร้ามากๆ
เวลาที่มาคิดได้ว่า .. โหยยยย ให้กันมากๆ แบบถูกบังคับ
โดยไร้ซึ่ง "การคิดเอง" นั่น มันไม่ได้อะไรเลย ...


..........

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ .. ก็ไม่ได้เอ่ยอ้างแต่เรื่องความเชื่อ
ขององค์กร ของความเชื่อที่คุณปุ๊กถามอย่างเดียว
นะคะ เพราะว่ารวมถึงอย่างอื่นด้วย เพราะเมนหลักเลยคิดว่า

การทำบุญ การแบ่งปัน ทำไมจะไม่ดี ดีจะตายไปค่ะเน๊าะ
แต่ว่าการแบ่งปันนั้นจะต้องแบ่งปันให้กับคนทุกข์กว่า
เศร้ากว่า .. และต้องการมากกว่า มิใช่ด้วยเงินทอง
และมิใช่ความเชื่อเพียงอย่างเดียว ... เพราะ
มันมีอย่างอื่นดว้ยที่จะให้และแบ่งปัน (อันนี้ต้องมองให้ออก)


ความเชื่อ "เป็นเรื่องของใครของมัน" .. ตราบเท่าที่
"มัน หรือว่า ใคร" ไม่มาบังคับเรา ไม่มาพะเน้นพะนอเรา
ให้ต้องจ่ายนั่นนี่ ... แบบนี้ใครเชื่ออย่างไรก็เรื่องของเค้าค่ะ ...

ส่วนตัวเราแค่เพียงเชื่อว่า "แกงสะแล น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู " ยังไงก็เป็น
อาหารอร่อยของเราวันยังค่ำค่ะ emo

 

โดย: JewNid 4 มีนาคม 2551 8:14:10 น.  

 

ขอบคุณครูก๋านะคะ ที่ทดลองทำกระชับกล้ามเนื้อด้วยหนังยาง

หวานทำมาก็เข้าสัปดาห์ที่ 2 ตอนนี้ไม่ต้องใช้หนังยางแล้วค่ะครู
จัดระเบียบท่าเองเลย บางครั้งทำไปจนหลับ
ทำ 5 นาที พักแป๊ปนึงแล้วก็ทำต่อ สลับกันไป

ครูรู้สึกตึงๆ ไหมคะ
ของหวานบรรเทาอาการปวดหลังไปได้เยอะเลย
คงเป็นเพราะได้จัดกระดูกสันหลังให้ตรง เข้าที่เข้าทาง

ป.ล. อย่าลืมส้นเท้ากับหัวแม่เท้าชิดนะคะครู
เชิดปลายเท้าขึ้นนิดนึงจะดีมากค่ะ

55 มีน้องใน blog บอกว่าทำแล้วขับถ่ายดี
สงสัยได้เกร็งหน้าท้องบริหารลำไส้

 

โดย: ~Baan_Ohana~ 4 มีนาคม 2551 8:15:09 น.  

 

 

โดย: joblovenuk 4 มีนาคม 2551 8:24:36 น.  

 

พระอยู่ส่วนพระ คนอยู่ส่วนคนจ้ะลุงก๋า emo
คุณแม่ชอบสนทนาธรรม ข้าพเจ้าชอบฟัง+แอบเถียงในใจ
กลับออกจากวัดแล้วค่อยถกกันอีกที

การสนทนากับพระนั้นก็เหมือนคุยกับคนดีๆหรือครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรา (ในความคิดข้าพเจ้านะ)
บทสนทนาย่อมมีทั้งเนื้อและน้ำ มีทั้งข้อคิดและตัวอย่าง มีทั้งที่ทันสมัยและล้าสมัย มีทั้งข้อเท็จจริงและความเห็นส่วนบุคคล

บางทีเต่าดื้อก็จะมองว่า.... ธรรมะเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องเหตุและผลซึ่งตระหนักได้ด้วยปัญญาของเราเองแท้ๆ (ไม่ว่าใครจะสอนยังไง แต่ใจและความคิดของตัวเราเองนี่ละเป็นตัวกำหนดว่ามันจะไปได้ถึงไหน)

และแต่ละคนมีปัญญาในระดับไม่เท่ากัน เต่าดื้อมีน้อย....สาระเพียงเล็กน้อยก็พอเพียง ท่านแม่มีมาก....ต้องถกธรรมกันมากถึงจะเพียงพอ
emo

เพิ่งรู้ว่าลุงก๋า exercise ตอนเช้าด้วยการเตะเด็กและสตรีที่น่ารัก ใจฮ้ายยยยนะอ้าย....
emo

 

โดย: D*U*A*N (thisisduan ) 4 มีนาคม 2551 8:26:42 น.  

 

ลงชื่อไว้ก่อน

 

โดย: เพลงเสือโคร่ง 4 มีนาคม 2551 8:37:03 น.  

 

ตอบคำถามนี้เสี่ยงต่อศรัทธาความเชื่อของคนจริงๆ

คุณลุงตอบดีมากค่ะ

 

โดย: หยุ่ยยุ้ย 4 มีนาคม 2551 8:38:51 น.  

 

หวัดดีพี่หนานก๋า...

emoemo

เรื่องบุญเรื่องกุศลนี่ผมก็ไม่สันทัดนักว่าทำมากได้มาก...หรือทำน้อยได้น้อย...
แต่มีเรื่องเล่าที่อาจารย์ที่ปรึกษาสมัยเรียนป.ตรีท่านเล่าให้ฟัง
ถึงคุณยายท่านหนึ่งเป็นคนยากจน...มีอาชีพเก็บขยะขาย
วันั้นวัดข้างบ้านแกมีการหล่อพระประธานประจำอุโบสถ..มัคนายกวัดก็ออกเรี่ยรายเพื่อรวบรวมทรัพย์ปัจจัย
และวัตถุจำพวกทองเหลืองทองแดงเพื่อนำหล่อพระ
คุณยายท่านนี้ด้วยความยากจนแต่มีศรัทธาปสาทะ
อยากร่วมบุญกุศลนั้นด้วยจึงตั้งจิตอธิษฐานนำสตางค์แดงที่แกเก็บไว้ร่วมในการหล่อพระครั้งนั้น

แต่เมื่อจะหล่อพระ คณะกรรมการวัดได้คัดเลือกมวลสารและเห็นว่าสตางค์แดงเดียวที่คุณยายท่านนั้นบริจาคมา
ไม่มีค่าพอในการหล่อพระพุทธรูปจึงคัดออก

เมื่อการหล่อพระเสร็จสิ้นและทุบแม่พิมพ์พระออกปรากฎว่าที่พระนลาฏของพระพุทธรูทเป็นรอยแหว่งเท่ากับรอยสตางค์แดงของคุณยายที่หายไป

เรื่องนี้ผมไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด
แต่ทำให้พอทราบได้ว่า
แม้นทรัพย์เพียงน้อยนิด
หากตั้งใจที่จะสละเพื่อการบุญการกุศล
เปี่ยมด้วยศรัทธาและความมุ่งมาตรปรารถนาแห่งหัวใจ
ทรัพย์อันน้อยนิดนั้นย่อมส่งกุศลอันมหาศาลบันดาลความอิ่มเอิบใจให้ผู้สละทรัพย์นั้น

ตรงกันข้าม
หากสละทรัพย์มากมายเพื่อทำบุญเพียงหวังเอาชื่อเสียงหน้าตา
มิได้ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์
ผลบุญกุศลนั้นก็หาได้มากตามทรัพยย์ที่ทำไม่

จำคำพระท่านมาว่า

กุศลทานจะบริสุทธิ์
พระกอบด้วย
๑ ทรัพย์ที่นำมาบริจาคบริสุทธิ์
๒ ผู้ให้มีเจตนาบริสุทธิ์และมีความสุขในการให้หรือการบริจาคนั้น
๓ ผู้รับมีความสุขและปลาบปลื้มในการรับ



ถูกไม่ถูกวานคุณพี่ตรวจตราอีกที...จำมากระท่อนกระแท่น

 

โดย: big-lor 4 มีนาคม 2551 9:07:31 น.  

 

สงสัยพี่จะเป็นโรคติดบล๊อกคุณก๋าซะและ
ก่อนออกจากบ้านขอเปิดคอมนิดนึงอ่าน
คำถาม คำตอบ หรือ อะไรก็ได้ในบล๊อก
คุณก๋า เฮ้อ.....ทำคนแก่ติดบล๊อกซะและ



 

โดย: amatavaja 4 มีนาคม 2551 9:30:31 น.  

 

พี่ไม่ค่อยเข้าวัดมากซักเท่าไร
แต่พี่คิดว่าจิตที่เป็นกุศล ก็ได้บุญไปบ้างแล้ว
การที่เราไม่อาฆาต มาดร้ายใคร ไม่อิจฉา ยินดีเมื่อเขาได้ดีมีสุข การอภัย การคิดแต่สิ่งดีดี ไม่ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต การให้ทาน พี่ก็ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง

คนเราไม่จำเป็นต้องทำบุญให้เกินตัว ทำแต่พอดี ทำเท่าที่มี ทำแล้ว คนรอบตัว คนในครอบครัว ไม่เดือดร้อน จุนเจือศาสนา ไม่ให้เสื่อมสลาย ก็น่าจะพอ (สำหรับความคิดของพี่นะ) ไม่นิยมไปทำบุญในที่ ที่คนทำบุญกันมากๆ

เดี๋ยวไปทำงานก่อน จะกลับมาอ่านคอมเม้น ของทุกๆ ท่านที่อยู่ในบล๊อกคุณก๋า พี่ว่าแต่ละคนมีความคิดที่ดีดีทั้งนั้น

แล้วอย่าลืม ตอบtag คุณอาคุงกล่องด้วยนะ พี่อยากเห็นคุณก๋า และคนข้างกายคุณก๋า

 

โดย: amatavaja 4 มีนาคม 2551 9:42:51 น.  

 

ธรรมกาย........

เหอ ๆ .......... เห็นด้วยกะเฮียฮะ

 

โดย: Skyman (Analayo ) 4 มีนาคม 2551 9:53:01 น.  

 

คุณก๋า

อ่านคำถามของคุณปุ๊กแล้วเลยต้องอ่านคำตอบด้วยใจระทึก...

ขอคารวะในคำตอบ
คมแต่ไม่บาดนะคะ

 

โดย: SevenDaffodils 4 มีนาคม 2551 9:57:59 น.  

 



^
^
^
3 ข้อนั้นชอบมากๆจ๊ะบิ๊กคนหล่อ

ตื่นมาเจิมไม่ไหวค่ะ เมื่อคืนโด๊ปยาแก้ไข้ทำเอามึนไปเลย
คำถามที่ถามออกจะตรงๆและเป็นส่วนตัวสำหรับคนใกล้ชิดในวงแคบเท่านั้น ยากที่ใครๆจะตอบได้ตรง
ความจริงก็พอรู้ล่ะค่ะ แต่ก้ออยากฟังทรรศนะของกรณ.ในเรื่องนี้
คำตอบที่ให้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ นุ่มนวล เป็นกลางและ "เป็นจริง" ที่สุด

สาเหตุที่ตั้งคำถามนี้ เพราะมีการรวมญาติกันต่างคนต่างก็มีประสบการณ์ต่างๆกันเลยเอามาเป็นประเด็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันน่ะค่ะ
โดยส่วนตัวเคยตามเพื่อนชายซึ่งมีคุณสมบัติอย่างที่กล่าวไว้ในคำถาม และด้วยความฉงนว่าทำไม?
จึงอยากจะเข้าไปลองดู หาข้อเท็จจริงให้เห็นกะตา เค๊าทำสมาธิกันนั่งกันเป็นวันๆเราเองไม่เคยเห็นลูกแก้วดวงไหนๆ
ก้อมัวแต่ยุกยิกลุกไปลุกมาเพราะเหน็บมันกิน แถมยังทำความรำคาญให้ญาตธรรมท่านอื่นๆ เลยขอออกไปสังเกตุการณ์ด้านนอก
ช่วยเหลืองานการอย่างอื่นที่เราถนัด .. นั่นก้อคือเป็นเหรัญญิกเก็บเงินบริจาค ..
คราวนั้นไปนอนที่วัดก็เห็นอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับการตั้งกรด หรืออุปกรณ์อื่นๆอีกหลายรายการ
ทุกอย่างเห็นแล้วทึ่ง อึ้ง กะการจัดการ เลยได้ข้อสรุปกลับมาว่า ที่นี่เหมาะมากๆสำหรับนักบริหารจัการองค์กรให้มีระเบียบวินัย
แต่แน่นอน .. มันต้องเริ่มมาจากความเชื่อความศรัทธาก่อนอย่างอื่น ที่เหลือจึงจะง่ายเข้า


บทสรุปสำหรับการเข้าไปศึกษาหลักของธรรมกายที่นี่ในระยะเวลาไม่เกิน 10 หน ต่างกรรมต่างวาระ ผลที่ได้ออกมาอย่างเห็นได้ชัดคือ หลักการจัดการค่ะ มิใช่แก่นอย่างอื่นที่เค๊าอยากให้เราเป็น

โดยส่วนตัวปุ๊กอีกเช่นกัน ไม่ใคร่ชอบการบังคับหรือการชักนำใดใด ถ้าตัวเองไม่ประสงค์ก้อจะต่อต้านในใจ
และการลิ้มลองก้อเพื่อศึกษาว่าเราชอบหรือไม่ ได้รู้ได้เห็นจริง รู้ผิด รู้ถูก รู้ตื่น รุ้ดับ ก้อด้วยตัวเองเท่านั้น มันจึงจะถ่องแท้เข้าไปรวมเป็นอันหนึ่งในใจโดยไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม
ปุ๊กเคยบอกหลายคนไปว่า เหมือนตัวเองเป็นคนไม่มีศาสนา มีแต่ความเชื่อในตัวเอง ดูเหมือนเถื่อนๆไงก้อไม่รู้นะคะ
แต่ในความเชื่อของปุ๊ก ก้อยังมีหลักธรรมของพุทธศาสนาและคำสอนของอีกหลากหลายความเชื่อฝังซึมอยู่ในความคิดของตัวเอง ฟังดูสับสนมั๊ยคะ


มีเรื่องเล่าอีกค่ะ เมื่อวันเสาร์นี้เองไปงานปาร์ตี้มินิเอ็มบีเอ ของเกษตรศาสตร์ จัดที่บ้านเขตดอนเมืองในพื้นที่ มากกว่า 12 ไร่
บ้านสไตล์บาหลี ลงนิตยสารเกี่ยวกะบ้านๆหลายฉบับ พร้อมทั้งเป็นที่ถ่ายโฆษณามาหลายยี่ห้อ
คุณแม่ทำปลาเต๋าเต้ย อาหารญี่ปุ่นคุณภาพดี และสารพัดอาหารจีนจากเหลา
เหมือนคุณก๋าว่าเอาไว้ การรับรู้ของเรากะของเค๊าต่างกัน อย่างเราอาหารอีสานรสแซบก้อแสนจะถูกปาก อร่อยจนต้องซี้ดปากและเบิ้ล 2-3 จาน
กินไปให้พออิ่มเหมือนกัน คุณค่าอาจต่างหรือไม่ต่างกันมากนัก เคี้ยวแล้วก้อกลืนหาย มันก้อเท่านั้นเอง

แต่บ้านเค๊าสวยมากค่ะ ยิ่งกว่ารีสอร์ท ชอบเรื่องการตกแต่งของพวกนี้อยุ่แล้วด้วย

จบแบบนี้สำหรับคำถามหนักๆตรงๆ
และขอบคุณสำหรับคำตอบที่ตอบแบบมิตรภาพและชายงามค่ะ

 

โดย: ดาวทะเล 4 มีนาคม 2551 10:05:39 น.  

 

ธรรมกาย

แปลว่า กายแห่งธรรมชาติ

แปลง่ายๆแบบนี้
ถ้าทำได้ตามคำแปล
ปัญหาไม่มีเกิดครับ

...
...
...

เหอ ๆ ๆ จริงครับ

ตอนเด็ก ๆ ผมไปวัดธรรมกายบ่อยมากครับ คุณพ่อชอบพาไป แทบจะไปทุกอาทิตย์เลย ผมเคยถามพ่อว่าทำไมเราต้องไปแต่วัดนี้ด้วย พ่อผมบอกว่าพ่อผมชอบที่วัดนี้สอนอะไรง่าย ๆ เข้าใจง่าย

แต่พอมาช่วงหลัง ๆ ที่เกิดกรณีขึ้นมา พ่อผมจึงเลิกไป ... ด้วยความเคารพต่อทุกท่านนะครับ ... พ่อผมบอกว่าพ่อผมแปลกใจในการปฏิบัติของวัดนี้ที่ดูแล้วไม่ค่อยตรงกับคำสอนที่พ่อผมเคยไปนั่งฟังนัก

จำได้ช่วงท้าย ๆ ก่อนที่จะเลิกไป ทางวัดจะสร้างศาลา และเชิญชวนให้บริจาคสร้างเสา รวมถึงตอนที่ทางวัดจะสร้างเจดีย์เช่นกัน ตอนนั้นการสร้างพระที่เจดีย์ 1 องค์ผู้บริจาคจะต้องบริจาค 1 หมื่นบาท!!!! .... หนึ่งหมื่นบาทเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วมันมหาศาลมากเลยครับ .... แต่ทำได้ว่าทางเจ้าหน้าที่เขาก็พูดเชิญชวนเก่งทีเดียว เขาบอกว่าถ้าทำแล้วตระกูลจะมั่นคง ได้ขึ้นสรรค์ จะได้บุญเรื่อย ๆ เพราะจะมีการจารึกชื่อเราในฐานพระ เวลามีคนมากราบพระ บุญก็จะส่งไปถึง

อันนี้เป็นเพียงมุมมองด้านเดียวของผมนะครับ ขออภัยสำหรับผู้ศรัทธาในวัดธรรมกายด้วยครับ

 

โดย: Skyman (Analayo ) 4 มีนาคม 2551 10:18:13 น.  

 

สวัสดียามสายคะพี่ สาวมาทักก่อนจะไปทำธุระ ยุ่งมากๆเลยคะช่วงนี้ ของเวลาตั้งตัวสักนิดนะคะ

 

โดย: sawkitty 4 มีนาคม 2551 10:24:09 น.  

 

บุญยกิริยาวัตถุ ๑๐ หรือพูดง่ายๆ คือวิธีการทำบุญ ๑๐ ประการ คือ

๑. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
๒. สีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
๔. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๕. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ
๖. ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง

มีเพียงข้อ ๑ คือ "ทาน" เท่านั้น ที่ต้องใช้เงิน ส่วนข้อ ๒ ถึง ๑๐ ไม่ต้องใช้เงินเลย
และมองลึกลงอีกนิดนึงในข้อ "ทาน"
"ทาน" ที่ไม่ต้องใช้เงิน ก็มีเยอะแยะหลายอย่าง เช่น ใช้กำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังความสามารถอื่นๆ

ดังนั้น การนำเอาเรื่อง "ทาน" โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็น "ทานจากการบริจาคทรัพย์"
มาเป็นจุดหลักในการทำบุญนั้น เป็นการ "หาเงิน" ที่ฉลาดมาก
อาศัยจุดที่ว่าสภาพสังคมแข่งขัน บีบรัด เร่งรีบ
การควักกระเป๋าจ่ายเงินเพื่อให้ได้อะไรต่อมิอะไรตามต้องการ เป็นสิ่งที่ทำได้สะดวกง่ายดาย
คนก็เลยถูกล่อด้วย "บุญ" เพื่อแลกกับ "เงิน"
ทั้งๆ ที่ "บุญ" นั้น สามารถได้มาจากวิธีอื่นๆ อีกมากมายนัก

ผู้ที่นับถือวัดนั้น อาจจะบอกว่า ...
"ไม่ได้บังคับขู่เข็ญให้ใครมาทำบุญ คนเขาศรัทธา เขาก็ทำบุญเอง"
มันจริงอยู่ว่าอาจจะไม่ได้บังคับ แต่ .... เอา "บุญ" มา "ล่อ" ไงล่ะ

ทั้งคนที่ทำทานบริจาคทรัพย์ด้วยการถูก "ล่อ" ด้วย "บุญ"
และคนที่เป็นนายหน้าเอา "บุญ" มา "ล่อ"
เขาก็คงได้บุญแหละ แต่จะมากจะน้อยไม่ทราบได้
แต่ขณะเดียวกัน นอกจากจะได้บุญแล้ว
เขายังได้ "กิเลส" ไปอีกเพียบเลย

 

โดย: สะเทื้อน 4 มีนาคม 2551 10:31:33 น.  

 

อืม....วันนี้คำถามน่าสนใจ ( อีกแระ )



ส่วนตัวไม่ยึดติดรูปแบบพิธีกรรม.....วัตถุมงคล.....ชื่อเสียงของวัด.....หรือจำนวนคนที่นับถือพระอาจารย์ท่านนั้น


พระอยู่ในใจค่ะ


สมัยเรียนมัธยมปลายอาจารย์วิชาพุทธศาสนาจะทำการรวบรวมลูกศิษย์จำนวนมากไปนอนวัด 3 วัน 2 คืน เข้าค่ายปฏิบัติธรรมนั่งวิปัสสนาที่วัดดังมากแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ( แต่เวลาสอน....จะให้อ่านหนังสือเอาเองโดยตัวแกไม่อยู่ในห้อง.....15 นาทีก่อนหมดชั่วโมง....จะเข้ามาสรุป)


ที่วัดนั้นก็บรรยากาศ....มาคุ...จริงๆ....ผู้ไปปฏิบัติธรรมทุกคนจะยิ้มให้กัน ( ยิ้มแบบ.....ยะเยือกๆ )......พูดกันช้าๆ....ค่อยๆเดิน


ขณะที่เด็กอย่างเราสังเกตุเห็นรถสามล้อเครื่อง( แบบรถส่งน้ำแข็ง....ที่คนขับอยู่ด้านหลัง) จำนวน 2-3 คัน มีเณรน้อยเป็นโชเฟอร์ และเณรบางส่วนนั่งบนรถคอยจับของไว้

จีวรสีส้มปลิวกระจาย......ผู้โดยสารหัวเราะเอิ๊กอ๊าก


ถึงแม้แก่ป่านนี้ยังจำการกำหนดจิตแบบให้เพ่งดวงแก้วที่ท้องได้ดีอยู่......แต่ไม่ศรัทธาแฮะ


ยิ่งการเกิดปาฏิหารย์ต่างๆนานาบนฟ้า....ขณะทำสมาธิหมู่นั่นอีกล่ะ


( พระพุทธเจ้าไม่สอนเรื่องปาฏิหารย์นี่นา )

.

.

.

.

โตขึ้นมากว่านั้น....เพื่อนผู้ชายที่ทำงานด้วยกันบอกว่าจะไปบวช......


มีคนมาทาบทามที่บ้าน.....เป็นการอุปสมบทหมู่ไม่เสียค่าใช้จ่าย (เพื่อนมารู้ทีหลังว่า....ใครที่หาได้ครบ 10 คน จะมีค่า commission ให้ )


เศร้านะ


แก่ไปกว่านั้น....พ่อบอกว่ามีวัดบางวัด support พรรคการเมือง ( อืม......กิจของสงฆ์มั๊ยล่ะนั่น )


สรุปก็คือ.....บุญกับบาปคนละส่วนกัน....บริจาคเงินมากไม่ได้แปลว่าได้บุญมากตามไปด้วย.....ทำดีอยู่ที่ใหนก็ทำได้


แต่งหน้า...ทาปาก....เขียนคิ้ว.....ก็ต้องใช้สมาธิทั้งนั้นล่ะ

.
.
.
.


ข้างนอกให้ปรุง....ข้างในให้ปลง


ดีที่สุดคับ

 

โดย: Nankipooh IP: 203.107.219.234 4 มีนาคม 2551 10:33:04 น.  

 

สวัสดีคะ..
แวะมาทักทายค่ะ...ความสงบคือจุดรวมทุกสิ่งทุกอย่างดังนั้นหากใจเราสงบทุกอย่างก็สงบ...
ความเชื่อก็เหมือนกัน...หากเชื่อแล้วมักจะยากที่จะไม่เชื่อ...ดังนั้นจงเชื่อในสิ่งที่คิดว่าควรเชื่อค่ะ

 

โดย: มุกสีทอง 4 มีนาคม 2551 10:45:37 น.  

 

อ่านจบแล้วซาบซึ้ง

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ คิด พูด ทำ ด้วยใจบริสุทธิ์

แค่นี้ก็สุขใจ ชื่นใจ ได้บุญไปแล้ว ๔ ข้อ

๔. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง


 

โดย: ชอบมาส่องกระจกที่นี่ ^______^ IP: 203.144.144.164 4 มีนาคม 2551 11:07:32 น.  

 

แวะมารับบุญด้วยคับ

 

โดย: The Kop Civil 4 มีนาคม 2551 11:26:24 น.  

 

มาแว๊ววววว
ทำงานอยู่ค่ะ คุยยาวไม่ได้
นี่ก็แว๊บบบบมา
เพราะเดี๋ยวจะต้องปิดเครื่องไปปฏิบัติภารกิจอย่างอื่นแร้วววว
รีบเล่าก่อน
กลัวคนอยากรู้จะลงแดง คริ คริ

เล่าต่อ

.
.
.
พ่อเลี้ยงเสียใจมาก กับสิ่งที่ได้ยิน
ในความเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากกว่า
และรู้ว่าลูกสาวยังอยู่ในความหลง
พ่อเลี้ยงก็บอกว่า...
จะตัดความเป็นพ่อลูกก็ตัดไป
งั้นก็ตัดความช่วยเหลือทางด้านการเงินด้วยแล้วกัน
.
.
.
ปัญหามันไม่ได้จบแค่วันสองวัน

.
.
.
เวลาผ่านไปเป็นปีปี
.
.
.
พี่สาวคนนั้นเสียเงินทำบุญไปเป็นจำนวนมาก
แต่ตัวเลขไม่ได้เยอะอย่างที่เธออยากได้
เพราะถูกตัดความช่วยเหลือทางด้านการเงินไปเยอะมาก
(มะอย่างนั้นคงหมดตัว)
.
.
.
ทุกวันนี้
แก้วตาดวงใจของพ่อเลี้ยงที่เฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก
เหมือนกับเป็นคนอื่น
เพราะมีความห่างเหินเข้ามาเชื่อมระหว่างกลาง
.
.
.
มองได้ว่าความสัมพันธ์ที่เคยงดงามของครอบครัวนี้
จบลงเพราะจิตศรัทธาที่พี่สาวคนนี้มีต่อวัดที่เป็นคำถาม
.
.
.
เรื่องจริงเรื่องนี้
ไม่ได้จบลงอย่างมีความสุข
.
.
.
ครอบครัวหนึ่งล่มสลายลง
เพราะความศรัทธาที่มีต่อ “วัด” หรือ “ศาสนา”เป็นเหตุ

เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดีดีเห็นกับตา
มะต้องมีใครมาเล่าให้ฟังล่ะน๊า


 

โดย: fufu (มัชชาร ) 4 มีนาคม 2551 11:34:06 น.  

 

สาธุ...
ตอบได้ดีแล้วน้อง






 

โดย: เพลงเสือโคร่ง 4 มีนาคม 2551 11:42:44 น.  

 




เพื่อนๆพี่ๆน้องๆครับ.....




ดีใจที่คำถามนี้ไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งหรือทะเลาะเบาะแว้งครับ


มีคำถามหนึ่งที่ผมพยายามถามตัวเอง
ก็คือ ทำไมถึงมีคนเชื่อในการบริจาคทรัพย์เพื่อทำบุญให้กับวัด (หลายวัด) อย่างมากมาย
ยกตัวอย่าง กรณีหลวงตาเปิดรับเงินเพื่อช่วยชาติ
เห็นตัวเลขแล้วขนลุกนะครับ

เงินบริจาคทุนของคริสต์เตียนที่หลั่งไหลเข้าสู่วาติกัน
ปีหนึ่งก็ไม่น้อย.....


อะไรทำให้คนเราทุ่มทุกอย่างเข้าสู่ศาสนาและความเชื่อ
ทำไมคนมีความรู้สูงระดับปริญญาโท ปริญญาเอก
ถึงแยกแยะไม่ได้ว่า "ความพอดี" อยู่ตรงไหน

ถามว่า "ความเชื่อ" ในการบริจาคของคนเรา
จะนำไปสู่ "ความมุ่งหวัง" ในเรื่องใด

มีหลายคนที่ผมรู้จัก
ชอบพูดว่า
บริจาคเยอะๆ ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์

สวรรค์อยู่ตรงไหน ?


...................................



การบริจาคทาน
คือ การลดความเห็นแก่ตัว

ไม่ใช่เพิ่มความอยากในใจด้วยการนำสวรรค์มาล่อ
และเอานรกมาขู่ในทำบุญ....


............................



ผมไม่ได้โทษวัดเลยครับ
ที่นำ "พุทธศาสนา" มาหากิน
ผมโทษอะไรก็ตามที่ทำให้เราไม่รู้เท่าทันสิ่งที่ศาสนากระทำกับเรา

ผมโทษอะไรก็ตาม....ที่ทำให้เราไม่ฉลาดพอที่จะแยกแยะว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
อะไรหลอก อะไรจริง


ต่อให้คนมาตะโกนปาวๆว่ายาพิษนี้อร่อยนะ มันดีจริงๆนะ
ถ้าผมรู้ว่านี่คือยาพิษ
ผมไม่มีวันแตะต้องมันแน่นอนครับ

ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ในสังคม
เราแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือ ยาบำรุง อะไรคือยาพิษ


..............................



อะไรที่จะทำให้เราแยกแยะว่าสิ่งใด คือ ยาพิษ สิ่งใดคือยาบำรุง

สิ่งนั้นคือ ปัญญา
ไม่ใช่ วิชา

วิชา คือ ความรู้
แต่ปัญญา คือ ความรู้แจ้ง

ความรู้แจ้งอันไมไ่ด้เกิดจากการเดินจงกรม
การนั่งสมาธิ การสวดมนตร์ทั้งวันทั้งคืน

แต่คือการย้อนมองส่องตน
ให้รู้เท่าทันความจริงสูงสุดของชีวิต

ว่าเราเกิดมาจากไหน
และจะตายไปสู่หนใด

และระหว่างที่มีชีวิตอยู่

อะไรคือที่สุดแห่งทุกข์
และเราจะอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์นี้ได้อย่างไร ?




 

โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2551 11:59:08 น.  

 

ถ้าผมบอกว่า “ผัดเผ็ดหมูป่า” เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก
คุณจะเชื่อผมมั้ยครับ ?.....

แน่นอนถ้าคุณทานเผ็ดเก่ง ผัดเผ็ดหมูป่าจานนี้อาจเป็นอาหารที่อร่อย

ไม่เชื่ออ่ะพี่ก๋า นาชอบทานเผ็ด แต่ไม่คิดว่ามันเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก เพราะนา ไม่ทานหมู ก็เลยไม่รู้รสของมันว่าอร่อยจริงป่าวววว

....นามีเรื่องเล่าให้ฟัง...
อิสลามมีกฎอย่างหนึ่งว่า ไม่ทำนุบำรุงศาสนาอื่น ไม่ว่าจะสร้างวัด สร้างโบถส์ อะไรที่เกี่ยวกับการเชิดชูศาสนาอื่นจะไม่ช่วยเหลือ
แต่สมัยก่อนเวลามีการสร้างมัสยิด ใครคือคนที่อิสลามไปขอบริจาคมานอกจากชาวบ้านธรรมดาๆ
ก็มาจากชาวจีนร่ำรวยในตลาด

ปัญหาจึงเกิด....

...เงินเขาเอาได้ แต่ ทำไมเงินเราให้เขาไม่ได้...

ในที่สุดหลังจากเกิดคำถามนี้หากมีการสร้างอะไรเกี่ยวกับศาสนาอีก กรรมการมัสยิดจะงดการขอความช่วยเหลือจากคนนอกศาสนา
แต่ถ้าเขาทำด้วยใจอยากทำบุญก็รับ แต่ไม่ขอ เพราะเราไม่อาจให้เขาได้

แค่เล่าสู่กันฟัง(อ่าน)เฉยๆ

 

โดย: มัยดีนาห์ 4 มีนาคม 2551 11:59:36 น.  

 

ขะใจ๋เอาเพลงม่วนๆมาลงเน่ออ้ายก๋าเน่อ ก่อนข้าเจ้าจะไปนอน อิิอิ

 

โดย: thaispicy 4 มีนาคม 2551 12:02:45 น.  

 

ชอบความคิดคุณจังค่ะ

 

โดย: บางส้มเปรี้ยว 4 มีนาคม 2551 12:03:48 น.  

 

สวัสดีครับพี่ Nankipooh



พระอยู่ในใจ

^
^

เห็นด้วยมากๆเลยครับ






.................................




วิหารอยู่กลางดวงใจของเรา
ปัญหาก็คือ เราไม่เคยรู้เลยว่ามันมีอยู่
เรามัวแต่ไปกราบไหว้พระที่อยู่นอกตัว
จนลืม "พระ" ที่อยู่ในกายเรา


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ดีดีด้วยครับพี่


 

โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2551 12:14:31 น.  

 

สวัสดีครับคุณ ชอบมาส่องกระจกที่นี่ ^______^



ไม่กล้าเดาเลยครับว่าคือใคร ?

อิอิอิ


แต่ก็ขอบคุณนะครับที่แวะมาทักทายกัน
พร้อมหัวข้อธรรมะดีดี



 

โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2551 12:16:16 น.  

 


หวัดดีอาหารกลางวันค่ะน้องชายคนงาม

มีคนบอกเราว่า
การทำบุญขอให้ทำด้วยศรัทธาก็ถือว่าได้บุญมากล้น
เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเลยค่ะหลักทฤษฎีธรรมนิ

ได้แต่จำมาพูด
การทำบุญขอเป็นเพียงเศษเบี้ยสตางค์
หากมีศรัทธาได้บุญมากกว่าทองคำหนึ่งชั่งค่ะ

เราก็มักทำบุญด้วยศรัทธาและกำลังที่คิดว่าไหวเสมอนะค่ะ
แต่ก็มีลืมตัวจังค่ะ..รู้สึกดีนะค่ะพอเห็นบุญจะทำ
ไม่หวังหน้าตาใหญ่โตเลย..หรือผลที่เป็นรูปธรรมค่ะ

ด้วยความสบายใจนะค่ะ

มีความสุขในวันสดใสสีชมพูนะค่ะครอบครัวที่น่ารักเสมอ
กิจการเซ่งลี้ฮ้อๆๆนะค่ะน้องชายคนงาม



 

โดย: catt.&.cattleya.. 4 มีนาคม 2551 12:17:53 น.  

 



สาธุบุญกับคำตอบของก๋า จากใจจริงของม๊าเลยนะค่ะ

วันนี้เข้ามาช้าไปนิดนึง แต่ก็ยังดีที่ได้เข้ามานะก๋า อิอิ

ม๊าจะนอนดึกมากๆเลยค่ะก๋า

ติดนิสัยนอนดึกมาตั้งแต่เรียนหนังสือแล้วล่ะค่ะ

แก้ไม่หายนะ...............

ก๋าเองก็อย่าชวนมาดามนอนดึกนักนะค่ะ เพราะว่ามาดาม

ของเรา ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนพวกเรา

คำตอบของก๋า ม๊าคิดว่าต้องเข้ามาอ่านซ้ำเลยทีเดียว

 

โดย: นางมารร้ายจีจี้ 4 มีนาคม 2551 12:34:11 น.  

 

อ่านก่าเจ้าอ้ายก๋า แต่มันเครียดอ่ะเจ้า 55

อ้ายก๋าตอบเรื่องผีบ้าผีบกก่อ หรือว่าเอาก้าเรื่องเป๋นแต๊เป๋นว่า

 

โดย: thaispicy 4 มีนาคม 2551 12:52:14 น.  

 

สอบเสดแล้วค่า
โฮ๊ะๆๆ
จะเขียนแล้วนะพี่ก๋า
เรื่องแรกคือ
"ดอกไม้ในดวงดาว"

คิดพล็อตไว้ จะเริ่มวันนี้แหละ
หึๆๆ

 

โดย: บัวลอย (newzapg ) 4 มีนาคม 2551 12:52:50 น.  

 

emoemo ง่วงอ่ะ

 

โดย: D*U*A*N (thisisduan ) 4 มีนาคม 2551 13:00:24 น.  

 



ทานข้าวเที่ยงยังเอ่ยน้องก๋า
แวะมาอ่านเฉยๆ เรื่องนี้ขอบายไม่มเม้นท์จ๊ะ

 

โดย: อุ้มสี 4 มีนาคม 2551 13:11:58 น.  

 

emoคิดถึงกันเสมอนะค้าบ...emo

 

โดย: pataramin 4 มีนาคม 2551 13:19:04 น.  

 

สาธุ
แปลว่า ดีแล้ว ชอบแล้ว
well said

 

โดย: เพลงเสือโคร่ง 4 มีนาคม 2551 13:29:30 น.  

 

emoemoemoemoเม้นไปก็จะซ้ำ แต่ก็เหมือนไม่เป็นตัวเอง แต่ก็ใช่ทุกประการเลยที่

คุณก๋า ตอบได้เยี่ยมค่า จริงที่นู๋ดีเม้น 55+ช๊อบ ชอบ



และก็ใช่จริงๆคะ คุณดาว ส่วนใหญ่ที่เคยรู้จักและสัมผัสมา



จะเป็นเช่นนั้นแหละ emo


ขอบคุณ คะ คุณก๋า สำหรับคำตอบที่น่าประทับใจมากๆ

ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่าง คะ แต่ก็แวะประจำก่อนทำงานขาดมิได้ ไม่ติดนะ แต่ไม่รู้เป็นไร555+

 

โดย: ซอมพอแสด IP: 125.24.96.90 4 มีนาคม 2551 13:33:50 น.  

 



ปุ๊กก้อดีใจเช่นกันค่ะ ที่คำถามนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้ง
ฟังคำตอบอีกครั้ง อ่านตั้งแต่ต้นจนเม้นท์สุดท้าย มีแต่สมานฉันท์กันนะคะ
มีการแชร์กันทั้ง 2 ด้าน ให้ความคิดและประสบการณ์ต่างๆกัน

เห็นด้วยเช่นกันว่า พระอยู่ในใจ ทำอะไรด้วยใจ มันคงซึมซับเร็วมากกว่าถูกเข็ญด้วยอย่างอื่น

คิดไม่ผิดจริงๆที่ตั้งคำถามนี้ให้คุณก๋า กรณ.
และขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ emo

 

โดย: ดาวทะเล 4 มีนาคม 2551 13:44:18 น.  

 



ซึ้งค่ะน้องก๋า
V
V
V

“บุญกุศล” ไม่จำเป็นต้องควักเงินจ่าย
การให้จากใจเป็นการลดทอนความเห็นแก่ตัวในใจของเรา
ไม่ใช่ยิ่งให้ ยิ่งหวังผลตอบแทน

 

โดย: Fullgold 4 มีนาคม 2551 14:24:54 น.  

 

สวัสดีครับพี่ซอมพอแสด


ขอบคุณครับ
อิอิอิ

ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

เพียงแต่ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาช่วยแบ่งปันความรู้สึกดีดีมากมาย
ผมเองก็เรียนรู้ไปพร้อมกับทุกๆคนเช่นเดียวกันครับ

 

โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2551 15:44:41 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า (หวังว่าชื่อคงถูกนะครับ)
ชอบมากครับกับแง่คิดที่นำมามอบให้ (ผมตามมมาจากblogท่านโยขอรับ)
ผมก็ชอบนะครับเรื่องธรรม คือพ่อผมท่านชอบทำบุญ วิปัสนา แนวธรรมยุติน่ะขอรับ ส่วนใหญ่ก็อยู่โน่น แถวอีสาน หนองคาย อุดร อุบล ไรทามนองนี้อ่ะขอรับ
ดีใจครับที่วัยรุ่นไทยยังสนใจเรื่องนี้อยุ่

 

โดย: ฉื่อง่วนเพ้ง (ฉื่อง่วนเพ้ง ) 4 มีนาคม 2551 15:44:41 น.  

 

สวัสดีครับพี่ฉื่อง่วนเพ้ง

ชื่อพี่เรียกยากกว่าชื่อผมอีกครับ 5555

ยินดีที่ไำด้รู้จักครับพี่



 

โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2551 16:27:24 น.  

 

สวัสดี ..ตอนเย็น

แว่บมาอ่านคร่าวๆ ตอนเช้า แต่ต้องไปส่งและรอรับหลานกลับจากการสอบวัดระดับประถม 6 ที่โรงเรียน .. ต้องกลับมาค่ะ .. มาอ่านอย่างละเอียดในทุกๆ ความคิดเห็น (หลายรอบด้วยสิ)

คำถามเยี่ยมเลย .. คำตอบก็ยอดมาก .. เป็นการตอบที่ผสานระหว่าง "ศาสตร์" และ "ศิลป์" ได้อย่างเข้าถึง "ธรรม" เป็นที่สุด

บุญกุศลจะทำให้การให้ของเราเป็นการฝึก “จิต” ของตัวเราเอง
ให้รู้แจ้งว่าทั้งเราและเขาต่างเกิดมาจาก “ธรรมชาติ” อันเป็นหนึ่งเดียว
เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ทำหน้าที่ตามแต่ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นหมา เป็นคน เป็นก้อนหิน ต้นไม้ ใบหญ้า ฯลฯ
มีอายุที่ต้องเสื่อม มีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเสื่อมสลาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

เพียงข้อความนี้ .. ขอเพียงทำความเข้าใจในทุกอักขระตัวอักษรอย่างแจ่มแจ้ง .. ก็เพียงพอที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นสุขไม่น้อยเลย

"ธรรมะคือคุณากร"

อืมมม ... เป็นอีกวันที่จะหมดไปอย่างทั้งมีความสุขและได้รับประโยชน์อย่างมากมาย ..

ขอบคุณทุกท่านทั้งเจ้าของบล๊อกและ "กัลยณมิตร" ทั้งหลาย

 

โดย: เหงาเหงา IP: 58.9.41.202 4 มีนาคม 2551 19:03:39 น.  

 

ขอบคุณพี่เหงา เหงาด้วยครับ
ที่เข้ามาสรุปอีกครั้ง

ธรรมะคือคุณากร

ผมเคยได้ยินเด็กเฮ้วบางคนบอกว่า

ธรรมะคือสัญญา

ผมถามต่อ สัญญาอะไร ?

มันบอกว่า "ฉันยา คุนากรคับ"

emoemoemo

 

โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2551 20:41:19 น.  

 



ดี.เข้ามาอ่านสรุปอีกครั้งค่ะ



 

โดย: d__d (มัชชาร ) 4 มีนาคม 2551 21:49:30 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ก๋า...เป็นประเด็นที่เปราะบางทีเดียว
การเมืองและศาสนาเป็นเรื่องควรเลี่ยงในการคุย
อันนี้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ เนือง ๆ ....
แต่จากการตอบของพี่ ทำให้ประนีประนอมอย่างไม่น่าเชื่อ
และเม้นต์ทั้งหลายก็ไม่ได้ทำให้เห็นว่าเกิดปัญหาแต่อย่างใด

เพราะฉะนั้น...ก็ต้องเป็นไปตามนั้นที่พี่ก๋าพูดเอาไว้
ความเชื่อก็ของใครของมัน จะบอกให้อีกคนเชื่อเหมือนตัวเองก็ไม่ถูก
แต่มีความเห็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเหมือนกันค่ะ
คิดไว้ตั้งแต่เห็นคำถามคุณปุ๊กครั้งแรกที่ฝากไว้ในเม้นต์พี่
ว่าลัทธิการบริจาคเพื่อชาติหน้าสบาย เพื่อการไปสวรรค์
ไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ใครจะมีอะไรแอบแฝงอะไรหรือไม่
แต่การทำอะไรสักอย่างเพื่อหวังผล มันก็คือกิเลส
กิเลสที่อยากให้ตัวเองร่ำรวย อยู่ดีกินดีในชาติหน้า
กิเลสเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนให้ละลดและทิ้ง
ใช่หรือไม่...

ปอยเองก็ไม่ได้ศึกษาอะไรกับลัทธินี้อย่างละเอียด
ในส่วนการฝึกสมาธิหรืออะไร ก็คงมีวิธีปฏิบัติและสอนที่ดี
เพราะฉะนั้น คนใบ้กินน้ำผึ้ง ก็ไม่สามารถอธิบายให้ใครได้
ใครเชื่ออะไรและมีความสุขกับอะไรก็เป็นเรื่องของคนนั้น
คนใบ้อีกคนอาจจะไม่ชอบรสหวาน ๆ ของน้ำผึ้งก็เป็นได้

จะเช้าแล้ว...มารอเจิมค่ะ

emoemoemo

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ 5 มีนาคม 2551 7:15:16 น.  

 

"แต่ถ้าคุณปุ๊กทานมังสวิรัติ..... "ผัดเผ็ดหมูป่า” จานนี้คงไร้ค่าในสายตาคุณ...."


โห...

คม!!!!



emo

 

โดย: treehouse 5 มีนาคม 2551 8:33:54 น.  

 

ใส่ emo ผิดอีกแว้วว..

 

โดย: treehouse 5 มีนาคม 2551 8:35:36 น.  

 

เป็นแง่คิดที่ดีคะ

 

โดย: rujira IP: 202.151.6.33 23 มีนาคม 2551 12:28:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]