คำถามจากคุณมารร้ายจีจี้ (1).....
ตะกี้พึ่งอ่านข่าวนักร้องคนโปรดแมว กับนิโคล ทำไมสมัยนี้ ผู้คนถึงหย่าร้างกันง่ายจังเลยนะค่ะ เป็นเพราะอะไรค่ะ คุณก๋าราณี รอบๆบ้านของม๊า หันมองไปทางไหน พบเห็นแต่ครอบครัวที่แตกแยกเยอะมากๆเลยค่ะ เพราะอะไรค่ะ
ลูกสาวเคยถามม๊า ว่าทำไมเพื่อนๆหลายคนถึงไม่มีพ่อหรือแม่ เหตุเพราะจากความขาดหลักธรรมในข้อไหนค่ะ
คุณก๋าคิดเหมือนม๊าไหม ว่าหลักธรรมขั้นพื้นฐานในการ ครองเรือนก็คือ อิทธิบาท 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีตรงนี้น้อยเกินไป นี้ล่ะค่ะเป็นเรื่อง
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นคำถามดีหรือเปล่า เพราะเกรงใจนะค่ะ ม๊าอาจจะเป็นยุคกลางๆไปแล้ว แต่ยุคใหม่ๆ ต้องคุณก๋า นะ….สมัยพ่อกับแม่จะมีให้พวกเราเห็นน้อยมากๆเลยค่ะ
ด้วยความรัก(ก๋าน้อย)นะค่ะ อิอิ
คำถามโดย : นางมารร้ายจีจี้ วันที่ : 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา : 15:23:17 น.
*****************************
สวัสดีครับคุณม๊า
ผมมองในเรื่องการหย่าร้างไว้แบบกว้างๆ คือ
1. การหย่าร้างเป็นเรื่องเลวร้ายในชีวิตหรือเปล่า ? 2. อะไรที่นำไปสู่การหย่าร้าง ?
ตอบข้อแรกก่อนนะครับ...
ทำไมคนเราต้องหย่ากัน ?....
ผมคิดว่าทุกคู่รักที่ตัดสินใจหย่า เป็นเพราะทั้งสองเบื่อที่จะ “อดทน” สิ่งที่ไม่ดีของกันและกัน
ในช่วงแรกที่รักกัน…. ไม่แปลกที่แม้แต่ข้อบกพร่องอันเลวร้าย เรายังเพิกเฉยได้ เพราะเชื่อมั่นในความรักที่มีต่อกัน สังเกตดูสิครับ ขนาดแฟนกินเหล้า เจ้าชู้ เล่นการพนัน หึงหวง ฯลฯ เรายังรักเขาได้....ยังยอมทน แต่พอได้อยู่ด้วยกันจริงๆเรากลับทนไม่ได้
เพราะอะไร.... อะไรที่ต้อง “ทนทำ” มันจะ “ทำได้ไม่ทน” ครับ
หลายคู่ที่ผมเห็นอยู่กันทั้งที่ไม่ได้รักกันแล้ว แต่ที่ทน ทนเพื่อลูก ทนเพื่อหน้าตาทางสังคม ทนเพราะไม่อยากให้ใครตราหน้าว่าเป็นหม้าย สุดท้าย...ต้อง “ทน” เจ็บปวดกับการรักษาหน้าตาตัวเอง แต่ไม่ได้เยียวยาหัวใจตัวเองเลย
ซึ่งผมมองในมุมกลับว่า....การที่คนเราหย่าร้างกันมันเป็นเรื่องผิดบาปเหรอ ถ้าต้องทนอยู่ในห้วงทุกข์ที่ไม่อาจเยียวยาแก้ไข จะทนฝืนไปทำไม สู้ให้โอกาสตัวเอง และเดินออกมาจากปัญหาไม่ดีกว่าหรือ เพียงแต่ต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้มากๆเข้าว่า ที่ความรักครั้งนี้มันไม่อาจประคับประคองไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง มันเป็นเพราะอะไร และอย่าจบคำถามแค่ “เพราะอะไร” พยายามถามตัวเองต่อด้วยว่า แล้วเราจะทำ “อย่างไร” ให้รักครั้งใหม่มันดีขึ้น เราได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดนี้บ้าง
..................................
อย่างหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นในคู่ที่หย่าร้างกันก็คือ ไม่มีใครที่สนใจจะ “ฟังอย่างตั้งใจ” เลย มีแต่คนที่อยากบอกความรู้สึกตัวเอง มีแต่คนที่คอยบอกว่า “ฉันอยากได้....” “ฉันต้องการให้....”
ไม่มีใครสักคนที่บอกว่า “ฉันอยากรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร” “ฉันอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไร”
การฟังอย่างลึกซึ้งเป็นสิ่งที่เราเพิกเฉยละเลย และเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย....
ผมคิดว่านี่เป็นธรรมะข้อแรกๆของการรักษาความรักให้สดชื่นและลึกซึ้งอยู่เสมอ
วันนี้คุณฟังเสียงหัวใจของคุณเองบ้างหรือเปล่า วันนี้คุณฟังเสียงของคนที่คุณรักบ้างหรือยัง ถ้ายัง...
เงียบ….
....แล้วนั่งฟังกันและกันบ้างสิครับ
กรณ.
(ก๋าราณี พูดเก่งแต่ชอบที่จะฟังเสียงของคนรักเอื้อนเอ่ย)
ปล. คุณม๊าครับ
ขอตอบเรื่องธรรมะในการครองเรือนต่ออีกบล็อกในวันพรุ่งนี้นะครับ เพราะว่าเนื้อหามันจะยาวเกินไป
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
75 comments |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2551 7:21:32 น. |
Counter : 956 Pageviews. |
|
|